ท่ามกลางแสงไฟมากมายและความวุ่นวายในกรุงเทพ มีเพียง ‘เขา’ ที่เป็นจุดโฟกัสเดียวของหัวใจ จนรับรู้ถึงลมหายใจของเขาแค่คนเดียว

แสงไฟกับลมหายใจของเธอ - ตอนที่ 3 คนละจังหวะ โดย getlost23 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,รัก,ไทย,ยุคปัจจุบัน,โรแมนติก,feel good,รักแรกพบ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

แสงไฟกับลมหายใจของเธอ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,รัก,ไทย,ยุคปัจจุบัน

แท็คที่เกี่ยวข้อง

โรแมนติก,feel good,รักแรกพบ

รายละเอียด

แสงไฟกับลมหายใจของเธอ โดย getlost23 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ท่ามกลางแสงไฟมากมายและความวุ่นวายในกรุงเทพ มีเพียง ‘เขา’ ที่เป็นจุดโฟกัสเดียวของหัวใจ จนรับรู้ถึงลมหายใจของเขาแค่คนเดียว

ผู้แต่ง

getlost23

เรื่องย่อ

กลางลานกว้างของศูนย์การค้าในย่านใจกลางกรุงเทพฯ

เวลาใกล้ค่ำที่ไฟเมืองสะท้อนผ่านกระจกสูงจนดูคล้ายแกลเลอรีกลางอากาศ
 

‘ที’ – เด็กหนุ่มผิวแทนในเสื้อฮู้ดเปื้อนสี สะพายกระบอกใส่ภาพบนหลัง

ยืนมองอีกฝ่ายด้วยแววตานิ่งลึก จริงใจ แต่ยังเก็บซ่อนไว้ด้วยความลังเลบางอย่าง

เขาเพิ่งเดินทางมาส่งภาพงานที่วาดตามโจทย์ของอาจารย์

และไม่คาดว่าจะได้เจอเจ้าของโปรเจกต์ตัวจริงแบบนี้

 

‘วี’ – ผู้ชายหน้าตาตี๋ๆ ในเชิ้ตแขนพับกับกางเกงผ้าสบายๆ

ยืนอยู่ในพื้นที่จัดงานท่ามกลางศูนย์การค้า เขาดูเหมือนคนที่คุ้นเคยกับผู้คน

แต่กลับมองทีอย่างสนใจ ราวกับเจออะไรบางอย่างที่น่าค้นหา

 

ระยะห่างระหว่างทั้งสองคนยังมีอยู่

แต่เย็นวันนั้น… เป็นจุดเริ่มต้นของบางสิ่งที่กำลังจะค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไป

สารบัญ

แสงไฟกับลมหายใจของเธอ-บทนำ เส้นทางของแสง,แสงไฟกับลมหายใจของเธอ-ตอนที่ 1 เขียนเธอไว้ในเงาแสง,แสงไฟกับลมหายใจของเธอ-ตอนที่ 2 ระยะใกล้...กว่าที่เคย,แสงไฟกับลมหายใจของเธอ-ตอนที่ 3 คนละจังหวะ

เนื้อหา

ตอนที่ 3 คนละจังหวะ

 

เสียงแจ้งเตือนในมือถือของทีดังขึ้นเวลา 18.40 น.

 

“ขอโทษนะ ที พี่ติดประชุมกับลูกค้า จะออกไปไม่ได้เลย ไว้นัดใหม่นะ”

 

ทีอ่านแล้วพยักหน้าช้า ๆ ก่อนพิมพ์กลับไปเพียงว่า

 

“โอเคครับ พี่สู้ ๆ นะ”

 

มือที่ถือสเก็ตช์บุ๊กวางลงข้างแก้วโกโก้เย็นที่สั่งไว้สองแก้ว ทั้งที่เขานั่งอยู่คนเดียวในร้านเดิม โต๊ะเดิม

 

 

หนึ่งสัปดาห์ต่อมา

 

“วันนี้ก็ไม่ได้แล้ว ที ขอเลื่อนอีกครั้งนะ…”

 

“ขอโทษที่หายไปเลย งานยุ่งมาก พี่ไม่ได้ลืม…”

 

“พี่อยากเจอนะ แต่…”

 

คำว่า “แต่” เริ่มกลายเป็นตัวแบ่งเส้นระหว่างพวกเขาทีละน้อย

และถึงทีจะพยักหน้าเข้าใจเสมอ แต่ลึก ๆ แล้ว ความเงียบก็เริ่มทำให้เขาตั้งคำถามกับตัวเอง

 

“ถ้าเราเป็นแค่แรงบันดาลใจ…พอหมดแรง ก็จะถูกวางไว้เฉย ๆ หรือเปล่านะ?”

 

 

วีเองก็เหนื่อย

ในโลกของงาน เขาไม่ได้มีเวลาคิดถึงหัวใจมากเท่าไหร่ ทุกนาทีถูกบีบด้วยอีเมล โทรศัพท์ และการเจรจาที่ไม่มีที่สิ้นสุด

 

แต่ในคืนที่เขาเลื่อนนัดทีเป็นครั้งที่สาม

เขากลับนั่งเงียบอยู่ในรถ ตรงหน้าร้านกาแฟที่ปิดไฟแล้ว

มือถือยังถือข้อความที่เขาไม่ได้กล้าส่ง —

 

“ขอโทษจริง ๆ ที…พี่คิดถึงนะ”

 

 

เย็นวันต่อมา

วีตัดสินใจไปรอที่หน้าตึกคณะศิลปกรรม มหาวิทยาลัยของที

 

ทีเดินออกมาพร้อมกระเป๋าผ้าใบใหญ่ในมือ ใบหน้าเขาดูอิดโรย สายตาเต็มไปด้วยคำถามเมื่อเห็นวียืนอยู่ตรงนั้น

 

“พี่มาทำอะไรครับ?” น้ำเสียงของทีไม่ได้แข็ง แต่ไม่อ่อนเหมือนเคย

 

“พี่อยากขอโทษ…พี่รู้ว่าพี่ปล่อยให้ทีรอมากไป”

 

ทีนิ่ง ไม่พูดอะไร

 

“พี่ไม่ได้ลืมทุกอย่างที่เราเริ่มกัน…แค่พี่จัดลำดับเวลาไม่ดี และบางทีพี่ก็กลัว…”

“กลัวว่าถ้าทีเข้าใจโลกของพี่มากเกินไป ทีจะไม่อยู่ต่อ”

 

ทีมองเขาเงียบ ๆ ก่อนพูดเบา ๆ

“แล้วพี่เคยถามผมไหม ว่าผมพร้อมจะอยู่ต่อหรือเปล่า?”

 

วีอึ้งกับคำถามนั้น

 

“ผมไม่ใช่คนว่างเสมอ” ทีพูดต่อ

“ผมก็มีโลกของผม งานโปรเจกต์จบกำลังจะส่ง อีกไม่กี่เดือนก็ต้องเตรียมงานแสดงเดี่ยว 

แต่ผมเลือกที่จะเหลือเวลาไว้ให้พี่…เพราะผมอยากเห็นพี่ในวันธรรมดาที่สุด”

 

“แต่ถ้าพี่ไม่เหลือเวลาไว้ให้ผมเลย…ผมคงอยู่ไม่ได้เหมือนกัน”

 

 

ในช่วงเวลานั้นเอง วีรู้ว่า เขากำลังจะเสียบางสิ่งที่สำคัญ

สิ่งที่ไม่ได้อยู่ในสัญญางาน หรือแผนโครงการใด ๆ

แต่มันคือแรงบันดาลใจที่ไม่ได้อยู่แค่ในภาพวาด — แต่มาในรอยยิ้มและสายตาของคนคนหนึ่ง

 

“ให้พี่เริ่มใหม่ได้ไหม…” วีพูดเสียงแผ่ว

“คราวนี้…พี่จะเริ่มจากการจัดเวลาให้คนที่พี่อยากเห็นหน้าเป็นอันดับแรก”

 

 

ทีไม่ตอบทันที แต่ยิ้มนิด ๆ แล้วพูดเบา ๆ

 

“ไว้ดูจากตารางนัดก่อนนะครับ ว่าผมจะมีเวลาให้พี่หรือเปล่า”

 

 

เสียงเครื่องชงกาแฟดังกระทบกับบรรยากาศอบอุ่นภายในคาเฟ่สีขาว-น้ำตาลอ่อนริมถนนซอยเล็ก ๆ ย่านอารีย์ 

วีกำลังไล่ดูสตอรี่บอร์ดของโปรเจกต์งานต่อไปที่เพิ่งนัดลูกค้าคุยเสร็จ เขาเพิ่งวางแก้วอเมริกาโน่เย็นลงบนโต๊ะ 

เมื่อเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านหลัง

 

“ที? เฮ้ เรานึกว่าใช่จริง ๆ!”

 

ชายหนุ่มผิวสองสีในเสื้อเชิ้ตโอเวอร์ไซซ์กับกางเกงผ้าทรงหลวม รีบก้าวเข้ามาทางโต๊ะของที 

พร้อมรอยยิ้มที่ดูสนิทสนมจนวีเผลอเลิกคิ้ว

 

ทีหันไป เห็นอีกฝ่ายก็ยิ้มบาง ๆ อย่างแปลกใจ “ปาล์ม?”

 

“บังเอิญมากเลย เจอกันในกรุงเทพฯอีก” ปาล์มหัวเราะ “จำได้มั้ย คราวนั้นเราเคยช่วยกันทำโปรเจกต์สีน้ำที่เชียงรายอะ”

 

ทีหัวเราะเบา ๆ “จำได้สิ ไม่คิดว่าจะมาเจอที่นี่”

 

วีมองคนทั้งสองยืนคุยกันด้วยแววตาเรียบเฉย แต่ในใจมีบางอย่างกวนเบา ๆ อย่างไม่ตั้งใจ

น้ำเสียงของปาล์มที่ดูสนิทเกินไป… หรือเพราะสายตาทีที่ดูผ่อนคลายกว่าเวลาคุยกับเขา?

 

“อ้อ สวัสดีครับ ผมชื่อปาล์มนะ เป็นเพื่อนเก่าของทีครับ” ปาล์มหันมายิ้มให้วี พลางยกมือไหว้อย่างสุภาพ

 

“พี่วีครับ ทำออแกไนซ์ให้กับงานของทีหลายงานเลย” วีตอบ พลางพยักหน้าเล็กน้อย

 

ปาล์มยิ้ม “อ๋อ… เพิ่งเคยเจอกันครั้งแรก แต่รู้สึกเหมือนเคยได้ยินชื่อพี่นะ ทีเคยพูดถึงอยู่

 

ทีชะงักเล็กน้อยเหมือนไม่ทันตั้งตัวกับประโยคนั้น ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “พี่ ปาล์มแค่แวะมาทัก เดี๋ยวเขามีนัดต่อ”

 

“ใช่ ๆ เรารีบไปละ ยินดีที่ได้เจอนะ เดี๋ยวค่อยนัดเจอกันอีก” ปาล์มตบบ่าทีเบาๆ แล้วเดินจากไปอย่างรวดเร็ว

 

บรรยากาศที่เคยนิ่งกลับดูเงียบไปพักหนึ่ง วีแสร้งมองแท็บเล็ตในมือต่อ แต่คำพูดในหัวกลับวกไปถึงคำว่า 

“ทีเคยพูดถึงอยู่” ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

“เมื่อกี้เพื่อนสนิทเหรอ” วีถามขึ้นเรียบๆ

 

“ครับ เพื่อนเก่าสมัยมอปลาย เรียนไม่เหมือนกัน แต่เคยทำกิจกรรมด้วยกันบ่อย” 

ทีตอบเสียงสบาย ๆ 

“ไม่ได้เจอกันนานแล้วด้วย แปลกใจเหมือนกันที่เขาจำผมได้”

 

“อืม…” วีพยักหน้า แต่ไม่ได้พูดอะไรต่อทันที

 

เขาไม่ใช่คนหึงง่าย ไม่ได้คิดเกินเลยด้วยซ้ำ

แต่แค่ไม่แน่ใจว่าความรู้สึกในตอนนี้…

คือความไม่ชัดเจนของเขาเอง หรือความคลุมเครือจากสายตาของทีกันแน่

 

— และทั้งหมดนี้คือจุดเริ่มต้นของบางอย่าง

บางอย่างที่ชื่อว่า “ระยะห่าง”

ระยะห่างระหว่างอดีต กับ ปัจจุบัน