‘ซานซาน’ (San San) จาก สาวน้อยจอมแก่น (The Mischievous Girl) สู่ชายาของอ๋องสิบเอ็ดรูปงามอย่าง ‘ลี่หยางอ๋อง’ (Li Yang Wang)

苏杉杉 ชะตาลิขิต มาเป็นชายาอ๋อง 11 - ตอนที่ 3 คุณชายนิรนาม โดย เจ้าแพนด้าขอบตาดำ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,ย้อนยุค,จีน,คลั่งรักขั้นสุด,วัยว้าวุ่น,จีนโบราณ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

苏杉杉 ชะตาลิขิต มาเป็นชายาอ๋อง 11

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,ย้อนยุค,จีน

แท็คที่เกี่ยวข้อง

คลั่งรักขั้นสุด,วัยว้าวุ่น,จีนโบราณ

รายละเอียด

苏杉杉 ชะตาลิขิต มาเป็นชายาอ๋อง 11 โดย เจ้าแพนด้าขอบตาดำ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

‘ซานซาน’ (San San) จาก สาวน้อยจอมแก่น (The Mischievous Girl) สู่ชายาของอ๋องสิบเอ็ดรูปงามอย่าง ‘ลี่หยางอ๋อง’ (Li Yang Wang)

ผู้แต่ง

เจ้าแพนด้าขอบตาดำ

เรื่องย่อ



เรื่องราวของ ‘ซูซานซาน’ ที่ถูกทิ้งไว้หน้าหอบุปผาในวันที่ฝนตกและเติบโตภายใต้การดูแลของน้าหงส์นั้น น่าสนใจและเต็มไปด้วยความรักที่เกิดขึ้นในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยการเอาใจใส่และการปกป้อง ซานซานได้รับการเลี้ยงดูให้เติบโตเป็นคนร่าเริงและเป็นที่รักของผู้คนในหอบุปผา ซึ่งเป็นพื้นฐานที่สำคัญที่ทำให้เธอเป็นคนที่สามารถสร้างความประทับใจให้กับทุกคนที่ได้พบเจอ


แต่เมื่อซานซานต้องมาพัวพันกับ ‘ลี่หยางอ๋อง’ หรืออ๋องสิบเอ็ด ซึ่งมีฉายาว่าราชาปีศาจ ความขัดแย้งระหว่างบุคลิกของเขาและความอ่อนหวานของซานซานก็เริ่มต้นขึ้น ท่านอ๋องที่เย็นชาและดุดันในสนามรบ ไม่เคยมองหญิงใดๆ กลับถูกดึงดูดด้วยซานซาน การที่เขามองเธอเป็นคนเดียวในสายตาของเขา 


ซานซานที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนและร่าเริงสามารถทำให้ ‘ลี่หยางอ๋อง’ หรือราชาปีศาจที่เคยเป็นคนเย็นชาและห่างเหินจากความรัก กลับเปิดใจและมีความรู้สึกที่ลึกซึ้งกับเธอ ความสัมพันธ์ของพวกเขาคงเป็นการผสมผสานของความท้าทายและการเรียนรู้จากกันและกัน เป็นเรื่องราวความรักที่ไม่น่าเบื่อและน่าติดตามอย่างยิ่ง




*******สำหรับฉาก NC นักเขียนขอติดเหรียญเป็นค่าขนมเล็กๆน้อยๆน้าา🙏🥰❤️


# เป็นกำลังใจให้พี่🐺กับน้อง🐭ด้วยนะค๊า ❤️❤️❤️





สารบัญ

苏杉杉 ชะตาลิขิต มาเป็นชายาอ๋อง 11-ตอนที่ 1 เด็กผู้น่าสงสาร,苏杉杉 ชะตาลิขิต มาเป็นชายาอ๋อง 11-ตอนที่ 2 สายตาคู่นั้น,苏杉杉 ชะตาลิขิต มาเป็นชายาอ๋อง 11-ตอนที่ 3 คุณชายนิรนาม,苏杉杉 ชะตาลิขิต มาเป็นชายาอ๋อง 11-ตอนที่ 4 หญิงในดวงใจ

เนื้อหา

ตอนที่ 3 คุณชายนิรนาม





เสียงบรรเลงพิณสิ้นสุดลงทันทีที่คนบรรเลงดีดโน๊ตสุดท้าย ทำให้เสียงตบมือดังลั่นทั่วหอบุปผา ซึ่งคนบรรเลงอย่างซานซานหลังเสร็จภารกิจก็ไม่รอช้าที่จะรีบลงจากเวทีนี่ให้เร็วที่สุด 






แต่ทว่า......มีมือปริศนาชักดึงเธอไว้ซะก่อน 






 " มานั่งกับข้าก่อนสิ ข้ามีรางวัลให้ "  พอซานซานหันไปมองพบว่าคนที่ดึงเธอไว้คือชายวัยกลางคนรูปร่างท้วมดูจากการแต่งกายน่าจะเป็นลูกขุนนางหรือลูกพ่อค้าที่มีฐานะ  "ขออภัยด้วยเจ้าค่ะ ข้าไม่สะดวกไปนั่งกับท่านโปรดปล่อยมือข้าเถอะ" ซานซานตรอกกลับชายที่จับแขนเธอที่ไม่มีท่าทีจะยอมปล่อยง่าย ๆ 


"มาเถอะหน่า เดี๋ยวข้าจะให้รางวัลชุดใหญ่แก่เจ้า มานั่งกับข้า " แต่ไม่ทันที่จะได้พูดอะไรออกไปชายตรงหน้าก็ถูกพลักออกจนเซเกือบล้มด้วยฝีมือเขาคนนั้นที่พึ่งเจอที่หลังหอบุปผาเมื่อไม่นานมานี้ 


"นางบอกไม่อยากไปนั่งกับเจ้าไยต้องบังคับนางให้ไปนั่งกับเจ้าด้วย" ซานซานได้แต่ยืนมองเขาที่กำลังพูดตรอกกลับด้วยสีหน้าที่เย็นชาสิ้นดี แต่ที่พีชสุดคือ เขากำลังกุมมือเธออยู่ขนาดนี้ "นี่ท่านเป็นโรคจิตหรืออย่างไรเดี๋ยวก็แอบดูข้าเดี๋ยวก็ดึงมือข้าไปจับ " ซานซานพูดออกมาอย่างเบาๆ 


"ถ้าเจ้าไม่หยุดพูด เจ้าได้ไปนั่งกับมันแน่" เขาตรอกกับซานซานกลับมา จนซานซานที่ได้ยินได้แต่กัดปากและหยุดพูดและยืนหลบด้านหลังของเขาอย่างนิ่งๆเงียบๆ


"แกเป็นใครมายุ่งอะไรเรื่องของข้า" ชายผู้นั้นชี้มายังเขาอย่างโมโห "ข้าเป็นใครไม่สำคัญนางไม่ไปกับท่าน ท่านก็ยังบังคับขืนใจนางอีก "


"นางเป็นหญิงหอบุปผา เป็นนางโลมของหอนี้ ข้าจะให้นางปรบัติข้ามันผิดตรงไหน และมันไม่เกี่ยวกับแกออกไป!! "  ชายผู้ตรงหน้าเริ่มมีน้ำโหพูดตะคอกเสียงดังจนแขกและร่วมถึงนางโลมต่างๆภายในหอต่างพากันมาสนใจที่ต้นเสียงที่ดูท่ากำลังทะเลาะอย่างดุเดือดและท่าทีจะเดือดขึ้นเรื่อยๆ


"เมื่อผู้หญิงเขาไม่ยอมไปด้วยข้าคงจะนั่งดูเฉยๆไม่หรอก" เขาฟาดกลับไปอีกประโยคทำให้อีกฝ่ายยิ่งฟังก็ยิ่งโมโห  " สุภาพบุรุษเสียจริง หน้าเช่นเจ้าก็คงเป็นแค่บัณฑิตหน้าอ่อน รู้ไหมข้าลูกใคร!!!" 


"รู้สิ มู่หมินเต๋อ ลูกชายคนเล็กของใต้เท้ามู่ลี่กว่านเจ้ากรมการคลัง ลูกชายที่สร้างแต่เรื่อง ทำอะไรไม่ได้เรื่องสักอย่างยังไงละ" ชายนิรนามอีกคนก็ปรากฏขึ้นอีกรายแต่ดูท่าทีหน้าเป็นสหายของคนที่กำลังกุมมือไม่ยอมคลายมือ 


"นี่เจ้า!!!!! "


"เอามือเจ้าลงซะ! ตระกูลมู่ของเจ้าไม่สั่งสอนเลยรึว่าชี้หน้าผู้อื่นนั้นมันเสียมารยาท" ฟาดกลับไม่หยั่งจนอีกฝ่ายโกรธเลือดขึ้นหน้าเป็นที่เรียบร้อย  " ข้าจะให้ท่านพ่อส่งคนมาจัดการเจ้าไม่ให้มีหน้ามาอยู่เมืองนี้ได้อีก!!!!" 


"เชิญ!แล้วบอกท่านพ่อเจ้าด้วยว่า ข้าชื่อลู่เยียน ท่านโหวแม่ทัพของตงลั่ว จะได้มาจับไม่ผิดตัว" พอพูดจบประโยคแค่นั้นแหละอีกฝ่ายถึงกลับหน้าเจือนเป็นไก่ต้มไปเสียงั้นๆ แล้วก็รีบเดินออกจากหอบุปผาไปอย่างรวดเร็วโดยไม่คำพูดโต้ตอบอะไรกลับมา


แต่...มีเสียงที่น่ากลัวกว่านั้นดังขึ้นหลังจากเรื่องจบลงได้ไม่นาน เสียงนั้นไม่ใช่ใครที่ไหนเจ้าของหอบุปผา เสียงของน้าหงส์นี่เอง ซานซานเห็นท่าทีไม่ดีรีบสะบัดมือของคนร่างสูงที่กุมมือตนเมื่อกี้ออกแล้วก็รีบวิ่งออกจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด "ตาย ๆ แล้ว ลำบากคุณชายทั้งสองต้องมาออกหน้ามาลำบากแทนหลานสาวของข้า ลำบากใจเสียจริงๆ" 


"คนที่ดีดพิณเมื่อกี้นั้นเป็นหลานสาวของท่านรึ"


"ใช่เจ้าค่ะ ซูซานซาน เป็นหลานสาวของข้าน้อยเอง เดิมทีนางไม่ได้มีหน้าที่นี้หรอกเจ้าค่ะ แต่คนที่จะดีดนั้นเกิดไม่สบายกะทันหัน ข้าเลยให้นางมาดีดเพียงชั่วคราว แต่ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องขึ้นทำให้คุณชายทั้งสองต้องมาลำบากไปด้วย"  


ซูซานซาน..... ลี่หยางอ๋องที่ได้ยินชื่อของเด็กสาวเมื่อกี้ก็ถึงกลับอมยิ้มขึ้นมา เพราะโก๊ะของนาง  "ปกป้องหญิงสาวคือหน้าที่ของบุรุษอย่างข้า" ลู่เยียนตอบกลับอย่างเรียบๆ


"งั้นเป็นการตอบแทนพวกท่านข้าจะให้พวกนาง มาปรบัติพวกท่านดีรึไม่ กับ อาหารเลิศของที่นี่ " 


"ไม่ดีกว่าขอบใจ ข้ามีธุระที่ต้องไปทำ" ลี่หยางอ๋องตรอกกลับไปอย่างนิ่งๆ  "งั้นข้าไม่กวนท่านแล้วเชิญตามสบาย " ลี่หยางอ๋องได้แต่พยักหน้าตอบรับกลับไป


"ถ้าเจ้าจะอยู่ต่อก็เชิญตามสบาย ข้าต้องรีบเข้าวังไปเข้าเฝ้าองค์ฮ่องเต้" 


"เมื่อท่านไม่อยู่ข้าจะอยู่ต้องก็ใช่เรื่อง  ท่านที่รีบเข้าวังเพราะเรื่องที่องค์ไทเฮาจะหาพระชายาให้ท่านใช่ไหมล่ะ" 






ทำไมลู่เยี่ยนถึงพูดจาสนิทสนมกับเขาได้ทั้งที่เขามีฐานะเป็นถึงท่านอ๋องสิบเอ็ดแห่งตงลั่ว ก็เพราะเขาเป็นหลานชายขององค์ไทเฮาองค์ปัจจุบันพระมารดาขององค์ชายสิบเอ็ด องค์หญิงสิบสี่ และองค์ฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน เขากับลู่เยี่ยนที่ถูกเลี้ยงดูด้วยกันต้องแต่เด็กจวบได้ปราบปรามเหล่าข้าศึกด้วยกันในสนามรบ นับว่าเป็นสหายที่สนิทที่สุดก็ว่าได้






 "ไม่ใช่องค์ไทเฮา แต่เป็นองค์ฮ่องเต้ที่เรียกข้าให้เข้าเฝ้า"


"ลี่หยางข้าว่าองค์ไทเฮากล่อมเจ้าไม่สำเร็จ ต้องให้ฝ่าบาทบังคับให้เจ้าแต่งพระชายาบรรดาลูกสาวของเสนาบดีไหนสักคนเป็นแน่"


"ข้าก็จะยันคำเดิมว่าข้าไม่ต้องการ เพราะมันเสียเวลาเปล่า เสียอย่างไรข้าก็ไม่มีเวลาให้พวกนาง"


"สมกับฉายาอ๋องปีศาจ นิ่งลึกคำไหนคำนั้น "


"ข้าไปดีกว่าฟังเจ้าพูดไร้สาระมามากพอแล้ว" จบสนทนาก็เดินออกจากหอบุปผาโดยทันที


ลี่หยางอ๋องเดินออกจากหอบุปผาด้วยท่าทางสง่างาม แต่ในใจกลับไม่สงบเหมือนท่าทีภายนอก


"ซูซานซาน..." เขาพึมพำชื่อของนางในใจอีกครั้ง ชื่อนี้เหมือนจะวนเวียนอยู่ในความคิดของเขาตลอดเวลาตั้งแต่ได้ยิน










---














ทางด้านซานซาน




หลังจากการแสดงจบลง ซานซานก็รีบกลับมายังห้องพักของตนด้วยความรู้สึกที่ทั้งโล่งใจและว้าวุ่น


"โชคดีที่ไม่มีอะไรผิดพลาด..." นางพูดกับตัวเองเบาๆ พลางปลดผ้าคลุมหน้าออก


แต่ไม่ทันที่นางจะได้นั่งพัก เสียงฝีเท้าหนักแน่นก็ดังขึ้นด้านหน้าประตู ไม่นานนัก น้าหงส์ก็เปิดประตูเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม


"ซานซาน เจ้าไปทำอะไรมา!" น้าหงส์ถามเสียงเข้ม


ซานซานสะดุ้งเล็กน้อยก่อนตอบอย่างอึกอัก "ข้า... ข้าแค่ช่วยพี่หลิงดีดพิณแทนพี่อวี้เท่านั้นเอง..."


น้าหงส์ถอนหายใจยาวด้วยความเหนื่อยใจ "ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ได้ตั้งใจหาเรื่อง แต่ครั้งนี้เจ้าได้ไปอยู่ต่อหน้าแขกสำคัญ เจ้ารู้ไหมว่าคนที่เจ้าไปเล่นพิณให้ดูนั้นคือใคร?"


ซานซานส่ายหน้าด้วยความสงสัย "ใครกันหรือ น้าหงส์?"


"หนึ่งในนั้นคือ 'ลี่หยางอ๋อง' อ๋องสิบเอ็ดแห่งตงลั่ว ผู้ซึ่งแม้แต่ขุนนางระดับสูงยังเกรงกลัวในอำนาจและบารมีของเขา เจ้าเผลอไปสบตาเขาอย่างนั้นหรือ?"


เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซานซานก็นึกถึงสายตาที่จ้องมองนางระหว่างการแสดง นางหน้าร้อนวูบวาบขึ้นมาอีกครั้ง


"ข้า... ข้าไม่ได้ตั้งใจ..." นางตอบเบาๆ


"เจ้าควรระวังตัวให้มากกว่านี้ ต่อไปอย่าทำอะไรโดยไม่คิดอีก เข้าใจหรือไม่?" น้าหงส์พูดเสียงเข้ม ก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องไป














ลี่หยางอ๋องที่กลับถึงจวนของตน ยังคงครุ่นคิดถึงเรื่องในหอบุปผา เขานั่งลงที่โต๊ะ หยิบพู่กันขึ้นมาวาดลายเส้นบนกระดาษ แต่ทุกครั้งที่พู่กันเคลื่อนไหว ภาพของหญิงสาวในชุดผ้าคลุมหน้าก็ผุดขึ้นมาในความคิด




"ทำไมนางถึงติดอยู่ในใจข้าเช่นนี้?"




เขาวางพู่กันลง ถอนหายใจเบาๆ สายตาจ้องมองกระดาษที่บัดนี้เต็มไปด้วยลวดลายดอกท้อ




"ซูซานซาน..."






แม้จะพยายามปฏิเสธ แต่ดูเหมือนชื่อของนางจะไม่อาจลบเลือนออกจากใจของเขาได้ง่ายๆ…






ลี่หยางอ๋องนั่งนิ่งอยู่ในห้องที่เต็มไปด้วยแสงไฟจากตะเกียง ท่ามกลางความเงียบสงบของจวน การเคลื่อนไหวของพู่กันในมือเขานั้นไร้จุดหมายและเหมือนจะไร้ความหมาย แม้จะพยายามวาดลายเส้นบนกระดาษ แต่ทุกครั้งที่พู่กันสัมผัสกับหมึกกลับทำให้ภาพหญิงสาวในชุดผ้าคลุมหน้าแวบเข้ามาในความคิด


"ทำไมนางถึงติดอยู่ในใจข้าเช่นนี้?" เสียงของเขากระซิบออกมาด้วยความสงสัยและเหนื่อยล้า ราวกับกำลังค้นหาคำตอบที่ไม่อาจหาได้ง่ายๆ




เขาวางพู่กันลงช้าๆ สายตาจ้องมองไปที่กระดาษที่เต็มไปด้วยลวดลายดอกท้อที่วาดไปในทิศทางที่ไม่เคยตั้งใจ แต่มันกลับทำให้เขานึกถึงบางสิ่งบางอย่าง—สิ่งที่เหมือนจะลอยอยู่เหนือความคิดของเขา แต่ไม่สามารถคว้ามันมาได้




"ซูซานซาน..." ชื่อของนางดังขึ้นในใจ เขาเรียกมันออกมาเบาๆ ราวกับตั้งใจให้มันเป็นคำถามที่ยังคงหาคำตอบไม่ได้




แม้จะพยายามปฏิเสธ ความคิดเกี่ยวกับหญิงสาวที่เขาพบในหอบุปผากลับวนเวียนอยู่ในใจของเขาอย่างไม่รู้จักจบสิ้น เธอไม่ใช่เพียงแค่หญิงสาวที่มีหน้าตาสะสวยหรือท่าทางเรียบง่าย แต่มีบางอย่างในตัวนางที่ทำให้เขารู้สึกเหมือนว่าความรู้สึกของเขากำลังถูกดึงเข้าไปสู่เงามืดที่เขายังไม่เข้าใจ




"ทำไมข้าถึงรู้สึกเช่นนี้กับนาง..." เขาพึมพำขณะขบคิด ถึงแม้จะไม่ได้มีการพูดคุยมากมายในครั้งนั้น แต่ทุกครั้งที่คิดถึงนาง มันเหมือนจะมีความรู้สึกบางอย่างที่ไม่อาจบรรยายออกมาได้


"หรือว่านี่คือสิ่งที่ข้ากำลังตามหา..." ลี่หยางอ๋องทบทวนในใจ พยายามหาคำตอบที่ซ่อนอยู่ในความรู้สึกของเขา แต่มันกลับทำให้เขารู้สึกสับสนมากขึ้น




ในที่สุดเขาก็ยืนขึ้นและเดินไปที่หน้าต่าง มองไปยังท้องฟ้าที่มืดมิด ไร้แสงดาว คืนนี้เงียบสงัด และความคิดของเขาก็ยังคงหมุนวนอยู่รอบตัวซูซานซาน




"วันหนึ่ง ข้าคงต้องพบกับนางอีกครั้ง..." ลี่หยางอ๋องบอกกับตัวเองในเสียงที่เบา แต่เต็มไปด้วยความมั่นใจในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น




ในค่ำคืนที่เงียบสงัด ลี่หยางอ๋องยังคงยืนนิ่งอยู่หน้าต่าง ท่ามกลางอากาศเย็นที่พัดผ่านเข้ามา ความคิดที่หมุนวนเกี่ยวกับซูซานซานยังไม่เคยจางหายไป เขารู้สึกว่ามีบางสิ่งในตัวนางที่ดึงดูดใจเขาไปอย่างไม่สามารถควบคุมได้




"ข้าจะไม่ยอมให้มันแค่ความรู้สึกชั่วขณะ" เขาพูดกับตัวเองเสียงเบา แต่มันกลับมีน้ำหนักหนักแน่น "ถ้านางมีความหมายบางอย่างกับข้า ข้าจะต้องรู้ให้ได้"




เขาหันกลับไปมองโต๊ะทำงานที่ยังคงมีลวดลายดอกท้อเต็มไปหมด กระดาษที่เต็มไปด้วยรอยมือของเขายิ่งทำให้หัวใจรู้สึกถึงความสับสนและการค้นหาคำตอบที่ไม่อาจหาได้ง่ายๆ




"วันหนึ่ง ข้าจะต้องทำให้รู้ว่า ซูซานซานคือใคร" เขาพูดออกมาด้วยเสียงที่แน่วแน่ ก่อนจะเดินกลับไปที่โต๊ะและหยิบพู่กันขึ้นมาอีกครั้ง




มือของเขาเริ่มเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ ขีดเขียนลายเส้นบนกระดาษ สร้างเป็นลวดลายที่ดูเหมือนจะไม่มีจุดหมายเหมือนเดิม แต่ในใจกลับเริ่มมีความตั้งใจอย่างชัดเจน


ซูซานซาน… แม้จะไม่รู้ว่าความรู้สึกที่มีต่อนางคืออะไร แต่เขารู้ดีว่าเขาต้องการหาคำตอบ ความลึกลับในตัวนางและสิ่งที่เขารู้สึกต่อมันไม่สามารถปล่อยผ่านไปได้ง่ายๆในความเงียบสงัดของจวน ลี่หยางอ๋องทิ้งความคิดทั้งหมดย้อนกลับไปในอดีต และตัดสินใจว่า วันหนึ่ง เขาจะได้พบกับซูซานซานอีกครั้ง... และครั้งนั้น เขาจะไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไปจากมือ






เขามั่นใจว่าเรื่องราวของเขากับนางยังไม่จบแค่นี้...