‘ซานซาน’ (San San) จาก สาวน้อยจอมแก่น (The Mischievous Girl) สู่ชายาของอ๋องสิบเอ็ดรูปงามอย่าง ‘ลี่หยางอ๋อง’ (Li Yang Wang)
รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,ย้อนยุค,จีน,คลั่งรักขั้นสุด,วัยว้าวุ่น,จีนโบราณ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
苏杉杉 ชะตาลิขิต มาเป็นชายาอ๋อง 11‘ซานซาน’ (San San) จาก สาวน้อยจอมแก่น (The Mischievous Girl) สู่ชายาของอ๋องสิบเอ็ดรูปงามอย่าง ‘ลี่หยางอ๋อง’ (Li Yang Wang)
เรื่องราวของ ‘ซูซานซาน’ ที่ถูกทิ้งไว้หน้าหอบุปผาในวันที่ฝนตกและเติบโตภายใต้การดูแลของน้าหงส์นั้น น่าสนใจและเต็มไปด้วยความรักที่เกิดขึ้นในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยการเอาใจใส่และการปกป้อง ซานซานได้รับการเลี้ยงดูให้เติบโตเป็นคนร่าเริงและเป็นที่รักของผู้คนในหอบุปผา ซึ่งเป็นพื้นฐานที่สำคัญที่ทำให้เธอเป็นคนที่สามารถสร้างความประทับใจให้กับทุกคนที่ได้พบเจอ
แต่เมื่อซานซานต้องมาพัวพันกับ ‘ลี่หยางอ๋อง’ หรืออ๋องสิบเอ็ด ซึ่งมีฉายาว่าราชาปีศาจ ความขัดแย้งระหว่างบุคลิกของเขาและความอ่อนหวานของซานซานก็เริ่มต้นขึ้น ท่านอ๋องที่เย็นชาและดุดันในสนามรบ ไม่เคยมองหญิงใดๆ กลับถูกดึงดูดด้วยซานซาน การที่เขามองเธอเป็นคนเดียวในสายตาของเขา
ซานซานที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนและร่าเริงสามารถทำให้ ‘ลี่หยางอ๋อง’ หรือราชาปีศาจที่เคยเป็นคนเย็นชาและห่างเหินจากความรัก กลับเปิดใจและมีความรู้สึกที่ลึกซึ้งกับเธอ ความสัมพันธ์ของพวกเขาคงเป็นการผสมผสานของความท้าทายและการเรียนรู้จากกันและกัน เป็นเรื่องราวความรักที่ไม่น่าเบื่อและน่าติดตามอย่างยิ่ง
*******สำหรับฉาก NC นักเขียนขอติดเหรียญเป็นค่าขนมเล็กๆน้อยๆน้าา🙏🥰❤️
# เป็นกำลังใจให้พี่🐺กับน้อง🐭ด้วยนะค๊า ❤️❤️❤️
จ๋อมแจ๋ม จ๋อมแจ๋ม จ๋อมแจ๋ม
เสียงฝีเท้าที่รีบเร่งผ่านพื้นที่เปียกชุ่มด้วยน้ำดังเป็นจังหวะจนมาหยุดที่หน้าหอบุปผา เจ้าของเสียงฝีเท้านั้นคุมใบหน้าด้วยผ้าจนเห็นแค่เพียงดวงตาและในมือนางนั้นมาพร้อมกับตะกร้าใบโตที่ข้างในนั้นมีเด็กหญิงวัยทารกหน้าตาจิ้มลิมที่กำลังหลับไหลอย่างไร้เดียงสา "ซานซานแม่ขอโทษ ลูกอยู่ที่นี่ลูกคงจะปลอดภัยกว่าไปกับแม่ไว้สักวันแม่จะกลับมารับลูกสู่อ้อมอกแม่อีกครั้ง แม่ต้องไปแล้ว แม่รักลูกมากนะซานซาน"
นางตัดสินใจลุกขึ้นไปเคาะประตู และรีบเร่งเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองอีกเลย.........
ประตูไม้หนาหนักเปิดออกด้วยเสียงที่ดังแผ่วเบา พร้อมกับใบหน้าของหญิงวัยกลางคนที่ดูงุนงงกับเสียงเคาะในยามวิกาล นางยกโคมไฟขึ้นสูงเพื่อส่องดูว่าผู้ใดกันแน่ที่มารบกวน ทว่ากลับพบเพียงตะกร้าหวายที่ถูกทิ้งไว้ตรงหน้าประตู
"นี่มันอะไรกัน?" นางพึมพำ ก่อนจะชะโงกหน้าเข้าไปดูในตะกร้า
ดวงตาของหญิงวัยกลางคนเบิกกว้างขึ้นทันทีเมื่อเห็นเด็กหญิงวัยทารกในผ้าห่อผืนเล็กที่หลับสนิท ใบหน้าของเด็กน้อยนั้นช่างไร้เดียงสา ผิวขาวนวล ใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มจนทำให้นางอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มบางๆ
"เด็กน้อย... ใครกันช่างใจร้ายทิ้งเจ้ามาไว้ที่นี่?"
นางเหลียวมองซ้ายขวา หวังว่าจะพบใครบางคนที่อาจจะทิ้งเด็กคนนี้ไว้ แต่รอบกายกลับมีเพียงความเงียบงันและเสียงสายลมที่พัดผ่าน
ในที่สุด นางก็ถอนหายใจหนักๆ แล้วค่อยๆ ย่อตัวลง อุ้มตะกร้าพร้อมเด็กน้อยขึ้นมาแนบอก "ช่างเถอะ เจ้าคงจะมีเหตุผลที่ต้องจากเด็กน้อยคนนี้ไป ข้าจะดูแลนางให้เอง"
เสียงแผ่วเบาของหญิงวัยกลางคนเอ่ยออกมาราวกับพูดกับเจ้าของร่างน้อยในตะกร้า นางค่อยๆ ปิดประตูพร้อมพาเด็กน้อยเข้าไปในหอบุปผาที่บัดนี้กลายเป็นที่พักพิงใหม่ของเด็กน้อยนาม "ซานซาน"
...
หลายปีผ่านไป ชะตาชีวิตของเด็กหญิงซานซานพลิกผันไปไม่ต่างจากสายน้ำที่ไหลเชี่ยว นางเติบโตขึ้นในฐานะสาวใช้ในหอบุปผาแห่งนี้ ชีวิตที่ควรจะเรียบง่ายกลับเต็มไปด้วยความลึกลับและเรื่องราวที่น่าตื่นเต้น...
17 ปีต่อมา
ตึก ตึก ตึก ~
เอี๊ยดอ๊าด ~
"ไปไหนมา" คนที่กำลังปิดประตูเมื่อได้ยินถามดังขึ้นถึงกับสะดุ้งจนร้องเฮือกด้วยความตกใจ "แฮ่ ! น้าหงส์ท่านมาอยู่ที่นี่เองรึ ข้าคิดว่าท่านอยู่ข้างหน้าเสียอีก"
"เดิมทีมันก็เป็นอย่างนั้นอยู่หรอก แต่ข้าตงิดใจแปลกๆ ไม่ต้องมาเฉไฉเปลี่ยนเรื่อง ไปทำเรื่องพิเรนทร์อีกแล้วใช่ไหมซานซาน" สีหน้าของน้าหงส์เปลี่ยนเป็นสีหน้าเชิงดุๆทันที "ครั้งนี้ข้าเปล่าก่อเรื่องจริงๆนะ ข้าแค่ออกไปเดินสูดอากาศเฉยๆ" หญิงสาวไม่พลาดที่จะจับมือคนตรงหน้าปลอบให้เชื่อคำที่นางพูด
"เรื่องนี้ข้าจะยอมเชื่อเจ้า แต่ดูเจ้าแต่งกายสิมอมแมม แล้วดูสิแต่งเป็นผู้ชายอีก แล้วไปเอาเสื้อผ้าพวกนี้มาจากไหน เป็นสาวเป็นนางแต่งตัวเล่นเป็นเด็กมันดูได้ซะที่ไหน" น้าหงส์พูดรัวๆขนาดนี้จะหาช่องว่างไหนพูดแทรกได้นอกจากวิธีนี้ ซานซานรีบไปนั่งลงข้างๆแล้วกอดแขนน้าหงส์ทันที มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้น้าเลิกบ่นได้
"ไม่ต้องมาใช่วิธีนี้เลย รู้ดีเชียวนะว่าใช่วิธีนี้น้าจะไม่บ่นเจ้าน่ะซานซาน"
"ก็เพราะข้าเป็นหลานรักของท่านน้านี้หน่า เลิกบ่นได้แล้วเดี๋ยวท่านจะแก่เอานะ"
"ทำเป็นปากหวานไปเถอะ เอาเถอะๆข้าไม่มีเวลามาต่อรองกับเจ้า เอาเป็นว่าเจ้ารีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็ไปหาลุงผิงที่ครัวให้ทำอะไรให้กิน แล้วอย่ามาเดินมาแถวด้านหน้าเด็ดขาด เข้าใจไหม"
"ข้าเข้าใจแล้ว ท่านไปเถอะป่านนี้ข้างหน้าคงวุ่นวายแย่" จากนั้นน้าก็เดินออกจากห้องไปปล่อยให้ซานซานนั่งฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าตั้งแต่จำความได้ตนก็เติบโตและวิ่งเล่นในหอบุปผาแห่งนี้มาตั้งแต่เด็กๆ โดยมีน้าหงส์ค่อยดูแลและให้ความรักมาตลอดจนไม่รู้สึกขาดอะไรแม้แต่นิดเดียว และจุดประสงค์หลักๆของน้าหงส์คือไม่อยากให้เราไปยุ่มย่ามแถวส่วนหน้าเพราะหอบุปผาแห่งนี้ถือเป็นที่รู้จักของผู้คนเมืองนี้เป็นอย่างดี เพราะเป็นแหล่งที่เหล่าผู้ชายมาหาความสุขจากสาวๆ มาเสพเสียงดนตรีจากสาวงาม หรือเป็นหารือราชกิจบ้านเมืองของเหล่าขุนนาง ซึ่งทำให้น้าหงส์ไม่ค่อยอย่างจะให้ไปส่วนข้างหน้าสักเท่าไหร่ แต่จะมีเหตุจำเป็นที่ต้องไปตอนที่ขาดคนดีดพิณ ซึ่งเป็นความสามารถเดียวที่น้าหงส์ถ่ายทอดสอนให้ตั้งแต่เด็กๆ
"ไปแช่น้ำหน่อยดีกว่า "
-----
ซานซานลุกขึ้นจากพื้นและเดินไปยังห้องอาบน้ำที่อยู่ด้านในสุดของห้องพัก หอบุปผาแห่งนี้แม้ภายนอกจะดูหรูหราสง่างาม แต่สำหรับพื้นที่ส่วนของพวกนางที่อยู่อาศัยนั้นกลับเรียบง่าย และให้ความรู้สึกอบอุ่นมากกว่า
ระหว่างที่ซานซานกำลังเดินผ่านห้องโถงเล็กๆ เธอเหลือบมองผ่านหน้าต่างไม้ไผ่ที่เปิดไว้เล็กน้อย เห็นแสงโคมไฟจากด้านหน้าอาคารที่สว่างไสว เสียงหัวเราะของชายหนุ่มและเสียงดนตรีเบาๆ ลอยเข้ามาในสายลมยามค่ำคืน
“ก็น่าสนุกดีนี่นา...” ซานซานพึมพำกับตัวเอง
แม้จะรู้ว่าน้าหงส์ห้าม แต่ความอยากรู้อยากเห็นในวัยเยาว์ก็ยากจะหักห้ามได้ เธอเคยแอบไปดูเหล่าคนในส่วนหน้าหลายครั้ง และทุกครั้งก็ต้องโดนจับได้จนโดนบ่นยาวทุกที
“เฮ้อ... น้าหงส์นี่ก็หูตาไวเกินไปแล้ว” เธอบ่นเบาๆ พลางเปิดประตูห้องน้ำที่ปูด้วยแผ่นไม้เรียบๆ น้ำอุ่นในอ่างที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ยังคงมีควันลอยบางๆ
ตึกๆๆ เสียงฝีเท้าดังขึ้นอีกครั้ง
ซานซานหยุดชะงัก เธอชำเลืองมองไปยังทางเดินด้านนอก “หรือว่าน้าหงส์กลับมา?”
แต่ก่อนที่เธอจะทันได้ตรวจสอบ เสียงกระซิบเบาๆ กลับดังมาจากหน้าต่างด้านหลังแทน
“ซานซาน...”
เสียงนั้นทำให้เธอตัวแข็งทื่อในทันที เพราะมันไม่ใช่เสียงของน้าหงส์!
"ท่านอ๋องรอข้าน้อยด้วยขอรับขาข้าน้อยสั่นเดินไม่ทันท่านแล้ว"
"มู่ตงถ้าเจ้ายังเสียงดังข้าจะให้เจ้ากลับรอที่จวนเดี๋ยวนี้ " คนร่างสูงพูดปามคนติดตาม จนมู่ตงคนติดตามถึงกับต้องกัดปากแล้วเดินตามมาเงียบๆ
แต่เดินมาสักพักก็หยุดฝีเท้าทันทีเพราะด้านหลังหอบุปผามีห้องนับสิบๆห้องซึ่งห้องที่ต้องการจะไปนั้นห้องไหนไม่แน่ใจ " มู่ตงเจ้าไปตามหาสิว่าห้องลู่เหยียนนั้นห้องไหน "
"ขอรับ"
ส่วนเขานั้นเดินไปดูข้างหน้าเสียหน่อย แต่ก็ต้องมาหยุดอยู่ห้องๆหนึ่ง ภายในห้องมีเสียงอยู่น่าจะมีคนอยู่ข้างใน จะเป็นลู่เหยียนที่เขากำลังตามหารึเปล่า
เอี๊ยดอ๊าด~ แต่พอเปิดประตูบานพับออกสิ่งที่เห็นคือ หญิงสาวที่กำลังหันกำลังจัดแจงสวมชุดอยู่
"น้าหงส์ลืมอะไรรึ" พอร่างบางหันหน้ากลับไปมองทางประตูทำให้สายตาของทั้งคู่ประจบกันพอดี แต่หญิงสาวจะต้องร้องขึ้นมาด้วยความตกใจ เพราะคนด้านหน้าไม่ใช่คนที่กำลังหมายถึง
" ว้าย!!!! ท่านเป็นใครเข้ามาที่นี่ได้เช่นไร" เสียงกรี๊ดร้องของนางทำให้ดึงสติร่างสูงขึ้นได้ เลยรีบยกแขนเสื้อขึ้นมาปิด "ขออภัยด้วยแม่นาง ข้าไม่ได้ล่วงเกินเจ้าแต่อย่างใด ข้าเข้ามาผิดห้อง ข้าต้องขออภัย ข้าไม่รบกวนเจ้าแล้ว" จากนั้นร่างสูงก็รีบสาวเท้าออกห้องทันที ประจบเหมาะที่คนติดตามอย่างมู่ตง วิ่งมาถึงพอดี
"เกิดอะไรขึ้นขอรับ หน้าท่านอ๋องแดงไปหมดแล้ว ห้องของท่านโหวน้อยอยู่ด้านนู่นขอรับ"
"งั้นรึ งั้นไปเถอะ" ท่านอ๋องไปรอช้าที่จะเดินไปยังทางที่คนตัวเองออกทันที
ทางด้านซานซาน ที่ตอนนี้กำลังยืนแข็งทื่อด้วยความตกใจ เพราะเมื่อกี้ใครไม่รู้ที่เปิดประตูมาเห็นตอนที่ตนกำลังสวมเสื้อผ้าพอดี แต่ที่ยังดีที่ตนใส่ไปบ้างแล้วทำให้ไม่ต้องอับอายไปมากกว่านี้
"ชายผู้นี้ท่าทางการแต่งกาย ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป หน้าตาก็หล่อเหลา แต่โรคจิตชะมัด!!! "
ซานซานบ่นพึมพำกับตัวเอง พลางรีบจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ใบหน้าแดงก่ำด้วยทั้งความโกรธและความอับอาย เธอเดินวนไปมาอยู่ในห้อง พยายามสงบใจ แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห
"ใครกันนะ! กล้าบุกเข้ามาในห้องหญิงสาวเช่นนี้! หากน้าหงส์รู้เข้าต้องไม่ปล่อยไว้แน่!"
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วตั้งใจจะลืมเรื่องนี้ไป แต่ก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงสายตาของชายคนนั้น... มันไม่ได้ดูเหมือนคนโรคจิตที่ตั้งใจมาสอดแนม แต่ดูเหมือนเขาตกใจจริงๆ
"หรือเขาอาจจะเข้าห้องผิด?" ซานซานครุ่นคิด แต่ไม่นานก็สลัดความคิดออกจากหัวแล้วตัดสินใจไปตามคำสั่งของน้าหงส์ นั่นคือไปหาลุงผิงที่ครัว
อีกด้านหนึ่ง
ท่านอ๋องยังคงเดินหน้าอย่างเงียบๆ ใบหน้าของเขายังมีร่องรอยแดงเล็กน้อยจากเหตุการณ์เมื่อครู่
"มู่ตง..." เสียงท่านอ๋องเอ่ยเรียกคนติดตามเบาๆ
"ขอรับท่านอ๋อง" มู่ตงรีบตอบรับ
"เมื่อครู่... แม่นางคนนั้น นางเป็นใคร?"
มู่ตงทำหน้าประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้า "ข้าน้อยไม่ทราบขอรับ ท่านอ๋องมิได้บอกว่าต้องการพบใครนอกจากท่านลู่เหยียน"
ท่านอ๋องนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยเสียงเบาๆ กับตัวเอง "นางดูไม่เหมือนหญิงธรรมดา..."
มู่ตงได้ยินคำพูดนั้นแผ่วเบาแต่ไม่ได้เอ่ยอะไรเพิ่มเติม เพียงแต่คิดในใจว่า "ท่านอ๋องจะเริ่มสนใจหญิงสาวในหอบุปผานี้แล้วรึ?"
เมื่อถึงห้องของลู่เหยียน ท่านอ๋องสะบัดความคิดฟุ้งซ่านทิ้งไป แล้วกลับมาโฟกัสกับเหตุผลที่ตนมาเยือนที่นี่
"ลู่เหยียน เจ้าต้องช่วยข้าในเรื่องสำคัญนี้!"
ขณะที่เธอกำลังเดินไปที่ครัว ใจก็ยังไม่วายรู้สึกวูบวาบจากเหตุการณ์เมื่อครู่
"ชายผู้นั้น... ทำไมข้าถึงยังจำสายตาของเขาได้ชัดเจนแบบนี้กันนะ?"
ซานซานหยุดก้าวเท้าไปชั่วครู่ ความคิดที่ยังวนเวียนเกี่ยวกับเขาทำให้ใจเธอเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง แม้จะพยายามข่มความรู้สึก แต่สายตาของชายคนนั้นกลับชัดเจนอยู่ในหัวราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้
เธอพยายามหายใจลึกๆ เพื่อลดความรู้สึกสับสนภายในใจ แต่ก็ไม่อาจทำได้ "เขาคือใครกันแน่? และทำไมถึงทำให้ข้ารู้สึกแบบนี้..."
เสียงครืดคราดของหม้อในครัวทำให้ซานซานต้องสะดุ้ง ซานซานหันไปพบว่าอาหารเริ่มจะไหม้แล้ว เธอรีบหันไปจัดการกับมัน แต่ในใจยังคงวนเวียนถึงชายผู้นั้น ราวกับว่าเขามีบางอย่างที่ทำให้เธอไม่สามารถลืมได้