‘ซานซาน’ (San San) จาก สาวน้อยจอมแก่น (The Mischievous Girl) สู่ชายาของอ๋องสิบเอ็ดรูปงามอย่าง ‘ลี่หยางอ๋อง’ (Li Yang Wang)

苏杉杉 ชะตาลิขิต มาเป็นชายาอ๋อง 11 - ตอนที่ 2 สายตาคู่นั้น โดย เจ้าแพนด้าขอบตาดำ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,ย้อนยุค,จีน,คลั่งรักขั้นสุด,วัยว้าวุ่น,จีนโบราณ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

苏杉杉 ชะตาลิขิต มาเป็นชายาอ๋อง 11

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,ย้อนยุค,จีน

แท็คที่เกี่ยวข้อง

คลั่งรักขั้นสุด,วัยว้าวุ่น,จีนโบราณ

รายละเอียด

苏杉杉 ชะตาลิขิต มาเป็นชายาอ๋อง 11 โดย เจ้าแพนด้าขอบตาดำ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

‘ซานซาน’ (San San) จาก สาวน้อยจอมแก่น (The Mischievous Girl) สู่ชายาของอ๋องสิบเอ็ดรูปงามอย่าง ‘ลี่หยางอ๋อง’ (Li Yang Wang)

ผู้แต่ง

เจ้าแพนด้าขอบตาดำ

เรื่องย่อ



เรื่องราวของ ‘ซูซานซาน’ ที่ถูกทิ้งไว้หน้าหอบุปผาในวันที่ฝนตกและเติบโตภายใต้การดูแลของน้าหงส์นั้น น่าสนใจและเต็มไปด้วยความรักที่เกิดขึ้นในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยการเอาใจใส่และการปกป้อง ซานซานได้รับการเลี้ยงดูให้เติบโตเป็นคนร่าเริงและเป็นที่รักของผู้คนในหอบุปผา ซึ่งเป็นพื้นฐานที่สำคัญที่ทำให้เธอเป็นคนที่สามารถสร้างความประทับใจให้กับทุกคนที่ได้พบเจอ


แต่เมื่อซานซานต้องมาพัวพันกับ ‘ลี่หยางอ๋อง’ หรืออ๋องสิบเอ็ด ซึ่งมีฉายาว่าราชาปีศาจ ความขัดแย้งระหว่างบุคลิกของเขาและความอ่อนหวานของซานซานก็เริ่มต้นขึ้น ท่านอ๋องที่เย็นชาและดุดันในสนามรบ ไม่เคยมองหญิงใดๆ กลับถูกดึงดูดด้วยซานซาน การที่เขามองเธอเป็นคนเดียวในสายตาของเขา 


ซานซานที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนและร่าเริงสามารถทำให้ ‘ลี่หยางอ๋อง’ หรือราชาปีศาจที่เคยเป็นคนเย็นชาและห่างเหินจากความรัก กลับเปิดใจและมีความรู้สึกที่ลึกซึ้งกับเธอ ความสัมพันธ์ของพวกเขาคงเป็นการผสมผสานของความท้าทายและการเรียนรู้จากกันและกัน เป็นเรื่องราวความรักที่ไม่น่าเบื่อและน่าติดตามอย่างยิ่ง




*******สำหรับฉาก NC นักเขียนขอติดเหรียญเป็นค่าขนมเล็กๆน้อยๆน้าา🙏🥰❤️


# เป็นกำลังใจให้พี่🐺กับน้อง🐭ด้วยนะค๊า ❤️❤️❤️





สารบัญ

苏杉杉 ชะตาลิขิต มาเป็นชายาอ๋อง 11-ตอนที่ 1 เด็กผู้น่าสงสาร,苏杉杉 ชะตาลิขิต มาเป็นชายาอ๋อง 11-ตอนที่ 2 สายตาคู่นั้น,苏杉杉 ชะตาลิขิต มาเป็นชายาอ๋อง 11-ตอนที่ 3 คุณชายนิรนาม,苏杉杉 ชะตาลิขิต มาเป็นชายาอ๋อง 11-ตอนที่ 4 หญิงในดวงใจ

เนื้อหา

ตอนที่ 2 สายตาคู่นั้น






"ท่านอ๋อง ข้าคิดว่าท่านไม่มาเสียอีก" เสียงของคนที่นั่งรออยู่แล้วทักขึ้นเมื่อคนที่กำลังรอพึ่งมาถึง " หาห้องไม่เจอน่ะ  นัดข้ามา ชายแดนมีเรื่องรึ " ลี่หยางอ๋องที่พึ่งมาถึงด้วยใบหน้าที่นิ่งเรียบนั่งตรงข้ามอย่างนิ่งเฉยและค่อยรินชากระดกดื่มชาอย่างใจเย็น


"ชายแดนยังสงบดี ท่านอ๋องวางใจได้" ลู่เหยียนตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่สายตาของเขามีความจริงจัง


ลี่หยางอ๋องพยักหน้าเบาๆ พลางวางถ้วยชาลงบนโต๊ะไม้ที่ประดับด้วยลวดลายแกะสลัก "ถ้าเช่นนั้น เจ้าคงไม่ได้เรียกข้ามาเพียงเพื่อพูดเรื่องเล็กน้อยสินะ มีอะไรที่ต้องการให้ข้าช่วยหรือเปล่า?"


ลู่เหยียนกระชับท่านั่ง ก่อนจะโน้มตัวมาด้านหน้าเล็กน้อย "เรื่องที่ข้าจะพูดนี้สำคัญยิ่ง ท่านอ๋องอาจเคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับกลุ่มลึกลับที่เคลื่อนไหวในแคว้นเรา พวกมันไม่ได้แค่ลักลอบค้าสิ่งต้องห้าม แต่ยังแทรกซึมเข้าไปในหน่วยงานของทางการ..."


ลี่หยางอ๋องเลิกคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดแทรก


"และที่สำคัญ... ข้าได้รับข่าวว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังกลุ่มนี้ อาจมีความเกี่ยวข้องกับขุนนางในราชสำนัก" ลู่เหยียนพูดจบก็จ้องหน้าท่านอ๋องเพื่อจับท่าที


ลี่หยางอ๋องถอนหายใจยาว พลางเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ "ข้าคิดอยู่แล้วว่ามีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากล แต่เจ้ามั่นใจในข่าวนี้มากแค่ไหน?"


"ข้ามั่นใจเกือบร้อยส่วน ข้าตามรอยพวกมันมานาน และตอนนี้ข้าพบเบาะแสใหม่ที่นำข้ามาถึงที่นี่" ลู่เหยียนตอบเสียงหนักแน่น


ลี่หยางอ๋องนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้น "ข้าจะช่วยเจ้า แต่เจ้าต้องมั่นใจว่าแผนนี้จะไม่ล้มเหลว เพราะหากพลาดไป เราอาจเปิดโอกาสให้ศัตรูโจมตีเราก่อน"


"ข้าน้อมรับคำแนะนำของท่านอ๋อง" ลู่เหยียนตอบด้วยความเคารพ


ในขณะที่ทั้งสองกำลังหารือกันนั้น ด้านนอกห้อง มู่ตงที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูพลันรู้สึกถึงความเคลื่อนไหวแปลกๆ เขาขมวดคิ้วพลางมองซ้ายขวา "ใครอยู่ตรงนั้น?" เขาตะโกนออกไป






แต่สิ่งที่ตอบกลับมามีเพียงความเงียบ...






" ไม่ใช่เรื่องนั้น ชายแดนสงบดี ท่านไม่ต้องห่วง ข้าเพียงอยากจะให้ท่านมาผ่อนคลายเพียงเท่านั้นด้วยความที่เป็นสหายของท่านมานาน และช่วงนี้ข้าได้ข่าวจากในวัง ข่าวลือนั้นว่าท่านถูกกดดันจากองค์ไทเฮาให้ท่านแต่งชายาเข้าจวนเร็วๆนี้รึ "


" มันเป็นเรื่องที่ไม่เคยอยู่ในความคิดข้าเพราะมันไม่ใช่เรื่องที่ข้าจะทำมันอยู่แล้ว " ลี่หยางอ๋องตอบอย่างเรียบๆอย่างกับมันไม่ใช่เรื่องที่เขากังวลจริงๆอย่างที่เขาพูด "ข้าขอดื่มชาถ้วยนี้กับความเย็นชาของลี่หยางอ๋องสมแล้วกับฉายาราชาปีศาจเสียจริงๆ"


ลู่เหยียนหัวเราะเบาๆ ขณะยกถ้วยชาขึ้นจิบ "ท่านช่างไม่เปลี่ยนไปเลยลี่หยางอ๋อง แม้ข่าวลือจะล้อมรอบตัวท่านเพียงใด ท่านก็ยังคงความเย็นชาราวกับหิมะกลางฤดูหนาว"




ลี่หยางอ๋องไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่กระดกชาขึ้นดื่มอย่างสงบ ใบหน้าเรียบนิ่งของเขาทำให้ยากจะคาดเดาความคิด


"แต่ถึงอย่างนั้น ข้าก็อดสงสัยไม่ได้" ลู่เหยียนเอ่ยต่อ "ท่านอ๋องจริงจังกับการปฏิเสธเรื่องการแต่งชายา หรือเพียงแค่ยังไม่พบผู้ที่เหมาะสม?"


ลี่หยางอ๋องวางถ้วยชาลงกับโต๊ะอย่างแผ่วเบา ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "ทั้งสองอย่าง หากไม่ใช่เรื่องที่จำเป็น ข้าก็ไม่คิดว่าควรต้องเสียเวลาไปกับสิ่งเหล่านี้ อีกทั้ง... ข้ายังไม่เคยพบผู้ใดที่ทำให้ข้ารู้สึกว่าควรค่าพอจะอยู่ข้างกายตลอดชีวิต"


ลู่เหยียนเลิกคิ้วพลางยิ้ม "ท่านนี่ช่างตั้งมาตรฐานสูงจริงๆ นะ แต่ข้าเชื่อว่าสักวันหนึ่ง ท่านอ๋องคงได้พบใครสักคนที่จะทำลายกำแพงน้ำแข็งในใจท่านได้"


ลี่หยางอ๋องหัวเราะในลำคอเล็กน้อย "ข้าไม่เชื่อในเรื่องเช่นนั้น หากเจ้ามีเรื่องสำคัญที่จะคุยก็คุยมาเถอะ อย่ามัวแต่พูดถึงสิ่งที่ไม่มีวันเกิดขึ้น"


ลู่เหยียนส่ายหน้าพลางหัวเราะเบาๆ "ก็ไม่มีอะไรสำคัญจริงๆ หรอก ครั้งนี้ข้าแค่อยากชวนท่านมาผ่อนคลายและพูดคุยตามประสาสหายก็เท่านั้น แต่หากท่านไม่สนใจเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ ข้าก็ไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว"


ลี่หยางอ๋องพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นยืน "ข้าขอบใจเจ้าที่ชวน แต่ข้าคงต้องกลับก่อน หากมีอะไรสำคัญกว่านี้ค่อยมาพูดกันใหม่"


ลู่เหยียนมองตามหลังสหายด้วยความครุ่นคิด "คนเย็นชาปานนั้น แต่ข้าว่าความเย็นชานี้คงไม่ได้อยู่นานหรอก ท่านอ๋องเอ๋ย..."


"ข้าก็พึ่งรู้ว่าเจ้ามาที่สถานที่แบบนี้ด้วยลู่เหยียน "


คนที่ถูกถามถึงกับต้องสำลักชาที่กำลังดื่ม


" ที่นี่เป็นแหล่งข่าวที่ดีมากเลยนะผม เพราะมันเป็นสถานที่รวมผู้คนทุกฐานะอยู่ที่นี่ ซึ่งแตกต่างจากหอนางโลมที่อื่น" 


" ก็จริงอย่างที่เจ้าว่าที่นี่ไม่เหมือนหอนางโลมที่อื่นๆ" 


"วันนี้มีการแสดงที่ขึ้นชื่อ ท่านอยากไปชมเสียหน่อยไหม "


"ก็ได้ ไหนๆก็มาแล้ว ดูสิว่าจะเรื่องชื่ออย่างที่เจ้าว่าไหม" แต่ตอนนี้เขาสลัดภาพหญิงสาวในห้องนั้นไม่ได้เสียเลยสายตาคู่นั้นที่จ้องมองเขา มันเป็นมนต์สะกดที่ยากที่จะลืม.....








น่าอายเสียจริงๆ จู่ๆก็มีผู้ชายที่ไหนไม่รู้เปิดประตูตอนที่นางเปลี่ยนชุด ตอนนี้หน้าร้อนผ่าวราวกับเป็นไข้ 


" ซานซาน " เสียงเรียกของสาวงามที่สวมชุดผ้าแพรเนื้อชั้นดี เดินตรงมายังที่ร่างบางยืนอยู่ " พี่หลิง มีอะไรกับข้าช่วยรึ" 


"รู้ทันด้วย ซานซานตอนนี้มีเพียงเจ้าจะช่วยพวกเราได้" สาวงามดึงมือของซานซานขึ้นมาจับและด้วยสายตาที่อ้อนวอน "พี่พูดมาตรงๆเถอะว่าจะให้ข้าทำอะไร" 


"คือว่า เจ้าช่วยไปเล่นพิณแทนพี่อวี้หน่อยสิ นางไปกินอะไรมาไม่รู้ปวดท้องหนักนอนบิดอยู่ที่ห้องพักนางน่ะ ช่วยหน่อยน่ะมันจะถึงเวลาแล้ว มีเจ้าเพียงคนเดียวที่จะทำเรื่องนี้ได้ "  นางมาขอร้องขนาดนี้จะปฏิเสธก็ดูใจร้ายเกินไปหน่อย "น้าหงส์ล่ะ รายนั้นย้ำข้าทุกวันว่าไม่ให้ข้าออกไปส่วนหน้าจะไม่ว่ารึ "


" น้าหงส์คงไม่ว่าหรอก อีกอย่างเจ้าก็เคยไปแสดงหลายครั้งแล้วนิ เพราะไม่มีการแสดงพิณวันนี้ แขกที่มาคงจะโวยวาย ตอนนี้น้าหงส์ก็ไปดูอาการพี่อวี้ที่ห้องนาง เจ้าไปเล่นสักเพลงสองเพลงคงจะไม่เป็นไร " 


"แต่นั้นมีน้าหงส์ค่อยดูแลนิ แต่ครั้งนี้นางไม่มี"


"ช่วยหน่อยเถอะนะ ไม่มีเจ้าหอบุปผาจบแน่ "พี่หลิงจับมือซานซานแน่น 


" พี่พูดมาขนาดนี้ ข้าคงปฏิเสธไม่ได้แล้วสิแล้ว " ไร้ทางปฎิเสทอย่างสิ้นเชิง มีทางเดียวคือต้องทำเพื่อหอบุปผาสินะ ซานซานหาเรื่องใส่ตัวเองอีกแล้ว ถ้าน้าหงส์รู้เขาขาขาวๆของข้าได้เป็นรอยไม้เรียวอีกแน่  "มาๆ พี่จะแต่งตัวให้รับรอง ไม่มีใครจำเจ้าได้แน่นอน


ตอนนี้ซานซานถูกจับนู่นเปลี่ยนนี้ เปลี่ยนการแต่งกายทั้งหมดตั้งแต่หัวจรดเท้า จากสาวน้อยเปลี่ยนเป็นสาวงามด้วยฝีมือพี่หลิงผู้ช่วยของน้าหงส์ 


"แล้วใส่นี้ไว้รับรองว่าไม่มีใครจำเจ้าได้ "พี่หลิงยื่นผ้าแพรคุมหน้าที่ปักลายดอกท้อให้คนที่ยืนด้านหน้า




แต่ทว่า.....




จู่ๆก็หน้าก็ร้อนผ่าวอีกครั้งเพราะแขกที่มาชมในครั้งนี้มีเขาคนนั้นด้วย..... 'โรคจิตคนนั้น' 


และเขาก็มองมาที่เธออยู่ตอนนี้ ....


ลี่หยางอ๋องที่กำลังจะยกถ้วยสุราที่พึ่งรินเมื่อครู่ขึ้นดื่ม แต่ก็ต้องวางลงเพราะ สายตาคู่นั้นที่กำลังจ้องมองเขาอยู่ขนาดนี้ 


สายตาคู่นี้เหมือนสายตาคู่ที่เขาเจอที่ห้องที่เขาเผลอเปิดไปที่แท้นางเป็นหญิงหอบุปผาแห่งนี้


ตอนนี้การแสดงบรรเลงเสียงพิณก็ถูกบรรเลงขึ้น เสียงเพลงจากพิณที่นางกำลังดีด สะกดคนที่กำลังชมให้หยุดนิ่ง และ เขาเช่นกัน 


เพลงนี้เหมือนเพลงที่เสด็จแม่เคยสอนให้เขาเล่นตั้งแต่เด็ก....


นางคือใครกันทำไหมถึงเล่นเพลงนี้ได้.... 


"ลู่เหยียนเจ้ารู้จักนางที่กำลังดีดพิณอยู่ไหม" ลี่หยางอ๋องหันไปถามคนที่กำลังเคลิ้มกับเสียงพิณอย่างโหวน้อยสหายของเขา "ข้าไม่รู้จัก เดิมทีคนที่มาดีดพิณมิใช่นางผู้นี้ แม่นางผู้นี้คงจะเป็นคนใหม่กระมัง"


นางเป็นใครกันแน่ ทำไมถึงเล่นบทเพลงนี้ได้ ....


ลี่หยางอ๋องจ้องมองหญิงสาวที่กำลังบรรเลงพิณอย่างลุ่มลึก สายตาของเขาฉายแววครุ่นคิด ไม่อาจละไปจากนางได้ เสียงเพลงที่นางบรรเลงไม่เพียงไพเราะ แต่ยังเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย


"นางเป็นใคร..." ลี่หยางอ๋องพึมพำเบาๆ


บทเพลงที่เขาเคยเล่นกับเสด็จแม่ในวัยเยาว์ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างไร้ที่ติ แต่ที่ทำให้เขาไม่อาจละสายตาได้คือสายตาของหญิงสาวผู้นั้นที่มองมายังเขา ราวกับกำลังพูดอะไรบางอย่าง




---




ทางด้านซานซานแม้จะพยายามตั้งสมาธิกับพิณตรงหน้า แต่สายตาของลี่หยางอ๋องที่จับจ้องมาทำให้นางใจเต้นแรง ความอับอายจากเหตุการณ์ก่อนหน้ายังไม่จางหาย แต่ตอนนี้กลับถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกบางอย่างที่แปลกประหลาด


"ทำไมต้องมองข้าเช่นนั้นด้วย..." ซานซานคิดในใจ ขณะที่นิ้วมือยังคงบรรเลงเพลงต่อไปอย่างชำนาญ


แม้จะรู้ตัวว่าตนต้องปกปิดตัวตน แต่ลึกๆ แล้วนางกลับรู้สึกเหมือนถูกเปิดเผยในทุกๆ จังหวะที่เล่นพิณ นางไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้คืออะไร แต่ไม่ว่าอย่างไร นางก็ต้องเล่นเพลงนี้ให้จบ




หลังจากจบการบรรเลง


เสียงปรบมือดังขึ้นทั่วห้องโถง แต่สายตาของลี่หยางอ๋องยังคงจับจ้องไปยังหญิงสาวที่ลุกขึ้นและก้มหัวเล็กน้อยเพื่อขอบคุณผู้ชม ก่อนจะเดินหายไปทางหลังเวที


"ลู่เหยียน ข้าจะรู้ให้ได้ว่านางเป็นใคร" ลี่หยางอ๋องพูดพลางลุกขึ้นยืน น้ำเสียงของเขาแฝงความมุ่งมั่น


ลู่เหยียนมองตามสหายของเขาด้วยความงุนงง "นี่เจ้าสนใจแม่นางผู้นั้นจริงๆ หรือ?"


"ข้าไม่ได้สนใจ" ลี่หยางอ๋องตอบเสียงนิ่ง แต่ดวงตากลับฉายแววที่ขัดกับคำพูด "แต่ข้าต้องรู้ว่านางคือใคร และทำไมถึงเล่นเพลงนั้นได้"










เมื่อกลับมาหลังเวที นางถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก แต่ก่อนที่นางจะได้พักหายใจยาวๆ พี่หลิงก็เดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม


"เจ้าเก่งมาก ซานซาน! แขกทุกคนชื่นชมเจ้าใหญ่เลย!"


ซานซานพยายามยิ้มตอบ แต่ในใจกลับยังคงว้าวุ่น "ข้าคงไม่ต้องออกไปอีกใช่ไหม?" นางถามเสียงเบา


"ไม่ต้องแล้ว เจ้าไปพักเถอะ แต่ระวังหน่อยนะ ข้าเห็นแขกบางคนเหมือนจะสนใจเจ้ามากเป็นพิเศษ" พี่หลิงพูดแซว ก่อนจะเดินออกไป


"สนใจหรือ... หวังว่าจะไม่ใช่เขา" ซานซานคิดในใจ ขณะที่ภาพของลี่หยางอ๋องยังคงติดอยู่ในหัวของนาง


"ซานซาน วันนี้พี่จะบอกว่าจะมีการแสดงอีกรอบนะ "


ซานซานขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดของพี่หลิง “อีกรอบงั้น?”


พี่หลิงยิ้มอ่อนๆ แล้วตอบ “ใช่จ้ะ พอดีวันนี้มีการแสดงใหม่เต้นระบำประกอบจังหวะ เลยขาดคนดีดพิณน่ะเลยจะกวนให้เจ้าเล่นให้อีกครั้ง”


ซานซานเงียบไปครู่หนึ่ง ความรู้สึกทั้งดีใจและอึดอัดผสมกันอยู่ในใจ "ข้า... ข้าไม่แน่ใจว่าจะทำได้ดีเหมือนเดิมไหม" นางพูดด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวล


พี่หลิงยิ้มกว้างขึ้นและนั่งลงข้างๆ “อย่ากังวลไปเลย ซานซาน เจ้าทำได้ดีมากในครั้งก่อน ทุกคนประทับใจในฝีมือของเจ้ามาก แค่ขาดคนเล่นพิณนิดหน่อย ถ้าเจ้าช่วยอีกครั้ง คงไม่มีใครสงสัยเลยว่าการแสดงครั้งนี้จะสมบูรณ์แบบแค่ไหน”


ซานซานเงียบไปอีกครั้ง ก่อนจะถอนหายใจออกมา “ได้... ข้าจะช่วยเอง แต่ข้าไม่รับประกันว่าจะดีเหมือนครั้งก่อนนะ”


พี่หลิงพยักหน้าด้วยความเข้าใจ “ไม่เป็นไรหรอก ข้ารู้ว่าเจ้าเก่งอยู่แล้ว แล้วก็ดีใจที่เจ้ารับคำช่วย ข้าไปเตรียมตัวก่อนนะ พักผ่อนบ้างล่ะ” ก่อนจะลุกขึ้นจากที่นั่ง


เมื่อพี่หลิงออกไป ซานซานก็ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม จิตใจยังคงเต็มไปด้วยความไม่แน่ใจ แต่อีกด้านหนึ่งของนางก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยที่จะได้กลับมาเล่นพิณอีกครั้ง


“หวังว่า... วันนี้จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเหมือนครั้งก่อน...” ซานซานพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะลุกขึ้นไปเตรียมตัวสำหรับการแสดงที่จะมาถึง


ซานซานเดินออกจากห้องพักไปยังเวทีที่เตรียมจัดการแสดง ใจยังคงหนักหน่วงกับความรู้สึกที่ไม่แน่ใจ แต่ในขณะเดียวกัน ความทรงจำเกี่ยวกับการแสดงครั้งก่อนก็ยังคงชัดเจนอยู่ในหัว การดีดพิณและจังหวะที่เข้ากันกับการเต้นรำทำให้เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงนั้น แต่การกลับมาครั้งนี้มันเหมือนกับการท้าทายความสามารถของตัวเองอีกครั้ง


เมื่อถึงเวที ซานซานเห็นผู้คนกำลังเตรียมตัวอย่างขะมักเขม้น นักเต้นกำลังฝึกฝนท่ารำ ขณะที่ผู้จัดการการแสดงเดินไปมาดูความเรียบร้อย


"ซานซาน!" พี่หลิงร้องเรียกพร้อมกับเดินเข้ามาหา "มาแล้วเหรอ? ดีมาก! มาเลย ข้าจะพาไปที่ตำแหน่งของพิณ"


ซานซานเดินตามพี่หลิงไปที่มุมหนึ่งของเวที ซึ่งมีพิณตั้งอยู่ พร้อมกับผู้เล่นพิณคนอื่นที่กำลังเตรียมตัวอยู่


"ข้าจะจัดตำแหน่งให้เจ้าเอง" พี่หลิงพูด ขณะที่หันไปพูดกับคนที่รับผิดชอบการตั้งพิณ "ให้ซานซานนั่งตรงนี้นะ แล้วเราจะเริ่มซ้อมกันก่อน"


ซานซานพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะนั่งลงที่ตำแหน่งพิณ พร้อมทั้งตั้งสมาธิในการเล่น ขณะเดียวกันก็รู้สึกถึงสายตาของทุกคนที่จับจ้องมาที่เธอ และบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดจากการเตรียมตัวครั้งนี้


การซ้อมเริ่มขึ้น พิณดังขึ้นพร้อมกับจังหวะการเต้นที่เริ่มหนักแน่น ซานซานลืมความกังวลในใจ และจดจ่ออยู่กับเสียงของพิณและการเคลื่อนไหวของนักเต้น จังหวะที่ประสานกันทำให้เธอรู้สึกเหมือนอยู่ในโลกของการแสดงที่ไม่มีอะไรต้องกลัว


“ดีมาก ซานซาน! เจ้าทำได้ดีมาก” พี่หลิงยิ้มให้กำลังใจ ขณะที่การซ้อมเดินหน้าไปเรื่อยๆ


แต่ในขณะที่ซานซานกำลังเพลิดเพลินกับการแสดงนั้น ความคิดหนึ่งก็แวบเข้ามาในใจของนาง


"ตอนนี้เขาคงไม่อยู่อีกใช่ไหม?" ซานซานคิดถึงลี่หยางอ๋องอีกครั้ง ความรู้สึกที่คุ้นเคยยังคงทำให้หัวใจของนางสั่นไหวไม่หยุด


เสียงพิณและการเคลื่อนไหวของนักเต้นยังคงดำเนินต่อไป แต่ความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายในใจของซานซานกลับทำให้การแสดงครั้งนี้มีความหมายมากกว่าที่นางคาดคิด