ครอบครัวยากจนแทบอดตายแต่สามีก็วุ่นวายหาลูกมาเพิ่ม
จีน,รัก,ชาย-หญิง,เกิดใหม่,ครอบครัว,นิยายรักจีนโบราณ,ครอบครัว,เกิดใหม่,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
สตรีผู้นี้มีลูกสี่สามีสามครอบครัวยากจนแทบอดตายแต่สามีก็วุ่นวายหาลูกมาเพิ่ม
หากใครคิดว่าการตายไปคือการได้พ้นทุกข์พิมพ์ลดาขอเรียนให้ทราบว่าทนใช้ชีวิตอยู่ต่อไปเถิดเพราะชีวิตหลังความตายที่ได้พบเจออาจจะบัดซบยิ่งกว่าเก่าดูจากชีวิตของเธอเป็นตัวอย่างจากแต่เดิมที่เป็นคนหาเช้ากินค่ำธรรมดาๆ แต่ชีวิตก็มามีอันถึงคราวซวยต้องมารับใช้หนี้นอกระบบที่พี่สาวแท้ๆ เป็นคนก่อแล้วหนีหายเข้ากลีบเมฆไปไม่กลับมา เจ้าหนี้ก็ตามมาทวงอยู่ได้ทุกวันหาเงินมาจ่ายดอกวันละสองพันก็ยังไม่พอทำให้เธอตัดสินใจโดดน้ำตายให้มันจบๆ ไป ลากันทีชีวิตบัดซบซ้ำซาก
แต่ใครมันจะรู้ว่าจะมีชีวิตในโลกหน้าที่รออยู่จากผู้หญิงธรรมดาอายุยี่สิบปลายๆ กลับต้องมามีชีวิตใหม่สวมวิญญาณเข้าร่างเป็นมารดาของบุตรสี่คนและสามีอีกหนึ่งแต่เรื่องที่มันน่าตกใจไปมากกว่านั้นคือกุ้ยอิงฮวาคนนี้เคยมีสามีมาแล้วก่อนหน้านี้ถึงสองคนสามีแรกแก่ง่ายตายเร็วมาก สามีสองยังไม่แก่แต่ก็ชิงตายไปทิ้งมรดกไว้ให้เป็นลูกๆ ที่แสนรู้ความถึงสองคนส่วนสามีคนที่สามนั้นนางจัดการรวบตึงเอาไว้เพราะอยากให้ในครอบครัวมีผู้ชายช่วยปกป้องดูแลแต่อยู่มาไม่ทันไรเขาก็สร้างเรื่องไปอุ้มเด็กกลับมาบ้านให้นางเลี้ยงอีกแล้วหรืองานนี้ก็ต้องลุกขึ้นมาปฏิวัติครอบครัวให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
หมายเหตุ
นิยายเรื่องนี้ไม่อิงประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะ สถานที่ เหตุการณ์ หรือตัวบุคคลในเรื่องล้วนเกิดจากจินตนาการของผู้เขียนทั้งสิ้นค่ะ
คำเตือน
นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับการฆ่าตัวตายอาจทำให้คุณนักอ่านไม่สบายใจนะคะ
กติกาการลงนิยาย
ลงเนื้อหาให้อ่านฟรีทั้งหมด 10 ตอนหลังจากนั้นจะติดเหรียญล่วงหน้า รายละเอียดดังนี้
1. ติดเหรียญล่วงหน้า 1 สัปดาห์
2. ปลดเหรียญอ่านฟรี 1สัปดาห์
3. หลังจากนั้นจะติดเหรียญถาวรราคาเต็มไปจนถึงตอนจบค่ะ
ตั้งแต่เดินทางออกมาจากหมู่บ้านจนมาถึงศาลาว่าการบิดามารดาของกุ้ยอิงฮวายังไม่เลิกด่าทอและสาปแช่งบุตรสาวและครอบครัวขนาดที่ว่านายอำเภอมายืนต่อหน้ายังไม่มีความยำเกรงหรือใครเกรงใจจนเจ้าหน้าที่ของทางอำเภอต้องข่มขู่ว่าจะตบปากเท่าจำนวนคำที่ด่าทอออกมาหากไม่เงียบเสียงพวกเขาถึงยอมหุบปากของตนเองลงได้
“ไหนใครพอจะเล่าให้ข้าฟังได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น” ท่านนายอำเภอเริ่มการสอบถามก่อนเป็นอันดับแรกแต่เท่าที่ฟังจากการด่าของผู้อาวุโสแม้จะจับใจความไม่ค่อยได้แต่ก็พอจะเข้าใจว่ามันน่าจะเป็นเรื่องภายในครอบครัว
“เป็นข้าต้องการตัดขาดจากบ้านเดิมของตนเองเจ้าค่ะท่านนายอำเภอเพราะข้าทนพฤติกรรมของบิดามารดาไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว” แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าลูกไม่สามารถเอ่ยขอตัดขาดจากบิดามารดาได้แต่นางจะเล่าเรื่องทุกอย่างให้ท่านนายอำเภอฟังแล้วให้เขาใช้อำนาจบังคับให้สองคนผัวเมียนั่นตัดขาดจากนางอีกที
“เจ้าก็รู้ว่าบุตรมิสามารถทำแบบนั้นได้ แต่ลองบอกเหตุผลมาแล้วข้าจะพิจารณาอีกครั้งหนึ่งก็แล้วกัน”
กุ้ยอิงฮวาย้อนเล่าเรื่องราวตั้งแต่ที่นางเพิ่งมีอายุครบสิบเจ็ดปีและเข้าพิธีแต่งงานครั้งแรกกับชายรุ่นปู่รุ่นตาแลกกับเงินที่พ่อแม่อ้างว่าเป็นค่าสินสอดไม่เท่าไหร่แต่มันก็เป็นชีวิตคู่ที่แสนสั้นเนื่องจากสามีมาด่วนจากไปเร็วกว่าที่นางคิดซึ่งนั่นก็ไม่ทำให้พ่อแม่ที่เห็นบุตรสาวเป็นสินค้ายอมหยุดการกระทำของตนเองเมื่อนางไว้ทุกข์ครบหนึ่งเดือนก็รีบจับไปเร่ขายอีกครั้งด้วยความร้อนรนทำอย่างกับว่านางเป็นเพียงเนื้อหมูที่สามารถเน่าเสียได้หากปล่อยทิ้งไว้นานกว่านี้
“การแต่งงานครั้งที่สองกับนายท่านเถียนข้าใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นได้ราวสามปีก็ต้องออกมาใช้ชีวิตที่อำเภอนี้เพราะสามีเสียชีวิตและถูกฮูหยินเอกขับไล่ออกจากเรือนพร้อมบุตรสาวบุตรชายที่เกิดจากฮูหยินรองผู้ล่วงลับเจ้าค่ะจนถึงตอนนี้ข้าก็ได้แต่งงานอยู่กินกับซุนคุนเล่อจนกระทั่งบิดามารดามาปรากฏตัวอีกครั้งเมื่อไม่กี่วันมานี้” กุ้ยอิงฮวาเล่าเรื่องจากความทรงจำที่มันแสนจะชัดเจนเหมือนกับว่าดวงวิญญาณของนางได้ประสบพบเจอมาด้วยตัวเองก็มิปาน
เรื่องราวน่าอึดอัดลำบากใจคงไม่เกิดขึ้นหากบิดามารดามาเยี่ยมตามปกติเช่นครอบครัวอื่นแต่นี่พวกเขาทำท่าทีคล้ายจะปกติเช่นนั้นแต่สุดท้ายแล้วกลับมาขโมยเงินที่นางขายอาหารได้ รื้อค้นหาทรัพย์สินในบ้านเพื่อลักขโมยมาเป็นของตนเองอีกทั้งยังกล่าวอ้างว่าพวกเขามีสิทธิ์เพราะทรัพย์สินของบุตรสาวก็เท่ากับว่าเป็นของบิดามารดาเช่นเดียวกัน
“นอกจากนั้นพวกเขายังพูดจาเหมือนกับว่าต้องการจะพาลูกๆ ของข้าไปขายโดยให้เหตุผลว่าไม่ใช่สายเลือดจะเลี้ยงดูไปทำไมให้มันสิ้นเปลืองขนาดข้าที่เป็นบุตรสาวแท้ๆ พวกเขายังขายข้าซ้ำๆ โดยอ้างการแต่งงานแล้วกับเด็กที่มีอายุไม่กี่หนาวพวกเขาจะไม่กล้าทำเชียวหรือ ทั้งโรงค้าทาส ทั้งหอคณิกาแต่ละคำที่เขาพูดออกมามันทำให้ข้าไม่อาจอดทนได้อีกต่อไปแล้วเจ้าค่ะ”
“ท่านนายอำเภอขอรับบิดามารดาของภรรยาข้าบอกว่าการแต่งงานครั้งนี้ของพวกเราเขาไม่ได้รับรู้และรับทราบหากจะให้บรรพบุรุษยอมรับต้องจ่ายเงินสินสอดมิเช่นนั้นบรรพบุรุษจะนอนตายตาไม่หลับเนื่องจากพวกเราไม่ได้ทำตามประเพณี” เมื่อซุนคุนเล่อพูดออกมาบ้างท่านนายอำเภอถึงกับเอามือตบโต๊ะเสียงดังลั่นแล้วชี้หน้าบิดามารดาผู้เห็นค่าเลือดเนื้อของตัวเองเป็นแค่เพียงชิ้นเนื้อบนเขียงหมู
“แล้วเหตุใดข้าจะเรียกสินสอดจากเจ้าไม่ได้นางแต่งงานออกไปพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดและเลี้ยงดูมาก็ย่อมต้องได้รับค่าตอบแทน” มารดาของกุ้ยอิงฮวายังกล้าเถียงไม่สนใจสายตาโกรธขึ้งและสีหน้าที่มืดครึ้มของท่านนายอำเภอเลยแม้แต่น้อย
“ท่านนายอำเภอขอรับข้าน้อยซุนคุนเล่อยินดีและเต็มใจที่จะจ่ายค่าสินสอดเพื่อสู่ขอภรรยาอย่างถูกต้องตามประเพณีแต่กระนั้นข้าก็ยังอดคิดไม่ได้ว่าหากเป็นข้าที่บุญน้อยตายตกไปก่อนนางอิงเอ๋อร์ของข้ายังจะต้องถูกบิดามารดาอ้างความกตัญญูเอานางไปขายเรียกค่าสินสอดกับใครที่ไหนหรือไม่ อีกทั้งชะตากรรมของบุตรสาวและบุตรชายของข้าเล่า
ข้ายินดีจ่ายสินสอดเท่ากับครั้งที่นางแต่งงานกับนายท่านเถียนเพียงแต่มีเงื่อนไขข้อเดียวและกับหนังสือตัดขาดได้หรือไม่ข้าทำใจไม่ได้จริงๆ หากภรรยาและแม่ของลูกๆ ข้าหลีกหนีชะตาชีวิตแบบเดิมไม่พ้นทั้งๆ ที่ทุกวันนี้ข้าและนางทำทุกอย่างเพื่อให้ครอบครัวของเรามีชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นจากเดิม”
นอกจากจะฟังความในฝั่งของบุตรสาวและสามีของนางแล้วท่านนายอำเภอก็ยังสอบถามเรื่องราวของครอบครัวคนทั้งคู่จากผู้นำหมู่บ้านและชาวบ้านจำนวนหนึ่งที่เดินทางมาด้วยและทำแม้กระทั่งส่งเจ้าหน้าที่ไปดูว่าบ้านของกุ้ยอิงฮวากับสามีนั้นถูกรื้อค้นจริงตามที่กล่าวอ้างโดยทั้งนี้อู่เต๋อจะไปกับเจ้าหน้าที่เพื่อช่วยนำทาง
“เจ้าสองคนผัวเมียสกุลกุ้ยมีอะไรจะกล่าวหรือไม่” อย่างไรแล้วก็ต้องให้ฝั่งของบิดามารดาได้มีโอกาสชี้แจงบ้างจะได้ไม่เป็นการฟังความข้างเดียวทั้งๆ ที่ในเวลานี้ท่านนายอำเภอมีใจเอนเอียงไปทางกุ้ยอิงฮวาและซุนคุนเล่อเต็มสิบส่วนแค่นางถูกพ่อแม่เอาไปเร่ขายให้แต่งงานเพื่อเรียกสินสอดจากเศรษฐีถึงสองครั้งสองคราก็นับว่านางได้ตอบแทนบุญคุณในฐานะบุตรสาวครบถ้วนไปแล้ว
แต่แล้วบิดามารดาของกุ้ยอิงฮวาก็ไม่ได้พูดอะไรที่ทำให้ตนเองดูดีขึ้นมาเลยแม้แต่น้อยในหัวของพวกเขามีแต่การคิดหาประโยชน์กับลูกๆ โดยเฉพาะกุ้ยอิงฮวาที่เกิดมามีหน้าตางดงามและผิวพรรณีผิดพี่ผิดน้องแต่ถึงบุตรสาวคนอื่นๆ จะมีรูปโฉมงดงามไม่เท่าพี่สาวแต่ชะตากรรมของพวกนางก็ไม่ได้ต่างกันเมื่อถึงวัยออกเรือนก็จะถูกเอามาเร่ขายให้แต่งงานกับเศรษฐีแม้จะได้เป็นเพียงอนุภรรยาหรือว่าบ่าวอุ่นเตียงที่มีชะตากรรมไม่ต่างจากสาวใช้แต่ใครเล่าจะไปสนใจเรื่องราวหลังจากนั้น
นอกจากนี้สามีภรรยาแซ่กุ้ยยังกล่าวหาว่าบุตรสาวและลูกเขยคนล่าสุดนั้นแค่รับเด็กมาเลี้ยงเอาหน้าแท้ที่จริงนั้นเลี้ยงพวกเขาแบบทิ้งๆ ขว้างๆ ไม่ต่างจากเด็กขอทานซึ่งเป็นการใส่ร้ายอย่างน่ารังเกียจที่สุดเท่าที่กุ้ยอิงฮวาเคยได้ยินและไม่คิดเลยว่านางจะมีโอกาสได้ยินคำพูดที่แสนโสโครกและเหยียบย่ำน้ำใจออกมาจากปากของบิดามารดาแท้ๆ ของตนเอง
เจ้าหน้าที่ของอำเภอใช้เวลาไปราวๆ ครึ่งชั่วยามก็เดินทางกลับมาถึงศาลาว่าการพร้อมกับรายงานสิ่งที่ไปเห็นมากับตัวเองโดยเฉพาะสภาพของห้องนอนห้องหนึ่งในบ้านที่ถูกรื้อคนจนแทบจำสภาพเดิมไม่ได้แต่ห้องอื่นๆ ภายในบ้านยังไม่ได้ถูกแตะต้องจึงทำให้พอมองสภาพแวดล้อมการอยู่อาศัยของคนในบ้านได้เป็นอย่างดี
“ข้าได้พบเด็กๆ บุตรของกุ้ยอิงฮวาและซุนคุนเล่อด้วยขอรับพวกเขาร่าเริงสดใสอีกทั้งกิริยามารยาทงดงามเช่นเด็กที่ถูกอบรมสั่งสอนมาเป็นอย่างดีแม้จะดูตกใจกันอยู่บ้างก็ตามไม่น่าเชื่อเลยว่าครั้งหนึ่งเจ้าก้อนแป้งฝาแฝดจะเป็นเด็กผ่ายผอมที่พูดไม่ได้ในตอนนั้น บัดนี้ทั้งคู่อ้วนท้วนสมบูรณ์ขึ้นพูดเก่งอีกทั้งยังซุกซนเฉกเช่นเด็กทั่วๆ ไป” ไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดที่จะลืมภาพของสองเด็กน้อยที่ถูกทิ้งอยู่ในป่ามีสภาพผอมโซเหลือแต่หัวโตๆ ที่ถูกซุนคุนเล่ออุ้มด้วยแขนทั้งสองข้างมาที่อำเภอในครั้งนั้นไปได้แต่ไปอยู่กับบิดามารดาเกือบปีร่างกายก็สมบูรณ์แข็งแรงผิดจากหน้ามือเป็นหลังมือ
“พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าการกล่าวเท็จต่อหน้าเจ้าหน้าที่บ้านเมืองนั้นจะมีโทษอย่างไรบ้าง” ท่านนายอำเภอถามสองสามีภรรยาที่เพิ่งโกหกออกมาอย่างหน้าด้านๆ เมื่อครู่นี้ซึ่งทั้งสองคนก็ตัวสั่นงันงกด้วยความหวาดกลัวที่แผนการของตนนั้นเกิดมีอุปสรรคขึ้นมาได้อีกทั้งในใจยังก่นด่าสตรีผู้นั้นที่หาเรื่องมาให้ไหนนางว่าวิธีการนี้จะทำหาเงินจากกุ้ยอิงฮวาได้ง่ายๆ อย่างไรเล่า
“หากจะให้ข้าแนะนำบิดามารดาที่ไร้จิตสำนึกเช่นพวกเจ้าก็มีเพียงแค่ยอมรับเงินสินสอดจากซุนคุนเล่อแล้วตัดขาดกุ้ยอิงฮวาไปเสียและอย่ากลับมาวุ่นวายอะไรกับครอบครัวของพวกเขาอีกแต่หากเจ้าสองคนยังดื้อแพ่งข้าจะแนะนำให้ทั้งสองคนแจ้งความเอาเรื่องเจ้าข้อหาลักทรัพย์และข้าก็จะมอบข้อหากล่าวเท็จต่อหน้าเจ้าหน้าที่บ้านเมืองให้อีกด้วย”
เรื่องนี้ตัดสินไม่ยากเมื่อหลักฐานเชิงประจักษ์เด่นชัดเห็นอยู่กับตาเสียขนาดนี้หากบิดามารดาของกุ้ยอิงฮวายังดื้อดึงก็นับว่าเป็นคนโง่งมเต็มทีแล้ว
“ข้ายอมตัดขาดต่อไปนี้นางไม่มีสิทธิ์ใช้แซ่กุ้ยของข้าอีกต่อไป” ไม่ต้องคิดทบทวนอะไรให้มากความเพราะเรื่องอะไรจะหาเหาใส่หัวให้มันมากกว่านี้กันเล่าบุตรสาวคนเดียวตัดขาดกันไปที่บ้านก็ยังเหลือบุตรสาวที่บ้านให้ใช้หากินอีกตั้งสองคนรออีกไม่นานพวกนางก็จะโตพอพร้อมที่จะออกเรือนได้แล้วอีกทั้งเงินที่ได้ในวันนี้ก็ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ พวกเขาสามารถนั่งกินนอนกินสบายๆ ไปได้ถึงสี่ห้าปีกันเลยทีเดียว
ขั้นตอนที่เหลือก็ไม่ได้มีอะไรยุ่งยากเจ้าหน้าที่ของอำเภอร่างหนังสือตัดขาดแล้วอ่านให้ทุกคนในที่นี้ฟังเมื่อเห็นชอบตรงกันก็แค่ให้บิดา มารดารวมทั้งตัวของกุ้ยอิงฮวานั้นประทับลายนิ้วมือลงไปแต่เพราะซุนคุนเล่อไม่ได้เตรียมเงินมาสำหรับจ่ายค่าสินสอดผู้อาวุโสจึงมีท่าทีไม่พอใจแต่ก็ได้เถ้าแก่เหมียวที่มาคอยจับตาดูสถานการณ์ที่ศาลาว่าการเป็นคนที่ออกเงินให้ก่อน
“หากข้าเป็นพวกเจ้าจะถนอมและรักบุตรสาวที่มีจิตใจโอบอ้อมอารีและมีความขยันขันแข็งอย่างอิงเอ๋อร์ให้มากกว่าการที่ข้ารักตัวเองเสียอีกในวันนี้นับว่าพวกเจ้าสองคนได้เสียไข่มุกเม็ดงามไปตลอดกาลแล้ว” เถ้าแก่เหมียวกล่าวกับบิดามารดาของกุ้ยอิงฮวาด้วยสีหน้าเรียบเฉยและจากที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดมาตั้งแต่แรกก็ยิ่งนับถือใจของสองสามีภรรยาซุนคุนเล่อและกุ้ยอิงฮวายิ่งนัก
แม้เรื่องพิพาทกับบิดามารดาจะจบไปแล้วแต่สองสามีภรรยาก็ยังต้องอยู่ที่ว่าการอำเภอต่ออีกครู่ให้เพื่อจัดการเรื่องแจ้งชื่อเข้าทะเบียนบ้านสกุลซุนทั้งตัวอิงฮวาและบุตรสาวบุตรชายทั้งสองและหลังจากนี้นางคือซุนอิงฮวาหาใช่กุ้ยอิงฮวาอีกต่อไปแล้ว
“ท่างพ่อ ท่างแม่” เด็กแฝดแทบจะวิ่งชนกันเมื่อเห็นมารดาเดินเข้ามาในบ้านท่านปู่ท่านย่าอู่แม้จะสนุกที่มีเพื่อนเล่นหลายคนเพราะบ้านอู่นั้นมีลูกหลานเยอะแต่ใจของเจ้าก้อนแป้งก็ยังคงคิดถึงท่านพ่อท่านแม่มากอยู่ดี
“อยู่กับท่านย่าเจ้าดื้อหรือเปล่า ซุกซนให้พี่สาวพี่ชายต้องปวดหัวหรือไม่” แม้เจ้าก้อนแป้งจะตัวหนักจนแทบอุ้มไม่ขึ้นแต่ซุนอิงฮวาก็ไม่เคยปฏิเสธในยามที่ลูกๆ กางแขนให้นางอุ้มแต่กระนั้นก็ยังอุ้มพวกเขาไม่ได้นานเพราะซุนคุนเล่อจะมารับช่วงต่อไปอุ้มเองเสียทุกครั้งไป
“เสี่ยวอวี้กับเสี่ยวอิงไม่ดื้อเลยล่ะกินข้าวเก่งอีกทั้งยังกินผักได้ไม่โยเย นี่เซินเอ๋อร์กับเสี่ยวซูช่วยป้าสะใภ้ทำกับข้าวด้วยนะข้าเก็บเอาไว้ให้พวกเจ้าด้วยมากินข้าวกันก่อนเถิดยุ่งๆ กันนี่ก็เลยมื้อกลางวันมานานแล้ว” ไม่พูดเปล่าภรรยาของท่านลุงผู้นำหมู่บ้านก็ช่วยจัดอาหารกลางวันให้ทั้งซุนคุนเล่อและซุนอิงฮวาอย่างเร่งด่วนเพราะเวลานี้พวกเขาน่าจะหิวมากแล้วขนาดสามีนางและบุตรชายที่กลับมาก่อนยังหิวโซกันมาเลย
“ขอบคุณท่านป้าเจ้าค่ะ” แม้จะเกรงใจแต่ผู้อาวุโสก็จัดการเตรียมอาหารเอาไว้เรียบร้อยแล้วสองสามีภรรยาจึงรีบนั่งลงกินข้าวและฟังเรื่องราวที่เจ้าก้อนแป้งแย่งกันเล่าให้ฟังด้วยความตื่นเต้น
“เซินเอ๋อร์ เสี่ยวซูวันนี้พ่อกับแม่เปลี่ยนแซ่ให้เจ้าทั้งคู่แล้วนะหลังจากนี้เจ้าคือซุนซานเซินและซุนซานซูแต่ไม่ต้องกังวลพ่อจะยังพาเจ้าเคารพดวงวิญญาณบิดามารดาผู้ล่วงลับและบรรพบุรุษสกุลเถียนเช่นที่เคยทำมาอย่างแน่นอน” เซินเอ๋อร์ยิ้มกว้างเมื่อสิ่งที่นางร้องขอไปกับบิดานั้นสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี