ครอบครัวยากจนแทบอดตายแต่สามีก็วุ่นวายหาลูกมาเพิ่ม
จีน,รัก,ชาย-หญิง,เกิดใหม่,ครอบครัว,นิยายรักจีนโบราณ,ครอบครัว,เกิดใหม่,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
สตรีผู้นี้มีลูกสี่สามีสามครอบครัวยากจนแทบอดตายแต่สามีก็วุ่นวายหาลูกมาเพิ่ม
หากใครคิดว่าการตายไปคือการได้พ้นทุกข์พิมพ์ลดาขอเรียนให้ทราบว่าทนใช้ชีวิตอยู่ต่อไปเถิดเพราะชีวิตหลังความตายที่ได้พบเจออาจจะบัดซบยิ่งกว่าเก่าดูจากชีวิตของเธอเป็นตัวอย่างจากแต่เดิมที่เป็นคนหาเช้ากินค่ำธรรมดาๆ แต่ชีวิตก็มามีอันถึงคราวซวยต้องมารับใช้หนี้นอกระบบที่พี่สาวแท้ๆ เป็นคนก่อแล้วหนีหายเข้ากลีบเมฆไปไม่กลับมา เจ้าหนี้ก็ตามมาทวงอยู่ได้ทุกวันหาเงินมาจ่ายดอกวันละสองพันก็ยังไม่พอทำให้เธอตัดสินใจโดดน้ำตายให้มันจบๆ ไป ลากันทีชีวิตบัดซบซ้ำซาก
แต่ใครมันจะรู้ว่าจะมีชีวิตในโลกหน้าที่รออยู่จากผู้หญิงธรรมดาอายุยี่สิบปลายๆ กลับต้องมามีชีวิตใหม่สวมวิญญาณเข้าร่างเป็นมารดาของบุตรสี่คนและสามีอีกหนึ่งแต่เรื่องที่มันน่าตกใจไปมากกว่านั้นคือกุ้ยอิงฮวาคนนี้เคยมีสามีมาแล้วก่อนหน้านี้ถึงสองคนสามีแรกแก่ง่ายตายเร็วมาก สามีสองยังไม่แก่แต่ก็ชิงตายไปทิ้งมรดกไว้ให้เป็นลูกๆ ที่แสนรู้ความถึงสองคนส่วนสามีคนที่สามนั้นนางจัดการรวบตึงเอาไว้เพราะอยากให้ในครอบครัวมีผู้ชายช่วยปกป้องดูแลแต่อยู่มาไม่ทันไรเขาก็สร้างเรื่องไปอุ้มเด็กกลับมาบ้านให้นางเลี้ยงอีกแล้วหรืองานนี้ก็ต้องลุกขึ้นมาปฏิวัติครอบครัวให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
หมายเหตุ
นิยายเรื่องนี้ไม่อิงประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะ สถานที่ เหตุการณ์ หรือตัวบุคคลในเรื่องล้วนเกิดจากจินตนาการของผู้เขียนทั้งสิ้นค่ะ
คำเตือน
นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับการฆ่าตัวตายอาจทำให้คุณนักอ่านไม่สบายใจนะคะ
กติกาการลงนิยาย
ลงเนื้อหาให้อ่านฟรีทั้งหมด 10 ตอนหลังจากนั้นจะติดเหรียญล่วงหน้า รายละเอียดดังนี้
1. ติดเหรียญล่วงหน้า 1 สัปดาห์
2. ปลดเหรียญอ่านฟรี 1สัปดาห์
3. หลังจากนั้นจะติดเหรียญถาวรราคาเต็มไปจนถึงตอนจบค่ะ
“เสื้อผ้าจะไปซื้อทำไมล่ะเจ้าคะผ้าพับที่เราได้มาจากเกวียนของพ่อค้าหวู่ยังมีตั้งมากเอาไปจ้างเขาตัดเอาก็ได้นี่นา” วันต่อมาหลังจากที่ซุนคุนเล่อได้พักผ่อนนอนหลับจนเพียงพอแล้วเขาก็ตั้งใจพูดคุยกับภรรยาเรื่องที่จะพานางและลูกๆ ไปซื้อเสื้อผ้าในอำเภอแต่ก็โดนนางแย้งขึ้นมาเสียก่อน
“ตัดก็ส่วนตัดมันต้องเสียเวลารอแต่ถ้าหากซื้อชุดตัดสำเร็จมาจากร้านค้าพวกเจ้าก็จะได้ชุดใหม่เลยทันที อิงเอ๋อร์พี่ขอล่ะเจ้าช่วยใช้เงินทองที่พี่หามาทีเถิดฟุ่มเฟือยสักสิบยี่สิบตำลึงก็ยังดี”
“เอ้า ท่านพี่นี่ก็พูดเข้า ข้ามิได้ตระหนี่ถึงขนาดนั้นแต่หากข้าใช้เงินแล้วท่านสบายใจข้าก็จะใช้เจ้าค่ะ” ไม่มีเหตุผลที่จะต่อรองเพราะเงินไม่กี่ตำลึงนั้นไม่ทำให้สามีของนางหมดกระเป๋าได้ง่ายๆ อีกทั้งเด็กๆ ก็ยังต้องออกไปขายของด้วยกันทุกวันจะให้พวกเขาใส่แต่เสื้อผ้าเก่าๆ ตลอดไปก็ใช่ว่าจะดี
“อีกอย่างหนึ่งพี่คิดว่าเราควรเช่าร้านค้าสักหนึ่งร้านได้แล้วกิจการของเจ้าก็ดีขึ้นเรื่อยๆ มีอาหารหลากหลายขายมากขึ้นไม่ต้องกลัวว่าจะต้องใช้เงินเก็บในหีบนั้นเพราะพี่จะใช้เงินที่ได้จากการขายซากเสือในการลงทุนให้เจ้า” เรื่องเงินที่ขายซากเสือได้เมื่อวานนี้เขายังไม่ได้พูดถึงอีกทั้งกุ้ยอิงฮวาเองก็ไม่ได้ถามจึงลืมมันไปเสียอย่างนั้นจนเมื่อได้มานั่งคุยกันแล้วจึงคิดออกว่ายังมีเรื่องใดขาดตกไปบ้าง
“เงินที่ขายซากเสือได้หนึ่งพันห้าร้อยตำลึงทอง เข้าป่ากันไปหกคนก็ได้ส่วนแบ่งมาคนละสองร้อยห้าสิบตำลึงทองเงินนี้น่าจะพอจ่ายค่าเช่าร้านไปได้หลายสิบปีหรือถ้าเจ้าอยากจะซื้อเป็นของตัวเองเลยพี่ก็ไม่ติดขัด” หลักฐานอยู่ตรงหน้าพร้อมคำอธิบายของซุนคุนเล่อทำเอากุ้ยอิงฮวาที่ไม่เคยรู้ราคาของการซื้อขายสัตว์ป่านั้นถึงกับตาโตขึ้นมาในทันที
“เช่าก่อนดีกว่าเจ้าค่ะข้าทำใจไม่ได้หากว่าจะต้องจ่ายเงินไปครั้งละมากๆ” นางเคยเห็นอยู่ว่าร้านค้าในอำเภอมีที่ติดราคาขายเอาไว้ร้านค้านั้นราคาตั้งห้าสิบตำลึงทองขึ้นไปอีกทั้งราคายังผันไปตามขนาดของที่ดินและร้านค้าที่สร้างเอาไว้ซึ่งกุ้ยอิงฮวายังไม่พร้อมที่จะจ่ายเงินจำนวนมากถึงขนาดนั้น
“ถ้าเช่นนั้นวันนี้เจ้าเตรียมตัวเถิดเราจะพาลูกๆ ไปซื้อเสื้อผ้าและหาเช่าร้านค้ากันจะต้องแวะไปเยี่ยมท่านลุงกับท่านป้าเหมียวด้วยหายมานานๆ กลัวท่านจะเป็นห่วง เด็กๆ ให้พี่สาวพี่ชายพาไปล้างหน้าล้างตาให้สะอาดเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วพ่อจะพาเราทุกคนเข้าไปเที่ยวในอำเภอกัน” แม้อำเภอจะไม่ได้กว้างใหญ่อะไรมากแต่สำหรับเด็กๆ แล้วก็ยังเป็นสถานที่ที่น่าตื่นตาตื่นใจอยู่เสมอเมื่อท่านพ่อพูดจบจึงไม่มีใครอิดออดรีบวิ่งตามๆ กันไปเข้าห้องน้ำให้พี่ชายพี่สาวช่วยล้างหน้าล้างมือให้
“เช่นนั้นข้าไปเตรียมเสื้อผ้าให้ลูกๆ ก่อนนะเจ้าคะ” กุ้ยอิงฮวาเข้าห้องนอนมาเลือกเสื้อผ้าชุดที่ดีที่สุดให้บุตรทุกคนรวมไปถึงตัวเองด้วยและเมื่อเดินไปยังห้องนอนของสามีเห็นว่าเขาไม่ได้อยู่ข้างในนั้นนางจึงต้องใจเข้าไปเลือกชุดให้เขาเช่นเดียวกันในวันนี้ครอบครัวของเราแต่งกายไปทางโทนเดียวกันทั้งหมดโดยนางและสามีนั้นสวมชุดผ้าฝ้ายเนื้อหยาบสีน้ำเงินเข้มส่วนเด็กๆ นั้นจะเป็นชุดผ้าฝ้ายเนื้อดีสีฟ้าเข้มและอ่อน
“พวกเจ้าบอกว่ากำลังจะหาเช่าร้านค้าเช่นนั้นหรือดีเลยข้ามีร้านค้าว่างอยู่หลายแห่งทั้งของตัวเองและของที่สหายฝากขายเจ้าอยากจะเลือกดูก่อนหรือไม่” เมื่อมาถึงอำเภอสิ่งแรกที่ต้องทำคือเดินทางมาที่ร้านค้าข้าวสกุลเหมียวเพื่อพักทายผู้อาวุโสและก็นับว่าโชคดีที่มาปรึกษาก่อนพวกเขาจึงมั่นใจได้ว่าตนเองจะได้ร้านค้าที่เหมาะสมกับราคาอย่างแน่นอน
“ต้องรบกวนท่านลุงแล้วเจ้าค่ะ”
ร้านค้าที่ยังว่างอยู่ของสกุลเหมียวนั้นคือร้านค้าข้าวเก่าที่เล็กกว่าร้านเดิมครึ่งหนึ่งเป็นร้านเก่าแก่ร้านแรกที่สร้างขึ้นมาเลยก็ว่าได้แต่ยังอยู่ในสภาพดีเพราะยังมีคนมาดูแลทำความสะอาดอยู่สม่ำเสมอ
“ร้านนี้ไม่ค่อยมีใครมาเช่าเพราะว่ามันค่อนข้างเล็กน่ะแต่ไม่ต้องห่วงนะโครงสร้างร้านค้ายังดีอีกทั้งมีพื้นที่ด้านหลังด้วย” แม้หน้าร้านจะเล็กแต่ที่กว้างด้านหลังกลับกว้างขวางยิ่งนักสามารถปลูกเรือนอีกหลังอยู่ที่นี่ได้สบายๆ กันเลยทีเดียว
“ที่ตรงนี้เป็นที่หัวมุมอีกทั้งด้านหลังก็ยังมีที่ดินเปล่าว่างอยู่มากในอนาคตหากจะขยับขยายก็สะดวกสบายอยู่ไม่น้อยเลยนะขอรับ”
“ที่เจ้าพูดก็ถูกต้องแล้วล่ะร้านค้าแม้จะไม่ใหญ่แต่สามารถขยับขยายที่ดินได้ในอนาคตนับว่าดียิ่ง เอาล่ะอย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจไปยังมีอีกสองสามที่ที่ข้าจะพาพวกเจ้าไปดู” เถ้าแก่เหมียวเดินพาครอบครัวซุนเดินไปดูร้านค้าที่ตนเองให้เช่าอีกสองสามร้านจนเวลาล่วงเลยมาถึงเที่ยงวันเด็กๆ จึงเริ่มงอแงเพราะหิวข้าวซุนคุนเล่อจึงเสนอว่าจะขอเลี้ยงอาหารผู้อาวุโสเป็นการขอบคุณที่ช่วยเหลือตัวเถ้าแก่เหมียวที่ไม่อยากให้สิ้นเปลืองจึงแนะนำร้านบะหมี่เนื้อเจ้าอร่อยของอำเภอให้ทุกคนลิ้มลอง
หลังจากกินอิ่มก็ได้เวลาแยกย้ายโดยซุนคุนเล่อบอกกับเถ้าแก่เหมียวว่าจะขอไปปรึกษาภรรยาเรื่องร้านค้าก่อนจากนั้นก็พาเด็กๆ ไปเลือกซื้อเสื้อผ้ารวมถึงเครื่องนอนชุดใหม่เนื่องจากชุดที่ใช้อยู่นั้นมันก็หลายปีแล้วและนอกจากเสื้อผ้ากับเครื่องนอนแล้วกุ้ยอิงฮวายังต้องเลือกซื้อเครื่องประดับเพื่อตามใจสามีโดยนางยังคงเลือกเป็นปิ่นไม้ที่แกะสลักอย่างประณีตอีกทั้งยังตกแต่งด้วยหยกแกะสลักชิ้นเล็กๆ งดงามน่ามองมิได้ดูฉูดฉาดจนเกินไปนักสามารถใช้ได้ประจำทุกๆ วัน
บ้านซุนเลือกซื้อของกันเกือบทั้งวันนอกจากของใช้แล้วของกินก็ยังจำเป็นมากพวกเครื่องปรุงเช่นเกลือ ซีอิ๊ว น้ำตาลและน้ำมันรวมไปถึงแป้งหลากหลายชนิดซุนคุนเล่อจัดการซื้อยกไหยกกระสอบเพื่อที่จะไม่ต้องมาเสียเวลาซื้อหากันบ่อยๆ
“เจ้าชอบใจร้านค้าไหนเป็นพิเศษหรือไม่อิงเอ๋อร์” ระหว่างที่บังคับเกวียนกลับบ้านลูกๆ ก็หลับคอพับไปหมดแล้วเพราะเหนื่อยจากการเดินซื้อของมาตลอดวันซุนคุนเล่อจึงถือโอกาสปรึกษาภรรยาในเรื่องของการเช่าร้านค้าเสียเลย
“ร้านค้าแรกแม้จะไม่ถูกใจข้าในเรื่องของขนาดร้านค้าแต่พื้นที่ที่ได้ติดมาด้วยนั้นสามารถทำประโยชน์ได้หลายอย่างนักเจ้าค่ะ หากในอนาคตเราต้องการขยับขยายก็จะง่ายด้วยนอกจากนี้เถ้าแก่เหมียวคงจะไม่ว่าหากเราจะขอเช่าในระยะยาวหรือว่าขอซื้อต่อ” กุ้ยอิงฮวาไม่ได้มองแค่การเปิดร้านในวันนี้พรุ่งนี้แต่นางมองไปถึงอีกห้าปีสิบปีข้างหน้าที่ตัวเองจะต้องเป็นเจ้าของร้านค้าให้ได้สักหนึ่งร้านเอาไว้เป็นรากฐานในการประกอบอาชีพให้ลูกๆ ของนางเพราะพวกเขาต่างก็เติบโตขึ้นในทุกๆ วันนางจะมัวมานั่งเช่าหน้าร้านของผู้อื่นอยู่แบบนี้ไม่ได้หรอก
“พี่ก็คิดเช่นเดียวกับเจ้าหรือเราจะลองขอซื้อร้านค้าเลยจะดีหรือไม่” ที่ใจร้อนกว่าก็น่าจะเป็นซุนคุนเล่อคนนี้แม้ว่าตัวเองจะไม่ได้ช่วยงานที่ร้านสักเท่าไรเพราะต้องดูแลที่นาและสวนรวมถึงมีงานเตรียมหาวัตถุดิบต่างๆ ให้ภรรยาแต่เรื่องการบริหารจัดการและเงินลงทุนนั้นเขาสามารถหาให้นางได้ไม่มีจำกัด
“บอกตรงๆ ว่าข้าทำใจไม่ได้เลยเจ้าค่ะที่จะจ่ายเงินออกไปเป็นจวนมากถึงขนาดนั้นเอาเป็นว่าเราขอเช่าร้านค้าระยะยาวหนึ่งปีถึงสองปีก่อนหากว่ากิจการไปได้ด้วยดีข้าสัญญาว่าท่านพี่จะต้องจ่ายเงินซื้อร้านนี้ให้ข้าอย่างแน่นอนเลยเจ้าค่ะ” กุ้ยอิงฮวายังคงต่อรองเพราะนางปวดใจจริงๆ ที่จะต้องเห็นเงินจำนวนมากมายไหลออกไปจากกระเป๋าของสามี
หลังจากพูดคุยเจรจาเรื่องการขอเช่าร้านค้าในระยะยาวอีกเจ็ดวันต่อมากุ้ยอิงฮวาก็กลับมาขายข้าวแกงอีกครั้งเพียงแต่ครั้งนี้นางมีร้านค้าเล็กๆ เป็นของตัวเองไม่ต้องไปนั่งขายของตากแดดที่ริมถนนอีกต่อไปแล้วและด้วยความที่พื้นที่มีมากขึ้นนางจึงเพิ่มรายการอาหารมาอีกสองอย่างอีกทั้งแจกน้ำแกงให้ลูกค้าได้รับประทานฟรีอีกด้วยแต่จะหมุนเวียนกันไปตามที่มีวัตถุดิบบางวันก็เป็นน้ำแกงกระดูกปลา น้ำแกงกระดูกไก่ไม่ก็น้ำแกงไข่สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปเรื่อยๆ
ส่วนเรื่องเวลาขายนั้นนางก็ยังยืดเวลาออกไปอีกนิดจากแต่เดิมที่ขายเพียงไม่ถึงสองชั่วยามแต่ในเมื่อมีร้านค้าแล้วนางก็จะเปิดร้านถึงปลายยามเว่ยอีกทั้งยังจ้างคนจากในหมู่บ้านมาช่วยทำหน้าที่ล้างจานชามในช่วงเวลาต้นยามเว่ยทำให้ไม่ต้องทำงานทุกอย่างด้วยตนเองซึ่งคนที่มารับจ้างนั้นก็ไม่ใช่ใครเป็นพี่สะใภ้รองบ้านอู่ภรรยาของพี่อู่เต๋อและพี่สาวของม่อจืออันซึ่งพอพวกงานทำงานเสร็จก็จะนั่งเกวียนกลับหมู่บ้านพร้อมคนบ้านซุนเลยทีเดียว
เมื่อมาถึงบ้านก็ยังต้องเตรียมวัตถุดิบสำหรับทำอาหารขายต่อซึ่งช่วงเวลานี้ซุนคุนเล่อก็จะขึ้นเขาไปล่าสัตว์ไม่ก็จะไปจับปลาที่ลำธารหลังบ้านให้ภรรยาจนกุ้ยอิงฮวารู้สึกสงสารสามีที่ทำงานไม่ได้หยุดพักรวมถึงลูกๆ ที่แม้จะช่วยอะไรไม่ได้มากแต่เซินเอ๋อร์และเสี่ยวซูก็ยังคอยเข้ามาช่วยงานเล็กๆ น้อยๆ ไม่หยุดมือกันเลยอีกทั้งก่อนนอนพวกเขาก็ยังต้องมานั่งท่องตำรากันเพราะการศึกษาก็เป็นอีกสิ่งที่จะละเลยไปไม่ได้เป็นอันขาด
“เจ้าสองคนเหนื่อยบ้างหรือไม่ต้องออกไปที่ร้านแต่เช้าทุกวันอีกทั้งยังต้องกลับมาช่วยงานแม่อีกไม่ได้มีเวลาไปเล่นสนุกเช่นเพื่อนๆ วัยเดียวกันเลย” ระหว่างที่ให้ลูกๆ ช่วยเตรียมผักเอาไว้ทำอาหารขายกุ้ยอิงฮวาก็ถือโอกาสไถ่ถามบุตรสาวคนโตและบุตรชายคนรองด้วยความเป็นห่วง
“ขายของกับเตรียมทำอาหารก็สนุกเจ้าค่ะลูกไม่เหนื่อยเลย” เรื่องแค่นี้นับว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสิ่งที่บิดามารดาผู้เลี้ยงดูทำให้เถียนซานเซินและน้องๆ ทุกคนอีกทั้งที่ผ่านมาบิดาผู้ให้กำเนิดก็สั่งสอนมาตลอดว่าต้องไม่ลืมบุญคุณคนเด็กหญิงที่จำคำสอนใส่ใจไว้จึงพยายามช่วยเหลืองานให้มากที่สุดอีกทั้งยังไม่ทำตัวให้เป็นภาระ
“ลูกก็ไม่เหนื่อยขอรับมีเพื่อนเล่นเป็นเจ้าก้อนแป้งแล้วด้วย” ทุกวันนี้แม้จะไม่ได้ออกไปเล่นกับเพื่อนๆ ในวัยเดียวกันแต่เถียนซานซูก็ไม่เหงาเพราะเขามีน้องๆ วัยกำลังซนเป็นเพื่อนเล่นแล้ว
“แต่ถ้าหากพวกเจ้าเหนื่อยหรือว่าอยากพักก็ทำได้นะแม่จะไม่ว่าไม่ดุเจ้าหรอก” น้อยครั้งมากที่กุ้ยอิงฮวาจะดุลูกๆ นั่นเพราะนางได้เลี้ยงเด็กสกุลเถียนก็ตอนที่พวกเขาเริ่มรู้ความแล้วอีกทั้งบิดามารดาแท้ๆ ก็สั่งสอนพวกเขามาเป็นอย่างดีตั้งแต่แรกจึงไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องเหน็ดเหนื่อยหรือลำบากใจ
แต่กับเจ้าก้อนแป้งอีกสองคนนั้นค่อนข้างจะแตกต่างเรื่องสั่งสอนนั้นไม่ยากเท่าไหร่แต่สิ่งที่เหนื่อยน่าจะเป็นการสอนสั่งให้เด็กๆ รู้จักพูดรู้จักบอกความรู้สึกของตนเองด้วยเจ้าเด็กสองคนนั้นไม่ได้มีคนใส่ใจพวกเขามาเป็นเวลานานจึงต้องมาพยายามไปด้วยกันเลี้ยงพวกเขาที่ยังทำตัวไม่ต่างจากทารกแบเบาะทั้งๆ ที่ตอนที่รับพวกเขามาอายุของเด็กๆ น่าจะได้สามขวบปีแล้วจนในวันนี้เห็นพวกเขาพูดได้เก่งขึ้นกินข้าวอร่อยกันก็สบายใจที่ความพยายามที่ลงทุนลงแรงไปนั้นมันไม่สูญเปล่า
“แต่จะว่าไปแล้วท่านพ่อเหนื่อยกว่าพวกเรามากนักนะเจ้าคะท่านแม่ไหนจะไปขายของกลับมาก็ต้องขึ้นเขาไปล่าสัตว์รวมถึงดูแลที่นาด้วย” ที่บุตรสาวพูดนั้นก็จริงอยู่ซุนคุนเล่อชอบพูดว่าวันๆ เขาไม่ได้ทำอะไรมากทั้งๆ ที่เขานี่แหละที่งานหนักกว่าทุกคนแต่เห็นทีแล้วกุ้ยอิงฮวาคงต้องหาเวลาพูดคุยกับเขาเรื่องจ้างคนมาดูแลที่นาแทนเสียแล้ว