ภณถูกส่งมาฝึกงานใต้การดูแลของธนัชในแผนกศัลยกรรมกระดูกและข้อ เขาตื่นเต้นมากที่ได้ร่วมงานกับ “เทพบุตรแห่งห้องผ่าตัด” แต่ธนัชกลับเย็นชาและเข้มงวดกับภณมากเป็นพิเศษ
ชาย-ชาย,รัก,ผู้ใหญ่,ไทย,ดราม่า,แฟนตาซี,วาย,nc,18+,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เส้นเเบ่งระหว่างหัวใจเเละหน้าที่ภณถูกส่งมาฝึกงานใต้การดูแลของธนัชในแผนกศัลยกรรมกระดูกและข้อ เขาตื่นเต้นมากที่ได้ร่วมงานกับ “เทพบุตรแห่งห้องผ่าตัด” แต่ธนัชกลับเย็นชาและเข้มงวดกับภณมากเป็นพิเศษ
ภณถูกส่งมาฝึกงานใต้การดูแลของธนัชในแผนกศัลยกรรมกระดูกและข้อ เขาตื่นเต้นมากที่ได้ร่วมงานกับ “เทพบุตรแห่งห้องผ่าตัด” แต่ธนัชกลับเย็นชาและเข้มงวดกับภณมากเป็นพิเศษ วันแรกที่เจอกัน ภณทำถาดเครื่องมือผ่าตัดตกพื้นเพราะตื่นเต้น ธนัชต่อว่าเขาด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกว่า “ถ้าคุมสติตัวเองไม่ได้ ก็ออกไปจากห้องนี้ซะ” ภณอายมาก แต่แอบตั้งปณิธานว่าจะทำให้ธนัชยอมรับเขาให้ได้
ค่ำวันนั้น ฝนเริ่มโปรยลงมาเบา ๆ เม็ดฝนกระทบหน้าต่างโรงพยาบาลเป็นจังหวะ ภณเดินไปที่ห้องทำงานของธนัชด้วยความตั้งใจ เขาเคาะประตูสองครั้ง เสียงทุ้มของธนัชดังจากด้านใน “เข้ามา”
ห้องทำงานของธนัชอบอุ่นจากเครื่องทำความร้อน กลิ่นกาแฟลอยคละคลุ้งจากแก้วที่วางอยู่บนโต๊ะ ธนัชนั่งอยู่ที่เก้าอี้หลังโต๊ะไม้สีเข้ม มือหนึ่งถือปากกา อีกมือกดที่ขมับเหมือนกำลังเหนื่อยล้า เขาสวมเสื้อกาวน์ที่ปลดกระดุมด้านบนออกหนึ่งเม็ด เผยให้เห็นคอและไหปลาร้าที่แข็งแรง แสงจากโคมไฟตั้งโต๊ะส่องใบหน้าคมของเขา ทำให้ดวงตาคู่ลึกดูมีเงามากขึ้น
“หมอครับ” ภณเริ่ม เขายืนอยู่หน้าประตู “ผมขอคุยด้วยหน่อย”
ธนัชเงยหน้าขึ้น “มีอะไร” เขาถาม น้ำเสียงเรียบแต่แฝงด้วยความระวัง
ภณสูดหายใจลึก “ผมอยากรู้ว่าหมอกำลังทำอะไรอยู่” เขาพูด “ตั้งแต่คืนนั้น หมอหลบหน้าผม ผมทำอะไรผิดหรือเปล่า”
ธนัชวางปากกาลงช้า ๆ เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินอ้อมโต๊ะมาหยุดตรงหน้าภณ “นายไม่ได้ทำอะไรผิด” เขาตอบ “ฉันแค่…จัดการบางอย่าง”
“จัดการอะไรครับ” ภณถามต่อ เขาก้าวเข้าไปใกล้ “ถ้าไม่ใช่เพราะผม ทำไมหมอถึงไม่มองหน้าผมเลย”
ธนัชหลบตา “มันไม่เกี่ยวกับนาย” เขาพูด “มันเกี่ยวกับฉัน”
“เกี่ยวกับอะไร” ภณกดดัน “หมอรู้สึกอะไรกับผมบ้างไหม หรือคืนนั้นมันเป็นแค่ความผิดพลาดจริง ๆ”
ธนัชเงียบไปนาน เขาก้มมองพื้นไม้สีน้ำตาลเข้ม เงาของเขาทาบทับกับแสงไฟ “นายอยากได้คำตอบจริง ๆ ใช่ไหม” เขาถามในที่สุด
“ครับ” ภณตอบ ดวงตาคู่สวยฉายแววจริงจัง
ธนัชยกมือขึ้นแตะไหล่ภณเบา ๆ “ฉันไม่รู้” เขาพูด “ฉันไม่รู้ว่าฉันรู้สึกอะไร และนั่นคือสิ่งที่ฉันกลัว”
ภณน้ำตาคลอ “ถ้าหมอไม่รู้ ทำไมหมอถึงจูบผม” เขาถาม “ทำไมถึงทำแบบนั้นถ้ามันไม่มีอะไร”
ธนัชกำมือแน่น “ฉันบอกนายแล้ว ว่าฉันเสียสติ” เขาตอบ แต่แววตาของเขาสั่นไหว
“ผมไม่เชื่อ” ภณสวนกลับ เขายื่นมือไปจับแขนธนัช “ถ้ามันเป็นแค่ความผิดพลาด หมอจะกล้าทำมันอีกไหม”
ธนัชชะงัก เขามองตาภณ ดวงตาคู่สวยที่เต็มไปด้วยความหวังและความเจ็บปวดนั้นทำให้หัวใจเขาเต้นแรง เขายกมือขึ้นเหมือนจะสัมผัสหน้าภณ แต่หยุดกลางคัน “ไปพักเถอะ” เขาพูดในที่สุด แล้วหันหลังกลับไปที่โต๊ะ
ภณยืนนิ่ง เขากัดปากแน่นเพื่อกลั้นน้ำตา “ครับ” เขาตอบเบา ๆ ก่อนเดินออกจากห้องไป ฝนที่ตกหนักขึ้นนอกหน้าต่างเหมือนเป็นฉากหลังของความรู้สึกที่แตกสลาย
ฟางที่ยังคงเฝ้ามองอยู่ที่มุมโถงใกล้ห้องทำงานของธนัช เธอเห็นภณเดินออกมาด้วยใบหน้าที่แดงก่ำและดวงตาที่เปียกชื้น เธอไม่ได้ยินบทสนทนา แต่แค่เห็นท่าทางของภณ เธอก็รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น เธอพิงกำแพง มือหนึ่งถือสมุดบันทึก อีกมือหมุนปากกาเล่น สายตาของเธอเย็นเยือกแต่แฝงด้วยความสนใจ
“นายน่าสงสารจริง ๆ” เธอพูดกับตัวเองเบา ๆ “แต่ถ้าจะพังทั้งคู่แบบนี้ ฉันคงต้องทำอะไรสักอย่าง”
ฟางรู้ทุกอย่างในความรู้สึกของภณ ความขัดแย้งของธนัช และความลับที่ทั้งคู่พยายามซ่อน เธอตัดสินใจแล้วว่าจะรอต่อไป แต่ไม่นาน เธอจะไม่ยอมเป็นแค่ผู้ดูอีกต่อไป
ฝนยังคงตกหนักอยู่นอกหน้าต่างโรงพยาบาล เสียงเม็ดฝนกระทบกระจกดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ราวกับเป็นฉากหลังของความโกลาหลในใจของทุกคน ภณเดินออกจากห้องทำงานของธนัชด้วยก้าวที่สั่นเทา ดวงตาคู่สวยแดงก่ำ เขากัดปากแน่นเพื่อกลั้นน้ำตา คำพูดของธนัช “ฉันไม่รู้ว่าฉันรู้สึกอะไร” ยังคงดังก้องในหัว เขารู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีบแน่นจนหายใจไม่ออก
ที่มุมโถงใกล้ ๆ ฟาง ยืนพิงกำแพงเงียบ ๆ แสงจากโคมไฟส่องลงมาบนใบหน้าคมของเธอ ผมยาวสีดำที่มัดสูงปลิวไหวเล็กน้อยจากลมที่พัดผ่านประตู เธอสวมชุดกาวน์ที่เปียกฝนเล็กน้อยจากตอนที่เดินกลับเข้ามาในตึก มือหนึ่งถือสมุดบันทึก อีกมือหมุนปากกาเล่นเหมือนเป็นนิสัย สายตาของเธอจับจ้องที่ภณ ร่างสูงโปร่งที่เดินโซเซด้วยท่าทางที่ดูเหมือนคนสูญเสียอะไรบางอย่าง เธอเห็นทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นน้ำตาที่คลอในตาเขา ไหล่ที่สั่น และสีหน้าที่บ่งบอกถึงความเจ็บปวด
ฟางถอนหายใจเบา ๆ “นายนี่น่าสงสารจริง ๆ” เธอพูดกับตัวเอง น้ำเสียงของเธอแหบพร่าเล็กน้อย ไม่ใช่แค่เพราะความเหนื่อยจากการทำงาน แต่เพราะความรู้สึกที่เธอเก็บไว้มานาน ความรู้สึกที่ไม่มีวันถึงภณ
ฟางแอบชอบภณมาตั้งแต่สมัยเรียนแพทย์ปี 2 เธอจำได้ดี วันแรกที่เจอเขาในห้องปฏิบัติการกายวิภาค ภณยิ้มให้เธอขณะช่วยกันผ่ากบ รอยยิ้มนั้นสดใสและอบอุ่นจนทำให้หัวใจของเธอเต้นแรง เธอพยายามเข้าใกล้เขา ชวนเขากินข้าว ช่วยเขาทบทวนบทเรียน แม้แต่ตอนที่ภณสอบตกวิชาศัลยศาสตร์ เธอก็เป็นคนนั่งติวให้เขาทั้งคืน แต่ไม่ว่าฟางจะพยายามแค่ไหน ภณก็มองเธอแค่ “เพื่อน” เสมอ เขาไม่เคยเห็นแววตาที่เธอมองเขา ไม่เคยรู้ถึงหัวใจที่เต้นแรงทุกครั้งที่อยู่ใกล้ และเมื่อเธอสารภาพความรู้สึกในวันรับปริญญา คำตอบของภณก็ชัดเจนราวกับมีดที่กรีดลงบนใจเธอ
“ฟาง ฉันเห็นเธอเป็นเพื่อนสนิทจริง ๆ ขอบคุณที่ชอบฉัน แต่ฉัน…ให้แบบนั้นกับเธอไม่ได้”
คำพูดนั้นยังคงฝังอยู่ในใจฟาง เธอยิ้มรับในวันนั้น ยิ้มทั้งที่น้ำตาไหลในใจและเก็บความเจ็บปวดนั้นไว้เงียบ ๆ ตั้งแต่วันนั้น เธอเปลี่ยนตัวเองกลายเป็นคนเย็นชา ฉลาด และแข็งแกร่ง แต่ลึก ๆ แล้ว ความแค้นต่อภณที่ไม่เคยมองเธอกลับยังคงอยู่ และเมื่อเธอเห็นภณทุ่มเทหัวใจให้ธนัช คนที่ผลักเขาออกซ้ำแล้วซ้ำเล่า ความแค้นนั้นยิ่งทวีคูณ
ฟางหมุนปากกาในมือเร็วขึ้น เธอมองภณที่เดินหายไปที่มุมโถง “นายไม่เคยเห็นค่าฉัน” เธอพูดเบา ๆ “แต่กลับยอมให้คนแบบนั้นทำร้ายนาย ฉันจะรอดูว่านายจะทนได้นานแค่ไหน”
ภณเดินมาถึงห้องพักแพทย์ มือของเขาสั่นขณะเปิดประตู ห้องเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยกลิ่นยาฆ่าเชื้อและกลิ่นเหงื่อจาง ๆ จากกาวน์ที่วางกองอยู่บนโซฟา เขาทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ มือกุมหน้าด้วยความอ่อนล้า แสงจากโคมไฟตั้งพื้นส่องลงมาบนผมสีน้ำตาลอ่อนของเขา ทำให้เงาของเขาทาบลงบนพื้นไม้สีเข้ม
เขานึกถึงธนัช ใบหน้าคมที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง ดวงตาที่มองเขาด้วยความรู้สึกที่อ่านไม่ออก และมือที่เคยสัมผัสเขาด้วยความร้อนแรงแต่กลับเย็นชาในวันนี้ ภณกำหมัดแน่น “ฉันควรหยุดไหม” เขาถามตัวเองในใจ “หรือฉันควรสู้ต่อ”
ประตูห้องเปิดออก ฟางเดินเข้ามาด้วยท่าทางสงบ เธอถือแก้วน้ำร้อนในมือ ไอร้อนลอยขึ้นจากขอบแก้ว เธอมองภณที่นั่งก้มหน้าอยู่ครู่หนึ่งก่อนวางแก้วลงบนโต๊ะข้าง ๆ “ดื่มน้ำก่อน” เธอพูดด้วยน้ำเสียงนุ่ม “หน้าตานายเหมือนคนจะเป็นลม”
ภณเงยหน้าขึ้น “ขอบคุณ” เขารับแก้วน้ำมา มือที่สั่นเล็กน้อยสัมผัสกับความอุ่นของแก้ว เขาจิบน้ำช้า ๆ หวังว่ามันจะช่วยให้หัวใจสงบลง
ฟางนั่งลงบนโซฟาตัวยาวตรงข้ามเขา ขาไขว่ห้าง มือพักที่พนักพิง เธอมองภณด้วยสายตาที่เหมือนจะมองทะลุ “วันนี้นายดูแย่กว่าปกติ” เธอพูด “เกิดอะไรขึ้น”
“ไม่มีอะไร” ภณตอบ เขาหลบตา วางแก้วน้ำลงบนโต๊ะ “แค่เหนื่อย”
ฟางยิ้มมุมปาก “เหนื่อยจากงาน หรือเหนื่อยจากใจ” เธอถามต่อ น้ำเสียงของเธอราบเรียบแต่แฝงด้วยความหมาย
ภณชะงัก “ฟาง…” เขาเริ่ม “เธอไม่ต้องเป็นห่วงฉันมากขนาดนั้นก็ได้”
“ฉันเป็นห่วงนายมาตลอด” ฟางตอบทันควัน เธอโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย “ตั้งแต่สมัยเรียน นายจำได้ไหม วันที่นายร้องไห้เพราะสอบตก ฉันนั่งอยู่กับนายทั้งคืน หรือวันที่นายลืมกินข้าวจนเป็นลม ฉันเป็นคนพาไปโรงพยาบาล”
ภณเงียบ เขามองฟางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด “ฉันจำได้” เขาพูดเบา ๆ “เธอเป็นเพื่อนที่ดีจริง ๆ”
“เพื่อน” ฟางพูดคำนั้นซ้ำ น้ำเสียงของเธอขมขื่นเล็กน้อย เธอพิงพนักโซฟากลับไป “ใช่ ฉันเป็นแค่เพื่อน” เธอยิ้มให้ตัวเองรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดที่ภณไม่เคยเห็น
ในใจของฟาง คำว่า “เพื่อน” เป็นเหมือนกำแพงที่เธอเกลียดมาตลอด เธอเคยหวังว่าเวลาจะเปลี่ยนใจของภณ แต่เมื่อเห็นเขาทุ่มเทให้ธนัช คนที่ไม่เคยเห็นคุณค่าในตัวเขา ความแค้นของเธอยิ่งชัดเจน เธอแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องความสัมพันธ์ของภณและธนัช แต่ทุกครั้งที่เห็นภณเจ็บ เธอก็ยิ่งอยากให้ทั้งคู่พังลงด้วยกัน
ติดตามตอนต่อไป