หิมะกลายเป็นหนึ่งเดี่ยวกับฉัน เพียงเพราะฉันกลายเป็นผู้หญิงที่มีพลังเหนือธรรมชาติ
แอคชั่น,ไซไฟ,แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ยุคปัจจุบัน,ไอซ์สโนว์,สาวพลังหิมะ,แอคชั่น,ยอดมนุษย์,ฮิวแมน,เหนือธรรมชาติ,แฟนตาซี,การต่อสู้,YukiCoCo,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ไอซ์สโนว์ สาวพลังหิมะหิมะกลายเป็นหนึ่งเดี่ยวกับฉัน เพียงเพราะฉันกลายเป็นผู้หญิงที่มีพลังเหนือธรรมชาติ
คำแนะนำจากคนเขียน
นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายแต่งขึ้นตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนแต่ไม่จบ
เลยขอนำเสนอไว้สักตอนหนึ่งให้อ่านเล่นๆ ก่อนที่จะมาเขียนต่อ
เรื่องนี้เป็นเรื่องแต่งขึ้นไม่ได้อ้างอิงจากอะไรทั้งสิ้น
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะคะ ขอบคุณสำหรับผู้มาอ่าน
และให้ความสนใจในนิยายเรื่องนี้นะคะ
บทนำของเรื่อง
เมื่อเด็กสาวลูกเสี้ยวไทยนามว่า มิรารี ต้องออกเดินทางไปยังงานเทศกาลวิทยาศาสตร์ที่นิวยอร์กตามความต้องการของเธอ แต่แล้วก็เกิดเรื่องขึ้นเมื่อด็อกเตอร์คนหนึ่งทำเรื่องขึ้นก่อให้เกิดระเบิดครั้งใหญ่ขึ้น ทำให้คนตายนับพันร่วมถึงตัวมิรารีที่ไม่น่าจะรอดจากเหตุการณ์นั้น แต่แล้วเวลาผ่านไป 10 ปีตัวเธอที่น่าจะโดนแช่แข็งตายกับฟื้นขึ้นมาในสถานที่แปลกตาเข้าพร้อมกับร่างกายที่เปลี่ยนไป แล้วเธอจะหาใครมาช่วยเธอได้ล่ะ?
กำหนดการลงนิยาย
ยังไม่แน่ชัดนะคะ
ตอนที่ 12 รีบช่วยเหลือ
ห่างออกมาจากเกาะ เครื่องบินลำใหญ่ที่พวกโจเซฟกำลังนั่งมากำลังพุ่งตรงมาด้วยความเร็วสูงและไม่ช้าพวกเขาจะมาถึงเกาะเซอร์ไว โจเซฟกำลังกังวลว่าจะพูดอะไรกับมิรารีดี เขาสับสนว่าจะพูดยังไงให้เธอจำได้ว่าเขาคือใครยิ่งคิดเขายิ่งประมาท ระหว่างที่กำลังขับไปนั้นบรรยากาศรอบข้างเริ่มเปลี่ยนไปจนทั้งสองคนจ้องมองกันก่อนที่จะมีสัญญาณเตือนที่หน้าจอคอมของเครื่องบิน เอวาตรวจสอบก่อนจะเห็นสิ่งผิดปกติก่อนจะมีการสั่นของเครื่องบิน
“เกิดอะไรขึ้น!?”
“พายุหรือเปล่า!!”
“ไม่แน่ใจ!”
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกันนั้นก็มีฟ้าผ่าตกต่อหน้าพวกเขา มันตกลงไปที่เกาะนั้นทำให้เอวารู้สึกแย่ที่เห็นฟ้าผ่า
“เมื่อกี้มันฟ้าผ่าเหรอ!?”
“ไม่ใช่ฟ้าผ่าธรรมดาแน่ ๆ”
เอวาใช้เครื่องตรวจสอบด้านล่างก่อนจะเห็นว่ามีเฮลิคอปเตอร์อยู่ข้างล่างลำหนึ่ง “ข้างล่างมีเฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งจอดอยู่!!”
“ว่าไงนะ!!” โจเซฟได้ยินแบบนั้นถึงกับเบิกตากว้างทันที “พี่...พี่เขา...หรือว่าฟ้าผ่าเมื่อกี้”
เอวาได้ยินคำถามอีกฝ่ายก็วิตกเลยว่าถ้าฟ้าผ่าเมื่อกี้เป็นฝีมือของเมต้าฮิวแมนจริง ๆ มิรารีอาจจะแย่ก็ได้ถ้าถูกการโจมตีเมื่อกี้ไป เอวากำลังคิดบางอย่างก่อนจะกดไปที่ปุ่มออโต้ให้เครื่องบินขับเอง
“เธอทำอะไรนะ!!”
“ทำให้เครื่องบินลอยตัวของมันเองไงล่ะ!!” เอวาปลดเข็มขัดของตนเองก่อนจะหันไปมองอีกฝ่าย “นายต้องลงไปช่วยมิรารี!!”
“ห๊า!? ฉันเหรอ?”
“นายคิดว่าเด็กอย่างฉันทำได้เหรอ?”
“เธอเด็กตายล่ะ!”
ใบหน้าของเอวากระตุกขึ้นมา มือของเธอกดไปที่สวิตช์ตัวหนึ่งทำให้ประตูท้ายเครื่องบินเปิดออก โจเซฟเห็นก็ตะลึงว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรก่อนที่เขาจะโดนปลดเข็มขัดที่รัดอยู่ แล้วเธอก็กระชากคอเสื้ออีกฝ่ายเหวี่ยงออกไปทันที
“ไปตายซะ!! เจ้าบ้า!!”
“เห้ย?” ตัวของโจเซฟลอยออกจากเครื่องบินอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ร่างกายของเขาจะตกลงสู่เบื้องล่าง “อ๊ากกกกกกกกกกกก!! ยัยเอวา!! ยัยบ้า!!”
ร่างกายกำลังลอยตกลงมาอย่างรวดเร็ว โจเซฟตั้งสติของตัวเองก่อนจะพลิกตัวให้หันมองไปที่พื้น เขาพยายามยกขาตัวเองร่างกายเขากำลังหมุนไปมา มือที่กำลังเอื้อมไปที่รองเท้าเพื่อกดสวิตช์รองเท้าบูตสีดำก็เริ่มมีแสงสีแดงแล่นไปตามรองเท้า ไม่ช้าแสงวิบวับสีแดงกลายเป็นสีเขียวอย่างรวดเร็ว แว่นตาที่เขาใส่กำลังประมวลข้างหน้าของเขาก่อนที่เขาจะก้าวขาวิ่งกลางอากาศตรงไปยังจุดที่มีฟ้าผ่าลงมาอย่างรวดเร็ว โจเซฟครุ่นคิดอย่างเดียวว่าขอให้พี่สาวอย่าพึ่งเป็นอะไรเด็ดขาด
ตัดมาจุดที่เกิดการฟ้าผ่าอันรุนแรงเหล่ากลุ่มคนที่ตามล่ามิรารีกระจัดกระจายไปคนละทิศด้วยความเจ็บปวด มิรารีสลบอยู่ตรงนั้นไม่กี่นาทีดวงตาค่อย ๆ เปิดกว้างขึ้นมาร่างกายเจ็บไปหมด หูของเธอรู้สึกอื้อไปหมดกับการฟ้าผ่าเมื่อกี้ ดวงตาของเธอจ้องมองภาพตรงหน้า เธอเห็นกู้ดนี่นอนอยู่อีกมุมหนึ่ง เธอค่อย ๆ พยุงตัวเองขึ้นแล้วลากร่างกายตัวเองไปหากู้ดนี่ เธอเห็นเจ้าตัวน้อยสลบไปก็ดีใจที่ไม่เป็นอะไรมาก เธอพยายามอุ้มมันไว้ในมือแล้วพยายามจะลุกขึ้นเพื่อหนีอีกครั้ง แต่ทว่าก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นอีกครั้ง
ปัง!
“กรี๊ดดดดดดดดดดดด!!”
มิรารีล้มลงกับพื้นอีกครั้งตอนนี้ขาทั้งสองข้างของเธอได้รับบาดเจ็บ มันเจ็บจนเธองุนงงว่าทำไมร่างกายของเธอไม่รักษาตัว เลือดสีแดงชาดกำลังไหลออกมา เธอเจ็บปวดจนค่อย ๆ หันไปมองคนที่ยิงเธอเป็นหญิงสาวคนเดิมที่เธอเจอเมื่อกี้ เธอกำลังถือปืนที่มีควันออกมา เธอจ้องมองว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรอีกแต่ก็มีชายอีกคนเดินตามอีกฝ่ายมา แล้วสาวตาของเขาจ้องมองมาที่เธอด้วยความรู้สึกไม่พอใจที่เห็นเป้าหมายของพวกเขาได้รับบาดเจ็บ
“เธอโง่หรือไงที่ทำแบบนี้!?”
“แกว่าไงนะ!!”
“ฉันถามว่าเธอโง่หรือไงที่ทำแบบนี้! ถ้าบอสรู้ขึ้นมาทำไง!!” แฟลชใช้สายตาจ้องเขม็งใส่ฝ่ายหญิงอย่างไม่ชอบใจ
“แล้วทำไมล่ะ!?”
“แล้วทำไม!! ถ้าผู้หญิงคนนี้บาดเจ็บจนตายขึ้นมาทำไง บอสได้เล่นงานเธอจริง ๆ แน่!!”
“เหอะ!! นึกเหรอว่าฉันจะยิงโดนจุดสำคัญ แค่ปฐมพยาบาลเบื้องต้นก็จบแล้ว เราก็พากลับไปฐานของเราพร้อมกับให้การรักษาเดียวก็หายเองนั้นล่ะ!!”
แฟลชถึงกับต้องถอนหายใจอย่างเอือมระอากับนิสัยของหญิงสาวที่ไม่คิดหน้าคิดหลังว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้น กำลังพาความซวยมาให้ตนเองจริง ๆ ชายหนุ่มหันไปหาหญิงสาวที่กำลังจ้องมองพวกเขา
“อย่ามองแบบนั้นสาวน้อย...เธอต้องโทษตัวเองที่กลายเป็นเป้าของพวกเรา”
“หึ...คิดเหรอว่า...ฉันจะยอมเป็นเป้าของพวกนายกัน!!”
“เธอจะทำอะไร..จะเล่นงานเราด้วยพลังของเธอเหรอ? ตอนนี้มันคงแล่นไปตามร่างกายของเธอแล้วล่ะ”
“หมายความว่าไง...แฮ่ก!! แฮ่ก!!” มิรารีกระอักเลือดออกมา เธอจ้องมองอย่างตกใจจนงุนงง “พวกแกทำอะไรฉัน?”
“ก็ไม่มีอะไรมาก นอกจากทำให้เธอไม่มีพลังต่อกรกับเราเท่านั้น...แล้วก็อีกอันที่ฉันยิงมันจะทำให้เธอหลับอย่างสบายเลยนะ!!”
“พวกแกมัน!!” มิรารีกำลังฝืนตัวเอง เธอจ้องมองกู้ดนี่ที่อยู่ในมือ กู้ดนี่ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมามองเธอที่กำลังจะหลับ
“กู้ด!!”
“โทษนะ...ฉัน...ทำให้เธอ...ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้...” มิรารีกำลังจะล้มลง
กู้ดนี่จ้องมองเธอที่กำลังจะล้มก่อนที่มันจะร้องลั่นออกมา “กู้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
เสียงกรีดร้องของกู้ดนี่มาพร้อมกับสิ่งบางอย่างพุ่งออกมาจากหลังพุ่มไม้ใส่ทั้งพวกเธอร์ร่า ทั้งสองคนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากการโจมตีนั้น ทั้งสองคนจ้องมองสิ่งที่พุ่งมามันคือเถาวัลย์ที่เป็นปลายแหลม
“มันอะไรนะ!!”
“ฉันไม่รู้!!”
เถาวัลย์ย้อนกลับหายไปอย่างรวดเร็ว แต่แล้วร่างสีขาวของหญิงสาวหายไปจากตรงนั้น ทำให้ทั้งสองคนมองกันอย่างงุนงง
“เฮ้ย!! เธอหายไปไหนแล้ว!!” หญิงสาวหนามแหลมมองหาอย่างงุนงง
ลูกน้องคนหนึ่งลุกขึ้นก็เห็นสิ่งบางอย่างวิ่งผ่านเข้าไป “หัวหน้า เธออยู่นั้น!!”
เธอร์ร่ากับแฟลชกันไปมองก็เห็นกลุ่มบางอย่างกำลังอุ้มเป้าหมายของพวกเขาไป แฟลชเห็นก็จะได้ว่ามันคืออะไร
“พวกมันคือมนุษย์ต้นไม้นี่!!”
“มนุษย์ต้นไม้!?”
“สิ่งที่ยัยซาร่าจากกลุ่มวันเดอร์เวิร์ดสร้างขึ้นมานะสิ!! ตามไป!! ฆ่าพวกมันให้หมดอย่าให้รอดสักตัว!! เหลือแค่หญิงสาวคนเดียว!!”
“ครับ!!!/ค่ะ!!!”
เหล่าลูกน้องแต่ละคนต่างพากันรีบวิ่งตามไป พวกนั้นเริ่มใช้อาวุธยิ่งอย่างไม่เกรงใจ เธอร์ร่าเห็นก็รู้สึกโกรธเคืองที่แผนการของเธอมีแต่ความวุ่นวายยิ่งทำให้เธอมีน้ำโหและตะโกนร้อนลั่นออกมา
เส้นทางที่มีแต่ต้นไม้เหล่าสิ่งมีชีวิตขนาดกลางกำลังอุ้มมิรารีไปตามเส้นทางที่พวกมันรู้ ร่างกายของพวกมันขนาดเท่าคนสูงสองฟุต ร่างกายเป็นเปลือกไม้คล้ายกู้ดนี่แต่มีขนาดใหญ่กว่ามาก ๆ พวกมันทั้งเจ็ดกำลังวิ่งไปเรื่อย ๆ บางตัวเริ่มเหมือนวางแผนเป็นเหยื่อล่อต่อกรกับพวกที่กำลังไล่ตาม มิรารีรู้สึกถึงร่างกายกำลังลอยตัวไป ดวงตาของเธอค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมามันพร่ามัวไปหมด เธอเห็นบางอย่างกำลังอุ้มตัวเธออยู่
“กู้ด...นี่...และ...”
มิรารีหันไปมองแต่ละคนที่เธอเห็นแต่มันมืดจนมองไม่เห็นอะไรเลยก่อนที่เธอจะสลบไปอีก กู้ดนี่หยุดชะงัก
“กู้ด!! ม๊า!!” กู้ดนี่พยายามเขย่าตัวอีกฝ่ายด้วยความกลัว
“กู้ด”
“กู้ด!!”
เหล่ามนุษย์ต้นไม้อีกสองสามตนจ้องมองอย่างตกใจพวกนั้นกำลังจะช่วยตรวจสอบและเหมือนกำลังบอกให้รีบวิ่ง แต่ก็มีบางอย่างลอยมาทางพวกเขา ทำให้พวกนั้นรีบรับพรรคพวกของเขาที่ได้รับบาดเจ็บ กู้ดนี่เห็นแบบนั้นพวกเขากำลังจะหนีแต่ก็มีกลุ่มหนึ่งดักทาง จะไปอีกทางก็โดนดักอีกนั้นทำให้พวกเขาไม่มีทางไปจนกระทั่งเธอร์ร่าเดินออกมาจากมุมหนึ่ง
“พวกแกไม่รอดแล้วเจ้าต้นไม้! ส่งตัวผู้หญิงมา!!”
“กู้ด!!” กู้ดนี่เดินออกมาจากกลุ่มพรรคพวกของตนเอง เขาทำเสียงข่มขู่ใส่อีกฝ่าย
เธอร์ร่าเห็นแบบนั้นก็ไม่ชอบใจทันทีก่อนจะยกปีนชี้หน้าใส่มนุษย์ต้นไม้ “จัดการพวกมัน!! ให้มันตายแล้วเอาตัวผู้หญิงมา!!”
“โอ๊สสสส!!”
พวกกลุ่มคนตรงหน้าเตรียมจะพุ่งเข้ามาหาพวกกู้ดนี่ บางตัวกำลังจะเตรียมโจมตี แต่แล้วก็มีบางอย่างวิ่งผ่านทำให้พวกที่วิ่งมาหาพวกเขาลอยอยู่กลางอากาศแล้วตกลงอย่างแรง
“อ๊ากกกก!”
“ว๊ากกกกก!!”
“อ๊ากกกกกก!!”
พวกกู้ดนี่ที่อยู่ตรงหน้าได้เห็นสิ่งที่คาดคิดมีใครบางคนกำลังต่อกรกับคนตรงหน้า ก่อนจะมีชายร่างสูงยืนตรงหน้าพวกเขา ชายคนนั้นจับไปที่อาวุธของหญิงสาวร่างหนามแหลมก่อนจะสกัดเธอให้ล้มลงและพังอาวุธของเธอจนไม่เป็นชิ้นส่วนแต่อย่างใด ก่อนที่เธอร์ร่าจะเงยหน้าขึ้นมามองชายที่อยู่ตรงหน้าเธอ
“แก!! พวกวันเดอร์เวิร์ด!!”
“ไง เธอร์ร่า!! ยังอยู่กับหน่วยช่างต่ำของหมอนั้นอยู่อีกเหรอ?”
“หุบปาก!!” เธอร์ร่าเคืองกับคำพูดอีกฝ่าย “แกไม่เข้าใจว่าท่านผู้นั้นทำให้เรารู้จักโลกที่เราควรทำให้มันเป็น! การกดขี่มันต้องหมดไป การดูถูก!! เหยียดหยาม มันต้องหมดไป!!”
“เธอก็พูดแบบนี้ทุกครั้งที่เราเจอกัน!!”
“แล้วพวกแกมาทำอะไรที่นี่กัน!!”
“ฉันมาทำอะไรก็เรื่องของฉัน เพราะที่นี่คือเกาะของเรา แต่พวกแกต่างหากที่มาตามล่าคนของเรา!!”
โจเซฟหันไปมองในพวกมนุษย์ต้นไม้ที่ยืนมองอย่างวิเคราะห์ว่าเขาคืออะไรมิตรหรือศัตรู โจเซฟเห็นในอ้อมกอดของเลอร์วิงวู้ดตนหนึ่ง คนที่เขารอมานานรอเวลาที่เธอจะฟื้นกลับมา เธออยู่ในสภาพที่ซีดขาวมาก ๆ ริมฝีปากกำลังจะซีดคล้ำเรื่อย ๆ เธอร์ร่าจ้องมองอีกฝ่ายที่กำลังมองไปที่เป้าหมายของเธอ
“แกมานี่เพื่อพาเธอไปเหมือนกันสินะ!!”
โจเซฟหันไปมองอีกฝ่ายทันที “พวกแกทำร้ายเธอ!!”
“หึ!!”
เธอร์ร่าจ้องมองชายตรงหน้า เธอไม่อยากให้อีกฝ่ายชนะเหมือนทุกทีแน่ ๆ นั้นทำให้เธอมีความคิดที่แปลกประหลาดเกิดขึ้น ก่อนจะหยิบอุปกรณ์ที่มีขนาดพอดีมือขึ้นมา มันเป็นอุปกรณ์วงกลมที่มีปุ่มกดสีแดงอยู่ด้านบน แฟลชที่โดนโจมตีก่อนหน้ากำลังจะลุกขึ้น เขาเห็นอีกฝ่ายหยิบบางอย่างออกมา เขาก็ตาลุกวาวอย่างหวาดกลัวทันที
“ยัยบ้า!! อย่าทำแบบนั้นนะ!!”
“ถ้าฉันไม่ได้ยัยนั้น พวกแกก็จะไม่ได้เช่นกัน!!” เธอร์ร่ากดปุ่มอุปกรณ์นั้นก็เกิดแสงหนึ่งเกิดขึ้น
โจเซฟที่เห็นแบบนั้นก็ตกตะลึงกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ก่อนที่เขาจะหยิบอุปกรณ์ชิ้นหนึ่งขึ้นมาพร้อมกับกดปุ่มบางอย่าง เวลา ณ จุดนั้นก็หยุดลง เขาเห็นแบบนั้นก็วิ่งตรงไปหาพวกเลอร์วิงวู้ดทันที
“รีบเร็ว!! มันจะระเบิดที่นี่ทำให้เกาะหายไปแล้ว!!”
“กู้ด!?”
พวกเลอร์วิงวู้ดไม่เข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายกล่าวจนโจเซฟต้องส่งเสียงดังออกมา
“ตู้มมมมมมมมมนะ!!”
เหล่าเลอร์วิงวู้ดได้ยินแบบนั้นต่างตาโตกันยกใหญ่ ก่อนจะยอมปล่อยจากมิรารีแล้วกลับร่างเดิมหนีกันเข้าไปในกระเป๋าที่เธอสะพาย ส่วนกู้ดนี่ก็มุดเข้าข้างในกระเป๋าเสื้อข้างของมิรารี โจเซฟโล่งใจแต่ตอนนี้เขามัวโอ้เอ้ไม่ได้แล้วเขารีบอุ้มหญิงสาวตรงหน้าของเขาอย่างไม่รู้เลยว่าเขาคือมิรารีจริง ๆ ใช่ไหม เขาต้องมองไปทางข้างหลังที่เขาหยุดเวลาเอาไว้ก่อนจะก้าวขาวิ่งไปสุดชีวิต ไม่กี่นาทีเครื่องหยุดเวลาก็หยุดทำงานแล้วระเบิดก็กลับมาทำงานอีกครั้ง แสงสว่างทำให้ร่างเธอร์ร่าและคนรอบข้างสลายไปพร้อมกับแรงระเบิดขนาดใหญ่ที่มาพร้อมกับคลื่นลูกใหญ่ที่กวาดรอบข้างไปหมด โจเซฟเห็นคลื่นการระเบิดนั้นก็รีบวิ่งสุดชีวิตตรงกลับไปยังเครื่องบินของพวกเขา
สัญญาณแจ้งเตือนดังก้องไปทั่วทั้งเกาะแห่งความหวัง ทำให้ผู้คนต่างแตกตื่นกับเสียงที่ดังขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เหล่าเจ้าหน้าที่ที่รับรู้ว่าเสียงนี้คืออะไรก็ตรงดิ่งไปยังฐานบัญชาการกันอย่างรวดเร็วจนกระทั่งมาถึงห้องปฏิบัติการพวกเขาก็เห็นว่าเหล่าเจ้าหน้าที่และหัวหน้าใหญ่อยู่ภายในห้องเหมือนรับรู้ว่ามีเรื่องเกิดขึ้น จนกระทั่งหนึ่งในนั้นเอ่ยถามคาร์เตอร์ที่อยู่ตรงนั้น
“หัวหน้า นี่มันเกิดอะไรขึ้น!!”
“จริงด้วย”
“สัญญาณดังไปทั้งเมืองเลยนะ!!”
คาร์เตอร์ได้ยินแบบนั้นก็หันไปหาเจ้าหน้าที่คนอื่นพวกเขาก็รีบปิดระบบเตือนทันที ก่อนจะให้ทำการประกาศการแจ้งเตือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก่อนจะหันไปหาทุกคนที่กำลังงุนงงกับสถานการณ์นี้ขึ้น
“ขอโทษทีทุกคนตอนนี้ไม่สามารถอธิบายอะไรได้!!” คาร์เตอร์กล่าวก่อนจะหันกลับไปมองเจ้าหน้าที่ที่กำลังปั่นป่วนอยู่ “ตอนนี้เกิดอะไรขึ้น ทำไมมีการแจ้งเตือนขึ้น!!”
"ระบบการแจ้งเตือนจากเกาะบอกว่าตอนนี้มีการใช้อุปกรณ์MGค่ะ!!"
“อุปกรณ์GM!!”
“เกาะไหน!? เกาะนี้เหรอ!?”
“ทำไมไม่อพยพคน!! คาร์เตอร์!!”
“ขอประโทษครับ การแจ้งเตือนนี้มาจากเกาะเซอร์ไวครับ!!”
เจ้าหน้าที่คนหนึ่งกล่าวออกมาทำทุกคนต่างงุนงง เพราะเกาะนั้นร้างมาหลายเดือนแล้ว
“ว่าไงนะ!!”
“เดียวนะ เกาะนั้นไม่มีคนและไม่มีไฟฟ้าแล้วนี่น่า มันมีการแจ้งเตือนได้ไง!?”
“เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วมีการเปิดไฟฟ้าทำงานขึ้นครับ”
“แล้วก็มีเจ้าหน้าที่ของเราตรงไปที่นั่นด้วยครับ!!!”
“ว่าไงนะ!!”
“เรื่องบ้าอะไรกันขนาดนั้น แต่ว่าอุปกรณ์ MG เลยนะ!! คนของเราใช้เหรอ!?”
“ไม่ใช่ครับ!! พวกดาร์คเนสเป็นคนเปิดอุปกรณ์นั้นครับ!!”
“ห๊า!!”
ทุกคนฟังที่เจ้าหน้าที่แต่ละคนตอบก็งุนงงไปเลยว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนี้ระหว่างที่ทุกคนกำลังวุ่นวายนั้นซาร่าที่ตามมาทีหลัง หลังจากทำให้ประชาชนใจเย็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอก็ตรงดิ่งมาที่นี่ก็ได้ฟังที่ทุกคนพูดกันเธอเดินไปหาสามีของตนเองทันที
“มิเกล!!”
มิเกลได้ยินเสียงของภรรยาก็หันไปมอง “ซาร่า!! มาทำไมนะ!?”
“ฉันไม่มาได้ไง เสียงเตือนดังทั้งเกาะ ทุกคนต่างหวาดกลัว ฉันพาลูกไปฝากพี่เลี้ยงแล้ว”
“ซวยล่ะ!!”
มิเกลได้ยินว่ามีการแจ้งเตือนทั่วเกาะคงได้เกิดความโกลาหลแน่ ๆ เขาหันไปมองคาร์เตอร์แต่เจ้าตัวกำลังคิดบางอย่างอยู่ เขาก็หันไปทางอื่นทันทีก่อนจะคิดบางอย่างเขาก็หันไปหาคนที่กำลังจะเดินผ่านเขาไป
“เธอ!! สาวผมเขียว!!”
หญิงสาวผมเขียวได้ยินเสียงคุ้นเคยเรียกเธอก่อนที่จะหันไปมองอย่างสงสัย “เรียกฉันเหรอคะ?”
“ใช่ เธอช่วยไปห้องกระจายข่าวให้พวกเจ้าแจ้งเตือนชาวบ้านว่า เราเกิดเหตุขัดข้องทางเทคนิคของให้ทุกคนกลับไปนอน ยกเว้นเจ้าหน้าที่ของฐานบัญชาการให้อยู่ภายในตึกไว้!!”
“รับทราบค่ะ!!” เจ้าหน้าที่หญิงรับคำสั่งก่อนจะรีบเดินออกไปจากห้องทันที
ซาร่ามองสามีออกคำสั่งก่อนจะมีคำพูดของเจ้าหน้าที่บอกว่าการแจ้งเตือนมาจากเกาะเซอร์ไว ซาร่าได้ยินก็ตาลุกวาวทันที
“เกาะนั้น...แล้วคนที่ฉันเห็นล่ะ? เขาอยู่ที่นั่นหรือเปล่า!?”
“มันมีคนอยู่ แต่เราไม่แน่ใจเลยตอนนี้...”
“ว่าไงนะ...”
ซาร่าได้ยินก็กังวลเลยว่าคนที่เธอเห็นผ่านต้นไม้จะเป็นไงมั้ง แต่พวกหัวหน้าฝ่ายต่าง ๆ ฟังทุกอย่างก็สงสัยว่าคนของทางนี้เดินไปเช่นกันแต่ใครไปกันที่ไปที่นั่น
“เมื่อกี้บอกว่ามีคนของเราด้วยใครกันที่ไป!?” อเล็กซ์เอ่ยถามขึ้นมา
“จากความเร็วในการวิ่งเมื่อกี้...ตอนนี้...มีคนเดียว...”
คาร์เตอร์กำลังกล่าว เขาเงยหน้าขึ้นมาจ้องมองหน้าจอผ่านระบบดาวเทียม ทุกคนต่างมองก็รับรู้เลยว่าใครกัน
“โจเซฟเหรอ!?”
ทุกคนต่างงุนงงกับบุคคลที่พวกเขาเอ่ยขึ้น เนื่องจากโจเซฟไม่ได้ทำงานกับฐานบัญชาการมานานแล้ว เพราะเขาหันตัวไปเป็นครูที่โรงเรียนเมต้าฮิวแมนบนเกาะ
“ทำไมเขาอยู่ที่นั่น!?”
“หมอนั้นควรอยู่บนเกาะสิ!!”
“ทุกคนใจเย็น ตอนนี้ฉันไม่รู้สถานการณ์ภายในเกาะนั้น แต่ต้องติดต่อหมอนั้น ใครก็ได้ช่วยติดต่อผ่านแว่นตาของหมอนั้นในทันที!!” คาร์เตอร์ออกปากสั่งในทันที
“รับทราบค่ะ!!” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งทำตามที่สั่ง
เจ้าหน้าที่แต่ละคนกำลังทำการเจาะสัญญาณของแว่นของโจเซฟที่กำลังทำงานอยู่ แว่นของโจเซฟเป็นทั้งตัวบอกทางและเครื่องมือสื่อสาร ระหว่างที่โจเซฟกำลังวิ่งนี้สุดชีวิตอยู่นั้นเพื่อหนีคลื่นระเบิดเขากำลังวิ่งไปตามทางเรื่อย ๆ จนจะออกนอกเกาะ เขาเห็นเครื่องบินกำลังถอยห่างนั้นทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังหนีจากจุดที่พวกเขาอยู่นั้นทำให้เขาไม่พอใจขึ้นมา
“เห้ย ๆ เอวา! ยัยบ้า! อย่าเคลื่อนตัวไปไหนสิ!!”
โจเซฟมองเครื่องบินสลับกับคลื่นระเบิดกำลังตรงดิ่งมาทางนี้ เขากระชับอุ้มมิรารีเอาไว้ก่อนจะมีบางอย่างแจ้งเตือนขึ้นมาที่หน้าจอแว่นของเขา
“ฉิบล่ะ!! ใครติดต่อมาตอนนี้ว่ะ!!” โจเซฟมองอย่างสับสนก่อนจะยอมรับ "รับสาย! นั้นใคร!"
“โจเซฟ...” เสียงของคาร์เตอร์เข้าไปในไมค์หูฟัง
โจเซฟที่ได้ยินถึงกับหน้าซีดทันที “พี่คาร์เตอร์!!”
“นายไปทำบ้าอะไรที่เกาะนั้น!!”
“อย่าพึ่งถามผมได้ไหม!? ผมกำลังวิ่งหนีระเบิดอยู่นะ!!”
“พวกเรารู้แล้ว!! นายต้องรีบหนีจากที่นั่นโดยเร็วที่สุด!!”
“ฉันรู้อยู่แล้วน่า!!”
“หัวหน้าค่ะ ยานบินอีกลำกำลังจะออกจากเกาะนั้นไปแล้วค่ะ!!”
“ว่าไงนะ!!”
โจเซฟที่ได้ยินที่พวกเขาพูดก็หันไปมองเฮลิคอปเตอร์ลำนั้นกำลังลอยขึ้นไป แต่ก็โดนคลื่นระเบิดโจมตีจนระเบิดกลางอากาศ เสียงระเบิดดังเข้าไปในแว่นจนทำให้อีกฝั่งก็ได้ยินและรับรู้พร้อมกับสัญญาณบนหน้าจอดับไปแล้ว
“โจเซฟเครื่องบินระเบิดเหรอ!”
“ใช่ พวกนั้นคงไม่ได้ออกจากที่นี่แล้วล่ะ!!”
“อย่าเล่น!!”
"ผมไม่ได้เล่น!! เอาล่ะ ผมขอไม่คุยกับพี่สักพัก เพราะคลื่นระเบิดเริ่มใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ แล้วล่ะ!!"
โจเซฟหยุดพูดเขากำลังวิ่งจนมาถึงชายหาด เขามองเครื่องบินที่เอวากำลังขับ เธอกำลังขับให้ต่ำลงและกำลังเปิดประตูด้านหลัง เขาเห็นก็เข้าใจว่าเธอต้องการอะไร แต่ทว่าคลื่นระเบิดถึงจุดอิ่มตัวมันก็ย้อนกลับแล้วกระจายแรงระเบิดรอบใหม่พร้อมกับหลุมดำขนาดใหญ่ดูดทุกอย่างไปหมดทั้งเกาะทำให้เกิดคลื่นแซงทำให้การติดต่อและภาพทุกอย่างที่นั่นขาดหายไป ทุกคนที่มองต่างมองกันอย่างตกตะลึงว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พวกเขาเคยเจอเหตุการณ์คล้าย ๆ กัน ที่ประเทศอินเดียเมื่อห้าปีก่อนตอนนั้นคาดชีวิตผู้คนไปนับหมื่น นั้นทำให้พวกเขาโดนผู้คนมากมายต่อว่าที่ทำให้ผู้คนหายไป แต่ตอนนี้พวกเขาเป็นกังวลว่าโจเซฟรอดไหม คาร์เตอร์ที่มองจออยู่สักพักเขาจะเริ่มพูดเรียกอีกฝ่าย
“โจเซฟ!”
เสียงซ่ายังดังเหมือนเดิมไม่มีอะไรตอบรับ คาร์เตอร์เป็นกังวลเขาไม่อยากเสียคนของตนเองที่เหมือนน้องชายไป
“โจเซฟ ตอบฉันด้วย ถ้านายปลอดภัย!!”
เสียงซ่านั้นดังไปทั้งห้องปฏิบัติการ ทุกคนทำหน้าเศร้ากัน ก่อนที่เสียงซ่าหายไปเป็นเสียงเงียบพร้อมกับเสียงตอบรับของโจเซฟ
“นี่โจเซฟ พวกเราปลอดภัยดี!!”
“เย้!!!”
เสียงยินดีดังไปทั้งห้องผ่านแว่นตาของคาร์เตอร์เขานั้นกำลังนั่งอยู่ภายในเครื่องบิน โดยที่กำลังบินหนีจากเกาะที่ตอนนี้กลายเป็นหลุมดำขนาดใหญ่ น้ำทะเลกำลังเติมเต็มจุดที่หายไป คาร์เตอร์ส่ายหัวอย่างปวดหัวว่าเจ้าเด็กนี้ทำเอาเขาปวดหัวได้ตลอดจริง ๆ
“นายนี่ตายยากจริง ๆ โจเซฟ”
“เหอะ ๆ พี่ก็พูดได้...”
โจเซฟทำสีหน้าเบื่อหน่ายกับพี่ ๆ ที่คิดว่าเขาไม่รอดตลอด เขานึกถึงตอนที่หนีคลื่นระเบิดนั้นเลย เขาเห็นการกระทำของเอวาก็รู้ว่าเธอต้องการให้เขาวิ่งบนน้ำตรงมาที่เครื่องบินที่กำลังบินต่ำ เขาจึงวิ่งสุดกำลังไปตามผิวน้ำอย่างรวดเร็วและกระโดดขึ้นเครื่องไปอย่างรวดเร็ว เอวาเห็นแบบนั้นก็รีบเร่งเครื่องบินสุดกำลังตอนนั้นก็เกิดการระเบิดดูดทุกอย่างหายไปหมด มันเป็นเหตุน่าหวาดเสียวที่เขาจะไม่ขอไปวุ่นวายอีก ก่อนจะติดต่อกับคาร์เตอร์ต่อ
“เดียวเรากำลังจะรีบกลับไป...”
“พวกนายรีบกลับมาเจอบทลงโทษที่ออกไปโดยไม่บอกฉันเลย!!”
“ทำไงได้ผมมาช่วยคนที่เราคิดว่าโดนแช่แข็งอยู่ในน้ำแข็งนานสิบปีนะ!!” โจเซฟกล่าวออกมา เขาหันไปมองคนที่นอนอยู่ข้าง ๆ
เอวาตั้งระบบเครื่องบินให้บินเองก่อนจะมาดูคนที่อีกฝ่ายช่วย คาร์เตอร์กับคนอื่น ๆ ที่กำลังฟังที่โจเซฟกล่าวว่าหมายความว่าไง
“นายหมายความว่าไง?”
โจเซฟรู้ว่าทุกคนไม่เชื่อเขาแน่ ๆ ก่อนจะระบบเปิดกล้องผ่านแว่นให้มองออกข้างนอก ทุกคนก็เห็นภาพฉายที่เอวากำลังตรวจร่างกายของคนที่มีร่างกายผิวขาวอยู่ พวกเขาต่างมองว่าใคร แต่คาร์เตอร์เห็นก็ตะลึงว่าเขาไม่คิดว่าจะเจออีกฝ่ายอีก
“เห็นคนที่ผมช่วยยัง...งั้นก็เลิกบ่นผม”
“โจเซฟ!!” เอวาตะโกนขึ้นมา
โจเซฟมองอีกฝ่ายที่ตะโกนขึ้นมา “ตะโกนทำไมนะ? เอวา”
เอวามองเขาด้วยสายตาตื่นกลัวก่อนจะพลิกตัวของคนที่พวกเขาช่วยเอาไว้ก่อนจะเห็นว่าร่างกายอีกฝ่ายมีเลือดออกและจุดที่เลือดออกนั้นมีการเลือนแรง โจเซฟและคนอื่น ๆ ที่เห็นภาพต่างตกใจทันที ก่อนที่เอวาจะพูดขึ้น
“เธอโดนยิง!! และโดนกระสุนระงับพลังด้วย!! รีบวาร์ปกลับเกาะ!! เดี๋ยวนี้เลย!!!”
จบตอนที่ 12 โปรดติดตามต่อตอนที่ 13 ต่อไป