หิมะกลายเป็นหนึ่งเดี่ยวกับฉัน เพียงเพราะฉันกลายเป็นผู้หญิงที่มีพลังเหนือธรรมชาติ
แอคชั่น,ไซไฟ,แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ยุคปัจจุบัน,ไอซ์สโนว์,สาวพลังหิมะ,แอคชั่น,ยอดมนุษย์,ฮิวแมน,เหนือธรรมชาติ,แฟนตาซี,การต่อสู้,YukiCoCo,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ไอซ์สโนว์ สาวพลังหิมะหิมะกลายเป็นหนึ่งเดี่ยวกับฉัน เพียงเพราะฉันกลายเป็นผู้หญิงที่มีพลังเหนือธรรมชาติ
คำแนะนำจากคนเขียน
นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายแต่งขึ้นตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนแต่ไม่จบ
เลยขอนำเสนอไว้สักตอนหนึ่งให้อ่านเล่นๆ ก่อนที่จะมาเขียนต่อ
เรื่องนี้เป็นเรื่องแต่งขึ้นไม่ได้อ้างอิงจากอะไรทั้งสิ้น
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะคะ ขอบคุณสำหรับผู้มาอ่าน
และให้ความสนใจในนิยายเรื่องนี้นะคะ
บทนำของเรื่อง
เมื่อเด็กสาวลูกเสี้ยวไทยนามว่า มิรารี ต้องออกเดินทางไปยังงานเทศกาลวิทยาศาสตร์ที่นิวยอร์กตามความต้องการของเธอ แต่แล้วก็เกิดเรื่องขึ้นเมื่อด็อกเตอร์คนหนึ่งทำเรื่องขึ้นก่อให้เกิดระเบิดครั้งใหญ่ขึ้น ทำให้คนตายนับพันร่วมถึงตัวมิรารีที่ไม่น่าจะรอดจากเหตุการณ์นั้น แต่แล้วเวลาผ่านไป 10 ปีตัวเธอที่น่าจะโดนแช่แข็งตายกับฟื้นขึ้นมาในสถานที่แปลกตาเข้าพร้อมกับร่างกายที่เปลี่ยนไป แล้วเธอจะหาใครมาช่วยเธอได้ล่ะ?
กำหนดการลงนิยาย
ยังไม่แน่ชัดนะคะ
ตอนที่ 8 ไฟฟ้ากลับมา
กลิ่นอายหอมหวานกำลังลอยฟุ้งไปทั้งห้องครัว ถึงแม้มื้อนี้จะไม่ใช่อาหารแนวเอเชีย นี่ก็เป็นมื้ออาหารง่าย ๆ ที่มิรารีไม่อยากทำเยอะเกินไป วันนี้เธอทำแพนเค้กหนา ๆ ไม่ใส่อะไรในแป้งบ้างอัน บางอันก็ใส่เบคอนข้างใน มันจะออกเค็ม ๆ หวาน ๆ พอทุกอย่างสุกเธอก็วางลงบนจากแล้วมีผลไม้ ไข่ เนื้อสัตว์ ตกแต่งข้าง ๆ แพนเค้ก พอมอง ๆ มันก็เยอะอยู่ดี เธอวางไซรัปและน้ำเชื่อมต่าง ๆ ที่อยากใช้วางไว้ข้างหน้าจาน เธอนั่งลงจ้องมองแพนเค้กตรงหน้าก่อนจะเห็นเจ้าตัวเล็ก กู้ดนี่เดินเข้ามาดูจานแพนเค้กของเธออย่างสงสัยว่ามันคืออะไร มิรารีมองอีกฝ่ายชะโงกหน้ามองก่อนจะเอามือมาแตะ แพนเค้กก็เด้งไปมาทำเอากู้ดนี่ตกใจ
“กู้ด!!!”
มิรารีหัวเราะคิกคักออกมาเบา ๆ “ห้ามเอามือเล่นกับของกินนะ กู้ดนี่”
‘ของกิน?’ กู้ดนี่ส่งกระแสจิตให้มิรารี
“ใช่ มันคือของกินนะ” มิรารีหยิบส้อมขึ้นมาตักแพนเค้กชิ้นเล็ก ๆ ให้อีกฝ่ายแล้วยื่นไปตรงหน้ากู้ดนี่ “ลองชิมดูสิ อ้า”
กู้ดนี่มองอีกฝ่ายสลับกับอาหารตรงหน้า เขาไม่เคยกินของพวกนี้มาก่อนนอกจากใบหน้า น้ำ ดิน เขามองสักพักก่อนจะอ้าปากที่ทุกทีจะไม่ค่อยเห็นรอยปากของเขาเท่าไหร่เนื่องจากตามตัวเขามีแต่รอยไม้ อาหารตรงหน้าเข้าปากดวงตาของกู้ดนี่ก็เป็นประกาย ความนุ่มหอมหวานกำลังกระจายไปทั่วปากของเขา
‘อร่อยยยยยยยยยยย!!’ กู้ดนี่จ้องมองอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกประหลาดใจ
“คิก ๆ อร่อยสินะ รอแป๊บนะ”
มิรารีลุกขึ้นไปหยิบจานใบหนึ่งมาตักส่วนของกู้ดนี่ใส่ในจานเล็ก ก่อนจะใส่ผลไม้และไซรัปให้ แล้ววางตรงหน้าเจ้าตัวเล็กที่เริ่มพุ่งมาทันที
“ทานให้อร่อยล่ะ”
“กู้ดดดดด~”
กู้ดนี่ส่งเสียงอย่างดีใจก่อนจะใช้ส้อมเล็กที่มิรารีหยิบให้ตักอาหารอย่างเอร็ดอร่อย มิรารีจ้องมองเจ้าตัวเล็กกินอย่างอร่อยจนเธอนึกถึงน้องชายที่มีสีหน้าดีใจเวลาได้ทานของอร่อย ทำให้เธอคิดเลยว่าตอนนี้น้องชายโตขนาดไหนแล้ว กลายเป็นชายหนุ่มรูปหล่อของเธอหรือยัง ยิ่งนึกถึงก็ยิ่งรู้สึกน้ำตามันจะไหลออกมา มิรารีพยายามฝืนไม่ร้องไห้ออกมา ก่อนที่เธอจะหันมาทานอาหารตรงหน้า
“ทานล่ะนะคะ”
เธอยกมือขึ้นมาไหว้เล็กน้อยก่อนจะหยิบส้อมขึ้นมาตักแพนเค้กตรงหน้า เธอนึกถึงสมัยเด็กที่พ่อจะทำแพนเค้กนิ่ม ๆ นุ่ม ๆ ให้ทานมันยิ่งทำให้เธอรู้สึกอยากกลับบ้านไปหาครอบครัวมากกว่าเดิม เธอหันไปมองกู้ดนี่ที่กินอิ่มแล้วหลับไป มันทำให้เธออมยิ้มอย่างมีความรู้สึกผสมกับความเศร้าในใจ รสชาติที่คุ้นเคย ความรู้สึกที่ได้ยินข้าวกับคนอื่น ๆ มันรู้สึกโหยหาสิ่งที่อยากจะได้คืนมา
‘ทุกคน...รอก่อนนะ...หนูจะหาทางกลับไปให้ได้...แม่ค่ะ...พี่ชาย...เจย์...รอหน่อยนะ...’ มิรารีเงยหน้ามองเพดาน
ณ เกาะแห่งความหวัง ฐานบัญชาการยอดมนุษย์
ตึกสูงระฟ้ายอดทอดสูงเกือบเหนือนภาเด่นชัด แต่ภายในตึกใหญ่สูงขั้นกลางเปิดโล่งเป็นจนถึงระเบียงทั้งชั้นคือสวนขนาดใหญ่ที่มีไว้ให้ผู้คนมาพักผ่อนกับธรรมชาติอันสดชื่น ลึกเข้าไปมีต้นไม้ใหญ่อยู่โซนนอกระเบียง มันเป็นต้นไม้ใหญ่ที่เบียดกำแพงอาคารจนจะแตกได้ทุกเมื่อ แต่ได้ความช่วยเหลือจากเมต้าหญิงที่สามารถควบคุมธรรมชาติได้ทำให้ชั้นนั้นไม่เกิดอันตรายอันใด หญิงสาวที่มีสีผิวกับผมเป็นสีเขียวคล้ายใบไม้กำลังใช้มือสัมผัสเปลือยไม้เหมือนทุกครั้งที่เธอทำ เพื่อสื่อสารกับธรรมชาติตรงหน้า ภาพบางอย่างถูกส่งเข้ามา ทำให้เธอลืมตาตื่นขึ้น เธอจ้องมองต้นไม้ตรงหน้าอย่างงุนงงกับสิ่งที่เห็น
“ภาพนั้น...เป็นไปได้เหรอ?”
“เป็นอะไรเหรอ? ซาร่า”
เสียงปริศนาเอ่ยถามขึ้นมา หญิงสาวหันไปมองริมฝีปากของเธอก็โค้งยิ้มอย่างดีใจที่เห็นอีกฝ่ายกำลังเดินตรงมาหา ในอ้อมกอดของเขามีเด็กหญิงตัวน้อยที่มีสีหน้าดีใจที่เห็นคนเป็นแม่
“มะม๊า!!”
“ไงจ๊ะ มาหาแม่เหรอคนดี?”
ซาร่าเดินตรงมาหาลูกสาวพร้อมกับยื่นมือรับลูกสาวมาอยู่ในอ้อมแขนทันที ลูกสาวทั้งกอดทั้งนัวเนียคนเป็นแม่อย่างรักใคร่ ชายหนุ่มเห็นอีกฝ่ายกำลังเล่นกับลูกเขาก็ถามอีกครั้ง
“เมื่อกี้คุยพูดว่าเป็นไปได้เหรอ? หมายถึงอะไร?”
“ไม่มีอะไรค่ะ ที่รัก” ซาร่าหันไปยกยิ้มให้อีกฝ่าย
ชายหนุ่มจ้องมองภรรยาของตนเองที่เงียบไม่พูดออกมาว่าเกิดอะไรขึ้น เขาจ้องมองเธอตั้งแต่สัมผัสต้นไม้แล้ว เขาก็สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นตอนภรรยาผละตัวออกจากต้นไม้ แต่เธอเก็บเงียบจนเขาถอนหายใจเบา ๆ
“เธอพูดแบบนั้น แต่ก็แอบเก็บเงียบเรื่องที่เห็นจากต้นไม้เนี่ยนะ?”
ซาร่าได้ยินคนเป็นสามีพูดแบบนั้น เธอหันไปพร้อมกับถอนหายใจ “เฮ้อ...ฉันปิดคุณไม่ได้สินะ”
“แล้วเคยได้ไหมล่ะ?” เขาเข้าหาเธอพร้อมกับหอมลงบนศีรษะ "มันเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่ ซาร่า"
ซาร่ายิ้มพร้อมกับหอมแก้มคนเป็นสามี “คุณนี่น่า ฉันล่ะเชื่อเลย...ฉันแค่สงสัยว่าภาพที่ต้นไม้ส่งมาให้นั้นเป็นเรื่องจริงไหมนะ?”
“เห็นภาพแบบไหนนะ?”
“เป็นภาพ...ร่างคนผิวขาวซีดทั้งตัว...ฉันมองใบหน้าไม่ชัด...แต่ต้นไม้ที่ส่งภาพให้ฉัน...” ซาร่าเงยหน้ามองคนเป็นสามี “เป็นต้นไม้ที่อยู่บนเกาะเซอร์ไว!”
“เกาะที่ทิ้งร้างมาเป็นเกือบครึ่งปีแล้วเนี่ยนะ!”
“ใช่ค่ะ!”
“แต่บอกว่าเจอคนผิวขาวซีด...” ชายหนุ่มมองภรรยาก่อนจะหนีซีดขึ้นมา “คงไม่ใช่ผีใช่ไหม?”
“จะบ้าหรือไง!!” ซาร่าขนลุกจนหันไปตีแขนสามีไปหลายที ข้อหาทำให้เธอตกใจ “คนนะคะ ไม่ใช่ผี ทำเอาขนลุกหมด!”
“ปะป๊าโดนมะม๊าตี~ ปะป๊าโดนมะม๊าตี~” เด็กน้อยพูดวนไปมาอย่างขำ ๆ ที่ผู้เป็นพ่อโดยแม่ตี
“ไปเปอร์ ดูสิลูก แม่เขารังแกพ่อล่ะ!” ชายหนุ่มเดินเข้าไปอยู่ข้าง ๆ ลูกสาว
“หยุดเลยนะคะ!”
“จ้า ๆ แล้วเห็นหญิงคนนั้นทำอะไรเหรอ?”
“ในภาพ...ฉันเห็นเธอกำลังขุดบางอย่างอยู่...แต่พอมอง ๆ ก็เห็นร่างพวกเลอร์วิงวู้ดลงในหลุมที่เธอขุด”
“เลอร์วิงวู้ด?”
“ต้นอ่อนที่ฉันสร้างให้มันมีชีวิตไงคะ”
“อ๋อ...พวกนั้นเหรอ?” ชายหนุ่มมองภรรยาอย่างสงสัย “มีสิ่งมีชีวิตแบบนั้นด้วยเหรอ?”
“คุณนี่มัน!!” ซาร่ารู้สึกเคืองขึ้นมาทันที ที่อีกฝ่ายไม่ใส่ใจรอบ ๆ เธอเลยจริง ๆ “ช่างเถอะค่ะ!! ไปเถอะลูก แม่อยากไปทานอาหารกลางวันล่ะ!”
ซาร่าพาลูกสาวออกจากจุดนั้นทันที
“อ๊ะ!! เดียวสิ ซาร่า ฉันขอโทษ!!” ชายหนุ่มรีบตามไปง้อภรรยาทันที
ผู้เป็นสามีรีบวิ่งตามภรรยาไปอย่างรวดเร็ว เขาไม่นึกว่าตัวเองจะทำให้ภรรยาโกรธเข้าให้ ตัวเขาคิดเลยว่าตัวเองไม่รอบคอบเลยจริง ๆ ที่พูดแบบนั้นออกไป แต่การได้ยินเรื่องแปลก ๆ จากภรรยามันก็ทำให้เขาคิดว่าควรเอาเรื่องนี้ไปรายงานให้แก่เพื่อนสนิทของเขาที่มีตำแหน่งใหญ่ที่สุดในที่แห่งนี้เสียแล้ว
ณ เกาะเซอร์ไว ภายในห้องนอนที่มิรารีอยู่
มื้อกลางวันผ่านไปมิรารีพากู้ดนี่กลับไปห้องนอนของเธอ เพราะตอนนี้เจ้าตัวเล็กนอนอยู่บนมือของเธออย่างอิ่มใจ คนเป็นครั้งแรกที่มันได้กินอิ่มแบบจริง ๆ จัง ๆ มิรารียิ้มอย่างมีความสุขก่อนจะวางมันลงบนเตียงนุ่ม ๆ ที่เธอเตรียมไว้ให้ พอวางลงกู้ดนี่ก็ขยับไปมาอย่างละเมอ มันส่งเสียงเล็กจ๋อยอย่างน่ารัก มิรารีที่มองก็รู้สึกมีความสุขที่มีเพื่อนใหม่ได้อยู่ด้วยกันและคุยกัน เธอยกมือขึ้นมาแล้วลูบไปที่ใบไม้จิ๋วนั้น
“กู้ด~ กู้ด~”
“หึ ๆ หลับซะนะ~ น่ารักจริง ๆ”
มิรารีคิดบางอย่างก็นึกได้ว่าเธอพึ่งฝังพวกตัวเล็กไปพวกนั้นเคยกินดินกับน้ำ ต้องไปรดน้ำไหม แต่เธอคิดนอกกรอบ กู้ดนี่กินอาหารคนได้งั้นตนอื่น ๆ ต้องทานได้ถึงจะเสียไปแล้วเธอก็อยากจะให้ของอร่อยให้พวกนั้นได้กินตอนอยู่อีกภพนั้นล่ะ มิรารีลุกขึ้นแล้วตรงดิ่งไปห้องครัว เธอทำแพนเค้กเหมือนตอนกลางวันไปจานใหญ่ ๆ หนึ่งจานก่อนจะเดินตรงไปที่เธอฝังพวกตัวเล็ก เธอวางมันแถว ๆ หลุม
“ฉันเอาของกินมาให้นะ เห็นกู้ดนี่กินแล้วอร่อย...ถึงพวกเธอจะไม่ได้มีชีวิตแล้วกลายเป็นวิญญาณ ฉันอยากให้พวกเธอได้ทานนะ...ขอให้อร่อยนะ”
มิรารีกล่าวพร้อมกับตบไปที่หลุมเบา ๆ ก่อนจะลุกขึ้นกลับเข้าไปในตึก เธอกลับมาที่ห้องก็ได้ยินเสียงร้องเบา ๆ เธอรีบเดินเข้าไปข้างในก่อนจะเห็นกู้ดนี่ที่กำลังร้อง มันคงตกใจที่เธอไม่อยู่ นั้นทำให้เธอรีบพุ่งไปหาทันที ฉันได้แต่ปลอบให้เขาหายเศร้าเจ้าตัวเล็กเหมือนเด็กน้อยมาก ๆ จนอีกฝ่ายสงบลง มิรารีลูบหัวเบา ๆ เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ จนตอนนี้เริ่มจะเย็น เธอมองออกไปข้างก็นึกถึงสิ่งที่เธออยากได้ขึ้นมา
“อยากให้ที่นี่มีไฟจริง ๆ นะ...จะได้เปิดไฟเอาไว้ตลอด ใครเห็นเกาะนี้มีไฟจะได้วนกลับมาที่นี่”
‘ไฟ?’ กู้ดนี่ส่งกระแสจิตแล้วเงยหน้ามองมิรารี
“ใช่...ไฟหมายถึงไฟฟ้านะ เช่นห้องนี้ถ้าเริ่มมืดก็จะเปิดสวิตช์ไฟนะ”
กู้ดนี่ฟังที่อีกฝ่ายพูดเขากำลังนึกบางอย่างก่อนจะลงจากตักของมิรารีทันทีแล้วเดินไปที่ประตู
“กู้ด!!”
“จะไปไหนนะ? กู้ดนี่”
‘ไฟฟ้า!! ตามมาเร็ว!!’ กู้ดนี่กล่าวก่อนจะเดินนำไปข้างหน้าทันที
“กู้ดนี่รอด้วย!!” มิรารีรีบวิ่งตามอีกฝ่ายทันที
พวกเขาทั้งสองเดินออกมาจากด้านหน้าตึก มิรารีวิ่งผ่านต้นไม้ใหญ่ที่ฝังพวกตัวเล็กไว้โดยไม่ได้สังเกตว่าอาหารที่วางอยู่ได้หายไปหมดแล้ว แต่มันหายไปไหนกันจนมิรารีเดินตามกู้ดนี่จนมาถึงตึกหลังที่เจอกู้ดนี่ มิรารีมองอย่างสงสัยก่อนที่กู้ดนี่จะส่งเสียงต่อให้เธอตามไป มิรารีก็วิ่งตามไปข้างในมิรารีเห็นว่าเจ้าตัวเล็กจะปีนบันได เธอก็รีบวิ่งเข้าไปอุ้มเขาขึ้นมาทันที
“ฉันว่าฉันพาเดินดีกว่านะ กู้ดนี่จะไปไหน?”
‘ห้องปฏิบัติการ~’ กู้ดนี่ส่งกระแสจิตแล้วยกนิ้วชี้ไปข้างบน
“ห้องปฏิบัติการเหรอ?”
มิรารีเอียงคออย่างสงสัย เธอคิดและวิเคราะห์ว่าห้องปฏิบัติการอาจจะเป็นห้องทำงานใหญ่ก็ได้หรืออาจจะเป็นห้องสร้างกระแสไฟฟ้าก็ได้
“งั้นไปกัน!!”
“กู้ดดดดดดดดดด~”
ขาที่ก้าวไปตามขั้นบันไดค่อย ๆ กล่าวจนไปถึงชั้นที่กู้ดนี่ส่งเสียงดังว่าชั้นนี้ มิรารีได้ยินก็หยุดเดิน เธอหอบหายใจเล็กน้อยก่อนจะมองทางข้างหน้าที่มันมืดยิ่งกว่าข้างล่าง เพราะตอนนี้น่าจะเย็นแล้วและเส้นทางนี้ไม่มีไฟแต่อย่างใด มิรารีหยิบบางอย่างที่เอามาด้วยก่อนจะกระบอกสีแดงขึ้นมาหมุนที่ก้นมันก็สว่างขึ้น มันคือพลุไฟฉุกเฉิน ตอนเธอเดินขึ้นมาเจอมันตกอยู่สองสามอันเลยหยิบมาด้วย ก็ถือว่าโชคดีที่เจอของพวกนี้ เธอเดินไปตามทางที่มีแต่เศษปูน เศษหิน จากกำแพงตกลงมา รอยร้าวขนาดใหญ่มากมายตามกำแพง มิรารีมองก่อนจะมองว่าตัวเองควรไปทางไหน กู้ดนี่ชี้ไปทางด้านขวามือมิรารีจ้องมองไปทางเส้นทางนั้นก่อนจะเดินไปตามเส้นทางไม่มีอะไรเลยตามทางจนมาถึงประตูบานหนึ่ง เธอหยุดมองก่อนที่กู้ดนี่จะพูดขึ้น
‘ห้องนี่!! เข้ากัน! เข้ากัน!’ กู้ดนี่ส่งกระแสจิตแล้วกระโดดอย่างเริงร่า
“โอเค…”
มิรารีกล่าวตอบเธอเอื้อมมือไปจับกรอกประตูก่อนที่จะหมุนแล้วเปิดประตูเข้าไป เธอเดินเข้าไปช้า ๆ ก็เห็นแผงควบคุมหลายอันเรียงเป็นชั้นเนินและหน้าจอมากมายที่ติดกำแพงอยู่ เธอตกตะลึงกับภาพตรงหน้าห้องปฏิบัติการที่กู้ดนี่พูดมันโคตรอลังการและทันสมัยมาก ๆ น่าเสียดายที่ที่นี่ถูกทิ้งร้างสุด ๆ
“น่าเสียดายสุด ๆ ที่โดนปล่อยทิ้งไว้เครื่องพวกนี้น่าจะหลายแสนอยู่นะ”
มิรารีจ้องมองภาพตรงหน้าแสงสว่างจากพลุไฟกำลังจะหมด เธอก็โยนอันเก่าทิ้งเปิดอันใหม่
“ดีที่มีอีกสองอันนะไม่งั้นมืดแน่ ๆ ในห้องนี้ไม่มีหน้าต่างเลย...”
มิรารีจ้องมองรอบ ๆ ก่อนที่กู้ดนี่จะหายไปจากมือของเธอ นั้นทำให้เธอตกใจเล็กน้อยก่อนจะมองหาอีกฝ่าย
“กู้ดนี่!! กู้ดนี่!!”
“กู้ดดดดดดดดดดด!!”
มิรารีได้ยินเสียงอีกฝ่ายก็หันไปหาต้นเสียงก็ได้เห็นกู้ดนี่ที่ไปอยู่แถวแผงควบคุมด้านหน้าตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
“อยู่นี่เอง...อย่าไปไหนไม่บอกสิ”
‘กด!! กด!!’ กู้ดนี่ส่งกระแสจิตให้มิรารีกดปุ่มตรงหน้าของตนเอง
มิรารีมองอย่างสงสัยก่อนจะมองไปที่ปุ่มสีเหลืองที่มีกรอบสีเหลืองใสปิดไว้ แล้วมีตัวหนังสือภาษาอังกฤษเขียนว่าฉุกเฉินนั้นทำเอามิรารีมองอย่างสงสัยว่าฉุกเฉินด้านไหนกัน
“ฉันควรกดเหรอ?”
“กู้ด!!” กู้ดนี่พยักหน้าอย่างมุ่งมั่น
“ไม่ ๆ ฉันไม่กดแน่ ๆ”
“กู้ด...” กู้ดนี่มองด้วยสายตาโศกเศร้าที่อีกฝ่ายจะไม่กด
มิรารีจ้องมองอีกฝ่ายที่กำลังส่งสายตาน่าเศร้าให้เธอ มันทำให้เธอรู้สึกว่ากำลังทรยศต่อความภักดีของเขาที่พาเธอมาที่นี่นั้นทำเอาเธอรู้สึกแย่ก่อนจะยกมือขึ้นไว้ที่หน้าผากแล้วไปที่แขนสองข้างก่อนสวดภาวนาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์
“สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย โปรดคุ้มครองลูกด้วย!”
“กู้ด!!!”
กู้ดนี่มองท่าทางอีกฝ่ายกำลังจะกดปุ่ม มิรารียกฝากล่องใสขึ้น เธอจ้องปุ่มสีเหลืองที่มีรูปสายฟ้า เธอกลัวว่ามันจะระบบไฟฟ้าช็อกมากกว่าปุ่มที่กู้ดนี่อยากให้กดจนกระทั่งเธอหลับตาแล้วดันนิ้วตัวเองกดลงไปทันที เสียงกึกของปุ่มดังขึ้นแต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นแสงสว่างจากพลุไฟก็หมดไปแล้ว เธอลืมตาขึ้นมารอบตัวมันมืดไปหมด ก่อนที่เธอจะเห็นตาของกู้ดนี่เรือนแสงนั้นทำให้เธอหาอีกฝ่ายได้
“ไง...ไม่เห็นมีอะไรเลยนี่น่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
สิ้นเสียงหัวเราะของมิรารีเครื่องยนต์ใต้ดินเริ่มทำงาน มันกำลังตรวจหาพลังงานและเมื่อหลายวันก่อนก็มีพลังงานเต็มให้มันเริ่มทำงานส่งตรงมาข้างบน มิรารีที่หัวเราะอยู่นั้นไฟในห้องของเธอก็ทำงานทันที
“อ๊ายยยย!!”
มิรารีตกใจที่จู่ ๆ ไฟในห้องที่เธออยู่ทำงานโดยที่เธอไม่รู้เลยว่ารอบเกาะไฟทุกจุดที่มีการเปิดและทำงานอยู่เริ่มกลับมาใช้งานได้ แต่ภายในห้องที่มิรารีอยู่ไม่ใช่แค่ไฟเท่านั้นที่ทำงานแต่แผงควบคุมแต่ละอันกำลังเปิดใช้งาน นั้นทำเอามิรารีสับสนว่าตัวเองควรทำยังไงกับมัน แต่ตอนนี้กับรู้สึกดีใจที่มีไฟได้ใช้แล้วจริง ๆ
“เจ๋ง!!” เธอหันไปกู้ดนี่แล้วอุ้มมากอด “ขอบใจมาก ๆ เลย กู้ดนี่ เพราะเธอแท้ ๆ พวกเรามีไฟได้ใช้แล้ว!!”
“กู้ดดดด~”
เกาะแห่งความหวัง สถานวิจัย
ตกดึกสถานวิจัยยังเปิดให้เหล่านักวิจัยยังทำงานของตนเองกัน บางกลุ่มยังขยันขันแข็งกับงานของตนเอง บางกลุ่มก็กำลังเตรียมตัวกลับบ้านไปพักผ่อนกัน ลึกเข้าไปยังสถานวิจัยยังมีแสงสว่างมันเป็นลานกว้างขนาดใหญ่กำลังสิ่งประดิษฐ์มากมายเช่นหุ่นยนต์ เครื่องจักรจนไปถึงเครื่องบิน เหล่าช่างกลกำลังตรวจเครื่องยนต์ต่าง ๆ พร้อมกับเหล่านักวิจัยกลุ่มหนึ่งเรื่องความเร็วของยานบินลำใหม่ที่พวกเขากำลังคิดค้น หญิงสาวร่างเล็กกำลังเร่งฝีเท้าด้วยอารมณ์ไม่พอใจจนเธอเห็นคนกลุ่มหนึ่งเธอก็ก้าวไปหาก่อนจะเอ่ยเรียกหนึ่งในนั้น
“ดอกเตอร์ออสตินค่ะ!!”
ชายชราในชุดกาวหันไปมองหญิงสาวที่เรียกชื่อเขา “อ้าว เธอเองเหรอ? เอวา”
“ดอกเตอร์!! วันนี้ฉันรอข้อมูลผลวิจัยอยู่นะคะ ทำไมคนของคุณไม่ส่งมาให้ฉันล่ะนะ!!” เอวาส่งสายตาไม่พอใจใส่อีกฝ่ายและพวกที่อยู่ตรงนั้นที่กำลังทำท่าไม่สนใจเธอ
“อ้าวเหรอ? งั้นเดียวฉันเตือนพวกนั้นได้นะ” ออสตินกล่าวก่อนจะหยิบเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ทันสมัยขึ้นมาก่อนจะกดส่งข้อความไป “เรียบร้อยล่ะ ไปรอรับที่ห้องเธอได้เลย เอวา”
“ขอบคุณค่ะ...ถ้าไม่อยากให้ฉันมาตามแบบนี้อีกโปรดรีบส่ง!! งานนี้จะได้จบ ๆ เราสองคนจะได้ไม่ต้องเจอหน้ากันอีกค่ะ!!”
เอวากล่าวก่อนจะเดินออกไปด้วยความรู้สึกโกรธในใจ ออสตินจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาไม่พอใจเช่นเดียวกัน เขาโกรธเคืองบางอย่างต่อเธอมาได้สักระยะแล้วจนมีหลายคนรู้ก็ไม่พอใจถ้าพวกเขาเป็นดอกเตอร์ออสติน เอวาเดินตรงกลับมาที่ห้องเธอในใจรู้สึกแย่มาก ๆ ก่อนจะตวาดพวกของบนโต๊ะไปหมด เธอรู้สึกไม่ชอบใจเหมือนกันที่ต้องมาเจอดอกเตอร์ออสตินเธอรู้สึกผิดต่อเขา เพราะหลายเดือนก่อนเธออาสาจะพามิรารีออกจากที่นี่กับเธอเพื่อศึกษาน้ำแข็งที่แช่ตัวมิรารีว่าจะเอาอย่างใด หลายคนห้ามแล้วว่าให้เธอปล่อยมิรารีอยู่ที่นี่ แต่ตัวเธอดื้อรั้นที่จะพามิรารีไปยังเกาะเซอร์ไวจนกระทั่งเกิดเหตุนั้น ดอกเตอร์ออสตินโกรธมากเพราะลูกสาวของเขาติดอยู่ที่นั่นคนเดียว
“ฉันเหนื่อยจริง ๆ มิรารี...รอหน่อยนะ...ฉันจะพาเธอกลับมาที่นี่ ถึงแม้เธอจะอยู่ในสภาพโดนแช่แข็ง...ฉันก็จะพาเธอกลับมา...หาพ่อเธอ...”
เอวามานั่งที่โต๊ะของเธอพร้อมกับซุกหัวกับโต๊ะ หัวของเธอรู้สึกปวดตุบ ๆ จนไม่อยากทำอะไรก่อนที่เธอจะนึกถึงงานก่อนหน้าเธอก็รีบเงยหน้าขึ้นมาดู
“ไหนดูสิ...ผลวิจัย...ที่พวกเขาส่งมาเป็นไง...”
เอวากำลังจับเมาส์อยู่นั้นบนหน้าจอของเธอก็มีการแจ้งเตือนสัญญาณบางอย่างขึ้น
“หือ? แจ้งเตือนนี้มัน...?”
เอวาไม่อยากเชื่อสายตาว่าสัญญาณนี้มาจากที่ไหนก่อนที่เธอจะกดมันแล้วมีระบบหนึ่งขึ้นมานั้นทำให้ใบหน้าของเธอถอดสีทันที
“มันบ้าไปแล้ว!! ไม่มีทาง!! หรือว่า...พวกนั้น...ไม่ ๆ มิรารีอยู่ในนั้นนะ!!”
จบตอนที่ 8 โปรดติดตามต่อตอนที่ 9 ต่อไป