หิมะกลายเป็นหนึ่งเดี่ยวกับฉัน เพียงเพราะฉันกลายเป็นผู้หญิงที่มีพลังเหนือธรรมชาติ

ไอซ์สโนว์ สาวพลังหิมะ - ตอนที่ 10 ออกปฏิบัติการช่วยเหลือ โดย YukiCoCo @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แอคชั่น,ไซไฟ,แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ยุคปัจจุบัน,ไอซ์สโนว์,สาวพลังหิมะ,แอคชั่น,ยอดมนุษย์,ฮิวแมน,เหนือธรรมชาติ​,แฟนตาซี,การต่อสู้,YukiCoCo,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ไอซ์สโนว์ สาวพลังหิมะ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แอคชั่น,ไซไฟ,แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ยุคปัจจุบัน

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ไอซ์สโนว์,สาวพลังหิมะ,แอคชั่น,ยอดมนุษย์,ฮิวแมน,เหนือธรรมชาติ​,แฟนตาซี,การต่อสู้,YukiCoCo

รายละเอียด

ไอซ์สโนว์ สาวพลังหิมะ โดย YukiCoCo @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

หิมะกลายเป็นหนึ่งเดี่ยวกับฉัน เพียงเพราะฉันกลายเป็นผู้หญิงที่มีพลังเหนือธรรมชาติ

ผู้แต่ง

YukiCoCo

เรื่องย่อ

คำแนะนำจากคนเขียน

นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายแต่งขึ้นตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนแต่ไม่จบ

เลยขอนำเสนอไว้สักตอนหนึ่งให้อ่านเล่นๆ ก่อนที่จะมาเขียนต่อ

เรื่องนี้เป็นเรื่องแต่งขึ้นไม่ได้อ้างอิงจากอะไรทั้งสิ้น

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะคะ ขอบคุณสำหรับผู้มาอ่าน

และให้ความสนใจในนิยายเรื่องนี้นะคะ


บทนำของเรื่อง

เมื่อเด็กสาวลูกเสี้ยวไทยนามว่า มิรารี ต้องออกเดินทางไปยังงานเทศกาลวิทยาศาสตร์ที่นิวยอร์กตามความต้องการของเธอ แต่แล้วก็เกิดเรื่องขึ้นเมื่อด็อกเตอร์คนหนึ่งทำเรื่องขึ้นก่อให้เกิดระเบิดครั้งใหญ่ขึ้น ทำให้คนตายนับพันร่วมถึงตัวมิรารีที่ไม่น่าจะรอดจากเหตุการณ์นั้น แต่แล้วเวลาผ่านไป 10 ปีตัวเธอที่น่าจะโดนแช่แข็งตายกับฟื้นขึ้นมาในสถานที่แปลกตาเข้าพร้อมกับร่างกายที่เปลี่ยนไป แล้วเธอจะหาใครมาช่วยเธอได้ล่ะ?


กำหนดการลงนิยาย

ยังไม่แน่ชัดนะคะ

สารบัญ

ไอซ์สโนว์ สาวพลังหิมะ-ตอนทีี่ 1 ออกเดินทางสู่นิวยอร์ก,ไอซ์สโนว์ สาวพลังหิมะ-ตอนที่ 2 หายนะครั้งใหญ่,ไอซ์สโนว์ สาวพลังหิมะ-ตอนที่ 3 เมื่อตื่นขึ้น,ไอซ์สโนว์ สาวพลังหิมะ-ตอนที่ 4 ฉันติดอยู่บนเกาะร้าง,ไอซ์สโนว์ สาวพลังหิมะ-ตอนที่ 5 ถึงเวลาสำรวจ,ไอซ์สโนว์ สาวพลังหิมะ-ตอนที่ 6 สิ่งที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น,ไอซ์สโนว์ สาวพลังหิมะ-ตอนที่ 7 จงหลับให้สบาย,ไอซ์สโนว์ สาวพลังหิมะ-ตอนที่ 8 ไฟฟ้ากลับมา,ไอซ์สโนว์ สาวพลังหิมะ-ตอนที่ 9 ข้อความ,ไอซ์สโนว์ สาวพลังหิมะ-ตอนที่ 10 ออกปฏิบัติการช่วยเหลือ,ไอซ์สโนว์ สาวพลังหิมะ-ตอนที่ 11 การช่วยเหลือที่หลอกลวง,ไอซ์สโนว์ สาวพลังหิมะ-ตอนที่ 12 รีบช่วยเหลือ

เนื้อหา

ตอนที่ 10 ออกปฏิบัติการช่วยเหลือ

ตอนที่ 10 ออกปฏิบัติการช่วยเหลือ

ข้อความสุดท้ายถูกส่งไปหลังจากตอบกลับไปสองรอบ มิรารีจ้องมองจอคอมอย่างสงสัยที่ไร้การตอบกลับ เธอรู้สึกสังหรณ์ไม่ดีว่าที่เธอส่งเป็นกับดักของฝ่ายศัตรูไหม จนตอนนี้ท้องไส้เธอปั่นป่วนจนอยากอาเจียนออกมา กู้ดนี่ที่อยู่ข้าง ๆ ได้แต่เกาะอย่างเป็นห่วง มิรารีจ้องมองอีกฝ่ายที่เป็นห่วงเธอได้แต่ยิ้มให้อย่างฝืน ระหว่างนั้นเองก็มีเสียงออกมาจากหน้าจอ มิรารีเงยหน้าขึ้นมามองที่หน้าจอบรรยากาศภายในห้องเงียบสงัดไร้เสียง นอกเวลาน้ำตาจากดวงตาสีฟ้าอ่อนกำลังตกลงอย่างช้า ๆ อาบข้างแก้มทั้งสองข้าง

 

“เรา...กำลังจะไปช่วย โปรดรออยู่เฉย ๆ”

มิรารีพึมพำข้อความบนหน้าจอ มันยิ่งทำให้ความรู้สึกที่รอความหวังกลับมา ความหวังเล็กน้อยกำลังจะมาช่วยเธอ ยิ่งทำให้เธอร้องไห้ออกมากกว่าเดิม

“ขอบคุณ...ขอบคุณ...”

“กู้ด...”

กู้ดนี่จ้องมองอีกฝ่ายที่กำลังร้องไห้ ตัวเขานั้นเดินเข้ามาโอบกอดอีกฝ่าย มิรารีพยายามเช็ดน้ำตาที่กำลังตกลงมาเป็นน้ำแข็ง

“ขอโทษนะ...ฉันกำลังดีใจนะ...ที่มีคนกำลังมาช่วยนะ...”

“กู้ด?”

“อืม...กำลังมีคนจะมาช่วยเราแล้วนะ...กู้ดนี่...” มิรารีกล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม

กู้ดนี่เห็นอีกฝ่ายมีสีหน้าที่กำลังมีความสุขก็ได้แต่ร้องด้วยเสียงแจ่มใส “กู้ดดดดด~”

 

มิรารีหันไปที่หน้าจอพร้อมกับส่งข้อความตอบกลับไปอย่างเงียบ ๆ แต่ก็มีข้อความตอบกลับนั้นเป็นข้อความที่ทำให้เธออึ้งไปชั่วขณะที่ฝั่งตรงหน้าส่งข้อความนี้มา แต่ข้อความนี่ทำให้เธอเข้าใจถึงสิ่งที่ฝ่ายตรงข้ามอยากให้ทำ หลังจากนั้นเธอออกจากห้องเธออุ้มกู้ดนี่ออกไปจากห้องเพื่อไปรอเวลาที่คนที่ส่งข้อความจะมาช่วยเธอ แต่ภายในใจของเธอกลับบอกว่าอย่าเชื่อใจในสิ่งที่เห็นต้องป้องกันตัวเสียหน่อยไม่เสียหาย

 

มิรารีอุ้มกู้ดนี่ออกจากห้องนั้นไปอย่างไม่สนใจอะไร เพราะเธอไม่รู้ว่าห้องนั้นระบบปิดอยู่ไหน เธอไม่อยากเสี่ยงให้ห้องระเบิดเพราะเธอ ระหว่างที่เดินไปตามทางนั้นเธอก็ลองสำรวจบางห้องก็ได้เห็นข้อมูลหลายอย่าง ภายในตึกแรกเหมือนที่ทำงานมากกว่า อาจจะเป็นที่ทำงานของผู้ใหญ่ แล้วโซนตึกแรกเป็นโรงเรียนที่มีทั้งห้องนอนจนไปถึงห้องเรียน แต่เธอยังไม่เจอห้องฝึก หรือว่าพวกเขาจะฝึกรอบนอกที่มีแต่ป่ากัน มิรารีกำลังครุ่นคิดก่อนจะหันไปหากู้ดนี่

 

“กู้ดนี้เคยเห็นพวกเมต้าฮิวแมนแบบฉันไหม?”

“กู้ด?" กู้ดนี่ส่ายหน้าเหมือนบอกว่าไม่เคยเห็น

“ไม่เคยเหรอ? ทำไมล่ะ?” มิรารีเอียงคออย่างสงสัย

 

‘กู้ดนี่ตื่นหลังจากทุกคนไม่อยู่...’ กู้ดนี่ส่งกระแสจิตให้

 

“ซะงั้น?”

มิรารีไม่นึกว่าคำตอบของกู้ดนี่จะเป็นแบบนั้น ทำเอารู้สึกเสียดายหน่อย ๆ ที่อีกฝ่ายไม่เห็นคนที่เหมือนเธอ แต่ก็แอบสงสารอีกฝ่ายหน่อย ๆ

“แล้ว...เธอไม่เหงาเหรอ? หรือว่าเพราะมีเพื่อน ๆ อยู่ตอนแรก?” มิรารีเอ่ยถามแต่กู้ดนี่ส่ายหน้าเบา ๆ

 

‘กู้ดนี่อยู่ตัวคนเดียว...จนกระทั่งเจอมะม๊า’

 

“มะม๊า? แม่ของเธออยู่ไหน?” มิรารีเอ่ยถามอย่างสงสัย

กู้ดนี่ยกนิ้วขึ้นมาชี้ไปตรงหน้าของมิรารี นั้นทำให้เธอจ้องมองอย่างงุนงง ก่อนจะยกนิ้วชี้ตัวเอง

“ฉันเหรอ?”

“กู้ดดด~”

สีหน้าอันร่าเริงของอีกฝ่ายทำเอาเธอเขินหน่อย ๆ ก่อนที่อีกฝ่ายจะยื่นมือเข้ากอดใบหน้าของเธอ นั้นทำเอาเธอรู้สึกอบอุ่นหน่อย ๆ ที่เจอเจ้าตัวเล็กนี่ทำตัวขี้อ้อนเหมือนเด็กคนหนึ่ง

“จะดีเหรอ? ฉันไม่ได้สร้างเธอขึ้นมานะ...”

“กู้ด!” กู้ดนี่พยักหน้าพร้อมกับแสดงสีหน้าดีใจ “ม๊า”

“อ๊ะ!” มิรารีได้ยินอีกฝ่ายพูดคำอื่นออกมานอกจากกู้ด ทำเอาเธอหัวเราะเบา ๆ “พยายามจะเรียกฉันว่าแม่เหรอ? น่ารักจริง ๆ”

“กู้ดดดด~”

มิรารีหอมแก้มเจ้าตัวเล็กอย่างเอ็นดู ถึงจะเป็นต้นไม้ แต่มีความน่ารักอย่างที่เธอไม่เคยเห็น ก่อนที่เธอจะพาเจ้าตัวเล็กไปเดินสำรวจต่อ พวกเธอสองคนเดินกันจนมาถึงจุดหนึ่งกำแพงได้เปิดออกทำเอาเธอตกใจทันที

“เย้ย!!!”

“กู้ดดดด!!”

“ตกใจหมดเลยเนอะ...”

“กู้ด...” กู้ดนี่พยักหน้าเบา ๆ

มิรารีจ้องมองกำแพงที่จู่ ๆ เปิดเอง เธอลองชะโงกหน้าเข้าไปก็เห็นทางข้างหน้าที่ต่ำลงไป แสงไฟกำลังไล่เปิดช้า ๆ เธอนึกถึงทางลับที่เธอเจอที่ชั้นหนึ่งของตึกแรกก็สงสัยว่ามันเป็นทางเชื่อมกันหรือเปล่า

“ลองเข้าไปดูหน่อยไหม?”

“กู้ด!”

กู้ดนี่ได้ยินคำพูดอีกฝ่ายก็เกิดกลัว เพราะข้างล่างเป็นสถานที่ที่กู้ดนี่ไม่เคยเข้าไปข้างใน มิรารีจ้องมองอีกฝ่ายแล้วลูบหัวเบา ๆ

“ฉันอยู่ตรงนี้นะ ถ้ามีอะไรฉันจะอยู่ข้าง ๆ”

“กู้ดดดดดด~”

“งั้นไปกัน!!”

มิรารีก้าวข้างตรงไปยังทางข้างหน้าอย่างมุ่งมั่นโดยไม่สนใจอันใดว่าทางข้างล่างนั้นจะมีภัยอันตรายอันใด แต่เธอกับรู้สึกถึงความน่าตื่นเต้นใหม่ที่ยังไม่เคยเห็น

 

โรงเก็บยานยนต์ เขตสถานวิจัย

โจเซฟวิ่งตรงมาที่โรงเก็บยานยนต์เพื่อตามหาเครื่องบินที่เขาต้องการใช้จนเจอกับยานลำหนึ่งที่เหมาะสมกับภารกิจครั้งนี้ โจเซฟวิ่งไปที่โซนห้องเก็บกุญแจเครื่องบินก็หยิบอันที่ใช่ออกมาแล้วเข้าไปตรวจสภาพเครื่องและน้ำมันที่มี ส่วนเอวานั้นกำลังเตรียมอุปกรณ์และของหลายอย่างตั้งแต่อาหาร ของใช้ เครื่องปฐมพยาบาล สิ่งต่าง ๆ พวกนี้เป็นสิ่งที่เอวาคิดว่ามิรารีคงต้องการมาก ๆ เกิดไปถึงอีกฝ่ายบาดเจ็บ เธอก็มีเครื่องปฐมพยาบาลให้ ส่วนอาหารเอาไปเสริมเพื่ออาหารภายในเกาะนั้นอาจจะเสียหรือหมดไปแล้ว เนื่องจากตู้เย็นนั้นรักษาของกินได้เกือบเป็นปี แต่เธอไม่รู้ว่าตอนนี้มันเป็นไง เธอก็ยิ่งห่วงมิรารีมาก ๆ กลัวจะอดอาหารมานาน เพราะเธอไม่รู้ว่าอีกฝ่ายฟื้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอเก็บของเขากระเป๋าทั้งหมดแล้วยกขึ้นบ่าเตรียมตรงดิ่งไปที่โรงเก็บยานยนต์ทันที

 

โจเซฟที่กำลังตรวจสภาพเครื่องบินอยู่หลังคานั้น เขาก็หันไปเห็นเอวาเดินมาพร้อมกับกระเป๋าสะพายขนาดใหญ่

“เห้ย!! ขนอะไรมาเยอะแยะ!!”

โจเซฟเอ่ยถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายขนของมาเกินตัวมาก ๆ ทำเอาสงสัยว่าอีกฝ่ายจะย้ายบ้านหรือไงกัน

“อะไร!! ฉันแค่ขนเสบียงและของจำเป็นเท่านั้น!!”

“เราไปช่วยนะไม่ได้ไปอยู่!!”

“ฉันรู้ยะ! แต่การไปที่นั่นต้องใช้เวลาไปอีกนะ!”

“เฮ้อ...เธอเนี่ยนะ...” โจเซฟรู้สึกไม่สบอารมณ์กับอีกฝ่ายจริง ๆ

“เลิกพูดเถอะ!!!”

เอวารีบเดินเข้าไปข้างในเครื่องบิน เธอวางกระเป๋าลงก่อนที่โจเซฟก็ปีนลงมาอยู่ในห้องเครื่อง เขาเตรียมตัวปิดประตูด้านหลังเครื่องทันที

“แล้วเตรียมเครื่องเสร็จแล้วเหรอ?”

“ใช่ แล้วเธอมีอะไรอีกไหม?”

“ไม่!”

“โอเค งั้นฉันขอเวลาอีกสักครู่” โจเซฟหันไปตรวจสอบบางอย่างต่อก่อนเตรียมตัวเดินทาง

“อืม”

เอวาพยักหน้าก่อนจะเดินไปเก้าอี้ข้างคนขับ เธอจ้องไปที่แผงควบคุมสักพักจนนึกบางอย่างได้ เธอหันไปหาโจเซฟที่ยังตรวจบางอย่างโดยไม่สนใจเธอนั้นทำให้เธอปิดบางอย่างโดยไม่บอกอีกฝ่าย เธอนั่งอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอรู้ว่าทำแบบนี้เธอมีสิทธิ์โดนไล่ออก แต่เธอยอมเสี่ยงเพื่อพาเพื่อนกลับมา ไม่นานนัก โจเซฟก็เดินมานั่งที่เก้าอี้คนขับ

เอวามองอีกฝ่ายที่กำลังจะนั่งเธอก็ถามบางอย่าง “ใบอนุญาตเอามาแล้วใช่ไหม?”

โจเซฟสะดุ้งทันทีที่อีกฝ่ายพูดขึ้น แล้วค่อย ๆ หันไปถามอีกฝ่าย “นี่ยังจะให้ฉันเอามาอีกเหรอ?”

“อย่าหาว่าฉันไม่เตือนล่ะ!”

พอโดนพูดแบบนั้นโจเซฟก็วิ่งไปเปิดประตูแล้ววิ่งแวบหายไป ก่อนจะกลับมาพร้อมใบอนุญาตการขับเครื่องบินในมือของเขา

“พอใจนะ!”

“จ้า!” เอวาทำหน้ายิ้มเยาะออกมา

โจเซฟขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจที่อีกฝ่ายนั้นจู้จี้กับเขา เขานั่งลงพร้อมกับสตาร์ทเครื่องบิน เสียงเครื่องบินกำลังดังไปทั้งโรงเก็บดีที่ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ เอวาจ้องมองไปที่ข้างหน้า เธอกดมือถือของเธอทำให้ประตูทางออกของโรงเก็บเปิดออก โจเซฟเห็นแบบนั้นเขาจับไปที่คันเร่ง

“เตรียมตัว!!”

“ออกตัว!!”

 

โจเซฟเคลื่อนคันเร่งให้เครื่องบินเคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างเร็วพร้อมกับทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า เสียงเครื่องบินดังไปทั่วทั้งเกาะแห่งความหวัง ทำให้ชายหนุ่มสองคนที่กำลังดื่มด่ำกับเครื่องดื่มอย่างมึนเมาอยู่นั้นต้องตาตื่น คาร์เตอร์เห็นเครื่องบินนั้นเขาลุกขึ้นอย่างตกใจที่มีเครื่องบินออกในเวลาแบบนี้ ทำให้เขาต้องรีบกลับเข้าตึกเพื่อไปสถานที่แห่งหนึ่ง มิเกลเห็นเพื่อนชายเดินไปไหนก็ไม่รู้ แต่เขาก็รีบลุกขึ้นตามอีกฝ่ายทันที

 

“คาร์เตอร์รอด้วย!!” มิเกลพยายามลุกขึ้นอย่างมึนเมา ตัวเขาเซไปเซมาจนเกือบทรงตัวไม่อยู่ แต่ก็ยังวิ่งตามอีกฝ่าย

 

คาร์เตอร์ก้าวเท้าเดินอย่างรวดเร็วจนไปถึงห้องหนึ่งที่มีเหล่าเจ้าหน้าที่มากมายกำลังปฏิบัติการอยู่ในช่วงยามดึก พวกเขากำลังใช้เวลาอย่างน่าเบื่อ เพราะไม่ค่อยมีอะไรทำ บางคนก็เอามือถือขึ้นมาเล่น บางคนก็จ้องหน้าจอคอมดูกล้องวงจรปิดในมุมอื่น ๆ บางคนกำลังเอาอาหารขึ้นมากินอย่างไม่สนใจอะไร ถึงตรงนี้จะเป็นห้องปฏิบัติการสำหรับควบคุมสิ่งต่าง ๆ ภายในเกาะ พวกเขากำลังใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยอยู่นั้น คาร์เตอร์ก็เปิดประตูเข้าไปจนเสียงดัง ปัง! ทำให้เหล่าเจ้าหน้าที่ทุกคนต่างตกใจแล้วหันไปมองว่าใคร จนพวกเขาเห็นอีกฝ่ายก็รีบลุกขึ้นยืนทำความเคารพ

 

“สวัสดียามดึกค่ะ/ครับ! หัวหน้า!”

คาร์เตอร์เข้ามาพร้อมกับเดินมาจุดที่เขายืนบัญชาการทุกครั้ง “ตรวจสอบเดียวนี่!! เครื่องบินที่ออกไปไม่นานมานี่ เป็นเครื่องบินหมายเลขอะไรและใครเป็นคนขับ!!”

“รอสักครู่ครับ!!” เจ้าหน้าที่นายหนึ่งหันไปที่เครื่องพร้อมกับตรวจสอบโดยทันที เมื่อผลได้เขาก็เริ่มพูดในทันที “ตรวจสอบแล้วครับ! เครื่องบินที่ออกไปเป็นรุ่นทดลองที่ยังไม่ได้จดทะเบียนลงในระบบของเราครับ!!”

“ห๊า! ทำไมพวกผู้สร้างเครื่องพวกนั้นถึงไม่ทำการลงทะเบียนเครื่องบินที่ว่านั้น!!”

“เนื่องจากเป็นรุ่นทดลองเกี่ยวกับอุปกรณ์ล่องหน จึงยังไม่ได้ทำการลงทะเบียนในระบบนะคะ” เจ้าหน้าที่หญิงเอ่ยตอบอย่างกลัว ๆ

“โธ่เอ๊ย!!” คาร์เตอร์สบถออกมาอย่างโกรธเคือง "แล้วสามารถติดต่อคนขับได้ไหมว่าใครขับ!!”

“ตรวจสอบแล้วค่ะ แต่ไม่สามารถติดต่อได้เนื่องจากทางนั้นปิดเครื่องสื่อสารนะคะ!!”

“บ้าฉิบ!! ตรวจสอบว่ามันจะไปไหน เดียวนี่!!” คาร์เตอร์ทุบโต๊ะอย่างไม่พอใจที่มีคนทำอะไรไม่ผ่านเขา

เจ้าหน้าที่แต่ละคนกำลังพยายามตรวจสอบว่าเครื่องบินลำนั้นกำลังไปที่ไหนจนกระทั่งเจ้าหน้าที่คนหนึ่งดูทิศทางของเครื่องบินก็คาดคะเนได้ว่าเครื่องบินลำนั้นไปที่ไหน

“หัวหน้าค่ะ เราคาดการณ์ว่าเครื่องบินลำนั้นกำลังไปไหนแล้วค่ะ!!”

“ไม่เอาคาดการณ์!! บอกมาว่ามันกำลังไปไหน!!”

เจ้าหน้าที่คนนั้นกำลังจะเอ่ยพูดออกมา “ลำนั้นกำลังตรงไปที่เกาะเซอร์ไวครับ!”

“เกาะเซอร์ไว!! ทำไมมีแต่คนอยากไปเกาะนั้นกันจริง!!”

“คงเพราะไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว ระบบไฟฟ้าของบนเกาะเกิดทำงานขึ้นมานะคะ!!”

“ว่าไงนะ!?” เมื่อได้ยินแบบนั้นความโกรธของคาร์เตอร์เริ่มพุ่งมากขึ้น “แล้วทำไมไม่มีคนบอกฉันสักคน!!”

เจ้าหน้าที่แต่ละคนต่างพากันหวาดกลัวมากขึ้นไม่กล้าพูดอะไร แต่แล้วเจ้าหน้าที่คนหนึ่งก็เดินออกมาพูดขึ้น

“ขออภัยที่เราไม่บอกค่ะ หัวหน้า”

คาร์เตอร์หันไปมองเสียงของหญิงสาวคนหนึ่ง เธอมีรูปลักษณ์คล้ายมนุษย์ แต่ร่างกายของเธอเป็นสีม่วงทั้งร่างกาย ผมสีเขียวมินต์ ดวงตาสีเหลืองจับจ้องอีกฝ่ายอย่างไม่เกรงกลัว

“อามิกะ! เธอเป็นหัวหน้าของเจ้าพวกนี้คงจะบอกได้นะ!”

“ค่ะ! เนื่องจากเอ...ไม่ใช่สิ ศาสตราจารย์เอวาส่งข้อความมาทางเราว่าที่ระบบที่เกาะเซอร์ไวเกิดความผิดพลาดแค่นั้นนะคะ”

“แล้วพวกเธอก็เชื่องั้นเหรอ!?”

“ไม่ค่ะ! ฉันเลยขอให้ลูกน้องตรวจสอบอีกครั้งเลยรู้ว่าระบบไฟฟ้าที่เกาะนั้นเกิดทำงานขึ้นมาจริง ๆ เลยคิดว่าน่าจะมีใครสักคนหรือคนของดาร์คเนสอาจจะเปิดระบบไฟฟ้าสำรองเราขึ้นนะคะ!!”

ระหว่างที่หญิงสาวที่ชื่ออามิกะกำลังอธิบายเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับคาร์เตอร์ มิเกลก็เดินมาถึงที่นี่พร้อมกับเดินเข้ามาข้างในอย่างช้า ๆ คาร์เตอร์ฟังเรื่องทั้งหมดจนจบ คิ้วของเขาก็ขมวดกันจนเป็นปมไปแล้ว

“งั้นตรวจสอบกล้องทุกตัวในเกาะเซอร์ไวโดยทันที”

“เสียใจด้วยค่ะ...หัวหน้า...”

“เธอหมายความว่าไง? อามิกะ”

เจ้าหน้าที่ชายคนหนึ่งลุกขึ้นในทันที “พวกเราตรวจสอบแล้วครับ แต่กล้องทุกตัวถูกพวกดาร์คเนสทำร้ายตั้งแต่เมื่อตอนที่พวกมันบุกมาครั้งก่อนแล้วนะครับ!”

“ชิ!!” คาร์เตอร์ไม่สบอารมณ์ที่ไม่สามารถติดต่อใครได้เลยจริงๆ

“ให้ฉันออกไปไหนช่วยไหม? คาร์เตอร์” มิเกลถามอย่างสงสัย

“หุบปากไป! มิเกล!”

มิเกลถึงกับเงียบกริบทันที “ขอโทษคร้าบ...”

มิเกลถึงกับหน้าหงอยอย่างกับคนจะร้องไห้ เพราะโดนอีกฝ่ายตะคอกใส่ ก่อนที่เจ้าหน้าที่นายหนึ่งจะเอ่ยพูดขึ้นเมื่อเขากำลังจ้องมองหน้าจอแล้วเห็นบางอย่างที่ผิดปกติขึ้นมา

“มีปัญหาแล้วค่ะ!!”

“!!” คาร์เตอร์หันไปทางเจ้าหน้าที่หญิงคนหนึ่งพูดขึ้น “เกิดอะไรขึ้น!?”

“มีเฮลิคอปเตอร์อีกลำหนึ่งกำลังตรงไปที่เกาะนั้นเช่นเดียวกันค่ะ แล้วตรวจสอบได้ว่าเป็นของพวกดาร์คเนสค่ะ!”

“ว่าไงนะ!!” คาร์เตอร์ถึงกับอึ้งไปเลยว่าเหตุการณ์นี้มันอะไรกัน

“ให้ตามไปไหม!!” มิเกลเปลี่ยนอารมณ์อย่างเร็วแล้วถามอีกฝ่ายขึ้นมาแบบนั้น

“ยัง! เราจะดูสถานการณ์ไปก่อน ถ้าเราส่งคนไปช่วยเยอะเกินไปอาจจะเป็นแผนลวงให้ล่อเราออกไป แล้วโจมตีที่นี่ก็ได้!”

“มันก็จริงนะ...” มิเกลนึกถึงภาพที่อีกฝ่ายพูดขึ้น “แต่...คนที่กำลังไปที่เกาะนั้นล่ะ...คนของเรานะ!”

“ฉันรู้!!” คาร์เตอร์ขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิดไปหมด

“แล้วทำไม?” มิเกลเอียงคออย่างสงสัย

“นายก็น่าจะรู้นะ...ฉันไม่ต้องการเสียใครไปอีก!” คาร์เตอร์นึกถึงเหตุการณ์ที่เกาะนั้นที่เขาเสียทั้งเพื่อนและคนที่เขารู้จัก “เราจะไม่เอาคนหมู่มากไปเสี่ยงกับคนที่ออกไปทั้งนั้น!”

“มันก็...”

“ไม่ต้องห่วงถ้าเกิดอะไรขึ้น! เราจะขอให้อามิกะเปิดประตูไปที่เกาะนั้นได้ใช่ไหม? อามิกะ”

“ได้ค่ะ! หัวหน้า ฉันจะรอรับสั่งจากหัวหน้าเลยค่ะ!” อามิกะเตรียมตัวรอรับคำสั่งจากหัวหน้าที่เคารพรักอย่างใจรอ

“ดี!” คาร์เตอร์จ้องมองทุกคน ก่อนที่เขาจะสั่งเจ้าหน้าที่ทุกคนทันที “งั้นเปิดระบบสเปชั่น ณ เกาะเซอร์ไวเดียวนี้!”

 

*ระบบสเปชั่น เป็นระบบตรวจจับตำแหน่งตัวบุคคลหรือสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่บนเกาะ

 

“รับทราบ!!” เจ้าหน้าที่ทุกคนรีบไปที่หน้าจอคอมของตนเองทันที

คาร์เตอร์นั่งลงบนเก้าอี้ในทันที มิเกลมายืนข้าง ๆ อย่างตั้งใจดูภาพตรงหน้า

“กี่เดือนแล้วนะที่เราไม่ได้ลุยแบบนี้ในห้องนี้นะ”

“ฉันไม่อยากเห็นภาพแบบนี้ด้วยซ้ำ...มันน่ารำคาญ ถ้าไม่ใช่ภารกิจดี ๆ”

“พูดได้นะ เราไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไปแล้วนะ”

“ถึงไม่ใช่มนุษย์แต่จิตใจเราก็ยังเป็นมนุษย์ มิเกล ไม่งั้นเราไม่ช่วยผู้คนมากมายหรือไง”

“ก็จริงของนาย...ตอนนี้ฉันรอดูคนโดยนายเล่นงานตอนกลับมาดีกว่า”

คาร์เตอร์จับจ้องหน้าจอขึ้นภาพสีดำของเกาะเซอร์ไว พร้อมกับจุดสีแดงหนึ่งตำแหน่งบนเกาะนั้น ทำให้คาร์เตอร์สงสัยว่าคนที่อยู่บนเกาะนั้นเป็นใคร

“มีคนอยู่บนเกาะ?”

“หัวหน้า!!” อามิกะหันไปหาคาร์เตอร์ที่กำลังจ้องมองอยู่

คาร์เตอร์มองเขานึกถึงคำพูดของมิเกลทันที จนมิเกลอุทานออกมา

“ซาร่าพูดจริง...ที่นั่นมีคนอยู่...คนที่มีร่างกายสีขาว...”

“คุณคือใครกัน...บุคคลสีขาว”

 

จบตอนที่ 10 โปรดติดตามต่อตอนที่ 11 ต่อไป