หิมะกลายเป็นหนึ่งเดี่ยวกับฉัน เพียงเพราะฉันกลายเป็นผู้หญิงที่มีพลังเหนือธรรมชาติ
แอคชั่น,ไซไฟ,แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ยุคปัจจุบัน,ไอซ์สโนว์,สาวพลังหิมะ,แอคชั่น,ยอดมนุษย์,ฮิวแมน,เหนือธรรมชาติ,แฟนตาซี,การต่อสู้,YukiCoCo,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ไอซ์สโนว์ สาวพลังหิมะหิมะกลายเป็นหนึ่งเดี่ยวกับฉัน เพียงเพราะฉันกลายเป็นผู้หญิงที่มีพลังเหนือธรรมชาติ
คำแนะนำจากคนเขียน
นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายแต่งขึ้นตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนแต่ไม่จบ
เลยขอนำเสนอไว้สักตอนหนึ่งให้อ่านเล่นๆ ก่อนที่จะมาเขียนต่อ
เรื่องนี้เป็นเรื่องแต่งขึ้นไม่ได้อ้างอิงจากอะไรทั้งสิ้น
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะคะ ขอบคุณสำหรับผู้มาอ่าน
และให้ความสนใจในนิยายเรื่องนี้นะคะ
บทนำของเรื่อง
เมื่อเด็กสาวลูกเสี้ยวไทยนามว่า มิรารี ต้องออกเดินทางไปยังงานเทศกาลวิทยาศาสตร์ที่นิวยอร์กตามความต้องการของเธอ แต่แล้วก็เกิดเรื่องขึ้นเมื่อด็อกเตอร์คนหนึ่งทำเรื่องขึ้นก่อให้เกิดระเบิดครั้งใหญ่ขึ้น ทำให้คนตายนับพันร่วมถึงตัวมิรารีที่ไม่น่าจะรอดจากเหตุการณ์นั้น แต่แล้วเวลาผ่านไป 10 ปีตัวเธอที่น่าจะโดนแช่แข็งตายกับฟื้นขึ้นมาในสถานที่แปลกตาเข้าพร้อมกับร่างกายที่เปลี่ยนไป แล้วเธอจะหาใครมาช่วยเธอได้ล่ะ?
กำหนดการลงนิยาย
ยังไม่แน่ชัดนะคะ
ตอนที่ 11 การช่วยเหลือที่หลอกลวง
เส้นทางที่ต่ำลงไปเรื่อย ๆ มีเพียงแสงสว่างเจิดจ้าตามกำแพงที่ส่องสว่าง จนเดินมาถึงปลายทางที่มีประตูบานหนึ่งอยู่ มิรารีจ้องมองทางตรงหน้าอย่างสงสัยว่าประตูตรงหน้าคือประตูไปไหน เธอค่อย ๆ ใช้มือดันมันเข้าไปประตูก็เริ่มขยับทางข้างหน้าก็เริ่มมีแสงไฟสว่างขึ้น ก็มีเพียงเส้นทางโค้งด้านขวากับซ้าย แล้วตรงหน้าเป็นกำแพงโปร่งใส่ มิรารีค่อย ๆ เดินตรงไปข้างหน้าว่ามีอะไรอยู่หลังกำแพงโปร่งใสก็ได้เห็นลานกว้างขนาดใหญ่ที่มีชั้นวางของมากมายและลานจอดยานพาหนะมากมายที่เธอไม่เคยเห็น ดวงตาของมิรารีลุกวาวอย่างตกใจที่เธอเจอสิ่งไม่คาดคิด
“นี่มัน...ห้องเก็บของขนาดใหญ่ชัด ๆ” มิรารีกล่าวออกมา
“กู้ด...”
“อืม...เอาล่ะ...ลองไปดูข้างล่างกัน!!”
มิรารีพาเจ้าตัวเล็กเดินไปดูข้างล่างว่ามีอะไรมั้งจนเธอนั้นพบกับอุปกรณ์วิทยาศาสตร์มากมายที่ดูน่าสนใจมาก ๆ และยานพาหนะอีกมากที่น่าสนใจ ทำเอาอยากเก็บเอาไปข้างบนเลย ระหว่างที่กำลังตรวจสอบบางอย่างนั้นเธอก็เห็นตามเครื่องคอมมันเขียนบางอย่างเธอก็ลองกด ไม่กี่นาทียานพาหนะแต่ละครั้งก็หดลงนั้นทำเอาเธอตกตะลึงก่อนจะเดินไปดู นั้นเป็นครั้งแรกที่เห็นอะไรแบบนี้นั้นทำให้เธอรู้ว่าพวงกเขาย้ายยานพาหนะกันมายังไง เธอเห็นมีกระเป๋าสีดำหนังสี่เหลี่ยมผืนผ้าแอบอยู่เปิดมาก็เห็นเลยว่ามันถูกจัดไว้ให้อะไร เธอเก็บพวกยานยนต์ทุกแบบเข้ากระเป๋าจนหมด ก่อนจะเดินไปตามจุดต่าง ๆ เธอก็อยากได้ขอหลายอย่างจนกระทั่งเธอเดินผ่านไปที่กระเป๋าบางอย่าง
“กระเป๋ามิติ...?” มิรารีเห็นก็ตาลุกวาวอย่างตกใจ “มีของแบบนี้บนโลกด้วยเหรอ!?”
เธอไม่รอช้าก็ลองเอาของแถวนั้นเข้ากระเป๋าดูมันได้ผลนั้นทำให้มิรารีมีความคิดอยากจะลองเอาของพวกนั้นกลับไปให้หมด เธอเก็บทุกอย่างในชั้นล่างออกไปหมดจนเหลือเพียงกระเป๋ามิติอันเดียว เธอไม่คิดว่ากระเป๋าขนาดเล็กแค่นี้จะบรรจุของในเยอะแบบนี้
“ต้องชมคนที่สร้างจริง ๆ”
“กู้ด?”
“อ๋อ เรื่องคนที่สร้างกระเป๋าใบนี้นะ เก่งมาก ๆ เลยนะ”
“กู้ด”
“กลับขึ้นไปข้างบนระหว่างรอพวกที่มาช่วยเราดีกว่านะ”
มิรารีสะพายกระเป๋าก่อนจะเดินออกจากชั้นใต้ดิน เธอเห็นทางออกมามีสองสามทางตามแผนที่ในคอมจนเห็นว่ามีเส้นทางหนึ่งตรงดิ่งไปยังตึกแรกที่เธออยู่ได้ พอเป็นแบบนั้นเลยเดินไปตามทางนั้นจนมาเจอทางที่เธอเจอครั้งแรกที่เธอไม่กล้าลงมาเพราะมันมืดมาก ๆ ตอนนี้เธอก้าวออกมาจากพื้นที่นั้นก็รู้สึกประหลาดใจที่ข้างล่างนั้นไม่ได้น่ากลัวอะไร แต่เพราะความกลัวทำให้เธอไม่กล้าลงไป แต่เธอก็ประหลาดใจที่คนสร้างได้สร้างทางเชื่อมที่ไปได้ทุกตึก
“อืม! ทางข้างล่างเชื่อมต่อกับหลาย ๆ ตึกเลยแฮะ...ดีจริง ๆ” มิรารีกล่าวอย่างชอบใจก่อนจะหันไปหากู้ดนี่ที่อยู่บนไหล่ของเธอ “เอาล่ะ เราไปพักกันดีกว่านะ กู้ดนี่”
“กู้ด!”
มิรารีเดินพาอีกฝ่ายกลับไปยังชั้นสี่ เธอก็เข้าไปในห้องพร้อมกับวางกู้ดนี่ที่ดูจะง่วง ๆ ลงที่ตะกร้าไม่นานกู้ดนี่ก็หลับไปแล้ว มิรารีนั่งลงก่อนจะเตรียมตัวตรวจสอบของที่เธอเอามาจากข้างล่างหยิบชิ้นหนึ่งขึ้นมามันคล้าย ๆ เข็มขัด แต่มีหน้าจอมิเตอร์ให้กด มิรารีก้มมองก่อนจะมีข้อมูลขึ้นมา
“อืม...ว้าว...น่าสนใจแฮะ...”
มิรารีลองเลื่อนหน้าจอแล้วมีข้อความว่านำพลังมาใช้ เธอสงสัยว่าเอาพลังของอะไรมาใช้ ก่อนจะมีข้อมูลภาพของใครขึ้นมา แต่เธอไม่รู้จักก่อนจะกดรูปภาพนั้น พอกดไปแล้วก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไร
“อืม...ไม่เห็นมีอะไรเลยแฮะ...”
มิรารีกล่าวพร้อมกับกำลังกล่าวไปข้างหน้านั้น ร่างกายของเธอก็พุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วจนตัวเธอตั้งสติไม่ทันภาพตรงหน้าของเธอก็เจอกับกำแพงจนชนเขาเต็ม ๆ
“อ๊ากกกกกกกกกก!!”
ตึ๊ก!!!
เสียงกำแพงดังจนสะเทือนทั้งตึกที่มิรารีอยู่ เธอรู้สึกเจ็บหน้าอกไปหมด เพราะร่างกายของเธอกระแทกกับกำแพงจนล้มอยู่กับพื้น
“อึ้กกกกกกก!! เจ็บชิบ!!!”
มิรารีดิ้นไปดิ้นมาเพราะความเจ็บแล้วไม่กี่หน้าที่ร่างกายของเธอก็ไม่รู้เจ็บอีก นั้นเป็นสิ่งที่แปลกยิ่งกว่าอะไรในสิ่งที่เธอเจอในตอนนี้ เธอหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะมองเพดานแล้วพูดบางอย่าง
“หายเจ็บไวจริง ๆ ด้วยสิ...”
มิรารีประหลาดใจทุกครั้งที่ร่างกายของเธอหายไวเหมือนกับปรากฏการณ์เวลาน้ำแข็งเจอน้ำมันก็จะแช่แข็งอย่างรวดเร็ว หรือว่าร่างกายของเธอจะเป็นแบบนั้น ทำให้มิรารีสงสัย แต่ตอนนี้เธอกำลังสนุกกับอุปกรณ์นี้ เธอวนกลับมาที่ห้องก็ยังเห็นว่ากู้ดนี้ยังหลับอยู่คงจะเหนื่อยแน่ ๆ เธอเลยแอบทิ้งอีกฝ่ายลงมาข้างล่างตอนนี้ยังมืดอยู่ เธอมาถึงหน้าตึกก็เตรียมตัวที่จะลองอะไรสักอย่าง
“มาลองกัน!!”
มิรารีถูมือของตนเองก่อนจะเตรียมตัววิ่งตรงไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วเธอวิ่งไปตามเส้นทางที่อยากไป ตั้งแต่เธออยู่ที่นี่ไม่เคยไปจุดไหนนอกจากภายในตึก แต่ตอนนี้เธอวิ่งไปทั่วทั้งป่าโดยที่เธอนั้นไม่เคยวิ่งไปตรงไหนเลย เธอไม่ระวังเลยว่าตรงไหนมันจะมีอะไร แต่พอเธอเจอร่างกายรอบตัวเธอก็ช้าลงก่อนที่เธอจะหลบ มันสุดยอดและทำให้เธอสนุกสุดเหวี่ยง ๆ เหมือนเธอกำลังเป็นยอดมนุษย์ที่วิ่งเร็วที่สุดยังไงอย่างนั้นล่ะ เธอตะโกนสุดเสียงอย่างสนุกโดยไม่รู้เลยว่าตอนนี้กำลังมีภัยเข้าหาตัวเธอ ห่างออกไปภายใต้ท้องฟ้าอันดำมืดสะท้อนกับพื้นทะเล เฮลิคอปเตอร์ขนาดใหญ่มีเหล่าผู้โดยสารคนจำนวนมากกำลังเตรียมตัวแต่งกายเต็มยศรอที่จะออกรบกัน ก็มีชายหนึ่งที่อยู่บนหลังคาเฮลิคอปเตอร์ก็ได้เห็นสิ่งที่พวกเขากำลังจะเดินทางไป เขาค่อย ๆ ลงมาจากหลังคาแล้วจ้องมองไปที่หญิงสาวที่มีหนาวตามตัว
“หัวหน้า ฉันเห็นเกาะนั้นแล้ว”
“ดี จำที่ท่านเคสเนอร์บอกด้วยล่ะ จับตัวมาเป็น ๆ แต่...” หญิงสาวนั่งอยู่ด้านหน้าก่อนจะเอ่ยมองลูกน้องทุกคนด้วยรอยยิ้มไม่น่าไว้ใจ “ไม่ได้บอกว่าห้ามทำร้าย ถ้าขัดขืนก็ทำให้สงบซะ เข้าใจไหม? ทุกคน”
รอยยิ้มของลูกน้องทุกคนนั้นคล้ายกับตัวหัวหน้าที่ดูไม่น่าไว้ใจกันมาก ๆ ก่อนที่พวกเขาจะขานตอบหัวหน้า
“เข้าใจครับ/ค่ะ!!”
ตัวหญิงสาวยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เธอไม่สนใจว่าต้องทำอะไร ถ้าอีกฝ่ายขัดขืนเธอก็แค่เล่นงานให้รู้จักการยอมจำนนก็เท่านั้น เฮลิคอปเตอร์กำลังตรงดิ่งไปยังเกาะที่ฝ่ายศัตรูไม่ช้าเครื่องก็ใกล้ถึงจุดหมายนั้นทำให้เสียงโดยรอบเกิดการสั่นขึ้นทำให้มิรารีที่มาวิ่งเล่นในตึกที่สองรู้สึกถึงการสั่นตามกระจกนั้นทำให้เธอต้องวิ่งออกไปยังบนดาดฟ้า เธอมาถึงร่างกายของเธอสั่นไปหมด เพราะการใช้พลังไม่คุ้นเคยทำให้ร่างกายอ่อนล้า แต่เธอก็พยายามฝืนตัวเองก็หายดี เธอเห็นบางอย่างกำลังลงมาช้า ๆ นั้นคือเฮลิคอปเตอร์ มิรารีเห็นก็ฉีกยิ้มอย่างดีใจก่อนจะวิ่งออกไปหากู้ดนี่ที่อยู่ตึกแรกอย่างรวดเร็ว
“กู้ดนี่!! กู้ดนี่!!” มิรารีเปิดประตูเข้าไปอย่างดังจนกู้ดนี่สะดุ้งตื่นทันที
“กู้ด!!”
มิรารีวิ่งตรงมาหาพร้อมกับรอยยิ้มอย่างมีความสุข “ตื่นได้แล้ว!! มีคนมารับเราแล้ว!!”
“กู้ด?” กู้ดนี่เอียงคอมองอย่างสงสัยว่ามีคนมาช่วยแล้วเหรอ
“จริงสิ!! เมื่อกี้มีเฮลิคอปเตอร์กำลังจะจอดลงบนเกาะด้วยล่ะนะ!!” มิรารีกล่าวก่อนจะนึกบางอย่างได้ "เดี๋ยวนะฉันต้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน!! เพราะตัวฉันมีแต่เหงื่อ!!”
มิรารีหันไปที่ตู้เสื้อผ้าเอาแต่ตัวที่ใส่สบายและขยับร่างกายได้ง่าย ๆ เธอนึกบางอย่างได้ขึ้นมาว่าคนที่ส่งข้อความบอกว่าให้ระวังตัวและจำสิ่งที่เธอเขียนไว้ เธอไปถึงจะทำตามที่อีกฝ่ายพูด ก่อนจะเตรียมตัวอะไรเสร็จ เธอก็หันไปหยิบกระเป๋าที่เตรียมเอาไว้ดีที่มันเล็กพอจะแบกไปได้ง่าย ๆ มิรารีหันไปหากู้ดนี่แล้วก็ยื่นมือไปหาอีกฝ่าย
“เอาล่ะ!! เตรียมตัวกลับสู่โลกของฉันเถอะ กู้ดนี่!!”
“กู้ด!!”
ทั้งสองคนเตรียมตัวเดินออกจากสถานที่แห่งนี้ เธอจะไม่มานั่งรออยู่ในที่นี้อย่างเดียวแน่ ๆ เธออยากเจอคนที่มาช่วยแล้วกลับไปหาครอบครัวเพื่อพิสูจน์ในสิ่งที่ฝันเห็น เธอพยายามก้าวข้าไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วทำเอากู้ดนี่ที่อยู่ในมือเกือบเกาะไม่ทัน มิรารีที่กำลังวิ่งก็ลืมไปว่าเธอมีอีกฝ่ายอยู่ด้วยก่อนจะหยุดอยู่ที่หน้าทางเข้าตึกแรก
“ตายแล้ว! ขอโทษนะ กู้ดนี่!! เธอไม่เป็นอะไรนะ!?”
“กู้ด...” กู้ดนี่ถึงกับหน้าตาหมุน
“ขอโทษนะ...ฉันลืมเธอเลย...พอดีได้ของเล่นใหม่เลยเอามาเล่นซะเลยนะ...” มิรารีขยับตัวอีกฝ่ายให้มาอยู่ในกระเป๋าเสื้อเชิ้ต “เอาล่ะ...งั้นเดินทางต่อกัน...”
มิรารีพยายามจะวิ่งต่อแต่ทว่าการวิ่งของเธอมันช้าลงนั้นทำให้เธองุนงงก่อนจะก้มมองอุปกรณ์ที่คาดเอว
“ตายล่ะ!! ใช้จนเครื่องน็อกซะงั้น!! ฮืออออ คงต้องเดินไปล่ะ!”
“กู้ด...”
กู้ดนี่มองอีกฝ่ายที่กำลังร้องไห้เสียใจกับสิ่งที่เขาไม่รู้ แต่ว่ากู้ดนี่ก็มองบางอย่างก็เห็นสิ่งที่ไม่คาดคิด
“กู้ด!”
“มีอะไรเหรอ?”
กู้ดนี่ชะโงกหน้าออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วก็ชี้ไปจุดจุดหนึ่ง “กู้ด!!”
มิรารีเงยหน้ามองไปดูจุดที่กู้ดนี่ชี้ก็เห็นชามที่เธอเอามาวางเอาไว้เมื่อตอนเที่ยง ๆ ว่าตอนนี้มันวางเปล่าไปหมดแล้ว มิรารีรู้สึกประหลาดไปก่อนจะเดินไปดู
“ตายจริง...มีนกมากินเหรอ? แต่...ไม่เหลือเลยนี่สิ...”
“กู้ด?”
“ฉันเป็นคนเอามาให้พวกเขากินนะ เห็นกู้ดนี่ชอบเลยเอามาให้มั้งนะ...แต่ว่า...หลังจากนี้คงต้องจากกันแล้วล่ะนะ...”
มิรารีเงยหน้าขึ้นมามองต้นไม้ข้างหน้าแล้วยกมือขึ้นมาไหว้ “ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะคะ ขอบคุณที่เป็นลมเงามาให้ตลอด พวกเราต้องไปแล้วนะคะ”
“กู้ด~” กู้ดนี่ทำตามมิรารียกมือขึ้นไหว้ต้นไม้ข้างหน้า
มิรารีมองอีกฝ่ายที่ทำตามเธอมันช่างน่ารักมาก ๆ จนอยากให้แม่เห็นว่ามีสิ่งน่ารักแบบนี้อยู่ด้วย ก่อนจะเตรียมเดินทาง
“เอาล่ะ...เราจะไปหาพวกเขา...แต่ว่า...เมื่อกี้พวกเขาจอดตรงไหนของเกาะนะ...?”
“กู้ด?” กู้ดนี่มองอีกฝ่ายที่พูดอะไรที่ทำให้เหนื่อยใจขึ้นมาทันที
“แหะ ๆ” มิรารีได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ อย่างเขิน ๆ
ห่างจากที่มิรารีอยู่ไม่กี่เมตรเฮลิคอปเตอร์ลำใหญ่จอดลง ณ ลานจอด ทุกคนกำลังลงมาจากเฮลิคอปเตอร์พวกเขาก็เตรียมอาวุธครบมือและตรวจสอบกระสุนจนไปถึงอาวุธมือ หญิงสาวมีหนามลงมาหลังจากทุกคนลงมา พวกเธอเตรียมตัวทำตามคำสั่งของนายใหญ่ให้จับเป็น ๆ หญิงสาวที่มีผิวกายสีขาว ผมขาว ดวงตาสีฟ้าออก เธอหันไปคุยกับคนขับก่อนจะหันไปหาเหล่าลูกน้องที่ตั้งท่าเตรียมรับคำสั่งจากเธอ พอเห็นแบบนั้นเลือดข้างในของเธอก็ร้อนฉ่าขึ้นมา
“เตรียมพร้อมออกล่า!!”
“โอ้!!!”
กลุ่มคนอาวุธครบมือก็เริ่มออกค้นหาหญิงสาวตามคำสั่งที่ได้รับ พวกเขาเดินไปข้างหน้าโดยไม่สนใจอะไรว่าการจับตัวหญิงสาวจะต้องใช้วิธีไหน แต่แค่จับตัวมาเป็น ๆ เหมือนที่นายใหญ่สั่ง ทำให้ผู้ชายบางคนที่อยู่ในกลุ่มกำลังคิดบางอย่างที่ไม่ดีขึ้นมา พวกเขาเริ่มทำการแยกย้ายไปตามจุดต่าง ๆ ภายในเกาะ แต่บางคนจับทางได้ว่าถ้ามีการอยู่บนเกาะอาจจะอยู่ภายในตึกร้างที่พวกเขาเคยมาโจมตีก็เป็นได้
ความมืดทำให้มิรารีต้องจ้องมองทางอย่างเหนื่อยใจ ยิ่งไม่มีความสามารถในการมองในที่มืดอีก ทำให้เธอไม่รู้ว่าตัวเองนั้นอยู่จุดไหนของป่า ระหว่างที่กำลังเดินนั้นเธอก็นึกบางอย่างได้ว่าตอนเก็บอุปกรณ์ต่าง ๆ มีบางอย่างที่คล้ายกล้องจุลทรรศน์สำหรับสวมด้วย เธอลองหาบางอย่างในกระเป๋าที่สะพายมาด้วย ระหว่างเดินไปเรื่อย ๆ ตามทางก็มีสิ่งบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวอยู่ในพุ่มไม้ก่อนจะกระโดดออกมา
“อ๊ากกกกกกกก!!!”
มิรารีเกือบจะช็อกก่อนจะเห็นสิ่งที่ออกมาคือกระต่ายตัวเล็ก ๆ หันมามองแล้ววิ่งหนีไป มิรารีเห็นก็ถอนหายใจเบา ๆ
“เฮ้อ...ตกใจหมด...กระต่ายเหรอ?”
“กู้ด...”
“เฮ้อ...แต่ว่า...ที่นี่มีสัตว์ด้วยเหรอ? ตั้งแต่อยู่มาไม่เคยเจอเลยนะ?”
มิรารีเอียงคอมองอย่างงุนงงว่าตลอดหลายวันมานี่เธออยู่ไม่เห็นสักตัว แต่ตอนนี้มีโผล่มายิ่งทำให้ความรู้สึกข้างในบอกว่าให้ระวังตัวมากขึ้น แต่แล้วก็มีเสียงอย่างดังขึ้นมาอีก
“หรือว่า...จะเป็นกระต่ายอีกนะ?”
สิ้นคำพูดนั้นก็มีบางอย่างพุ่งตัดผ่านข้างแก้มของเธอจนเกิดเป็นรอยแยกบาง ๆ ความแสบกำลังแล่นผ่านใบหน้าของเธอ มิรารียื่นนิ่งอย่างอ้ำอึ้งก่อนจะค่อย ๆ หันไปมองข้างหลังที่มีต้นไม้อยู่มันมีรอยบางอย่างทำให้เกิดรู มิรารีเห็นก็เข้าใจว่าตอนนี้ไม่ใช่สถานการณ์ที่จะมาเดินหากลุ่มคนที่มาช่วยเธอ ตอนนี้เธอต้องเตรียมวิ่งหนีกลับตึกอย่างเร็วที่สุด แต่การโจมตีเมื่อกี้ทำให้เพื่อในกลุ่มหนึ่งหันไปตะโกนว่าคนที่ใช้อาวุธยิงบางอย่าง
“นี่แก!! เมื่อกี้แกยิงอะไร!!”
“เมื่อกี้...ฉันเหมือนเห็น...ผีสีขาว ๆ นะสิ!!”
“ผีสีขาว!! หรือว่า!! นี่แกยิงผู้หญิงสีขาว!”
“ฉันไม่รู้!!”
ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังย่อตัวเมื่อมีกระต่ายมาหาเขาแล้วเหมือนเขากำลังสื่อบางอย่างกัน
“ผู้หญิงสีขาวอยู่หลังพุ่มไม้!! เธอกำลังหนี!! ตามเร็ว!!”
“โอ๊ส!!”
เหล่ากลุ่มคนรีบวิ่งตามไปยังเส้นทางที่ชายหนุ่มคนหนึ่งกล่าวออกมาจากการสื่อสารกับกระต่ายสีน้ำตาลของเขา ระหว่างที่พวกเขากำลังวิ่งตามไป มิรารีก็ก้าวขาอย่างไม่คิดชีวิต เธอไม่นึกว่าจะมีคนใช้ปืนยิงใส่ในที่แบบนี้ การยิงเมื่อกี้ก็ผ่านแก้มเธอไปเต็ม ๆ จนเกิดเลือดไหลออกมา ระหว่างที่วิ่งเธอเริ่มได้ยินเสียงคนวิ่งตามมา เธอหันหน้าไปมองก็เห็นคนติดอาวุธเต็มมือไปหมดกำลังวิ่งไล่ตามมาทางเธอ ทำให้มิรารีรู้สึกเลยว่าพวกนี้ไม่ใช่คนที่มาช่วยเธอแน่ ๆ ก่อนที่หนึ่งในนั้นจะตะโกนไล่หลังเธอมา
“เธอหนีแบบนั้น ไม่มีทางที่เราจะจัดได้แน่ ๆ”
“งั้นฉันจัดการเอง!!”
หนึ่งในกลุ่มหยุดวิ่งพร้อมกับยกปืนที่ถือขึ้นมาเล็งไปผ่านเลนส์ ก่อนจะเล็งไปทางยิ่งสาวก่อนจะกดไกปืนทันที
ปัง!
เสียงปืนดังขึ้นพร้อมกับสีแดงชาดที่พุ่งออกมาจากแขนของมิรารี เธอเห็นเลือดที่กระเด้งออกมาก่อนจะล้มลงกับพื้นแล้วไถลไปข้างหน้า ความเจ็บปวดแล่นเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดด!!”
ความเจ็บปวดครอบงำประสาทสัมผัสของเธอเหมือนตอนกระโดดลงมาจากชั้นสองไม่มีผิด แต่ตอนนี้มันเจ็บปวดมากกว่าอะไรเหมือนใจจะขาด เธอพยายามจะลุกขึ้นหนีต่อ ก่อนที่จะมีเสียงปืนดันขึ้นอีกนัดพุ่งตรงมาที่น่องของมิรารี
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด!!”
เสียงกรีดร้องของเธอทำหญิงสาวหนามแหลมได้ยินก็เดินตรงมาจากอีกทางก็ตรงดิ่งมาเจอเหล่าลูกน้องของตนเอง
“พวกแกยิงทำไม!!”
“เธอหนีนะ หัวหน้า!! เราเลยต้องยิงเพื่อหยุดเธอนะ!!” ลูกน้องคนหนึ่งหันหน้าไปแจ้งกับหัวหน้า
“อ๋อ แบบนี้เอง แล้วยิงโดนไหม?”
“โดนสิ!! เธอล้มอยู่ทางนั้น!!”
ชายคนหนึ่งชี้จุดจุดหนึ่ง หญิงหนามแหลมเดินไปข้างหน้าพร้อมกับอุปกรณ์บางอย่าง เธอเดินผ่านพุ่มไม้ก็เจอร่างสีขาวซีดกำลังเจ็บปวดจากการโดยยิง โดยมีสิ่งมีชีวิตตัวเล็ก ๆ กำลังพยายามปลอบเธอที่กำลังเจ็บปวด มิรารีที่กำลังเจ็บปวดอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าบางคนเธอค่อย ๆ ลืมตาหันไปมองเห็นกลุ่มคนตรงหน้า
“ทำไม...ต้องทำแบบนี้...!?”
“ทำไมทำแบบนี้ เธออยากหนีเองนี่น่า...”
“ก็มีคนยิงใส่ ฉันไม่หนีทำไม...ตอบคำถามฉันมา พวกคุณเป็นใครกัน!?”
“ทำไมฉันต้องตอบ? แค่เจ้านายของฉันต้องการได้แกก็เท่านั้น!!”
มิรารีเบิกตากว้างกับคำตอบไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคาดคิด นั้นทำให้เธอรู้ว่ากลุ่มคนตรงหน้าไม่ใช่คนที่จะมาช่วยเธอ
“ตอบผิดแล้วล่ะ!!”
“หือ?” หญิงหนามแหลมจ้องมองอีกฝ่ายที่พูดแบบนั้นออกมา
มิรารีไม่พูดทำเพลงอะไรเธอสะบัดมือไปข้างหน้าแท่งน้ำแข็งที่เหมือนหอกแหลมก็โผล่ออกมาอยู่ข้างหลังเธอ เหล่ากลุ่มคนตรงหน้าเห็นสิ่งที่พวกเขาไม่คิดอยู่ตรงหน้าก็อ้ำอึ้งทันที ก่อนที่มิรารีจะตะโกนออกมา
“ไปตายซะ!!”
สิ้นคำพูดนั้นหอกน้ำแข็งพุ่งตรงใส่เหล่ากลุ่มคนตรงหน้า บางคนรีบวิ่งหนีสุดกำลัง บางคนก็หาที่บัง บางคนหนีไปทันก็โดนหอกแทงร่างกายอย่างจัด มิรารีเห็นสถานการณ์ตรงหน้าก็พยายามลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีโดยรีบอุ้มกู้ดนี่ออกจากตรงนั้นด้วยอาการบาดเจ็บที่น่องและแขน หญิงหนามแหลมที่กำลังหลบเห็นอีกฝ่ายกำลังหนีก็รีบตะโกนทันที
“ตามเธอไป!! เร็วเข้า!!”
“ครับ/ค่ะ!!”
เหล่าลูกน้องรีบหาทางหนีแล้ววิ่งตามกันไปทันที หญิงหนามแหลมรีบออกมาด้วยความรู้สึกโกรธที่โดนเล่นงานกลับก่อนที่จะมีมือหนึ่งจับขาเธอจนทำให้เธอต้องหยุดชะงักมอง
“หัวหน้า...ช่วยด้วย...ฉัน...ฉันยังไม่อยากตาย!!!”
หญิงหนามแหลมจ้องมองลูกน้องก่อนจะใช้มือจับไปที่หน้าผากอีกฝ่ายอย่างรุนแรง
“หัวหน้า!!”
“สภาพแบบนี้คิดว่าไม่ตายก็จงตายซะเถอะ!!”
เมื่อเธอกล่าวจบ มือของเธอก็ปล่อยหนามแหลมออกมาแทงเข้าที่หน้าผากอีกฝ่ายจนอีกฝ่ายดิ้นพล่านจนน้ำลายฟูมปากก่อนที่เธอจะปล่อยตัวอีกฝ่ายลงกับพื้นอย่างแรง บางคนที่ยังอยู่ตรงนั้นต่างหวาดกลัวกับการกระทำอีกฝ่าย ก่อนที่เธอจะหันไปมองลูกน้องของเธอ
“มัวทำอะไรกัน!! รีบไปตามล่าผู้หญิงคนนั้นซะ!!”
“ครับ/ค่ะ!!”
เหล่าลูกน้องรีบวิ่งกันไปตามทางที่กลุ่มแรกวิ่งไปกันเหลือแค่หญิงสาวคนหนึ่งที่รู้สึกอัปยศที่โดนโจมตี เธอยกมือขึ้นมาแตะใบหน้าของเธอที่โดนแท่งน้ำแข็งพุ่งผ่านจนเลือดไหล
“แก...กล้าดียังไงมาทำให้หน้าฉันเป็นรอย!!”
หญิงสาวหนาวแหลมโกรธเคืองยิ่งกว่าอะไร เธอประมาทคนที่กำลังบาดเจ็บไม่นึกว่าจะโจมตีใส่ได้รุนแรงแบบนั้น เธอจำอีกฝ่ายได้คงต้องสั่งสอนที่กล้ามาเล่นงานกันเสียหน่อย ระหว่างที่เธอกำลังครุ่นคิดอยู่นั้นก็มีชายคนหนึ่งเดินมาจากข้างหลังของหญิงสาว
“ดู ๆ โกรธเพียงเพราะแผลแค่นี้ ไม่สมกับเป็นเธอเลยนะ เธอร์ร่า!!”
หญิงสาวได้ยินเสียงปริศนาเธอก็หันไปมองเจ้าของเสียงที่โผล่มาที่นี่ได้อย่างใด
“แฟลช!!” เธอร์ร่าหันไปจ้องมองชายตรงหน้าอย่างแปลกใจ “ทำไมแกมาอยู่นี้!!”
“ก็...บอสสั่งมานะ ว่ากลัวเธอจะทำงานพลาด!!”
“!!” เธอร์ร่าได้ยินแบบนั้นก็แอบหน้าซีดเล็กน้อย เธอไม่นึกว่าบอสจะไม่ไว้ใจเธอถึงขั้นต้องส่งคนตามมาด้วย “นายตามมาตอนไหนกัน?”
“ฉันก็ปลอมเป็นลูกน้องของเธอไงล่ะ!”
“ชิ!!”
“แล้วจะทำไงต่อกับผู้หญิงคนนั้นล่ะ!!”
“ฉันก็ให้ลูกน้องฉันตามล่าอยู่ไง!!”
“เธอนี่มันไม่เก่งจริง ๆ!!” แฟลชเดินมาอยู่ข้าง ๆ หญิงสาว “เอาแต่ยืมมือคนอื่นก็แบบนี้ล่ะ แล้วตอนไหนมันจะสำเร็จกัน!!”
“!!” เธอร์ร่าใช้สายตามองอีกฝ่ายอย่างไม่ชอบใจ
ชายหนุ่มพอเดินมาตรงจุดที่มีน้ำแข็ง เขายกมือขึ้นเหนือหัวของตนเองท้องฟ้าสีดำเริ่มมีก้อนเมฆสีดำมากมายมารวมตัวกันพร้อมกับเสียงดังขึ้นเปรี้ยงปร้างอยู่ภายในก้อนเมฆ ทำให้เธอร์ร่าจ้องมองอย่างสงสัยทันทีว่าอีกฝ่ายจะทำอะไร
“นี่นายจะทำอะไร!?”
“ก็จัดการด้วยไม้หนักไงล่ะ!!” เขาพูดจบก็ใส่แว่นที่ตัวเองสวมมันมีกล้องจำสัญญาณการเต้นของหัวใจอยู่ “อยู่นั้นเอง!”
ชายหนุ่มเห็นหัวใจหลายด้วยกำลังไหลตามหัวใจที่มีสีฟ้าอยู่ ก้อนเมฆมากมายกำลังก่อตัวกันมากขึ้นหล่อรวมกันเพื่อเกิดสิ่งบางอย่างขึ้น
“ธันนิ่งกัน!!”
พอพูดแบบนั้นก็มีสายฟ้าลูกใหญ่พุ่งลงมาใจกลางระหว่างมิรารีกับพวกลูกน้องหน่วยฟูโรทันที จนเกิดเป็นเหมือนระเบิดลูกใหญ่จนทุกคนกระเด็นออกไปคนละทาง
“อ๊ายยยยยยยยย!!”
“อ๊ากกกกกกกกก!!”
จบตอนที่ 11 โปรดติดตามต่อตอนที่ 12 ต่อไป