ในโลกที่ดนตรีขับกล่อมและความหวานเติมเต็ม พวกเขาได้ร่วมกันเขียนบทเพลงที่เปลี่ยนชีวิตทั้งสอง
รัก,ชาย-ชาย,วัยว้าวุ่น,ตะวันตก,รั้วโรงเรียน,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Sugar Chords บทเพลงเคลือบน้ำตาลในโลกที่ดนตรีขับกล่อมและความหวานเติมเต็ม พวกเขาได้ร่วมกันเขียนบทเพลงที่เปลี่ยนชีวิตทั้งสอง
Chapter 12 : Lyrics
เช้าวันนี้เซนมาถึงโรงเรียนเร็วกว่าปกติ กีตาร์ไฟฟ้าตัวเก่งสะพายอยู่บนหลัง และที่สำคัญเขาดูมีชีวิตชีวาเป็นพิเศษ
ทันทีที่ก้าวเข้าห้องเรียนก็พบว่าเจนนิเฟอร์มาเช้าเหมือนกัน เธอเงยหน้าจากหนังสือที่กำลังอ่านแล้วเลิกคิ้วมองเขาด้วยความแปลกใจ ปกติแล้วเซนมักจะมาแบบเรื่อย ๆ ไม่รีบ ไม่ช้า แถมยังดูเหมือนคนที่ยังหลับไม่เต็มตาด้วยซ้ำ แต่วันนี้กลับแตกต่างออกไป เขามีประกายวิบวับในแววตา ราวกับว่ากำลังตื่นเต้นกับอะไรบางอย่าง
“มาถึงเช้าจัง” เจนทัก ขณะวางหนังสือไว้ข้างตัว
“มีเรื่องจะให้ช่วยหน่อย” เซนทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้าม วางกีตาร์พิงข้างโต๊ะก่อนจะหยิบกระดาษที่มีรอยขีดเขียนเต็มไปหมดขึ้นมาวางตรงหน้าเจน
“เพลงเหรอ?” เธอกวาดตามองตัวอักษรที่ยุ่งเหยิงแต่เต็มไปด้วยไอเดีย
“อืม ฉันมีภาพในหัวเต็มไปหมด แต่ยังหาจุดที่ลงตัวไม่ได้” เซนว่าพลางใช้นิ้วเคาะขอบโต๊ะเบา ๆ เป็นจังหวะตามความเคยชิน
“ถึงเธอจะไม่ได้แตะเครื่องดนตรีมานานแล้วก็เถอะ แต่ตอนเด็ก ๆ เราก็เคยเรียนมาด้วยกันนี่นา แล้ว…เธอว่าไงบ้าง”
เจนยิ้มและหัวเราะออกมาเมื่อเห็นสภาพกระดาษที่แทบจะเปื่อยยุ่ยจากการขีดเขียนซ้ำ ๆ ของอีกฝ่าย มันเต็มไปด้วยโน้ตและประโยคที่ถูกขีดฆ่าแล้วเขียนใหม่ วาดลูกศรโยงไปมาจนดูวุ่นวาย
“จริงจังขนาดนี้เลย?”
“ก็แน่นอน” เซนยักไหล่เล็กน้อย
“มีแรงบันดาลใจเยอะเลยช่วงนี้”
คำตอบนั้นทำให้เจนหัวเราะเบา ๆ เธอชอบเซนในเวอร์ชั่นนี้ ดูมีพลัง และดูมีชีวิตชีวา
“รู้สึกเหมือนได้ตัวนายสมัยเด็กกลับมาเลย”
เซนลองฮัมเพลงไปพลาง มือก็จับปากกาหมุนเล่น ขณะที่ดวงตาจดจ่ออยู่กับเนื้อเพลงที่ค่อย ๆ เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา
“แบบนี้ล่ะเป็นไง?” เจนลองเสนอประโยคหนึ่งขึ้นมา
เซนพยักหน้า ก่อนจะหยิบกีตาร์มาลองดีดคอร์ดให้เข้ากับทำนอง แล้วเริ่มร้องออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ
เสียงของเขาทำให้เจนชะงักไปชั่วขณะ เธอรู้ว่าเซนเล่นดนตรีเก่ง แต่ไม่เคยคิดว่าการร้องเพลงของเขาจะดีขนาดนี้ น้ำเสียงนุ่มแต่ทรงพลัง ควบคุมจังหวะได้อย่างดีราวกับคนที่ผ่านการฝึกมาอย่างจริงจัง เธอเผลออ้าปากค้างไปชั่วขณะ ก่อนจะพึมพำบางอย่างออกมาคนเดียว
“นายนี่มันน่าอิฉาจริงๆ เลยนะ”
เซนเก็บข้าวของอย่างอารมณ์ดี หลังจากซ้อมช่วงเย็นเสร็จ เขารู้สึกเหมือนได้ปลดปล่อยตัวเองไปกับเสียงดนตรี ทุกก้าวที่เดินออกจากห้องซ้อมเต็มไปด้วยความมั่นใจและความกระตือรือร้น แรงบันดาลใจยังคงพลุ่งพล่านในตัวเขา เหมือนจะระเบิดออกมาเป็นเพลงใหม่ได้ทุกเมื่อ
เด็กหนุ่มฮัมทำนองเบา ๆ เดินลั้นลาขึ้นรถไฟฟ้ากลับบ้าน ในหัวมีแต่ไอเดียเกี่ยวกับเพลงต่อไปว่าควรจะเพิ่มลูกเล่นอะไรอีกดี จะลองปรับซาวด์แบบไหนให้มันสมบูรณ์ขึ้น ทุกอย่างดูมีความเป็นไปได้ไปหมด
แต่ในขณะเดียวกัน ที่ห้องซ้อม สมาชิกที่เหลือของวงกำลังนั่งพักหอบหายใจหนัก หลังจากซ้อมกันอย่างต่อเนื่องมาหลายชั่วโมง พวกเขามองหน้ากันโดยไม่พูดอะไร เพียงแค่สบตาก็รู้ว่าทุกคนคิดเหมือนกัน
“เซนมันบ้าไปแล้ว…” เจสันพึมพำเสียงเบา ก่อนจะเอนตัวพิงกำแพง ถอนหายใจยาวเหยียด
ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากบอกเซนตรง ๆ แต่ทุกคนต่างรู้สึกได้ว่าหัวหน้าวงกำลังโดดออกไปจากจังหวะเดิมของวง แรงบันดาลใจของเขากำลังขับเคลื่อนให้เขาพุ่งไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ขณะที่คนอื่นยังคงพยายามไล่ตามให้ทันและมันช่างเหนื่อยเหลือเกิน
ตึกตัก…ตึกตัก…
เสียงฝีเท้าปริศนาดังขึ้นภายในห้องซ้อมที่เงียบงัน สมาชิกวงที่เหลือนั่งกระจัดกระจายอยู่ตามมุมห้อง เหนื่อยล้าจากการซ้อมที่กินเวลานาน พอเห็นผู้มาเยือน ทุกคนก็หันไปมองเป็นตาเดียว
โนเอลยิ้มบาง ๆ ก่อนจะเดินมาหยุดตรงกลางห้อง สายตาเหลือบมองทุกคนอย่างพิจารณา
“พวกนายคงรู้กันแล้วว่าตอนนี้เซนไปไกลเกินกว่าพวกนายขนาดไหน” เขาพูดขึ้นเสียงเรียบ ไม่มีใครตอบ แต่บรรยากาศอึมครึมขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“ฉันมีข้อเสนอให้พวกนาย มาร่วมทีมกับฉันสิ ปล่อยให้เซนตกรอบไปซะ แล้วพวกนายจะได้เงินมากกว่าเงินรางวัลเป็นสองเท่า”
“ฉันเอาด้วย”
“เจสัน! นี่นานบ้าไปแล้วเหรอ!?”
“มิตสึกิ นี่มันก็แค่การประกวดอีกงานนึง” เขาพูดพลางยักไหล่
“นึกไม่ออกเลยว่าทำไมหมอนั่นต้องจริงจังขนาดนั้น ถ้ามีทางได้เงินง่ายกว่าก็ต้องเลือกทางนั้นอยู่แล้วสิ”
โนเอลยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะหันไปมองคริสที่ยังคงเงียบ แต่แววตาสั่นไหวอย่างเห็นได้ชัด
“คริสติน พ่อฉันบอกว่าที่บ้านเธอตอนนี้มีปัญหาเรื่องการเงินนะ” โนเอลเอ่ยเสียงนุ่มเหมือนงูที่กำลังล่อเหยื่อ เด็กสาวเม้มปากแน่น ก่อนจะพยักหน้าช้า ๆ
“ขะ..ขอโทษนะเซน”
ตอนนี้เหลือเพียงแค่มิตสึกิมือคีย์บอร์ดของวง เธอยังไม่เอ่ยปาก สายตาสั่นไหวเมื่อมองไปยังเพื่อนร่วมวงที่เพิ่งตอบตกลงไปหมาด ๆ
“แล้วเธอล่ะ มิตสึกิ?”
หญิงสาวสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับโนเอล แววตาเธอแข็งกร้าวขึ้นเล็กน้อย
“ฉันไม่เอาด้วยหรอก นี่มันไม่ใช่เรื่องของวง แต่มันเป็นเรื่องที่นายอยากทำลายเซนมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”
โนเอลหัวเราะเบา ๆ
” โอเคฮ่าๆ ฉันยอมรับว่าเธอฉลาดกว่าคนอื่นนิดหน่อย “เด็กหนุ่มร่างสูงหันหลังเดินไปทางประตู ก่อนจะหยุดและเหลือบมองมิตสึกิอีกครั้ง
“ลองคิดดูใหม่ก็ได้นะ เพราะฉันต้องการพวกนายทุกคนไม่ใช่แค่สอง”
1 ชั่วโมงหลังจากนั้น…
เซนเลื่อนหน้าจอสมาร์ทโฟนเปิดดูบันทึกการโทรอย่างลนลาน ขณะที่อีกฝั่งของโต๊ะมีคนผมทองนั่งทำหน้าทะมึนจ้องเขาอยู่
“ฉะ…ฉันขอโทษ! ฉันไม่ได้ยินจริงๆ” พอเห็นแจ้งเตือนสายที่ไม่ได้รับถึงสามสายก็รีบขอโทษทันที เผื่อว่ามันจะช่วยให้อะไรดีขึ้นบ้าง
“ก็…ฉันซ้อมเพลินไปหน่อย โทษทีนะ ดีแลน”
เจ้าของชื่อลุกขึ้นยืน จัดเสื้อผ้าให้เข้าที่เล็กน้อยก่อนจะส่ายหัวเป็นเชิงปฏิเสธ คำพูดอาจไม่มี แต่ปฏิกิริยาแบบนั้นกลับทำให้คนที่เผลอหลงลืมไปเครียดยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
“ฉันก็นึกว่านายหลบหน้าฉัน เพราะไม่โอเคกับเรื่องเมื่อคืนซะอีก”
“เรื่องเมื่อคืน…” เซนทวนคำ ก่อนที่ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนจะย้อนกลับมาในหัว ส่งผลให้ใบหน้าของเด็กหนุ่มร้อนขึ้นโดยอัตโนมัติ
“ใครจะไม่ชอบกันเล่า นายจูบเก่งออก”
ดีแลนชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะเกาท้ายทอยแก้เขินรู้สึกดีใจและประหม่าไปพร้อมกัน เขาเองก็แอบหวังว่าเซนจะไม่ได้รังเกียจ แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะพูดมันออกมาตรงๆ แบบนี้น่ะสิ
“จะว่าไปแล้ว หูนายเป็นยังไงบ้าง” เซนถามพลางใช้นิ้วชี้แตะที่หูตัวเอง ก่อนจะลุกขึ้นจากโต๊ะ เดินนำไปยังสถานีรถไฟ
“ดีขึ้นแล้วล่ะ เจ็บนิดหน่อยตอนพยายามจะถอดมันออก”
“งั้นก็ดีแล้ว” เซนพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ก่อนจะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อคลุม หยิบกล่องเล็กๆ สีดำออกมาแล้วยื่นให้ดีแลน “ฉันมีของให้นาย”
ดีแลนรับมันมาด้วยความสงสัย ก่อนจะเปิดฝา
กล่อง ด้านในเป็นต่างหูเงินเรียบง่าย ทรงห่วงเล็กบาง ไม่ได้หรูหราแต่ดูเท่และเข้ากับเขาอย่างประหลาด
“ฉันทำเองเลยนะ” เซนเอ่ยขึ้น “ความจริงเคยทำไว้กับอาตั้งนานแล้ว แต่คิดว่านายคงเหมาะกับมันมากกว่าฉันน่ะ”
“ว้าว… ให้ฉันจริงเหรอ” ดวงตาสีทองส่องประกายราวกับพระอาทิตย์ต้องผิวน้ำทะเล แม้จะเป็นพี่ชายคนโตที่ต้องรับผิดชอบหลายอย่าง แต่พอได้รับของขวัญก็ไม่ต่างจากเด็กเล็กๆ ที่ได้รับลูกกวาดเลยล่ะ
“นี่ดีแลน สัญญาสิว่านายจะมาดูฉันแข่ง”
“ถึงนายไม่ขอ ฉันก็ไปอยู่ดีไม่ใช่เหรอ”
“ฉันรู้…” เซนเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ดวงตาสีเข้มไหวระริก ก่อนจะหลุบมองปลายเท้าเหมือนกำลังชั่งใจ แล้วจึงเงยหน้าขึ้นสบตาดีแลนอีกครั้ง เสียงของเขาเบาลง แต่กลับเต็มไปด้วยความจริงใจ
“แต่คือว่า…ฉันอยากให้นายมาจริงๆ นะ”
ดีแลนมองคนตรงหน้าที่ทำสีหน้าเหมือนเด็กที่รอคอยคำยืนยัน บริเวณปลายหูขึ้นสีแดงจางๆ อย่างปิดไม่มิด น่ารักซะจนเขาอดยิ้มออกมาไม่ได้
“ก็ได้ ฉันสัญญา”
“เยี่ยม!”
กริ่ง—
เสียงระฆังบนประตูดังขึ้นทันทีที่เซนก้าวเข้าไปในร้านเครื่องดนตรี แต่สิ่งที่ทำให้เขาชะงักไม่ใช่บรรยากาศเงียบสงบของร้าน หากเป็นคนกลุ่มหนึ่งที่มาถึงก่อนหน้า
คริส เจสัน มิตสึกิ และโนเอล
คิ้วของเซนขมวดเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว พวกเขาไม่ได้มีนัดซ้อมกันแล้วนี่ แล้วทำไมถึงมาอยู่ที่นี่กันหมด
โดยเฉพาะโนเอลที่ไม่ใช่สมาชิกวงด้วยซ้ำ
.
.
To be continued