ในโลกที่ดนตรีขับกล่อมและความหวานเติมเต็ม พวกเขาได้ร่วมกันเขียนบทเพลงที่เปลี่ยนชีวิตทั้งสอง
รัก,ชาย-ชาย,วัยว้าวุ่น,ตะวันตก,รั้วโรงเรียน,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Sugar Chords บทเพลงเคลือบน้ำตาลในโลกที่ดนตรีขับกล่อมและความหวานเติมเต็ม พวกเขาได้ร่วมกันเขียนบทเพลงที่เปลี่ยนชีวิตทั้งสอง
Chapter 6 : Leadership
เซนกำลังนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ หูฟังครอบศีรษะ เสียงคลิกเมาส์ดังเป็นจังหวะ พร้อมกับคำพูดที่แสดงความตั้งใจเต็มที่
“เซน นายอยู่นั่นแหละ เดี๋ยวฉันล่อพวกมันออกมาเอง” เสียงดีแลนดังมาตามไมโครโฟนในเกม น้ำเสียงฟังดูจริงจังแต่ก็มีความขี้เล่นแฝงอยู่
“รีบ ๆ หน่อยล่ะ” เซนตอบกลับไปพลางควบคุมตัวละครในเกม หลบการโจมตีของศัตรูด้วยท่าทางเคร่งเครียด
“โอเค ๆ ได้แล้ว ยิงเลย!” ดีแลนพูดขึ้นหลังจากสร้างจังหวะเปิดให้เซนจัดการเป้าหมาย เสียงเอฟเฟกต์ในเกมดังสนั่น เซนถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ทำได้ดีสำหรับมือใหม่ฮ่า ๆ" ดีแลนพูดพร้อมหัวเราะเล็กน้อย
"ขอบคุณ แต่เอาเถอะเรื่องเล่นเกมฉันขอยอมให้นายเลย" เซนปล่อยเมาส์ก่อนจะยืดตัวไปพิงพนักเก้าอี้ ถอนหายใจเบา ๆ หลังจากเล่นเกมมาต่อเนื่องเกือบสองชั่วโมง
“ฉันว่าน่าจะพอแค่นี้ก่อนล่ะ พรุ่งนี้อยากไปซ้อมแต่เช้า” เด็กหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่เริ่มล้า
“อ้าว เหนื่อยแล้วเหรอ?” ดีแลนแซวกลับจากอีกฝั่ง แต่ไม่ได้คะยั้นคะยออะไรมาก
“อ่าฮะ ขืนไม่หยุดตอนนี้ พรุ่งนี้ฉันคงหลับในห้องเรียนอีกแน่”
“งั้นก็ไปพักเถอะ ฝันดีนะ เซน”
“นายด้วย” ปลายนิ้วเลื่อนขึ้นไปคลิกปิดโปรแกรมพร้อมด้วยรอยยิ้มบาง ๆ บนใบหน้า เด็กหนุ่มพิงเก้าอี้นิ่งอยู่อีกครู่หนึ่งก่อนจะลุกไปเตรียมตัวนอน
ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เซนใช้เวลาอยู่กับดีแลนค่อนข้างมาก ส่วนใหญ่ก็เป็นการพิมพ์แชทหรือเล่นเกมด้วยกันในช่วงดึก ๆ เหมือนวันนี้ แต่ช่วงหลังมานี้ ดีแลนเริ่มมีงานจากโรงเรียนเข้ามารุมเร้ามากขึ้น เราเลยตกลงกันว่าจะพักการเล่นเกมไปก่อน
ทางฝั่งเซนเองก็ไม่ได้ว่างไปกว่ากัน เพราะเขามีเรื่องการแข่งขันที่ต้องจัดการในฐานะหัวหน้าวง ซึ่งทำให้ต้องแบ่งเวลาไปดูแลสมาชิกและวางแผนอย่างรอบคอบ
หลังจากเสียงดนตรีสุดท้ายจบลง วงของเซนก็ค่อย ๆ วางเครื่องดนตรีลงพร้อมกับถอนหายใจโล่งอก เซนเดินแยกออกมาจากสมาชิกคนอื่น หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดคลิปที่อัดไว้ระหว่างซ้อมเมื่อครู่ สายตาจับจ้องหน้าจออย่างจริงจัง นิ้วเลื่อนหน้าจอไปมาเพื่อดูแต่ละจุดอย่างละเอียด
“ตรงนี้ดีแล้ว แต่ช่วงท่อนกลางเบสน่าจะดึงจังหวะให้แน่นกว่านี้นิดนึง” เซนพูดพลางชี้ช่วงเวลาที่ต้องแก้ไขให้เพื่อนดู ทุกคนฟังเงียบ ๆ ก่อนพยักหน้าและออกความคิดเห็นเล็กน้อย
“โดยรวมถือว่าโอเคเลยนี่!” มิตสึกิมือคีย์บอร์ดสาวของวงพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“จริง พอถึงวันแข่งต้องออกมาดีกว่านี้อีกแน่” เจสันเสริม พร้อมกับตบหลังเซนเบา ๆ สมาชิกทุกคนเห็นด้วย จนบรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้ม
“ไปกินไอศกรีมให้ชื่นใจกันดีกว่า” คริสเสนอขึ้นพร้อมคล้องคอเจสันและมิตสึกิอย่างสนิทสนม
“ฟังดูดีนะ นายว่าไงเซน?” เจสันหันมาถาม
เซนยิ้มเจื่อนก่อนจะลูบต้นคอเหมือนกำลังครุ่นคิด “ฉันนัดกับญาติไว้แล้วว่าจะกลับไปซ้อมเพลงใหม่ด้วยกันน่ะ”
คำตอบนั้นทำให้ทุกคนในห้องถอนหายใจพร้อมกัน แม้จะเดาไว้แล้วว่าเซนต้องตอบแบบนี้ มิตสึกิที่เห็นบรรยากาศเริ่มหม่นเล็กน้อยจึงก้าวเข้ามาหาเซน
“เรารู้ว่านายเก่งอยู่แล้ว แต่ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมทีมก็สำคัญเหมือนกันนะ อีกอย่าง…พวกเราเชื่อใจนาย เพราะงั้นอย่ากดดันตัวเองมากเกินไปล่ะ” เธอพูดพลางใช้หมัดชนไหล่เซนเบา ๆ
เซนมองเธอแล้วยิ้มออกมาเล็ก ๆ เขาชอบความรู้สึกที่ตัวเองได้รับการยอมรับและความไว้วางใจแบบนี้ แม้มันจะมาพร้อมความคาดหวังที่หนักหน่วงก็ตาม
แต่เซนก็พร้อมที่จะรับมันเสมอ เพราะนั่นคือเส้นทางที่เด็กหนุ่มได้เลือกแล้ว
“ก็ได้ ๆ แต่ฉันคงอยู่ไม่นานนะ”
“เยี่ยม!! เก่งมากมิตจัง”
ที่ร้านไอศกรีม บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ทุกคนสนุกสนานกับการเลือกเมนู คริสยังคงครึกครื้นที่สุดเช่นเคย ขณะที่เซนนั่งเปิดเมนูแบบเงียบ ๆ เพราะไม่ใช่คนที่ชอบของหวานเท่าไรนัก แต่พอเห็นในเมนูมีเค้กวางโชว์หน้าตาน่ากินก็อดไม่ได้ที่จะลองสั่งมาสักชิ้น
“นายกินไอติมหรือเค้กกันแน่เนี่ย?” เจสันแซวเมื่อเห็นจานเค้กถูกยกมาวางตรงหน้าเซน
“แค่ลองน่ะ” เซนตอบสั้น ๆ ก่อนใช้ช้อนตัดเค้กคำเล็ก ๆ เข้าปาก
“อร่อยมั้ย?” มิตสึกิถามพลางเอียงคอมองเขา เซนเคี้ยวช้า ๆ แล้วพยักหน้าก่อนจะตอบว่า
“ก็ดีนะ…แต่ไม่อร่อยเท่าที่…” เซนพูดค้างไว้กลางคัน เมื่อรู้ตัวว่ากำลังจะหลุดชื่อของใครบางคนออกมา
เขารีบกระแอมเบา ๆ พยายามตั้งสติ แต่ก็ไม่วายเจอสายตาสามคู่จากเพื่อนในวงจับจ้องมาที่เขาอย่างพร้อมเพรียง
“คือ…ที่แม่ฉันทำมันอร่อยกว่านี้น่ะ” เซนตอบเสียงเรียบพยายามให้ดูธรรมชาติที่สุด แต่ในใจกลับลุ้นหนักว่าเพื่อนจะเชื่อหรือไม่
“อ้อ เข้าใจละ ของแม่มันต้องพิเศษกว่าอยู่แล้ว”
“จริง! ไว้วันไหนทำมาแบ่งพวกเราบ้างสิ จะได้ลองชิมบ้าง” เจสันเสริมขึ้นมาอย่างไม่ติดใจ เซนถอนหายใจเบา ๆ ในใจพลางดึงมือขึ้นลูบต้นคอคลายความเกร็ง
“เกือบไปแล้ว…” เขาคิดกับตัวเอง พร้อมส่งยิ้มจาง ๆ ขณะนั่งฟังเพื่อนคุยเล่นกันอย่างออกรส ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ชอบของหวานมากนัก แต่บรรยากาศแบบนี้มันก็ทำให้รู้สึกผ่อนคลายมากกว่าที่คิด
แชะ!
เสียงชัตเตอร์ดังขึ้นหลังเซนกดถ่ายรูปเค้กที่กินไปได้ครึ่งหนึ่งให้กับใครบางคน ใครคนนั้นที่ยุ่งจนไม่มีเวลาตอบกลับข้อความเขาตั้งแต่เช้า แต่เซนไม่ได้ใส่ใจอะไรมากเพราะถึงจะตอบช้าแต่ยังไงดีแลนก็จะต้องตอบเขาแน่ ๆ
“ส่งให้แฟนเหรอ?” มิตสึกิที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ชะโงกหน้าเข้ามาดูอย่างอยากรู้อยากเห็น แต่เซนรีบกดปิดหน้าจอทันที
“เธอก็รู้นี่ว่าฉันไม่มีแฟน” เซนตอบเสียงนิ่งพลางวางโทรศัพท์ลงข้างตัว
“ใช่…แต่ฉันค่อนข้างแปลกใจนะ” มิตสึกิพูดพลางเอนหลังพิงเก้าอี้ด้วยท่าทีสบาย ๆ “คนหน้าตาดีอย่างนาย ออกจะเนื้อหอมแท้ ๆ ทำไมถึงยังไม่มีแฟนสักที?”
เซนแค่ยักไหล่ ไม่คิดจะตอบอะไรมาก
“ว่าแต่…” มิตสึกิเลิกคิ้ว พลางมองเขาอย่างจับผิด
“ทำไมถึงต้องยิ้มตอนพิมพ์ล่ะ? มันไม่เห็นเหมือนเซนที่ฉันรู้จักเลยสักนิด” คำพูดนั้นทำเอาเซนชะงักไปครู่หนึ่ง
“คิดไปเองน่า เธอแค่มองผิดมุม” เขาพูดพลางยกแก้วน้ำขึ้นจิบเพื่อกลบเกลื่อน แต่ในใจลึก ๆ เขารู้ดีว่ามิตสึกิพูดถูก…
“ขอล่ะ อย่าจับผิดเลย จับไปก็ไม่ได้อะไรเปล่า ๆ” เซนเอนหลังพิงเก้าอี้ ยกแขนกอดอกเมื่อเรียกสติกลับมาได้ เขาตั้งใจแน่วแน่ว่าคราวนี้จะไม่เปิดช่องให้มิตสึกิได้จี้ถามอีก
“ว่าแต่…วิปครีมถ้าเธอไม่กิน ฉันขอนะ” เซนยื่นช้อนออกไปทำท่าจะตักจากจานของอีกฝ่าย เด็กสาวรีบยกจานหนี มืออีกข้างปัดช้อนของเซนออกก่อนจะตักวิปครีมคำโตเข้าปากด้วยความรวดเร็ว
“ฉันเก็บของอร่อยไว้กินสุดท้ายต่างหาก!” เซนมองท่าทางนั้นแล้วยิ้มบาง ๆ ในใจแอบคิดว่าผู้หญิงนี่เรื่องกินเป็นเรื่องใหญ่จริง ๆ
หลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกันกลับ เซนตัดสินใจแวะร้านสะดวกซื้อที่อยู่ไม่ไกลเพื่อซื้อขนมติดไม้ติดมือไปฝากลุคที่กำลังรอเขาอยู่ที่บ้าน มันเป็นการขอโทษที่เขาปล่อยให้อีกฝ่ายต้องรอนานเกินไป
ระหว่างที่กำลังเดินไปตามทางเดินเงียบ ๆ ท่ามกลางแสงไฟถนนที่ส่องสว่างบางจุด เขาก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังมาจากอีกฟากของถนน
เสียงนุ่มลึกแต่ร่าเริงเล็ก ๆ นั้น เซนจำได้ดีว่ามันเป็นของดีแลน แต่สิ่งที่ทำให้เขาชะงักก้าวเดินคือเสียงอีกเสียงหนึ่ง เสียงของผู้หญิงที่เขาไม่รู้จักกำลังหัวเราะเบา ๆ ตามบทสนทนา
“จริงเหรอ ดีแลน? ฉันไม่เคยคิดเลยว่านายจะทำแบบนั้นได้” เสียงของผู้หญิงพูดด้วยน้ำเสียงสนุกสนาน
“ก็ไม่ได้ยากอะไรขนาดนั้นหรอก” ดีแลนตอบกลับ เสียงของเขาดูเป็นธรรมชาติและอบอุ่น
เซนหยุดเดินอยู่ตรงมุมถนน เขาเอี้ยวตัวหลบหลังเสาไฟเพื่อมองไปยังต้นเสียง ร่างของดีแลนกำลังเดินข้างผู้หญิงคนหนึ่ง ดูเหมือนพวกเขาจะคุยกันอย่างออกรส
เซนไม่ได้ยินบทสนทนาทั้งหมด แต่ภาพที่เห็นนั้นมันก็บีบให้หัวใจของเขารู้สึกแปลก ๆ เด็กหนุ่มถอนหายใจยาวออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย เขาเงยหน้ามองไปยังดีแลนที่ยังคุยกับผู้หญิงคนนั้นด้วยรอยยิ้มกว้าง เหมือนกับทุกอย่างรอบตัวของทั้งสองคนช่างดูเป็นธรรมชาติและสนุกสนาน
เขายกกล้องขึ้นแนบตา สายตามุ่งมั่นผ่านเลนส์ไปยังเป้าหมายตรงหน้า กดชัตเตอร์เก็บภาพในจังหวะที่ดีแลนกำลังหัวเราะ ดวงตาเป็นประกายราวกับไม่มีอะไรในโลกจะมาหยุดความสุขนั้นได้
หลังจากภาพปรากฏขึ้นบนหน้าจอกล้อง เซนมองมันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกดส่งต่อให้กับอีกฝ่ายทันทีผ่านแชทโดยไม่มีข้อความใดแนบไปด้วย จากนั้นเขาเพียงก้าวเดินต่อไป ไม่เร่งรีบและไม่ช้าจนเกินไป แต่ในใจกลับรู้สึกหนักอึ้งกว่าที่คิด
.
.
To be continued