ในค่ำคืนที่สายน้ำกระซิบเสียงคร่ำครวญ รอยยิ้มของ “นางพราย” ปรากฏขึ้นบนผิวน้ำทุกครั้ง ความจริงของนางพรายกำลังรอให้เขาเป็น “เหยื่อรายต่อไป”เพราะบางครั้ง… คนที่ยิ้มให้เรา อาจเป็นคนเดียวที่พรากเราไปตลอดกาล
สืบสวนสอบสวน,ลึกลับ,ผู้ใหญ่,จิตวิทยา,ดาร์ค,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
กรีดรอยยิ้มนางพรายในค่ำคืนที่สายน้ำกระซิบเสียงคร่ำครวญ รอยยิ้มของ “นางพราย” ปรากฏขึ้นบนผิวน้ำทุกครั้ง ความจริงของนางพรายกำลังรอให้เขาเป็น “เหยื่อรายต่อไป”เพราะบางครั้ง… คนที่ยิ้มให้เรา อาจเป็นคนเดียวที่พรากเราไปตลอดกาล
“ศจี”พรายสาวนักเรียนธรรมดาในอรัญสถานแห่งป่าหิมพานต์
วันนึงกลับต้องพบเจอกับร่างอันไร้วิญญาณของเพื่อนร่วมรุ่น ใบหน้าของศพยิ้มอย่างมีสุขร่างกายถูกฉีกเป็นชิ้นแต่มีบ้างอย่างแปลกออกไป และเหยื่อรายต่อๆไปมีของบางอย่างที่เชื่อมมาถึงตัวเธอ เธอจะต้องสืบหาตัวฆาตกรให้ได้ และบทสุดท้ายที่ทำให้เธอต้องเสียใจ
ข่าวการตายของคีราแพร่ไปเหมือนไฟลาม ท่ามกลางเสียงกระซิบกระซาบและแววตาที่มีทั้งความกลัวกับความอยากรู้ หน่วยสืบคุณไสยหิมพานต์ยกกำลังมาประจำพื้นที่อย่างเรียบร้อย มีแถบผ้าสีดำผูกเป็นวงล้อมรอบจุดเกิดเหตุ และมีเจ้าหน้าที่คล้ายหมอสมุนไพรกับนักวิทยพรายมืดคอยดม ตรวจ และบันทึกทุกสิ่งตั้งแต่องค์ประกอบของดินไปจนถึงเศษผิวที่ติดอยู่บนหิน พวกเขาพบสารเคมีที่มีลักษณะคล้ายน้ำมันพรายที่ถูกปรับสภาพ—เบาบางและแฝงความแปลกประหลาด เมื่อรวมกับร่องรอยสัมผัสที่ท้ายที่สุดชี้ว่าผู้ตาย “ยินยอม” จนไม่ทันระวัง หน่วยสืบสงสัยว่าฆาตกรใช้เป้าประสงค์เชิงเพศเป็นเครื่องมือ เธอพยายามรวมชิ้นส่วนความทรงจำ เธอเห็นเส้นผมเส้นเดียวติดกับเศษเล็บบนหิน เส้นนั้นเป็นสีดำเงา สีเดียวกับผมเธอ แต่โรงเรียนนี้ก็มีคนผมดำมากมาย เธอพยายามยืนยันความเป็นไปได้ของความบังเอิญ แต่มีสิ่งหนึ่งที่แพรวพราวในอกคือ “ความคุ้นเคย” — ราวกับมือที่แตะผิวน้ำเมื่อเช้าจำวิธีจับผิวกายได้อย่างแม่นยำ
ในช่วงเวลาสั้น ๆ ภาพซ้อนเข้ามาในหัว: เงาในภาพเป็นผู้หญิง แต่งตัวสบาย ๆ กำลังกดร่างหนึ่งลงบนหิน ใบหน้าของเงานั้นสงบราวกับกำลังอ่านบทกวี มือเคลื่อนไปอย่างช้าลงและเอื้อมไปปลายเล็บที่แผ่ประกายแสง ผิวน้ำสั่นแรงตามจังหวะหายใจ
และเสียงครางเบาหวิวก็แทรกมาสิ่งที่น่าทึ่งคือภาพนั้นจบลงด้วยความรู้สึกไม่ใช่ภาพ—ความอบอุ่น ความปลอดภัย และความตายที่มาอย่างเงียบ ๆ
ศจีไปยืนอยู่ห่าง ๆ ดูการทำงานด้วยความรู้สึกผสมปนเป เธอไม่ใช่เพียงผู้ชม—ในฐานะนางพราย เธอได้ยินจังหวะแห่งความรู้สึกที่ไหลผ่านมาในอากาศ กลิ่นบางอย่างวนเวียนอยู่รอบก้อนหิน มันไม่ใช่กลิ่นธรรมดา แต่เป็นกลิ่นที่ศจีเคยทดลอง เขาเคยผสมสารสกัดจากดอกพรายม่วงเพื่อใช้ในพิธีกรรมบำบัด—กลิ่นที่ทำให้หัวใจใครบางคนอ่อนลงพร้อมกับเปิดช่องบางอย่างในจิต แต่นี่กลิ่นถูกปรุงให้แปลก ราวกับใส่สารพิเศษบางอย่างลงไป—โลหะเย็นปนความหวานเบา ๆ
“มีการใช้พิษ” นักสมุนไพรคนหนึ่งบอกเสียงต่ำกับหัวหน้าหน่วย เขาผงกศีรษะแล้วแคะตัวอย่างจากเศษผิวที่ติดอยู่กับรอยฉีก ร่องรอยนั้นเรียบและเป็นเส้น ไม่ใช่การฉีกแบบทื่อ แต่คล้ายการใช้เล็บมือคมกริบที่ลับอย่างดี นักคุณไสยลงความเห็นว่า คนลงมือต้องรู้สรีระของเหยื่อในระดับที่ละเอียดมาก
ศจีไม่อาจไม่สังเกตเส้นผมเส้นเดียวที่ติดอยู่กับเศษเล็บ — ผมดำเงา แบบเดียวกันกับผมของเธอเอง เส้นนั้นบางจนแทบมองไม่เห็น แต่เมื่อเธอโน้มหน้าเข้า มันกลับชัดเจนจนทำให้ใจเธอตะงิด เธอพยายามขับความคิดออกแบบมีเหตุผล “มันเป็นไปไม่ได้ แค่ผมธรรมดา มีคนผมดำอีกตั้งเยอะ” แต่เสียงข้างในก็ดังขึ้นแผ่ว ๆ ว่า “ไม่ใช่แค่สี มันยังติดกลิ่นก้นแก้วสมุนไพรที่เราใช้ทดลองด้วย”
ศจีหันไปมองกลุ่มเจ้าหน้าที่ที่กำลังคุยกัน พวกเขาพูดศัพท์เทคนิคที่แปลกและคุ้น เธอได้ยินคำว่า “โครงสร้างของพิษ” และ “จังหวะการปล่อยสาร” ถูกย้ำซ้ำ ๆ ในประโยคของพวกเขา นั่นเป็นคำที่ทำให้เธอหัวใจพองจนเกือบหล่น—เพราะเธอเองก็เคยทดลองกับองค์ประกอบเหล่านั้นในห้องทดลองเล็ก ๆ ของโรงเรียนตอนที่ยังเป็นเด็กปีหนึ่ง
ขณะที่ทีมตรวจสอบกำลังลงมือ ศจีเดินไปยังริมธาร เธอเอามือแตะน้ำเย็น ๆ และภาพแวบหนึ่งก็เข้ามาเหมือนฟิล์มฉายช้ำ เธอเห็นมือเรียว ๆ กำลังผสมบางอย่างในขวดแก้ว เล็บที่ยาวสีจาง ๆ จุ่มลงไปในน้ำ ติดกันคือภาพของรอยยิ้มที่แผ่วเบาและเสียงกระซิบที่ไม่ได้พูดออกมาเป็นคำ แต่เป็นการเร่งจังหวะเร็วของชีพจร จังหวะนั้นเหมือนสำเนียงที่เธอไม่คุ้น แต่กลับทำให้ทั้งร่างรู้สึกร้อนวูบ
“เจออะไรหรือศจี?” เสียงเพื่อนร่วมรุ่นคนหนึ่งถาม — เสียงนั้นไม่อยากถามเกินเหตุ แต่ศจีกลับตอบไม่ทัน เธอยังคงมองไปที่ผืนน้ำและภาพที่เพิ่งมา เธอรู้สึกเหมือนไม่ใช่ผู้ที่เห็นภาพนั้นเพียงผู้เดียว แต่เป็นอีกคนที่ใช้สายตาเดียวกันมองผ่านเธอ
ผลการตรวจพิสูจน์ชิ้นแรกกลับมาจากห้องปฏิบัติการเล็ก ๆ — มีร่องรอยของสารประกอบที่มักใช้ในการกระตุ้นระบบประสาท แต่ที่น่าสนใจคือรูปแบบการปล่อยสารนั้นเป็น “จังหวะ” ไม่ใช่การฉีดหรือการกินแบบชัดเจน มันเป็นการปล่อยแบบสัมผัสผ่านผิวส่วนลึกของร่างกาย ซึ่งเหมาะกับพิธีกรรมที่อาศัยการปลุกเร้าอารมณ์จนจิตถึงจุดหนึ่งก่อนที่จะเสริมกำลังด้วยสาร สารชนิดนี้จะทำงานเร็วเมื่อหัวใจเต้นถึงระดับสูงสุดและจิตเข้าสู่สภาวะที่ยินยอมอย่างแท้จริง
นักสืบวาดแผนผังและตรวจสอบบันทึกการเข้าออกของบุคคลบางคนที่ตรงกับช่วงเวลาที่คีราควรจะหายไป คืนก่อนจะพบศพ มีสองคนที่ถูกบันทึกในเส้นทางเดินผ่าน — หนึ่งในนั้นคือรัชช์หนุ่มนรสิงห์ เพื่อนชายร่วมรุ่นของศจีที่ยังหาตัวไม่เจอ อีกคนเป็นหญิงสาวปริศนาที่ยามลาดตระเวนสังเกตเห็นจากไกลๆ
ศจีรู้สึกว่าเจ้าหน้าที่เริ่มชี้นิ้วมาทางเธอ เธอพยายามช่วยให้ข้อมูล แต่ทุกครั้งที่เธอพยามอธิบายว่าเธอไม่รู้เห็นเหตุการณ์ในขณะนั้น ความรู้สึกที่มาพร้อมภาพแวบ ๆเข้ามาในหัว เจ้าหน้าที่หันมามองด้วยสายตาสงสัย “คุณแน่ใจไหมว่าที่พูดคือความจริงทั้งหมด?” พวกเขาถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยเชื่อถือ
คำถามนั้นเจาะลึกเข้าไปในใจเธอ เธอพยายามรวบรวมหลักฐาน—เธอจำได้ว่ามีช่วงเวลาหนึ่งที่เธอทำชิ้นงานทดลองเกี่ยวกับกลิ่นพิษที่สามารถกระตุ้นจังหวะของหัวใจได้ เธอจดบันทึกการทดลองไว้หลายหน้า แต่ในบันทึกมีช่องว่างบางช่วงที่เธอไม่สามารถอธิบายได้ว่าหายไปไหน ตรงนั้นเหมือนมีรอยขาดในความทรงจำที่ไม่เคยปะติดปะต่อได้
คืนหนึ่งหลังการตรวจ เธอนั่งอยู่ในห้องทดลอง โคมไฟอ่อน ๆ ขวางเงาเล็ก ๆ บนโต๊ะทดลอง กระดาษโน้ตหลายแผ่นวางกระจัดกระจาย มีสัญลักษณ์ที่เธอเคยเขียนไว้อย่างรีบเร่งเพื่อเตือนตัวเองถึงจังหวะการปล่อยสาร แต่แผ่นหนึ่งมีบันทึกด้วยลายมือที่เรียบร้อยและเย็นกว่า—มันเขียนว่า “ทดสอบเวลา 03:14 — ยืนยันการปล่อยแบบสัมผัส” ลายมือที่เรียบร้อยนั้นเป็นลายมือของเธอเอง แต่เธอไม่แน่ใจว่าจดเวลาไว้เมื่อไหร่
หัวใจเธอเริ่มเต้นเร็วขึ้นจากความตื่นกลัวและความตระหนกปนกัน เธออ่านซ้ำหลายครั้ง พยายามเรียงความเป็นไปได้ แต่ทุกความเป็นไปได้ยิ่งทำให้เธอรู้สึกเหมือนหลงอยู่ในเขาวงกตแห่งความทรงจำ ตอนนี้มีรูปแบบเกิดขึ้นในหัว—รูปแบบการปล่อยสารแบบที่ทำให้เหยื่อถูกชักนำให้ยินยอมอย่างเต็มที่ก่อนจะปิดฉากอย่างสงบ รูปแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนภายนอกจะทำได้ง่าย ๆ มันต้องการทั้งความรู้เชิงเทคนิคและความเข้าใจจังหวะทางอารมณ์ของคนอย่างลึกซึ้ง
เธอจำได้อีกสิ่งหนึ่ง—เสียงหัวเราะแผ่ว ๆ ที่ไม่ใช่เสียงของคีรา แต่เป็นเสียงที่เคยก้องในความฝันของเธอ เสียงนั้นมีความมั่นใจและความสุขปนทะนง แนวทางการกระทำที่ฉาบด้วยศิลปะการครอบครอง ทำให้ที่แห่งนี้เหมือนเวทีสำหรับผู้ที่ต้องการเห็นความสุขก่อนจะเก็บรักษามันไว้เป็นของส่วนตัว
จวบจนเมื่อลมค่ำพัดแรงขึ้น เธอยืนอยู่นิ่ง ๆ รู้สึกถึงแรงกระตุ้นด้านใน—ความอยากรู้ที่ไม่อาจละเลย และความกลัวที่น่าเวทนา เธอเดินจากห้องทดลองไป แต่ในใจเธอไม่ว่างเปล่าแม้เพียงชั่วครู่ ความรู้สึกว่ามีบางสิ่งคุ้นเคยกำลังลากเธอกลับไปยังหินก้อนนั้น และบางส่วนของเธอรู้สึกว่าถ้าหากไม่ตามต่อ ความจริงจะกลายเป็นเงาที่หลุดลอยไปตลอดกาล
ก่อนนอน เธอเปิดสมุดบันทึกแล้วจดบันทึกถึงเหตุการณ์ของวันนี้อย่างละเอียดที่สุด แต่ในช่องที่ควรบันทึกเวลา 03:14 ปากกากลับสะดุดและไหลเป็นเส้นตรง เหมือนมีอะไรฉีกช่องว่างไว้ เธอรีบหยิบปากกาเขียนซ้ำ แต่ข้อความนั้นไม่กลับมา ความมืดคลุมห้อง เธอหลับตา และในความฝัน เมื่อน้ำเงียบสงบ เธอเห็นภาพเส้นผมเดียวค่อย ๆ พลิกไปมา ราวกับกำลังกระซิบบอกอะไรบางอย่างที่เธอไม่อยากยอมรับ