นัทผู้พูดมากกับไอ่แว่นที่อยากเดินหนี นัท : แว่นมานี่มา ธีร์ : ไปไกลๆตีนกูไป

ตะวันทึ่สาดส่องทุ่งนา - ตอนที่ 4 เพื่อนใหม่แลเห็น โดย คุณ เซน เซน @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,รัก,รั้วโรงเรียน,วัยว้าวุ่น,ไทย,ชายรักชาย ,ชายชาย,ชาย-ชาย,วาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ตะวันทึ่สาดส่องทุ่งนา

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,รัก,รั้วโรงเรียน,วัยว้าวุ่น,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ชายรักชาย ,ชายชาย,ชาย-ชาย,วาย

รายละเอียด

ตะวันทึ่สาดส่องทุ่งนา โดย คุณ เซน เซน @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

นัทผู้พูดมากกับไอ่แว่นที่อยากเดินหนี นัท : แว่นมานี่มา ธีร์ : ไปไกลๆตีนกูไป

ผู้แต่ง

คุณ เซน เซน

เรื่องย่อ



เรื่อง ตะวันที่สาดส่องทุ่งนา


เรื่องราวของเด็กกนุ่มคนนึงต้องออกมาจากเมืองกรุงเพราะปัญหาทางการเงินของพ่อ แม่ของเค้านั้นประสบอุบัติเหตุตั้งแต่ยังเล็กทำให้พ่อของเขาต้องเลี้ยงลูกเพียงลำพัง แต่ด้วยการแพ่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมานั้นยากลำบากมากขึ้น ค่าครองชีพสูงไหนจะค่าเทอมของลูกชายของเขา

อยู่มาวันหนึ่งปู่ของเขาประสบอุบัติเหตุตกจากต้นไม้เหตุผลนึงที่เลี่ยงไม่ได้คือค่าครองชีพสูงเกินไปจึงส่งลูกชายของเขาซึ่งมีนามว่าธีร์เด็กเมืองกรุงที่จากบ้านมาแต่ยังเล็กได้กลับบ้านเกิดเมืองนอนอีกครั้ง

ครั่งนึงในวัยเด็กแต่ธีร์จำไม่ได้ได้มีเด็กหนุ่มคนนึงรุ่นราวคราวเดียวกันชอบมาเล่นกับปู่และช่วยเหลือปู่ของเขาทุกครั้ง บ้างก็มาแวะเวียนเล่นกับน้องโบ้บ้าง เพื่อนในสมัยเด็กของเขาดูชั่งเป็นคนเข้าสังคมง่ายมากพูดจา ผู้ใหญ่ดูรักและเอ็นดูต่างกับเขานั้นที่ไม่ค่อยพูดเพราะเขาไม่ค่อยสุงสิงกับใคร

ธีร์ : กูคตเบื่อเลยอ่ะ อยากออกไปข้างนอกบ้าง

นัทที่ทำได้แค่มึนงงกับธีร์อยู่เล็กน้อยจึงทำได้แค่เพียงไถ่ถามเพียงครั้งครา

นัท : เอ้า มึงไม่ชอบออกไปไหนมาไหนแค่นี้ก็จะอินโทรเวิร์ตจะตายห่าแล้ว

ธีร์ : ไม่เอาน่ามัะนไม่มีอะไรให้ทำเลยอีกอย่างเราไม่มีเงินด้วยอ่า

นัท : อย่างแรกที่มึงต้องทำกูขอแค่สองข้อ

ธีร์ตอบรับด้วยความสงสัยและรีรอไขแสงคำตอบของนัท

ธีร์ : ว่ายังไง

นัท : มึงเลิกเรียกกูว่าไอ้คนบ้าน้ำลาย สองก่อนที่มึงจะทำนู่นทำนี่มึงหาโรงเรียนเข้าให้ได้ก่อน

เด็กหนุ่มทำได้เพียงครุ่นคิดแต่ก็ดันเสียงไม่ขึ้นจึงทำได้เพียงแต่นั่งอ้ำอึ้งของคำพูดเพื่อนตนเอง จึงทำได้เพี่ยงตอบกับออกไป

ธีร : อืมม ไม่รู้ดิงั้นกูเรียนกังมึงก็ได้

นัทงั้นก็รีบไปแต่งตัวเตรียมเอกสารให้เรียบร้อยเดี๋ยวกูขึ้นตามไป..

เด็กหนุ่มได้ตอบกลับเพื่อนชายของตนก่อนจะสับขาสองข้างวิ่อ่งไปหน้าบ้านของตน

ธีมเนื้อเรื่องเกี่ยวกับ : การช่วยงานในบ้าน ชีวิตของสองหนุ่ม ความสัมพันธ์ของทั้งสอง บรรยากาศภายใน ปล อาจมีการเอาสถานที่จริงมาเกี่ยวข้องด้วยส่วนหนึ่ง

ฝากติดตามผลงานนักเขียนฝึกหัดด้วยนะครับ🥰🥰

ช่องผลงาน

FB : https://www.facebook.com/share/1BKyhUwuG6/

TT : https://www.tiktok.com/@sensenkung?_t=ZS-8zVQv8ItC9C&_r=1



เนื้อเรื่องเป็นอย่างไรประการยังไงติเตียนนักเขียนได้ครับผม🥰🙏
ปล่อยตอนเรื่อยๆจนถึงตอนที่ 5 นะครับตอนต่อไป 
จะอัพเวลาตีสองทุกวันอังคารและเปิดอ่านฟรี 17:00 น.

สารบัญ

ตะวันทึ่สาดส่องทุ่งนา-ตอนที่1 กลับบ้านเกิด,ตะวันทึ่สาดส่องทุ่งนา-ตอนที่ 2 เขาคือคนตรงข้าม,ตะวันทึ่สาดส่องทุ่งนา-ตอนที่ 3 สวนยามเย็นของนัท,ตะวันทึ่สาดส่องทุ่งนา-ตอนที่ 4 เพื่อนใหม่แลเห็น

เนื้อหา

ตอนที่ 4 เพื่อนใหม่แลเห็น

06 : 14 น.

ณ เช้าก่อนพระอาทิตย์ขึ้น เสียงไก่ขันดังตระเวลั่นกลางบ้านเด็กหนุ่มพลัดตื่นขึ้นยามมืดคลึ้มอ่อนๆหนังตากระพริบอย่างอ่อนล้าแทบฟุบตัวลงผ้าอุ่นๆต่อแต่ยังไงซะเขาจะต้องตื่นให้ทัน

ไม่ทันใดจึงฮึดใจขึ้นสองแขนและขาพยุงตัวขึ้นแบบไม่รีรอต้อง “ต้องรีบลุกละเดี๋ยวไม่ทัน” สองเท้าหลังค่อยๆเดินเข้าห้องน้ำอย่างทุลักทุเลก่อนจะลงกอนล็อกประตูหยิบไม้ขนแปรงล้างหน้าล้างตาด้วยสบู่กลิ่นทุ่งกุหลาบเหลือบมองไปส่องที่กระจกของตน ผมเพล่าพันกันทุกรังจึงหยิบหวีขึ้นเสยจัดทรงให้เข้าทาง “ตอนนอนอย่างหล่อ ตอนตื่นนึกว่าคนบ้า” 

พูดพล่ามทำเพลงอยู่หน้ากระจกไม่ได้นานต้องรีบออกไปทำธุระการงานช่วยปู่เด็กหนุ่มค่อยๆเดินลงบันไดบ้านที่สูงชันซึ่งเป็นบ้านเก่าของผู้เฒ่าคนแก่สมัยโบราณสายตาพลานเหลือบไปทั่วห้องครัว ห้องนั่งเล่นและเหล่าเก้าอี้ไม้สรรพณา ไม่ทันไรสองมือค่อยๆหยิบคุ (ถังสี) ในขณะที่อีกมือค่อยๆหยิบหัวอาหารไก่และเดินตรงไปยังสวนหลังบ้าน 

พื้นชุ่มแฉะผลัดกับไม้ไม้แห้งที่เปียกอุ้มน้ำ ผมคิดว่าน่าจะมาจากน้ำค้างยามเช้าบวกกับอสงแดดส่องลงมาไม่ถึงจึงทำให้สวนของปู่แห้งช้าก็เป็นได้ เมื่อสองเท้าเดินผ่านสวนผลไม้นานาชนิดเปียกชึ่มยันผิวพรรณไปหาชายชราดังกล่าว“อ้าวธีร์ เอาข้าวไก่ให้ปู่หน่อยได้ไหมพอดีปู่ติดธุระว่าจะออกไปซื้อสปิงเกิ้ลหนะ พอดีมันแตกขากลับปู่เลยว่าจะแวะเอาทุเรียนมาปลูกอีกสัก6ต้น เด็กหนุ่มกล่าวขานรับ ธีร์ : ครับ

เมื่อสองปู่หลานคุยเข้าใจกันเด็กหนุ่มจึงได้เอื้อมจับราวรั้วกรงไก่ก่อนจะเดินเข้าไป เสียงจ๊อแจ๊กระจิบกระเจี๊ยบดังทั่วทั้งเล้าเหมือนจะรู้ว่าเจ้านายจะมาให้อาหารตามเคยมีทั้งลูกเจี๊ยบยันไก่พ่อพันธุ์ สองมือของเด็กหนุ่มตักปริมาณอาหารอย่างลุกลี้ลุกรนใส่ถาดไก่เรียงกันเป็นแถวทอดยาวกันไป อย่างน้อยไก่ทุกตัวก็ยังอยู่ในแถวที่ประจำตัวเองขังรางเป็นกรงๆไปจึงทำให้ง่ายต่อการให้อาหาร

เอ๊... แต่ทร่าว่าเหมือนไก่จะขาดบางอย่างไป ไม่ทันรีรอเด็กหนุ่มสังเกตุเห็นว่าไก่ของตนยังไม่ทันได้กินน้ำแพลนมองลูกกรงไปทั่วจึงพบเจอว่ากระใส่น้ำสัตว์ปีกนั้นแห้งเหือดไม่มีใยดีธีร์จึงรีบหยิบถังน้ำข้างข้างๆมาเติมใส่ให้แต่ละกระติกเมื่อให้ข้าวให้น้ำเสร็จสิ้นแล้จึงเดินออกมาจากเล้าไก่และไม่ลืมที่จะปิดรั้วก่อนเดินออกมา

เมื่อชายชรา(ปู่)เดินย่างออกไปเพื่อกลับไปทำธุะในอำเภอจึงพึ่งหลังให้เด็กหนุ่มดูแลงานบ้านในสวนของเขาเดก็กหนุ่มจึงได้เดินนำหน้าดิ่งตรงไปยังสวนกล้วยและทุเรียนของเขา อีกมือถือเสียมเหล็กเนื้อเยื่อหุ้มไปในสนิมเล็กน้อยตั้งแต่หัวเสียมยาวลงไปจลดปลายด้านจับหนักอึ้งยิ่งกว่าอุ้มหินน้ำหนักได้กิโลไว้ในกำมือ

ฝูงหญ้ารกรนเลือนแทบมองไม่เห็นเป็นบางคราธีร์ : ถ้าไม่รีบทำมีหวังงูและหนูเป็นเพื่อนแน่ แต่ก็ดีกว่าไอ่แก่ขี้โม้บ้าลายนั่น(นัท) เสียงแหวกหญ้ารกรุงรังจะเปิดสปิงเกอร์แต่ละทีแทบตะกุยตะกายเมื่อเปิดสวิตตามขั้นตอนที่ปู่ของเขาแนะนำแล้วเหลือเพียงแค่เปิดท่อน้ำเลี้ยงใหญ่รอเพียงให้น้ำไหลออกมา

ธีร์ : ขี้เกียจจังเลย เสียงระห้อยระพึมอยู่เพียงในใจ อีกใจหนึ่งก็อยากนอนพักเล่นเกมที่บ้านเพราะยังไงซะก็ต้องติวเข้มข้อสอบเพื่อเตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัยอยู่ดี ไม่นานนักเสียงน้ำก้องกังวนในท้อกรัอักกระอ่วงเหมือนว่าน้ำจะค่อยๆไหลออกมาเรื่อยๆตามกระแสไม่ทันกี่วิเสียงหยดน้ำกระปริดกระปลอยไหลหยด ติ๊ก ติ็ก... ออกมาก่อนแรงดันน้ำจะแผ่ขยายเป็นวงกว้างพอดีกับรัศมีมีเสียงดังซู่ซ่าอย่างรุนแรง

เด็กหนุ่มในขณะที่รอพื้นดินเแยกแฉะอยู่นั้น เมื่อคินรู็สึกนอนได้ไม่อิ่มนั้นเปลืิกตาสองข้างของเขาแทบจะปิดสนิดจึงได้เกิดสดุ็งตื่นขึ้นมา ธีร์ : (จะหลับอะไรอีกว่าเดี๋ยวน้ำก็นองท่วมสวนมาโดนดุอีก) เมื่อไม้มือเกิดว่างแทบจะเบื่อจึงได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเขี่ยเล่นเพียงเพราะเกรงว่าจะหลับพผอยลงไป

09 : 45 น.

เด็กหนุ่มได้นั่งก้มๆมองไปเรื่อยๆเพียงเพราะเกรงว่าอาจจะหลับและละเลยหน้าที่ของตนจนกว่าเขาจะรดน้ำต้นไม้เสร็จเมื่อเวลาผ่านไปจึงครบทุกต้นและหน้าที่ที่เขาจะดูแลแล้วจึเดินไปปิดสวิกซ์น้ำดังแป็ก (ไฟสีแดงเจือดจางและดับลง) เมื่อเขาจะเดินกลับไปเอาโทรศัพท์ที่เปลนอนทันใดนั้นเสียงใบพลัดดังสนั่นไปทั่วทุกหนครา

เศษใบเขียวๆกระเด็นเบี่ยงไปมา ซ่า พลัดๆ ซ่า.. เสียงใบหญ้าและเอนอ่อนๆถูกพัดกระทบกับเส้นสีเหลืองพัดกระทบวนไปมาด้วยความเร็วสูง(หนวดกุ้ง)ในขณะที่เงาร่างสูงใหญ๋กว่าเขาเล็กน้อยเป็นชายไวกลางคนกำลังเอียงเอ่นส่ายใบพัดไปมาเพื่อให้โดนหญ้าอย่างสม่ำเสมอ 

ธีร์ : นี่พ่อกูมาตั้งแต่ตอนไหนวะ อืมว่าแต่แถวนี้น่าจะมีน้ำให้กินนะไปหาอะไรกินดีกว่า ไม่นานนักสองเท้าที่เฉื่อยชามาแทบทั้งวันกระกระฉับกระเฉงดับๆติดๆขึ้นมาอะไรอย่างงั้นสองฝ่าเท้าสับตีนวิ่งขึ้นไปหน้าบ้านเพื่อที่จะรีบไปเอากุญแจรถปู่ของปู่ เปิดลูกบิดประตูแทบไม่รีรอค้นในตู้ของปู่จนกระดาษปลิดปลิวว่อนออกมาแทบทั้งหมด

เสี้ยววินาทีเดียวนั้นสายตาเหลือบไปเจอตัวหนังสือหน้าซองจดหมายกระดาษและกระดาษอีกหลากแผ่นแต่เค้าไม่ได้ใส่ใจอะไรได้มากขนาดนั้นจึงวิ่งออกไปนอกบ้านก่อนจะบิดกลอนประตูกระโดดขึ้นรถอย่างเร็วรันและบิดออกไปซื้อของในที่สุด

เมื่อขับรถออกไปหน้าทางเข้าหมู่บ้านชุกชม ร้านค้าน้อยใหญ๋ตั้งเรียงกันเป็นหย่อมๆเล็กน้อย เมื่อเด็กหนุ่มขับรถไปจอดไว้รานหน้าร้านก่อนจะเก็บกุญแจและเดินเข้าร้าน ภายในเรียงรายไปด้วยขนมหลากรสหลายยี่ห้อ ตู้ขายน้ำมีขวดน้ำกระป๋องอัดกันเต็มตู้ไปหมด พลานตามองไปทั่วน่าลิ้มลองไม่หน่าเชื่อ

แต่ภายในกำมือของเขากลับมีแค่เหรียญสิบแค่สองเหรียญจึงทำได้เพียงแต่หยิบน้ำออกจากตู้มาหนึ่งขวดและเดินไปจ่ายเงิน สิบห้าบาทค่ะ ไม่รีรอธีร์รีบจ่ายเงินที่เหลืออยู่ในกำมือของเขาก่อนจะได้เงินทอนห้าบาทและเดินออกจากร้าน ขณะจะเดินตรงไปยังรถจักนายยนต์ของเขานั้นหางตาของเค้าดันไปสบตาของใครอีกคน

ทันใดนั้นแววตาและใบหน้าของคนๆนั้นกำลังค่อยๆหันมาและมงเค้าอยู่เหมือนกันไม่ทันใดน้ำเสียงเอ่ยกล่าวน่าเบื่อชวนน่ารำคาญได้เอ่ยขึ้นออกมา อ่าวแว่นคุงมาตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย (นัท) ธีร์ : (บ้าเอ้ย อ่นี่อีกแล้วหรอกะแล้วเชียวว่าต้องเจอมันคนแรก) เด็กหนุ่มคนนั้นค่อยๆเดินมาหาธีร์พร้อมกับใครไม่รู็อีกสองสามคน

ธีร์เิกิดสงสัยทำหน้ามึนงงบ่อยครากว่าเมื่อก่อนจึงทำให้นัทอดใจขำกลิ้งไม่ได้ก่อนที่จะเอ่ยปากคำกล่าว อ่อนี่เพื่อนกูเองน่ะเดี๋ยวเปิดเทอมพวกมึงก็ต้องได้อยู่ด้วยกัน ไงซะก็ดีกันไว้นะแว่นคุง ธีร์ : กูไม่มีวันดีกับมึงคนแรกแน่) เมื่อเด็กหนุ่มเจอกันจึงเอะใจพึงกันเล็กน้อยในครั้งแรกที่เจอกัน

คนแรกชื่อการ์ด ดูเป็นคนไม่น่าจะต่างกับไอ่นทเท่าไหร่แต่ตัวค่อนข้างสูงกว่าวัยเดียวกันเล็กน้อย

คนที่สองชื่อ พีท ดูเป็นคนเรียบร้อย มารยาทงามดูทรงเป็นพวกชิวๆไม่น่ากวนใจใครสักเท่าไหร่ งั้น...ผมชื่อธีร์ครับ พีท : อ้อธีร์นี่เองเด็กใหม่สิท่า งั้นยินดีที่ได้รู้จักนะ ธีร์ : ครับฝากเนื่อฝากตัวด้วยครับ

นัท : ฝากตัวด้วยนะคร้าบบ เสียงหัวเราะดังพร่าขึ้นทำเอาธีร์ตกใจไม่น้อยทำได้แค่ยิ้มแห้งๆส่งก่อนจะเดินหนีออกมา ธีร์ : น่ารำคาญชิบ.. เดี๋ยวมึงเจอกูไอ่นัท แต่ไม่อยากเสียเวลาตรงนั้นเขาหยิบกุญแจรถจักยานยนต์ออกมาก่แนจะสตาร์ดรถและบิดหนีออกมา

หลังจากจากขับมาถึงบ้านในที่สุดเลยลงไปสวนและพบกับชายชราวัยเจ็ดสิบ(ปู่)ของเขากำลังนั่งต่อท่ออะไรสักอย่างเด็กหนุ่มเลยเอ่ยถาม ธีร์ : นี่ปู่กลับมาไวจังเลยครับปู่ ปู่ : อ้อเอ็งกลับมาแล้วหรอ งั้นปู่ฝากเอาต้นทุเรียนเล็กไปปลุกตามหัวสปิงเกอรแต่ละแถวหน่อยนะ ครับ ธีร์เอ่ยกล่าวเวลานับร่วงเลยผ่านไปจากหนึ่งต้น สองต้น สามต้น จบครบหกต้นในที่สุดก็ปลูกเสร็จสักที

เขาเดินกลับมากับเสียมของเขาพร้อมเหงื่อหยาดทีละเม็ดทีละเม็ดก่อนจะวางเสียมไว้ข้างๆและนั่งลงบนเปลแสงแดดอ่อนๆที่เคยจะแผดเผาไปทุกสิ่งกลับอ่อนลงมาเมื่อใกล้ตกเย็น แววตาหันมองไปทางทิศตะวันตก ณ ขอบลับฟ้าค่อยๆเรือนหาไป อากาศค่อยๆเย็นสบายขึ้นต่างจากช่วงเช้า 

แสงอาทิตย์ลับขอบฟ้า ชั่งอากาศเย็นจริงๆ...