ในวันเปิดเรียนวันแรก'สายฟ้า'โดนรถบิ๊กไบค์คันใหญ่เฉี่ยว แล้วก็ได้คนนั้นไปส่งถึงตึกคณะบริหาร แต่เข้าใจผิดว่าคนนั้นคือผู้ชายคนอื่นซะงั้น
ชาย-หญิง,รัก,ดราม่า,ยุคปัจจุบัน,ไทย,วิศวะ,บริหาร,มหาวิทยาลัย,รักข้างเดียว,ชายหญิง,ชายชาย,โรแมนติก ,ดราม่า,รัก,โรแมนติก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ตอนที่ 1
เช้าวันจันทร์ที่ทุกคนต่างตื่นแต่เช้าอาบน้ำ แต่งตัว กินข้าว แล้วออกจากบ้านไปทำงานหรือไปเรียนตั้งแต่เช้า ซึ่งวันนี้สายฟ้าดันตื่นสายกว่าที่ตั้งใจไว้ จึงรีบทำธุระให้เสร็จโดยไวแล้วรีบออกจากห้องแล้วโบกรถแต่ไม่มีคันไหนรับเลยหรือต่อให้เรียกรถก็ไม่มีรถมารับอาจเพราะวันนี้เปิดเทอมเรียนวันแรกจึงอาจมีคนใช้เยอะ สายฟ้าที่ตอนแรกคิดว่าจะเดินไปมหาวิทยาลัยซึ่งจะใช้เวลาไม่กี่นาทีก็ถึงแล้ว แต่ในเวลาที่เร่งรีบแบบนี้มหาวิทยาลัยที่อยู่ใกล้ในความคิดในตอนแรก ดูเวลาแล้วไม่ว่าจะเดินทางแบบไหนก็ไปสายอยู่ดีจึงคิดว่าควรจะขึ้นรถไฟฟ้าดีกว่า เพราะไม่ต้องทนร้อนทนฝุ่นทางอากาศและเสียงจากรถด้วย แต่ว่า
คนขับรถบิ๊กไบค์คันใหญ่สีดำขนาดหนึ่งพันซีซีไม่ได้มีลวดลาย สวมเสื้อสำหรับการขับรถสีดำรวมถึงกางเกง ถุงมือ และหมวกกันน็อค ให้ได้ลุก all black(ออแบล็ค)ทั้งตัว ได้ขับมาใกล้ทางเดินเท้า ซิกแซกผ่านรถใหญ่มาจนใกล้ถึงสี่แยกไฟแดงและมีทางข้ามถนน จู่ๆ ก็เดินการขับเฉี่ยวผู้ชายใส่ชุกนักศึกษาชายตัวใหญ่จนล้มลงทางเดินฟุตบาทที่กำลังจะข้ามถนนมาอีกฝั่งแต่ทั้งคู่ไม่ทันเห็นอีกฝ่ายเหมือนกัน
“โอ้ย”นักศึกษาชายที่ล้มลงร้องเสียงเจ็บออกมาดังลั่น คนที่อยู่บริเวณนั้นก็หันมามองคนทั้งคู่
คนขับรถบิ๊กไบค์คันนั้นก็ได้ลงมาดูคนเจ็บแต่ดูด้วยตาเปล่าก็ดูไม่เป็นอะไรมาก ก่อนจะไปช่วยพยุงหนุ่มนักศึกษาขึ้นมา ทำให้เห็นหน้าของอีกฝ่ายที่ผิวขาวอมชมพู แต่ตอนนี้เริ่มสายแล้วทำให้แดดออก อากาศร้อนหน้าจึงเริ่มแดงทำให้แดงบริเวณแก้มและจมูกแต่ปากที่ออกชมพูนิดๆ เป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว ทำให้ดูน่ารักน่าถนุถนอมในสาตาของเธอ
“เป็นไรไหม”คนขับรถบิ๊กไบค์ได้ถามหนุ่มนักศึกษาเพื่อเช็คความชัวร์
“เออ ไม่ครับ”สายฟ้าได้ตอบกลับและส่ายหน้าปฎิเสษ ได้เงยหน้ามองแล้วเห็นคนขับรถผ่านหมวกที่ใส่เท่านั้นที่กำลังดูนาฬิกาข้อมือแล้วเห็นเส้นเลือดปูดดูเท่ๆแล้วคิดว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ชายที่อาจจะร่างเล็กกว่าเพราะสายฟ้าดูสูงกว่าอีกฝ่ายซักหน่อย
“ไปด้วยกันไหม”คนขับบิ๊กไบค์ได้ถามอีกฝ่ายดู
“ห้ะ อะไรนะครับ”สายฟ้าไม่ได้ยินที่อีกฝ่ายถามเมื่อกี้
“...”คนขับบิ๊กไบค์ไม่ได้ตอบอีกฝ่ายเพราะเสียงรถดังที่ขับผ่านไปมาและอาจไม่ได้ตั้งใจฟังในตอนแรก แต่เลือกที่จะชี้ไปที่หัวเข็มขัดตรามหาวิทยาลัยที่ทั้งคู่เรียนที่เดียวกันให้อีกฝ่ายรู้
“อ้อ เรียนที่เดียวกันหลอครับ”
“...”คนขับบิ๊กไบค์ไม่ได้ตอบแต่พยักหน้าแทน ด้วยความจะสายแล้วสายฟ้าจึงตอบตกลงแล้วขึ้นซ้อนหลังอย่างเกร็งๆ แต่รถมันพุ่งแรงทำให้สายฟ้าเผลอกอดเอวอีกฝ่ายแน่น จนขับเข้ามาในมหาวิทยาลัยแล้วสายฟ้าก็ยังกอดเอวไม่ปล่อย
“เรียนไหน”คนขับบิ๊ไบค์ถามอีกฝ่าย
“เรียนคณะบริหารครับ”สายฟ้าตอบกลับไปแต่ก็กอดเอวไม่ยอมปล่อยเหมือนเดิม
จากนั้นก็ขับรถไปส่งถึงหน้าคณะ ที่เป็นจุดรวมตัวของน้องปีหนึ่งและมีพี่ปีอื่นๆบ้างประปราย แล้วก็ทำให้มีคนอื่นๆ มองมาทำให้สายฟ้ารู้สึกแปลกๆ และอายๆ จึงหลบสายตาไปที่หลังของคนข้างหน้า คนขับบิ๊กไบค์เห็นว่ายังยอมลงจากรถและเอาหน้ามาซุกที่หลังอยู่ซักพัก จึงตบหลังมือเบาๆ ให้รู้ตัว สายฟ้าที่นึกได้จึงผละออกแล้วลงจากรถ สายฟ้าอายที่กอดอีกฝ่ายไม่หยุดท่ามกลางหน้าคณะ จึงขอโทษขอโพยแล้วจึงวิ่งหนีไป แต่ก็ไปแอบมองอีกฝ่ายข้างเสาแล้วดูรถบิ๊กไบค์ขับออกไปทางคณะวิศวกรรมศาสตร์ สายฟ้าจึงเดาได้ไม่ยากว่าอีกฝ่ายเรียนคณะอะไร แล้วค่อยเดิยเข้าตึกเรียน เตรียมเรียนคลาสวันนี้ที่คาดว่าจะยังไม่มีบทเรียนอะไร
คณะวิศวกรรมศาสตร์
ไออุ่นไม่ได้มาสายในวันมาเรียนวันแรกแต่เพราะมีประชุมรับน้องร่วมคณะเหมือนที่จัดขึ้นทุกปีแต่แค่ในบางกิจกรรมเท่านั้น แต่วันนี้ก็มีพบอาจารณ์ในช่วงบ่ายแต่ตอนนี้ยังสายอยู่ซึ่งก็คงต้องประชุมลากยาวจนถึงเที่ยงกับเพื่อนร่วมคณะประมาณยี่สิบกว่าคน
“ไออุ่นมาแล้ววะ มามะ จุ๊บหน่อย”เคนหรือคาเคนที่เจ้าตัวใช้เรียกตัวเอง วิ่งเข้ากอดคอแล้วเหมือนจะจุ๊บแก้ม ซึ่งทำกับเพื่อนคนอื่นเหมือนกันแต่และไออุ่นรู้ทันก็ผลักหน้าออกเพราะนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เคนทำ
“โธ่ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน มึงไม่คิดถึงกูหลอวะ”เคนพูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจเชิงหยอกล้อ แล้วทำหน้าง้องอนใส่ แต่ไออุ่นก็หาได้สนใจแล้วเดินผ่านไปนั่งที่โต็ะรวมกับของตนที่มาถึงก่อนแล้ว
“แคมป์ล่ะ”ไออุ่นได้ถามกับคาเตอร์หนุ่มอินโทรเวิร์สชายหนุ่มที่ไออุ่นได้รู้จักคนแรกตอนเข้ามาเรียนที่นี่แล้วถึงได้มารู้จักกับเคนและแคมป์หลังจากเปิดเทอมได้เดือนเดียว และเป็นช่วงรับน้องที่ได้อยู่กลุ่มเดียวกันพอดี
“มันยังไม่มาจะ เพราะเมื่อคืนมันตี...”
“ตีไรวะ”เคนที่ยังพูดไม่จบก็ไม่เสียงหนึ่งเอ่ยแทรกขัดมาก่อน ซึ่งก็คือคนที่กำลังพูดถึงอยู่นั่นเอง
“ตี..บะหมี่ไงจะ เพื่อนรัก”เคนตอบแคมป์แล้วก็ไปกอดคอ
“แล้วมึงรู้ได้ไงจะ”
“ก็กูก็ไปกับมึงไงจะ 55”
“พวกมึงแม่ง”ไออุ่นแอบบ่นเบาๆ พร้อมส่ายหัวเอือมระอากับเพื่อนทั้งสองคนนี้
“ได้เวลาแล้ว”คาเตอร์เมื่อดูเวลาแล้วก็เอ่ยกับเพื่อนแล้วเดินเข้าห้องประชุมทั้งทีตามมาด้วยไออุ่นที่เดินแล้วไป เหลือแค่สองเพื่อนรักที่ยังคงยืนกอดคอกัน
“ไอคุณชายคาเตอร์แม่ง เมินกู เมื่อคืนชวนไปก็ไม่ไป บอกกลัวตื่นสาย”เคนบ่นเพื่อนอีกคนที่ชอบเงียบ ชอบเมิน แต่พอเป็นคนอื่นชวนโดยเฉพาะกับไออุ่นที่ต่อชวนไปทำเรื่องบ้าๆ ก็ยอมไป
“นั่นดิไอเคน ไม่ใช่ว่าแอบซ่อนเด็กไว้ในห้องหรอกนะ”แคมป์ตอบอย่างเห็นดีเห็นงามด้วย
“เออ นั่นดิ แต่เดี๋ยวก่อน”
“ไรวะ?”
“คาเคนครับไม่ใช่เคน เรียกผิดเรียกใหม่ด้วย”เคนที่ได้ยินว่าเพื่อนเรียกชื่อผิดก็เอ่ยให้เรียกให้ถูกตามเดิม
“อ้าว มึงก็เมินกูอีกคน”แต่แคมป์ไม่ได้สนใจแล้วเดินหนีเข้าห้องประชุมทันทีปล่อยได้ให้เคนหรือคาเคนอยู่คนเดียวแล้วเดินตามหลังมาอีกที
หลังเลิกเรียนในคาบสุดท้ายช่วงบ่าย
“มองหาใครอยู่หลอสายฟ้า”พริ้มเพื่อนสาวสวยที่ออกแซ่บๆ มั่งใจในตัวเอง ที่พึ่งได้รู้จักกันในคาบเรียน ได้เอ่ยถามเมื่อเห็นเพื่อนคอยมองไปทางคณะวิศวะอยู่ตลอด
“เอ่อ คือ”สายฟ้าได้แต่อ่ำอึ้ง
“นี่รู้ไหมว่าพริ้มมันสืบเหมือนโคนันเลยนะ”ซีเนียร์เพื่อนชายอีกคนแต่เป็นเพื่อนกับพริ้มตั้งแต่มัธยมปลาย ได้เอ่ยกับสายฟ้าเพราะดูก็รู้ว่าเหมือนเล็งมองใครในคณะวิศวะอยู่
“ถ้าพริ้มเป็นสายสืบช่วยหาคนให้หน่อยได้ไหม”สายฟ้าถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“ถึงจะไม่ได้เป็นสายสืบตามที่ไอซีเนียร์มันพูดแต่ก็หาใครได้อยู่นะ บอกมาสิ”
“คือเราไม่รู้ชื่อและไม่เคยเห็นหน้าน่ะ”
“ไม่เห็นหน้าแล้วจะหาเจอไงเนี่ย งานยากจัง แล้วรู้อะไรบ้าง”
“คือเขาเรียนที่วิศวะมั้งนะ เขาเป็นผู้ชายขี่บิ๊กไบค์คันใหญ่สีดำ ตัวไม่ใหญ่มาก เสียงไม่ค่อยเข้มน่ะ”
“เดี๋ยวนะ อืม แล้วไปรู้จักได้ยังไงหลอ”
“เมื่อเช้าเขาจับรถเฉี่ยวมาโดนน่ะแต่เราไม่เป็นไรนะ แล้วเขาอาสามาส่งเพราะเห็นเข็มขัดตรามหาลัยเดียวกันนะ”
“อ้อ”
“ได้ไหม”สายฟ้าถามเสียงเบาเมื่อเห็นเพื่อนตอบกลับมาสั้นๆ
“สายฟ้าไม่ต้องห่วงหลอก มันหาได้แน่”ซีเนียร์ตอบแล้วหันไปมองเพื่อนสาวคนเดียวของกลุ่มที่กำลังจิ้มๆ กับโทรศัพท์อยู่นานสองนาน เพราะด้วยข้อมูลที่น้อยกินไป แต่ที่สำคัญคือไม่รู้หน้าค่าตา จึงยากต่อการตามหา และในระหว่างที่พริ้มกำลังหาข้อมูลก็เดินไปด้วย เป้าหมายก็คือร้านคาเฟ่แอร์เย็นที่อยู่ใกล้คณะบริหารและวิศวะที่อยู่ติดกัน ด้วยช่วงบ่ายที่อากาศร้อนแต่คนในร้านดันไม่เยอะเพราะส่วนใหญ่ในช่วงนี้มักจะไปห้าง หรือไม่ก็ห้องตัวเองไปแล้ว สายฟ้าเองก็ยังไม่อยากกลับเพราะกลับไปก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไร
“นี่ สายฟ้า”
“หือ ได้แล้วหลอ เร็วจัง”
“หึ ผู้หญิงทุกคนคือนักสืบนะจะบอกให้”
“ไหนดูสิ”เป็นซี้นียร์ที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู
“ด้วยความที่ไม่รู้หน้า ก็เลยจะมีอยู่สองคน นี่คนแรกชื่อโตนชอบขี่บิ๊กไบค์แต่นิสัยไม่ค่อยดีเท่าไหร่เพราะงั้นคงไม่มีน้ำใจ คงไม่อาสามาส่งคนแปลกหน้าหลอก ส่วนคนที่สองชื่อสแตนชอบขี่บิ๊กไบค์เหมือนกัน นิสัยดี หยิ่งๆ แต่วันนี้ก็ดันไม่ได้มาเรียนนะ”
“งั้นก็ไม่เหลือใครแล้วดิ”ซีเนียร์แสดงความเห็นเมื่อดูแล้วไม่มีใครเข้าค่าย
“อืมใช่ แต่ก็มีคนนึงแต่ก็ไม่ใช่เหมือนกันนะ”
“ใครอะ”สายฟ้าถามด้วยความหวังสุดท้ายและความอยากรู้
“นี่รูป ชอบขี่บิ๊กไบค์แล้วคันสีดำทั้งคันด้วย นิสัยดีแต่ก็ไม่ค่อยพูด เรียนเก่ง เห็นว่ารวยด้วย และวันนี้ก็มาเรียนนะ แต่ก็ เป็นผู้หญิง”
“อือ ผู้หญิง แล้วชื่ออะไรหลอ”คนที่สามที่สายฟ้าได้เห็นจากรูปที่ตรงทุกอย่างแต่ดันเป็นผู้หญิงนี่สิ
“ชื่อไออุ่น ชื่อออกผู้ชายนิดๆ ผู้หญิงหน่อยๆ แต่เราก็ชอบพี่คนนี้นะ เท่ๆหน่อย แต่สายฟ้าไม่ได้จำตรงผิดไปใช่ไหม”
“อืม ไม่รู้สิ”สายฟ้าตอบเสียงเบาเพราะก็ไม่รู้จริงๆ ว่าตนได้จำรายละเอียดผิดไปหรือเปล่า หรือต่อให้ผิดไม่รู้อยู่ดีว่าผิดตรงไหน ยังไง
แล้วในระหว่างที่กลุ่มเพื่อนที่รู็จักกันได้ไม่นานกำลังนั่งคุยเรื่องบุคคลที่สามอยู่นั้นก็ไม่รู้ตัวเลยว่าเจ้าตัวที่พูดถึงกำลังนั่งดื่มน้ำกับกลุ่มเพื่อนอยู่ที่โต๊ะด้านหลัง นั่งหลังติดกัน แล้วในโต๊ะนั้นก็ได้ยินถึงเสียงที่พูดกันอย่างชัดเจน และเพื่อนอย่างเคนก็อดที่จะชะเง้อหูฟังไม่ได้เพราะมีชื่อเพื่อนตัวเองอยู่ในบทสนทนา
“นี่ มึงรู้จักน้องเขาไหมวะ”แคมป์เองก็อดสงสัยไม่ได้เหมือนกัน จึงถามกับเจ้าตัวเองซะเลยด้วยเสียงกระซิบ
“ไม่รู้สิ”
“ไม่รู้สิอะไรวะ น้องเขาถึงขั้นตามหาตัว ข้อมูลก็เป็นมึงแต่ดันเป็นผู้ชาย”แคมป์บ่นแล้วทำตามองบนใส่ไออุ่น
“ให้กูไปบอกป่ะ”เคนที่รู้สึกว่าเพื่อนมีส่วนเกี่ยวข้องแน่ตามสัญชาตญาณ
“ไม่ต้องยุ่ง”
“อ้าว ได้ดิ ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ จัดให้”จากนั้นเคนก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปหากลุ่มเด็กปีหนึ่งกลุ่มนั้นทันที