ประโยคปฏิเสธของชื่อเรื่องใครเชื่อก็บ้าล่ะ!

ก็แค่เพื่อนอิค (Amegaverse) - ตอนที่ 1 ผู้ถูกฟื้นคืนชีพ โดย ฮาเร็มควีน @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ชาย-ชาย,โอเมกาเวิร์ส,เกิดใหม่,วัยว้าวุ่น,ดราม่า,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ก็แค่เพื่อนอิค (Amegaverse)

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ชาย-ชาย,โอเมกาเวิร์ส,เกิดใหม่,วัยว้าวุ่น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ดราม่า,แฟนตาซี

รายละเอียด

ก็แค่เพื่อนอิค (Amegaverse) โดย ฮาเร็มควีน @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ประโยคปฏิเสธของชื่อเรื่องใครเชื่อก็บ้าล่ะ!

ผู้แต่ง

ฮาเร็มควีน

เรื่องย่อ

Amegaverse คืออะไร


โลกของอัลฟ่าที่มีกำลังมากกว่า หากแต่ว่าสติปัญญาเท่าเมล็ดถั่วไม่สามารถเหนือกว่าโอเมก้าที่ร่างกายอ่อนแอแต่ฉลาดแกมโกง เจ้าเล่ห์เพทุบาย ร้ายกาจดุจปีศาจและเจ้าเสน่ห์ราวกับของหวานที่ได้ลิ้มลองก็จะลืมไม่ลงแถมยังมีพลังคำสาปที่สามารถทำให้อัลฟ่าตกอยู่ในอาณัติและต้องรับผิดชอบกับภาระที่ตนเองได้กระทำลงไป

สารบัญ

ก็แค่เพื่อนอิค (Amegaverse)-บทนำ -,ก็แค่เพื่อนอิค (Amegaverse)-ตอนที่ 1 ผู้ถูกฟื้นคืนชีพ,ก็แค่เพื่อนอิค (Amegaverse)-ตอนที่ 2 โดนหวง

เนื้อหา

ตอนที่ 1 ผู้ถูกฟื้นคืนชีพ

"เมื่อไรเจ้าจะได้ลงไปเกิดสักที" อาคาน่าเริ่มบ่นหลังจากอินคิวบัสจับลูกบิดประตูบิดไปบิดมาร่วมสองชั่วโมงเข้าไปแล้ว 


"ท่านอินคาทัสมาหาข้าหน่อยขอรับ" ปกติพ่อลูกของปีศาจเขาคุยกันอย่างนี้อ่อมันจะดูห่างเหินกันไปล่ะ! "ถ้าข้าเกิดใหม่ก็ต้องเป็นมนุษย์ธรรมดามันไม่ยุติธรรมสำหรับข้าไปหน่อยหรือขอรับ?" ทั้งที่คุยกับอินคาทัสแต่สายตาเหยียดหยามที่มองมาที่ข้านี่มันอะไรกัน 


อินคาทัสเหล่ตามองระหว่างบุตรของตัวเองกับสหายสลับกันไปมาก่อนที่จะถอนหายใจเงียบๆ 


"มันก็จริงอย่างที่เจ้าว่าล่ะนะเพราะแม้แต่ลูกแกะดั่งเดิมที่ไม่ได้ใช้วิญญาณของปีศาจยังคิดไม่ได้เลยว่าตัวเองมีค่ามากแค่ไหน คิดได้แค่ว่าถ้าตายไปแล้วเรื่องคงจบ เหอะ! คิดตื้นๆ ไปแหละ! ถ้ามันจบจริงข้าไม่ต้องปวดหัวอยู่ทุกวันหรอก" 


"กรุณาสำรวมหน่อยนะขอรับท่านอาคาน่า นี่ท่านจะกลายเป็นคนที่เหมือนคำพูดของอินคิวบัสไปแล้วนะ" 


"ตอนนี้ข้าไม่ได้สนใจเรื่องนั้นแล้วเพราะยังไงบุตรของเจ้าก็ไม่ได้เชื่อฟังข้าตั้งแต่แรก ถ้าเรื่องนี้จบเมื่อไรเจ้าจะต้องรับผิดชอบต่อเองนะอินคาทัสข้าจะไม่รับสอนพวกปีศาจอย่างพวกเจ้าอีก" 


"เอิ่ม..ข้ารู้สึกว่าเรื่องนี้มันนอกเรื่องไปใกลแล้วจากเรื่องของข้ากลายเป็นเรื่องของท่านได้ไงอาคาน่า" 


"ข้าเริ่มรู้สึกรำคาญหูแล้วสิเจ้ารีบไปเถอะอินคิวบัสอยากทำอะไรก็เชิญจะใช้พลังของตัวเองก็ได้" เจ้าตัวได้ยินแบบนั้นก็แทบจะเต้นระบำจนอินคาทัสถึงกับรีบถอดแว่นอย่างไวเผยสายตาที่ต้องมนต์จนบริวารเทวดาน้อยถึงกับเคลิ้ม 


"ไปตามใจแบบนั้นมันจะดีหรอ!" อินคาทัสหันมาถามอาคาน่าในขณะที่บุตรของตัวเองเปิดประตูเข้าไปยังโลกมนุษย์แล้ว 


"ข้าควรถามเจ้ามากกว่านะอินคาทัส..ปลดผนึกเสน่ห์จากแว่นออกมาทำไมกันเจ้าจะสร้างที่นี่เหมือนกับนรกของเจ้าหรือไงกัน!" 


"ขอโทษทีข้าใจร้อนไปหน่อย" ก่อนที่จะกลับไปสวมแว่นสายตาเหมือนเดิมจนบริวารที่โดนมนต์สะกดกลับมาเป็นปกติพร้อมกับทำหน้างุนงงว่าก่อนหน้านี้มันเกิดอะไรขึ้น 


พลังแห่งเสน่ห์นี่มันทำร้ายจิตใจได้น่ากลัวจริงๆ 


...


ดวงดาวบนท้องฟ้าระยิบระยับ เสียงลมที่พัดผ่านทำให้ความเงียบเริ่มหายไป 


แสงนีออนที่เหมือนกับอวกาศได้ปรากฏออกมาเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าก่อนที่จะมีประตูลายกามเทพโผล่ออกมา 


"อากาศที่นี่ดีจังเลยนะมันเหมาะกับการพาใครสักคนมาปาร์ตี้จนถึงเช้า" พร้อมกับก้าวออกมาจากในประตูในสภาพเสื้อตัวเดียวเปิดไหล่ข้างนึง ผมสีเงินเป็นประกายที่เข้ากับนัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเล 


หางตาสีเงินมองดูมนุษย์ที่นอนตายสภาพอนาถาเหมือนกบที่โดนเกวียนเหยียบจนแบน ทั้งที่บ้านออกจะรวยทำไมถึงได้คิดสั้นได้น่าสมเพชเช่นนี้ 


บ่นในใจของตัวเองเสร็จก็เตรียมท่าพร้อมกระโจนเข้าใส่ในท่าโลมาเล่นน้ำ 


เฮือก! 


ผมตื่นขึ้นมาก็พบว่ามันเช้าแล้วก่อนที่จะโล่งอกที่เมื่อคืนมันเป็นแค่ความฝัน เทวดา พระเจ้า กามเทพ ยมบาลมันจะไปมีจริงได้ยังไงกันล่ะเพราะถ้าไม่งั้นผมคงมีแฟนไปตั้งนานล่ะ 


ลุกขึ้นมาในสภาพเสื้อยืดตัวเดียวเพื่อที่จะไปอาบน้ำก่อนจะอาบก็ต้องแก้ผ้าออกก่อน "เชี่ย!" ถึงกับตกใจกับใบหน้าของตัวเองในกระจกเพราะพอดูดีๆ อย่างตั้งใจแล้วหน้าผมมันออกไปทางหวานแถมเส้นผมก็ยังเป็นสีขาวออกเงินๆ เทาๆ ผมก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน "ปกติเป็นคนน่าเอาแบบนี้เลยอ่อ? แหม~ อยากแยกร่างได้เพื่อที่จะมาเอาตัวเองเลยอ่ะ~ แถมตอนนี้หนอนก็กลายร่างเป็นมังกรแล้วมันต้องเป็นผลจากการที่ช่วยตัวเองมาห้าสิบครั้งในทีเดียวนั่นแน่ๆ เลย!" 


หลังจากที่ผมอาบน้ำเสร็จผมก็แต่งตัวในชุดลำลองเพราะที่มหาลัยนี้ไม่ได้มีกฏต้องใช้ชุดนักศึกษา ถ้าชอบแนวอยู่ในโลกทะเลทรายที่ร้อนระอุจะใส่เป็นชุดนักศึกษาก็ไม่มีใครว่า 


ผมเลือกใส่เสื้อหนาวที่ดูเหมือนร้อนแต่ความจริงมันไม่ได้ร้อนเพราะเนื้อผ้ามันระบายได้ ส่วนกางเกงก็เป็นวอร์มที่มันออกแนวพวกฮิปฮอปเขาใส่กันและไม่ลืมที่จะใส่แมสด้วยเพราะเป็นภูมิแพ้อากาศแต่เป็นแนวแฟชั่นมันจะได้ดูไม่เหมือนคนป่วยตลอดเวลา 


ส่วนรองเท้าก็ผ้าใบปกตินั่นแหละไม่ได้เวอร์วังอะไร 


เปิดประตูเลื่อนที่เป็นกระจกใสจนเห็นไปถึงข้างในจนคนในห้องหันมามองเป็นตาเดียวทำอย่างกับไม่เคยเห็นจนกระทั่งผมเดินมาถึงโต๊ะของตัวเอง 


"วันนี้มึงมาไม่เหมือนเดิมนะอิค แฟชั่นคนป่วยอ่อมีใส่แมสด้วยทั้งที่โคควิดหายไปเป็นชาติล่ะ" ผมหันไปมองคนทักที่น้ำหูน้ำตาไหลแถมยังยิ้มได้อีกจนดูไม่ออกว่าเพื่อนร่วมห้องคนนี้มีความสุขหรือทุกข์กันแน่ 


"มึงว่าแต่กูนะไอ้สัส! ของมึงอกหักรอบที่เท่าไรแล้วล่ะ? แล้วรอบนี้จะเป็นวันสุดท้ายมั้ยกูจะได้เลิกเป็นหมาสักที" พอมันได้ฟังเสียงผมก็ทำหน้างงเหมือนไก่ทันที "เป็นอะไรของมึงอีกล่ะ!"


"ปกติเสียงมึงมันเป็นแบบนี้อยู่แล้วอ่อ? ก่อนหน้านี้มันเสียงแหบและแหลมกว่านี้นะเอาเป็นว่าเหมือนเสียงกะเทยนะแต่วันนี้หวานอย่างกับผู้หญิงเลยวะ"


"เสียงกูมันก็เปลี่ยนไปทุกวันแหละมึงไม่สังเกตเองไอ้เธอร์" 


"กูชื่ออาเธอร์" 


"เออเหมือนกันแหละ!" คนบ้าอะไรชื่อเล่นฝรั่งชื่อจริงคือแสงสว่างมันคล้องจองมากเลยมั้งไอ้เวร!