เมื่อผมพบคุณอีกครั้ง คุณจะไม่ได้พบผมคนเดิมอีกต่อไป อยากกลับมามากแค่ไหน กรุณาใช้ร่างกายของคุณพิสูจน์
รัก,ดราม่า,ชาย-ชาย,ไทย,วาย,bdsm,ออฟฟิศ,เจ้านายลูกน้อง,nc,18+,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เจ้านายครับ กลับมาเดตกันอีกครั้งได้ไหมเมื่อผมพบคุณอีกครั้ง คุณจะไม่ได้พบผมคนเดิมอีกต่อไป อยากกลับมามากแค่ไหน กรุณาใช้ร่างกายของคุณพิสูจน์
เมื่อ ทิพากร หนุ่มไอที ตัดสินใจปฏิเสธคำสารภาพรักของ อติกานต์ นักธุรกิจผู้เพียบพร้อม ทั้งฐานะ การศึกษา และนิสัยที่แสนอบอุ่นอ่อนโยนไป เพียงเพราะกลัวว่ารสนิยมทางเพศของตนจะถูกรังเกียจเหมือนความรักในอดีตที่เคยผ่านมา
ทั้งที่เป็นฝ่ายตัดเยื่อใย แต่กลับเอาแต่คิดถึงความอบอุ่นนั้นแล้วเก็บเอาใบหน้าหล่อเหลาของอติกานต์มาจินตนาการในยามค่ำคืน สร้างความแปดเปื้อนให้ชายหนุ่มผู้แสนดี จนกระทั่งวันหนึ่งที่ฟ้าดินลงโทษทำให้ทิพากรต้องกลับมาพบกับอติกานต์อีกครั้ง ความโหยหาทำให้ทิพากรพยายามพาตัวเองเข้าไปใกล้อีกฝ่ายอีกครั้ง พร้อมใจที่เรียกร้องถามหาโอกาสเป็นครั้งที่สอง
ไม่คิดว่าอติกานต์จะตอบรับคำขอคนใจร้ายอย่างเขา
ทว่าคำตอบรับของอติกานต์กลับไม่ใช่อ้อมกอดที่เคยอบอุ่น แต่เป็นเปลวไฟที่โหมกระหน่ำจนดวงอาทิตย์แทบต้านทานไม่ไหว อติกานต์คนที่ทิพากรเผชิญหน้าตอนนี้ ตอบสนองทุกความต้องการของทิพากรได้เกินกว่าที่ทิพากรจะจินตนาการถึง ยิ่งเห็นอีกด้านของอติกานต์ ทิพากรยิ่งอยากครอบครองเข้าใกล้ แม้ร่างกายจะถูกแผดเผาจนทรมานเพียงใดก็ตาม...
**คำเตือน**
นิยายเรื่องนี้มีการใช้คำหยาบคายในบางช่วงของเนื้อหา และบางบทสนทนาของตัวละคร
พระเอก นายเอกในเรื่อง มีรสนิยมทางเพศ คือ BDSM
และตัวนายเอก มีความชอบและถูกกระตุ้นความต้องการได้ง่ายเป็นพิเศากับการสวมใส่ ถุงน่อง และชุดนอนสตรี
ฉาก NC มีการใช้อุปกรณ์เสริม รวมถึงของเล่นของผู้ใหญ่
มีการสนทนา เชิง dirty talk ของตัวละคร
และสุดท้าย นิยายเรื่องนี้ไม่เหมาะกับผู้ที่อายุต่ำกว่า 18 ปี
หลังกลับถึงคอนโด ทิพากรใช้เวลาอยู่นานกับการออกไปนั่งเหม่อมองท้องฟ้าที่ระเบียงเล็ก ๆ ของตัวเอง ทบทวนถึงบทสนทนาที่คุณกานต์พูดเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนจะแยกกัน
“คุณทิสนใจมาทำงานกับผมไหม”
“แต่ว่า…”
“คุณเหลือสัญญาอีกกี่เดือน เขาให้เงินเดือนคุณเท่าไหร่”
ทิพากรนิ่งอึ้งกับคำถามที่ถูกยิงใส่แบบไม่ได้ตั้งตัวมาก่อน นี่เขากำลังถูกคุณกานต์ทาบทามซื้อตัวมาทำงานด้วยอย่างนั้นหรือ แล้วเขาควรจะตอบไปว่าอย่างไรดี ควรจะตอบตกลงไปเลยตามเสียงเรียกร้องในใจ หรือควรจะปฏิเสธ
“คุณกลับไปคิดก่อนก็ได้ ยังไม่ต้องตอบตอนนี้ เท่าที่ผมรู้มา สัญญาจ้างของคุณกับบริษัทนั้นกำลังจะหมดใช่ไหม ถึงเวลานั้นถ้าคุณอยากต่อสัญญากับบริษัทเดิมผมก็เคารพการตัดสินใจของคุณ แต่ถ้าคุณสนใจมาทำงานกับผม คุณจะได้ทุกอย่างมากกว่าที่คุณเคยได้จากบริษัทเก่าแน่นอน”
ตลอดวันทำงานที่เหลือทิพากรไม่ได้พบกับอติกานต์เลย เขาได้ยินมาจากเลขาของคุณกานต์ว่าเจ้าตัวบินไปดูงานที่ต่างประเทศ และน่าจะกลับมาหลังวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ซึ่งคงไม่ทันวันสุดท้ายที่เขาจะอยู่ทำงานที่นี่
ในที่สุดก็ถึงวันที่ทิพากรต้องออกจากบริษัทของอติกานต์ มีงานเลี้ยงจบโปรเจกต์เล็ก ๆ เป็นการขอบคุณทีมของเขาจากพนักงานบริษัทคุณกานต์ที่ทีมเขาได้ประสานงานด้วยบ่อย ๆ มันเป็นเพียงการทานข้าวร่วมกันมื้อเดียวในตอนเย็นวันสุดท้าย แต่กลับเต็มไปด้วยอาหารจานหรูในห้องอาหารที่ถูกจองไว้พิเศษเพื่อความเป็นส่วนตัว
“เต็มที่เลยนะคะ มื้อนี้คุณกานต์เป็นสปอนเซอร์ใหญ่ไม่จำกัดงบค่า” เลขาสาวของคุณกานต์ที่มาร่วมงานเลี้ยงด้วยพูดขึ้นในขณะที่เจ้าตัวเพิ่งสั่งอาหารหลายสิบอย่างไปอย่างกระตือรือร้น
กว่างานเลี้ยงเล็ก ๆ จะจบลงก็กินเวลาไปเกือบสี่ทุ่ม เพราะเลขาสาวสั่งไวน์หรูมาชนแก้วฉลองอีกขวดใหญ่ ทิพากรดื่มไปเพียงเล็กน้อยก็ขอตัวกลับปล่อยให้คนที่ยังสนุกกับการดื่มได้สนุกสนานกันต่อไป
เมื่อออกมาจากงานเลี้ยงทิพากรไม่ได้ตรงกลับคอนโดทันทีตามที่ได้เอ่ยอ้างกับคนอื่น ๆ ในงานเลี้ยง เขาแวะมาเดินเล่นที่สวนสาธารณะไม่ไกลจากคอนโด หาจุดที่ไม่เปลี่ยวมากนักนั่งปล่อยเวลาไปกับการเหม่อมองท้องฟ้ายามค่ำของเมืองหลวง แสงไฟสว่างไสวจากตึกสูงรอบสวนสาธารณะรบกวนความสว่างของดวงดาวจนมองไม่เห็นสักดวง ทั้งที่เป็นแบบนั้นทิพากรก็ยังคงมองไปบนท้องฟ้าว่างเปล่าไม่ละไปไหน
ในหัวยังคงรู้สึกสับสนกับข้อเสนอของอติกานต์ว่าตัวเขาควรจะตัดสินใจเลือกแบบไหนดี แม้มันจะดูเป็นโอกาสที่ดี แต่การเปลี่ยนงานก็ไม่ใช่เรื่องที่ตัดสินใจได้ง่าย ๆ ในเวลาอันสั้น โดยเฉพาะเมื่อมันเกี่ยวข้องกับ...คุณกานต์
ทิพากรถอนหายใจยาวก่อนจะก้มลงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาไล่ดูรายชื่อแล้วกดโทรออกไปหาเพื่อนสนิท
(ฮัลโหล เล้ง)
(ไอ้ทิ นี่นายรู้เวลาไหมเนี่ย นี่มันจะเที่ยงคืนแล้วนะโว้ย) เสียงอีกฝ่ายดูง่วงงุนเหมือนเพิ่งเข้านอนได้ไม่นาน ถึงแบบนั้นก็บ่นคนที่โทรมากวนเวลานอนออกมาจนคล่องปาก
(ปกติไม่เห็นเคยนอนไวกว่าตีสาม)
(ก็วันนี้ฉันง่วงเร็ว ก็นอนเร็ว แปลกมากหรือไง แล้วนี่มีอะไร)
(ขอโทษที มีเรื่องจะปรึกษาน่ะ)
พอได้ยินคำนี้ ปลายสายก็ตื่นเต็มตา การที่ทิพากรมีเรื่องจะปรึกษาใครสักคนไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นได้บ่อย ๆ เพราะเพื่อนสนิทคนนี้เป็นคนที่ชอบเก็บเรื่องต่าง ๆ ไว้ในใจเพียงคนเดียวมาเสมอ หากได้เอ่ยปากพูด รับรองได้ว่าต้องเป็นเรื่องที่อีกฝ่ายคิดจนหมดหนทางแล้วแน่ ๆ
(ว่ามาเลย ฉันพร้อมฟังล่ะ) ทิพากรสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนพูด
(เจ้าของบริษัทลูกค้าเราน่ะ...เขาชวนเราไปทำงานด้วย)
(ห๊ะ!? เฮ้ย! นั่นไงเราบอกแล้วว่าคนฝีมือดีอย่างทิต้องโดนซื้อตัวแน่นอน) เสียงเล้งดังจนทิพากรต้องยกโทรศัพท์ออกจากหูเล็กน้อย
(...)
(แล้วเขาเสนออะไรให้บ้าง)
ทิพากรเล่าข้อเสนอทั้งหมดให้ฟัง ทั้งเงินเดือนที่สูงขึ้น สวัสดิการที่ดีกว่า และโอกาสในสายงานที่น่าสนใจ เว้นแต่เรื่องที่ว่าคนเอ่ยชวนไปทำงานด้วยเป็นคนเดียวกับที่เคยมาสารภาพรักกับเขาแล้วครั้งหนึ่งแล้วยังถูกเขาปฏิเสธไปพร้อมกับที่เขาหลบหน้าหลบตาหนีหายมาเกือบปี
เล้งฟังแล้วก็รีบพูดทันที
(ไอ้ทิ ต้องรับแล้วล่ะ! ที่เดิมเขาใช้งานนายหนักแล้วยังจ่ายไม่คุ้ม แถมความคิดเจ้าของบริษัทก็แย่ขนาดนั้น นี่ถือว่าเป็นข้อเสนอที่ดีมาก ๆ เลยนะ ไม่น่าต้องโทรมาถามเราเลย เป็นเรานะ เราตอบตกลงไปตั้งแต่เขาพูดจบแล้วทิเอ๊ย)
ทิพากรเงียบไปครู่หนึ่ง เล้งจึงเสริมต่อ
(แล้วนายจะลังเลข้อเสนอดี ๆ แบบนี้ไปทำไมอีกวะ?)
(ก็...มันเร็วไปปะวะ อีกอย่างเราไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ถึงได้ทาบทามเราไปทำงานด้วย)
(คิดอะไรล่ะ? เขาเห็นว่านายมีความสามารถเลยอยากดึงตัวไปทำงานด้วย ก็แค่นั้น)
ทิพากรไม่ตอบอะไร ที่เพื่อนเขาพูดมีเหตุผล แต่ลึก ๆ แล้ว...ทิพากรก็อดคิดไม่ได้ว่ามันยังมีเหตุผลบางอย่างที่เขาเองก็อธิบายไม่ถูก
(มึงไปนอนคิดดี ๆ แล้วกัน) เล้งตัดบท (แต่เราบอกเลย ถ้านายพลาดโอกาสนี้นะ เจอเราบ่นไปอีกสามปี)
(อือ รู้แล้ว ๆ)
(ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม งั้นวางสายนะ ง่วงจะตายห่าแล้ว)
หลังวางสาย ทิพากรยังคงนั่งคิดนอนคิดตลอดทั้งคืน มองเพดานห้องพลางไตร่ตรองทุกอย่างซ้ำไปมา เขาไม่เคยคิดว่าจะได้รับข้อเสนอที่ดีแบบนี้ และที่สำคัญข้อเสนอนี้มาจากอติกานต์ คนที่เขาเคยผลักให้ไปอยู่ไกลเกินเอื้อมทั้งที่อยากกอดเก็บเอาไว้ติดกายทุกค่ำคืน
สุดท้าย ทิพากรก็ได้คำตอบของตัวเองในเช้าของวันหยุดอีกวัน
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดเบอร์ของอติกานต์ ตัวเลข 10 ตัวที่เขาไม่เคยลืมเลยสักวัน เสียงรอสายดังในโสตประสาทอยู่พักใหญ่ก็ยังไม่มีคนรับสาย ดวงตากลมจึงหันไปมองนาฬิกาดิจิตอลที่หัวเตียง
6:00 A.M.
ฉิบหายแล้ว เช้าขนาดนี้คุณกานต์อาจจะยังนอนพักผ่อนอยู่ก็ได้ วันนี้ก็น่าจะเป็นวันหยุดของคุณกานต์เช่นกัน ทิพากรตกใจที่ตนเสียมารยาทจนโทรหาว่าที่เจ้านายคนใหม่แต่เช้าตรู่ในวันหยุด กำลังจะกดวางสายสัญญาณฝากข้อความเสียงก็ดังขึ้น เขาลังเลเล็กน้อยก่อนตัดสินใจฝากข้อความเสียงเอาไว้แทน
“คุณกานต์ครับ ผมคิดเรื่องข้อเสนอของคุณแล้ว...ผมตัดสินใจจะรับมันนะครับ”
ทิพากรคิดประโยคคำพูดได้เพียงเท่านั้นก็รีบกดวางสาย ร่างเล็กถอนหายใจอย่างโล่งอก นี่อาจเป็นก้าวสำคัญในชีวิตเขาก็ได้
แต่เขายังไม่รู้เลยว่า...ก้าวนี้จะพาเขาไปสู่เรื่องราวแบบไหนต่อไป
แต่ที่ทิพากรค่อนข้างมั่นใจเลยก็คือ เส้นทางใหม่ครั้งนี้เขาต้องเตรียมรับมือกับความรู้สึกของตัวเองให้ดี เพราะทันทีที่บอกการตัดสินใจออกไป เมื่อเขากลับออกมาจากการอาบน้ำแต่งตัว ข้อความแจ้งเตือนที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือจากว่าที่เจ้านายคนใหม่ก็พาให้ใจที่สงบนิ่งแล้วกลับมาเต้นแรงราวกับเขากำลังขึ้นรถไฟเหาะอีกครั้ง
นิ้วเรียวนิ่งค้างอยู่เหนือหน้าจออยู่พักใหญ่ ก่อนที่เจ้าของโทรศัพท์จะสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วกดเปิดข้อความเสียงที่ถูกฝากเอาไว้
(ดีใจที่ได้ยินคำว่าตกลงจากคุณทินะครับ หวังว่าเราจะเข้ากันได้ดี ว่าแต่...วันหยุดทั้งทีทำไมตื่นเช้านักล่ะครับ)