เกมที่พ่อทิ้งไว้...ลูกเต๋าที่ไม่เคยกลิ้งเองได้...และโลกที่ไม่มีปุ่มเซฟ — เขาแค่ทอยลูกเต๋า แต่มันกลับเปลี่ยนทั้งชีวิต!
แฟนตาซี,ตะวันตก,ลึกลับ,ผจญภัย,ยุคกลาง,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เผลอหลุดไปในโลก DNDเกมที่พ่อทิ้งไว้...ลูกเต๋าที่ไม่เคยกลิ้งเองได้...และโลกที่ไม่มีปุ่มเซฟ — เขาแค่ทอยลูกเต๋า แต่มันกลับเปลี่ยนทั้งชีวิต!
เช้าวันที่สดใส ท้องฟ้าปลอดโปร่ง มีเฆมจำนวนมากลอยอยู่ทั่วท้องฟ้าบังแสงแดดที่กระทบลงบนพื้นถนน นกตัวเล็กๆสองตัวยืนเกาะบนต้นไม้ ส่งเสียงร้องของวันใหม่ดังลั่น จนชายวัยทำงานลืมตาขึ้นมา เพดานห้องที่มีแสงจากหน้าต่างส่องขึ้นไปกระทบกับเพดาน ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นมานั่งบนขอบเตียง สภาพห้องค่อนข้างเป็นระเบียบ มีชั้นวางของเล่นราคาแพงอยู่เป็นจำนวนมากกับบอร์ดเกมที่วางอยู่ในตู้ที่ไม่สูงมาก
"เห้ออ~ เช้าแล้วเหรอ" ชายวัยทำงานหันไปมองที่หน้าต่างที่มีผผ้าม่านปิดอยู่ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นไปเปิดไปเปิดผ้าม่าน ทำให้แสงแดดอ่อนๆกระทบลงบนหน้า กับต้นไม้ที่ใบไม้พริ้วไหวตามสายลมอ่อนๆ
หลังชายวัยทำงานยืนดูอากาศภายนอก แชทในมือถือเด้งขึ้นมา กลุ่มเพื่อนๆของชายวัยทำงานทักมา
"จะไปกันกี่โมงว่ะ อยากจะไปแล้วเนี่ย แม่งเหงาว่ะ" เพื่อนของชายวัยทำงานเริ่มบ่นและอยากไปห้องชายวัยทำงานอย่างรีบร้อน
"กำลังออก แปปนึง" เพื่อนของชายวัยทำงานอีกคนที่ดูเหมือนจะออกมาจริงๆ แต่เบื้องลึกคือพึ่งตื่นและกำลังจะหลับต่อ
ชายวัยทำงานหลังเห็นแชท เขาเลยเดินไปอาบน้ำแต่งตัวรอเพื่อนๆที่กำลังมา ก่อนที่เขาจะจัดหาบอร์ดเกมที่อยู่ในตู้ เขาเริ่มหงุดหงิดแบบสุดๆเพราะบอร์ดเกมที่เหลือเป็นบอร์ดเกมที่เล่นกันไปหมดแล้ว จนเขาไปเหลือบไปเห็นบอร์ดเกม บอร์ดเกมนึงที่เก่ามากๆอยู่ ซึ่งเขาก็จำได้ว่า เป็นบอร์ดเกมแรกที่พ่อซื้อให้เขาในวัยเด็ก ก่อนที่พ่อเขาจะเสียไป แล้วก็ไม่ได้เล่นอีกเลย หลังเขาเห็นบอร์ดเกมนั้น เขาเลยเอื้อมมือไปหยิบออกมาจากส่วนในลึกสุดของตู้ เขาดึงออกมาอย่างทะนุทะนอม เขานั่งดูกล่องบอร์ดเกมนั้นแล้วนั่งเผลอคิดถึงคนเป็นพ่อที่เสียไปมาหลายปี เขาได้เปิดกล่องออกมากับฝุ่นจำนวนฟุ้งพุ่งใส่หน้าของเขาจนเขาจามออกมา
"ฮัดชิ้ว อะ..หหหื๋มม ฝุ่นเยอะจัดเลย" ชายวัยทำงานนั่งบ่นก่อนจะนั่งดูของข้างใน ของยังสมบูรณ์ไม่มีการพังเสียหาย ถึงจะผ่านมาหลายปีแล้วก็ตาม
เขาได้หยิบของต่างๆมานั่งดู พร้อมความทรงจำในสมัยเด็กที่น่าคิดถึงที่นั่งเล่นอยู่กับคนเป็นพ่อ พร้อมกับทำให้ความคิดถึงของความสนุกตอนนั้นได้เลือนเข้ามาในหัว เขาได้ตัดสินใจที่จะเล่นบอร์ดเกมนี้ในวันนี้ เขาลุกขึ้นแล้วไปที่เตียงแล้วเอาบอร์ดเกมนั้นวางไว้ที่โต๊ะกลางห้อง หนักการเมืองลังรอเพื่อนเป็นเวลานาน จนเขาเผลอหลับไปบนเตียง เขาฝันเห็นผู้หญิงตัวสูงยืนหันหลังให้เขาอยู่ เธอคนนั้นใส่ชุดที่ดูเหมือนสมัยมียุคกลาง แต่ดูไม่เหมือนชุดในโลกความจริงเลย เธอมีผมสีออกบรอนซ์ผมยาวสลวยสวยงามเด่นชัด ขาเรียวสวยงาม สีผิวขาวเงางามอย่างกับดูแลผิวและขัดมาอย่างดี
"เอ่ออ... คุณคือใครเหรอครับ" ชายวัยทำงานเอ่ยปากถามคนที่อยู่ตรงข้ามก่อนที่เขาเริ่มแปลกใจที่เขารู้สึกตัวได้เหมือนในชีวิตจริง
"ท่านต้องไปแล้วนะท่านนักรบ ฉันขอฝากโลกนี้ด้วยนะ" หญิงตรงหน้าเอ๋ยปากพูดออกมาก่อนจะหันข้างที่ทำให้ชายวัยทำงานเห็นหางตาของผู้หญิงคนนั้น
"เห้ย!! เดี๋ยวซิ!!" ชายวัยทำงานอุทานออกมาก่อนจะเหมือนจะวิ่งกับยื่นมือจะไปจับตัวของผู้หญิงตรงหน้า แต่เขาดันตื่นขึ้นมาก่อน แต่สิ่งที่เขาเห็นตรงหน้าตอนตื่นขึ้นมาดันไม่ใช่ห้องที่เขารู้จัก
เขาลืมตาตื่นขึ้นมาก่อนจะเห็นผู้หญิงคนนึงในท่าทางกลับหัวกับหมวกฟางที่อยู่บนหัว เขาตกใจเป็นอย่างมากก่อนที่เขาจะลุกขึ้นมานั่งพร้อมกับถอยห่างจากผู้หญิงคนนั้น เขาได้สังเกตลำตัวตัวเองว่าเขาตัวสูง ใส่เสื้อผ้าที่ดูเหมือนจะเป็นเสื้อผ้าที่ทำมาจากขนสัตว์ ก่อนจะเงยหน้ามองผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงคนนั้นยิ้มตาแทบปิดให้อย่างไม่มีพิษภัยก่อนที่จะพูดอะไรสักอย่าง เป็นภาษาที่แปลกและไม่เหมือนคนทั่วไปพูดกัน ก่อนที่ชายวัยทำงานได้ยินเสียงดีดนิ้วข้างหูขวาตัวเองจนเขาตกใจหันไปมอง แต่ไม่มีใครอยู่พร้อมเขาได้เห็นป่าที่อยู่ไกลสุดลูกหูลูกตา ทำให้เขาค่อยๆลุกขึ้นช้าๆแล้วมองรอบๆตัวเอง เขาได้เห็นทุ่งหญ้าเขียวขจีที่กว้างใหญ่จนสุดป่า ลมพริ้วไหลจนรู้สึกได้ถึงแรงลมที่กระทบกับร่างกายตัวเอง
"น่าแปลกจังเลยนะคะท่านนักรบ" ผู้หญิงคนที่พึ่งเอ่ยปากออกมา พร้อมกับชายวัยทำงานตกใจเลยหันไปมองผู้หญิงคนนั้นและแปลกใจที่ตัวเองรับรู้ถึงภาษาของผู้หญิงคนนั้นได้
"เอ่อคุณคือ....."ชายหนุ่มชักถาม ผู้หญิงยิ้มให้ก่อนจะเอ่ยปากแนะนำตัวทันที
"ฉันชื่อ นาวี ค่ะ เป็นชาวสวนของที่นี่คะ แล้วท่านนักรบละคะ มาทำอะไรในที่แบบนี้เหรอค่ะ และก็คำพูดแปลกๆมากเลยนะคะ" หลังแนะนำตัวเสร็จ นาวีเลยชักถามและขำในคำพูดชายหนุ่มที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน ก่อนที่ชายวัยทำงานเลิ่กลั่กไปสักพักแล้วค่อยเริ่มแนะนำตัวแบบตะกุตะกะ
"อะเอ่อ ผมชื่อ เอ่ออ..." ชายหนุ่มยืนครุ่นคิดว่าจะเอาชื่อของตอนนั้นหรือแสแสร้งโกหกไปกับคิดเรื่องคำพูดใหม่
"ข้าชื่อ อาเทียร์ ปะเป็น..เอิ่ม..นักรบน่ะ" ชายหนุ่มยืนยิ้มกับเหงื่อตกไปพักใหญ่ก่อนที่เขาจะรู้สึกถึงของอะไรสักอย่างในกระเป๋ากางเกงตัวเอง เขาเลยล้วงเขาไปหยิบ ทำให้พบกับถุงผ้าใบนึงที่ข้างในมีเสียงกรุกกั๊กๆ เขาเปิดออกมาเทใส่มือจนพบกับลูกเต๋าจำนวน 7 ลูก
ชายหนุ่มแปลกใจที่เขาเห็นลูกเต๋า 7 ลูกที่คล้ายคลึงกับบอร์ดเกมที่เขาเคยเล่นกับพ่อตอนเด็ก ก่อนที่เขาจะคิดไปมากกว่านี้ เขาก็โดนขัดด้วยผู้หญิงตรงหน้า
"เอ่อ ถ้าท่านไม่ติดอะไร ไปกินข้าวที่บ้านฉันก่อนได้นะคะ" ผู้หญิงตรงหน้ายิ้มให้ก่อนจะเดินนำชายตรงหน้าไป
หลังจากเดินผ่านป่าเล็กๆกับทุ่งหญ้าจนเห็นหมู่บ้านเล็กๆที่นึงที่มีคนไม่มากนัก จนเขาได้เดินเข้าไปในหมู่บ้าน เขาแปลกใจวัฒนธรรมและวิถีชีวิตที่แปลกใหม่และแตกต่างจากที่เขาเคยอยู่ ก่อนจะถึงบ้านของนาวี ที่มีลักษณะของบ้านไม้ชั้นเดียว และไม่มีขนาดใหญ่มากนัก แต่มันก็มากพอที่จะอยู่อาศัยได้
"เธออยู่บ้านคนเดียวเหรอนาวี" ชายหนุ่มเอ๋ยปากถามเพราะไม่เห็นมีใครออกมาต้อนรับเลย
"ใช่ค่ะ ฉันอยู่คนเดียวมาตลอด ตั้งแต่ท่านพ่อท่านแม่เสียไป ฉันก็อยู่คนเดียวมาตลอดเลย" นาวีมีสีหน้าที่เศร้าม่องหลังพูดถึงพ่อแม่ของตน
"งะงั้นเข้าบ้านเธอกันดีกว่านะ" ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่องทันทีหลังเห็นหน้านาวีที่เศร้า
หลังเดินเข้าในบ้านสิ่งที่รับรู้ได้เป็นสิ่งแรกคือกลิ่นของส้ม ฟุ้งในบ้านของอีกคนพร้อมกับของตกแต่งข้างในบ้านมีแต่สิ่งที่เป็นไม้ล้วนก่อนมองไปที่นาวี นาวีเดินเข้าไปในครัว ชายหนุ่มยืนดูนาวีทำอาหารห่างๆก่อนเห็นว่า นาวีกำลังใช้ลูกเต๋าหน้า 20 ในการทอย พร้อมกับกระทะเหล็กที่มีเนื้อกับข้าวอยู่ในกระทะ นาวีทอยออกมาได้ 10 กระทะเริ่มขยับ ไฟเริ่มติด ชายวัยทำงานแปลกใจที่นาวีไม่ได้ทำอะไร ทำได้แต่ทอยลูกเต๋าครั้งเดียวแล้วปล่อยให้กระทะกับไฟทำตามเมนูในหัวของนาวี หลังจากผ่านไปได้ไม่นาน นาวีเดินออกมาพร้อมกับจานที่มีเนื้อวัวอยู่ สีสวยสดงมงามน่ากิน ก่อนที่ชายหนุ่มเอ๋ยปากถาม
"ที่เมื่อกี้ทำคืออะไร ไอ้ลูกเต๋าอะไรนั้น" นาวีนั่งกินข้าวอยู่ก่อนจะหันไปมองอีกคนที่เอ๋ยถามมาก่อนจะกลืนอาหารแล้วเอ๋ยปากบอกอีกคน
"นี่ท่านไม่รู้จริงๆเหรอคะ เขาก็กันแบบนี้เป็นปกตินะ" ชายหนุ่มอึ้งไปพักนึงก่อนจะเอ๋ยปากถามอีกข้อนึง
"เอ่อ ขอโทษที ฉันว่ามันแปลกนะ แต่ว่า เธอเจอฉันได้ยังไงกับเธอรู้ได้ไงเหรอว่าฉันเป็นนักรบน่ะ" นาวีมองหน้าอีกคนก่อนจะอ้าปากจะบอกอะไรสักอย่างแต่ไม่ได้พูดอะไรก่อนจะนั่งคิดไปแปปนึงก่อนจะเอ๋ยปากบอกอีกคน
"คือฉันกำลังจะไปเก็บของป่านะ แล้วไปเจอท่านนอนอยู่เลยว่าจะไปดูว่าเป็นอะไรมั้ย และทำไมฉันถึงรู้ว่าท่านเป็นนักรบงั้นเหรอก็ตรงหน้าผากของท่านมีรอยสักที่เป็นของนักรบนะสิ" นาวียิ้มเบาๆก่อนจะเอ๋ยปากถามกลับ
"ท่านแรงท์ผจญภัยอะไรเหรอ"ชายหนุ่มทำสีหน้างงๆก่อนจะเอ๋ยปากถามอีกคนด้วยสีหน้าที่งงแบบสุดๆ
"มันดูยังไงเหรอ แฮร่ๆ~"ชายหนุ่มยิ้มเบาๆ นาวีนั่งมองอีกคนก่อนจะเอ๋ยปากบอก
"ก็ต้องไปดูที่กิลด์ผจญภัยนะสิคะ".ชายหนุ่มนั่งมองตาปริบก่อนจะเอ๋ยปากคำขอบคุณให้อีดคน
"ขอบคุณมากๆเลยนะนาวี"
หลังจากรับประทานอาหารที่บ้านของนาวีเสร็จเลยขอตัวออกไปที่กิลด์ผจญภัย ก่อนจะถึงกิลด์ผจญภัย เขาผลักประตูเข้าไปจนเห็นนักผจญภัยที่มีไม่มาก กำลังนั่งคุยอะไรสักอย่างอยู่ เขาเดินไปหาผู้ชายคนนึงที่โต๊ะทำการ
"คุณเป็นผู้ดูแลกิลด์นี้ใช่มั้ย"ชายหนุ่มเอ๋ยถามชายร่างสูง
"ใช่ข้าเป็น มีอะไรให้ข้ารับใช้มั้ย" ชายร่างสูงเสียงตะโกนดังลั่นที่ทำการ แต่คนนั้นชินกับแบบนี้แล้ว เลยไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"ข้ามาดูแรงท์ผจญภัยของข้านะ ช่วยตรวจสอบให้หน่อยได้มั้ย" ชายหนุ่มเงยหน้ามองชายสูงร่างยักที่ยืนกอดอกอยู่ก่อนจะเอ๋ยปากบอก
"ได้เลยสหายข้าจะตรวจสอบให้ แต่ว่าชื่ออะไรเหรอหื้ม"ชายร่างสูงเอ๋ยปากถามก่อนจะหันหลังไปหาอีกคนหาเอกสาร
"ข้าชื่อ อาเทียร์" หลังจากรอมาได้สักพัก ชายร่างสูงหันมาหาก่อนจะบอกว่า
"โทษทีนะ มันไม่มีชื่ออาเทียร์ในรายชื่อแรงท์ เท่ากับว่า เจ้าพึ่งเริ่มสินะ"ชายร่างสูงกอดอกแล้วมองอีกคน
"แล้วทำไงถึงจะมีแรงท์ผจญภัยละ".เอ๋ยปากถามชายร่างสูง
"เจ้าต้องได้รับการฝึกฝนการเป็นนักผจญภัย และฝึกวิชาดาบก่อน ถึงจะมีแรงท์ ซึ่งทางหมู่บ้านเรามีแค่ที่เดียวคือ บ้านที่อยู่หลังเขา เขาชื่อว่า ท่าน รูเดอร์ เป็นปรมาจารย์ดาบ และอดีตนักรบของเมือง ฟรีดาเปีย และเขาไม่ได้สอนให้ใครง่ายๆด้วยนะสิ ไม่งั้นไม่แปลกที่เจ้าจะเห็นนักผจญภัยที่นี่น้อยมากๆ เจ้าก็ลองไปหาเขาเอานะ"ชายหนุ่มมีสีหน้าที่กลัวไม่น้อยก่อนจะกลืนน้ำลาย เฮือกใหญ่
หลังจากได้ยินคำแนะนำจากผู้ดูแลกิลด์ เขาเดินออกมาด้วยหน้าตาที่เหม่อลอยคิดอะไรไม่ออกก่อนจะยืนพิงกำแพงด้านหน้าของกิลด์ แล้วครุ่นคิดว่าจะเอาไงดี
"เอาว่ะ ยังไงมันก็มีทางเดียวเท่านั้นแหละ" ชายหนุ่มมีแรงอึดสู้ขึ้นมา สายตาของความมุ่งมั่นเริ่มต้นขึ้น