วันหนึ่งเขาได้เจอนาฬิกาเรือนหนึ่งจากร้านขายของเก่าหลังจากนั้นชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไป...

ดั่งปรารถนา - ตอนที่ 9 สารภาพ โดย คุณสีชา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ผู้ใหญ่,ข้ามเวลา,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ดั่งปรารถนา

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ผู้ใหญ่,ข้ามเวลา

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

ดั่งปรารถนา โดย คุณสีชา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

วันหนึ่งเขาได้เจอนาฬิกาเรือนหนึ่งจากร้านขายของเก่าหลังจากนั้นชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไป...

ผู้แต่ง

คุณสีชา

เรื่องย่อ

สารบัญ

ดั่งปรารถนา-ตอนที่ 1 ฉายซ้ำ,ดั่งปรารถนา-ตอนที่ 2 กลับบ้าน,ดั่งปรารถนา-ตอนที่ 3 วันแรก,ดั่งปรารถนา-ตอนที่ 4 เรื่องเล่า,ดั่งปรารถนา-ตอนที่ 5 ขอโทษ,ดั่งปรารถนา-ตอนที่ 6 เพื่อนบ้าน,ดั่งปรารถนา-ตอนที่ 7 เพื่อนใหม่,ดั่งปรารถนา-ตอนที่ 8 ความรู้สึก,ดั่งปรารถนา-ตอนที่ 9 สารภาพ,ดั่งปรารถนา-ตอนที่ 10 ห่างเหิน

เนื้อหา

ตอนที่ 9 สารภาพ

หลังจากบทสนทนาคืนนั้นจบลงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็เปลี่ยนไปจากปกติอากาศไม่ค่อยชอบที่คนตัวเล็กเข้าพูดคุยด้วย แต่วันนี้มันเปลี่ยนไปแล้วเป็นเขาเองที่เป็นฝ่ายทักหาเธอก่อน

“มาแล้วค่ะ สวัสดีค่ะคุณน้า” ฟองฝนทักทายชายหนุ่มก่อนที่หันไปสวัสดีคุณแม่ของอากาศ

“สวัสดีจ้ะ ทานอะไรมาหรือยังเดี๋ยวน้ายกของว่างมาให้นะ นั่งเล่นกับพี่เขาไปก่อนนะ” หญิงสาวมีอายุพูดก่อนจะเดินเข้าไปในตัวบ้าน

“คิดถึงหนูไหมคะ” คนตัวเล็กนั่งลงข้างกายก่อนจะเอ่ยปากถามอย่างแซวๆ

“…” ไม่มีคำตอบจากชายหนุ่มแต่หูของเขากลับขึ้นที่แดง

“โอเค๊ ไม่คิดถึงกันสินะคะ แต่หนูคิดถึงพี่นะคะ” หญิงสาวที่เห็นหูของอีกฝ่ายแดงเธอก็เริ่มหยอกเย้าอีกครั้งปรากฏว่าหูของเขานั่นแดงขึ้นกว่าเดิม

“ข... ขยับออกอีกหน่อยครับ พี่วาดไม่ถนัด” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงกระตุกกระตัก

“ก็ได้ค่ะ” ฟองฝนขยับออกตามความต้องการของชายหนุ่ม

ฟองฝนนั่งดูชายหนุ่มวาดรูปสักพักก็มีเสียงจากคุณแม่ของชายหนุ่มที่นำอาหารว่างมาเสิร์ฟ

“ของว่างมาแล้วค่ะเด็ก ๆ”

“ขอบคุณครับคุณแม่”

“หูย...น่ากินมากๆ เลยค่ะ ขอบคุณนะคะ” ฟองฝนพูดจบก็หันไปยิ้มโชว์ฟันให้แก่เธอ



เวลาผ่านพ้นไปจนถึงช่วงค่ำฟองฝนก็ขอตัวกลับบ้านตัวเอง ความจริงเธอจะกลับบ้านตัวเองตอนไหนก็ได้เพราะบ้านเธอก็อยู่หลังข้าง ๆ นี้เอง แต่ที่เธอรีบกลับบ้านนั้นก็เพราะว่าต้องการคุยสายกับหนุ่มข้างบ้านที่เธอเพิ่งกลับมา

ชายหนุ่มเคยให้เหตุผลว่าเขาต้องการให้เธอนั่งอยู่ข้าง ๆ เขาเวลาที่เขานั่งวาดรูป เธอเองก็ทำตามความต้องการของเขาอย่างว่าง่ายเพราะเธอเองก็อยากอยู่ใกล้ ๆ เขาเหมือนกัน ทุกครั้งที่เธอนั่งด้วยเขามักจะวาดรูปเงียบ ๆ ไม่ค่อยได้ชวนเธอคุย ส่วนเธอก็นั่งมองเขาจนเวลาผ่านพ้นไป

ติง!

เสียงแจ้งเตือนดังขึ้น

“อาบน้ำเสร็จแล้วครับ” หญิงสาวยกเครื่องมือสื่อสารขึ้นก็พบว่าเป็นข้อความจากหนุ่มข้างบ้าน

“โทรเลยได้ไหมคะ” ยังไม่ทันได้ตอบกลับไปหน้าจอของเธอก็เปลี่ยนหน้าต่างเป็นปุ่มให้เลือกทันที

เธอกดปุ่มสีเขียวทันที “หล่อจังเลยค่ะ”

“ไม่เห็นจะหล่อตรงไหนเลยครับ” อีกฝ่ายตอบกลับไป

“ไม่จริงอะ เขาว่ากันว่าผู้ชายหลังอาบน้ำเสร็จจะหล่อเป็นพิเศษ”

“ตอนปกติไม่หล่อเหรอครับ เห็นเรามองหน้าพี่นานอยู่นะคะ”

“นะคะอะไรกันเล่า!”

“ว่ายังไงคะ ตอนปกติหล่อไหมคะ”

“หล่อค่ะ หล่อมาก” 

ฟองฝนเล่าเรื่องที่โรงเรียนวันนี้ให้ชายหนุ่มฟัง ส่วนเขาก็ตั้งใจฟังอย่างเงียบ ๆ พร้อมพยักหน้าไปด้วย

“ฝนครับ พรุ่งนี้ว่างไหมครับ” ชายหนุ่มถามขึ้นมา

“พรุ่งนี้เหรอ? ว่างนะคะ ทำไมเหรอ?” หญิงสาวทำท่านึกพร้อมตอบกลับไป

“พรุ่งนี้พี่ว่าไปจะดูอุปกรณ์ หนูไปกับพี่ด้วยได้ไหมครับ”

“ได้เลยค่ะ”

“โอเคครับ พรุ่งนี้บ่ายสามโมงเจอกันหน้าบ้านนะครับ”

“ได้ค่ะ”

“เราไปหาอะไรทานที่ห้างก่อนดีไหมครับ พรุ่งนี้หนูอยากทานอะไรไหมครับ”

“อืม...ตอนนี้ยังคิดไม่ออกเลยค่ะ”

“ไม่เป็นไรครับ พรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกที”

“ฝันดีนะคะ”

“ฝันดีครับ”

คนนอกที่มองเข้ามาต่างก็คิดว่าทั้งคู่อาจจะเป็นคู่รักกัน ไม่ก็เป็นคนที่กำลังศึกษาดูใจเพื่อคบหากันเมื่อสังเกตจากพฤติกรรม แต่มันก็ไม่เสมอไปในเมื่อชายหนุ่มไม่ได้ให้สถานะให้แก่หญิงสาวเลย ส่วนเธอก็คิดไปไกลคิดว่าสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้คือเขากำลังมีใจให้เธอ มีเพียงเธอที่คิดอยู่ฝ่ายเดียว

.

.

.

เช้าวันรุ่งขึ้นหญิงสาวตื่นขึ้นมาปราศจากเสียงนาฬิกาปลุก

อื้อ!

เสียงบิดขี้เกียจ

เธอหยิบเครื่องมือสื่อสารขึ้นมาดูนาฬิกาพร้อมกับเห็นข้อความจากใครบางคน “มอนิ่งครับ”

เธอยิ้มก่อนจะตอบกลับข้อความนั้น “มอนิ่งค่ะ”

เป็นเวลา 10 นาฬิกาที่เธอลืมตาตื่นขึ้นมา หลังจากที่เธอตอบข้อความหญิงสาวก็เดินเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าแปรงฟันและลงไปชั้นล่างของบ้าน

“ตื่นแล้วเหรอลูก” เป็นแม่ของเธอที่ทักขึ้นมา

“สวัสดีค่ะคุณพ่อ คุณแม่” เธอเอ่ยทักทายท่านทั้งสอง

“จ๊ะ มาทานข้าวเช้ากันค่ะ”

“หนูช่วยนะคะ”

ทั้งสามนั่งทานอาหารเช้ากันพร้อมหน้าพร้อมตาถึงแม่ว่าคุณพ่อของเธอจะดื่มเพียงกาแฟดำหนึ่งแก้วเท่านั้น ระหว่างที่ทานข้าวเธอก็พูดขึ้นมาว่า “วันนี้หนูออกไปข้างนอกกับพี่อากาศนะคะ”

“ไปไหน” เป็นพ่อของเธอที่เอ่ยถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ

“ไปซื้ออุปกรณ์เป็นเพื่อนค่ะ ว่าจะไปหาอะไรทานด้วยค่ะ” เธอตอบกลับไป

“ไปตอนไหนคะลูก” เป็นคุณแม่ที่เอ่ยถามขึ้นมาบ้าง

“บ่ายโมงค่ะแม่”

“โอเคค่ะ ระวังตัวกันด้วยนะ”

“ขอบคุณนะคะ”

.

.

.

หลังจากที่ทานอาหารเสร็จแล้ว เธอก็ช่วยแม่ของเธอเก็บจานบนโต๊ะและช่วยล้างก่อนที่จะเดินขึ้นไปชั้นบนของบ้านเพื่อเตรียมตัว

ก่อนที่เธอจะไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมออกข้างนอกเธอไม่ลืมที่จะทบทวนบทเรียนสักหนึ่งบทก่อนไป หลังจากที่เธอทบทวนเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวก็จัดการตัวเองบ้าง

วันนี้หญิงสาวเลือกเสื้อผ้าที่สวยที่สุดในตู้ของเธอ โดยเธอหยิบเสื้อเดรสสายเดี่ยวสีขาวตัวยาวถึงจะดูเรียบง่ายแต่ก็มีระบายตรงชายกระโปรงให้ดูมีอะไร และหยิบเสื้อคลุมไหมพรมบางสีเขียวมาสวมทับอีกหนึ่งชั้น เธอแต่งหน้าอ่อน ๆ โดยปัดแก้มสีแดงให้ดูเหมือนเลือดฝาดและทาริมฝีปากด้วยลิปสติกสีชมพูอ่อนที่ดูธรรมชาติ พร้อมดัดขนตาและปัดมาสคาร่าเพิ่มเติม มันทำให้หญิงสาวดูตากลมโตน่ารักมากขึ้น

ฟองฝนมองตัวเองในกระจกและยิ้มให้ตัวเอง ก่อนที่จะหยิบถุงเท้าสีขาวลูกไม้มาสวมใส่วันนี้เธอตั้งใจจะสวมรองเท้าเมรี่เจนสีดำที่กำลังเป็นเทรนด์อยู่ตอนนี้

หลังจากที่ที่มองกระจกจนพอใจเธอก็หยิบกระเป๋าผ้าสีเขียวอ่อนขึ้นมาแขวนไว้บนบ่าและเดินลงไปข้างล่าง หญิงสาวออกไปรอเขาหน้าบ้าน เพื่อรอเวลานัด หญิงสาวเปิดกล้องในเครื่องสื่อสารขึ้นมาเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยอีกครั้งก่อนจะตกใจเพราะมีใครบางคนเข้ามาอยู่ข้างหลังเธออย่างไม่ให้สุ้มให้เสียง

“พี่อากาศ! ตกใจหมดเลย” หญิงสาวพูดขึ้นก่อนที่จะหันหลังมองหาชายหนุ่ม

“หึ” เขาหัวเราะ

“พี่มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะเนี่ย” เธอถาม

“เมื่อกี้เลยครับ เห็นเรามัวแต่ดูมือถือเลยไม่ได้ทักน่ะ ว่าแต่เราดูอะไรอยู่เหรอ พี่ดูด้วยคนสิ” พูดจบเขาก็ชะโงกมองเข้าไปในมือถือของเธอ

“ไม่ได้ดูอะไรสักหน่อย” เธอชักมือถือเข้าหาตัวเอง

“หึ แต่งตัวน่ารักจังเลยครับวันนี้” ชายหนุ่มมองเธอและพูดชม

“ขอบคุณนะคะ” เธอตอบอย่างขวยเขิน

“ครับผม” ชายหนุ่มพูดก่อนที่เอื้อมมือไปขยี้หัวของเธอของมันเขี้ยว

“โอ๊ย! พี่อากาศ หัวยุ่งหมดเลย!”

“หึ จริงด้วยพี่ขอโทษนะครับ” เมื่อเห็นว่าผมของหญิงสาวนั้นยุ่งเหยิงก็ยิ่งชอบใจเข้าไปใหญ่ก่อนที่จะช่วยเธอจัดทรงผมให้เป็นการขอโทษ

“เราหิวหรือยัง?” ชายหนุ่มถามคนข้างกาย

“ยังไม่ค่อยเลยค่ะ พอดีหนูเพิ่งทานข้าวเช้าไปตอนสิบโมงยังรู้สึกไม่ค่อยหิวเลยค่ะ พี่ละคะหิวหรือยัง?” หญิงสาวตอบกลับไปและถามเขากลับ

“ยังเหมือนกันเลยครับ พี่เองก็เพิ่งทานข้าวไป” ชายหนุ่มมองตาหญิงสาวก่อนจะตอบกลับไป

หญิงสาวรีบหลบตาก่อนจะถามว่า “แล้วเราจะไปเลือกของเลยไหมคะ?”

“อืม...พี่ว่ายังก่อนดีกว่าครับ เมื่อคืนมีร้านนี้ขึ้นมาพี่คิดว่าเราน่าจะชอบ” พูดจบก่อนจะยื่นเครื่องมือสื่อสารในมือให้หญิงสาวดู

“น่าไปจังเลยค่ะ” เธอดูในสิ่งที่เขายื่นให้ก่อนที่จะยิ้มร่า

“งั้นเราไปร้านนี้ก่อนและค่อยไปเลือกซื้อของกันนะครับ”

“ได้เลยค่ะ ว่าแต่เราจะไปกันยังไงคะ?”

“นั่นสิ เดี๋ยวพี่เรียกรถแล้วกันครับ ตอนนี้แดดแรงแล้ว” ชายหนุ่มตอบกลับไปก่อนที่จะหยิบมือถือและเรียกรถโดยสารในแอปพลิเคชัน

.

.

.

หลังจากที่ทั้งคู่กลับมาจากร้านพวกเขาทั้งสองก็นั่งรถมายังร้านขายอุปกรณ์เครื่องเขียนที่ไม่เพียงมีแต่อุปกรณ์เครื่องเขียนเท่านั้นแต่ยังรวมอุปกรณ์ที่ใช้ในการวาดรูปต่าง ๆ อีกด้วย

เมื่อถึงรถมาจอดถึงหน้าร้านพวกเขาก็ลงจากรถ “ขอบคุณนะครับ” ชายหนุ่มเอ่ยขอบคุณที่มาส่งมาสวัสดิภาพ

[Fong fon’ s part]

“ก่อนจะลงจากรถฉันได้ยินพี่อากาศเอ่ยขอบคุณลุงที่ขับรถพาเรามาส่งอย่างสวัสดิภาพ เมื่อได้ยินฉันยิ่งรู้สึกชอบพี่เขายิ่งขึ้นไปอีก ตั้งแต่ได้เริ่มคุยกับพี่อากาศฉันก็ค้นพบว่าเขาเป็นผู้ชายที่อยู่ในอุดมคติของฉัน ทั้งนิสัยดี พูดเพราะแถมไม่พูดจาดูถูกคนที่ทำงานบริการ อย่างวันนี้ที่ไปร้านอาหารด้วยกัน เมื่อพนักงานมาเสิร์ฟอาหารเขาก็เอ่ยขอบคุณ พอเป็นแบบนี้แล้วยิ่งอยากจะรีบบอกความรู้สึกของฉันให้เขาได้รับรู้ในเร็ววัน แต่ฉันเองก็ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ฉันคิดนั้นเขาจะคิดเหมือนกันหรือเปล่า”

ร้านขายอุปกรณ์เครื่องเขียนร้านนี้เป็นร้านที่หญิงสาวเจอกับชายหนุ่มเป็นครั้งแรก วันนั้นเป็นวันที่เธอตั้งใจมาซื้ออุปกรณ์การเรียนใหม่เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเรียนที่ใหม่หญิงสาวเลือกซื้อของอย่างตั้งใจก่อนที่เธอจะเห็นชายหนุ่มผู้หนึ่งกำลังเลือกซื้อของอย่างตั้งใจ เธอยืนมองเขาผ่านชั้นวางของอยู่นานจนลืมความตั้งใจแรกของตัวเอง

หญิงสาวเหมือนอยู่ในภวังค์อยู่ชั่วขณะก่อนที่จะได้ยินเสียงเรียกจากแม่ของเธอทำให้เธอหลุดออกจากภวังค์นั้นก่อนจะเดินไปหาแม่ของเธอ หญิงสาวรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้เข้าไปทำความรู้จักกับเขา แต่เหมือนว่าสวรรค์จะเข้าข้างเธอ

ในวันที่เธอไปทักทายเพื่อนบ้านเธอก็พบว่าชายที่เธอเจอในวันนั้นกลายมาเป็นพี่ชายข้างบ้านของเธอ หลังจากนั้นหญิงสาวก็ตั้งมั่นที่จะเข้าหาเขาให้ได้

.

.

.

เวลาล่วงเลยมาถึงช่วงเย็นทั้งคู่เลือกซื้อของเสร็จแล้วและตั้งใจที่จะเดินกลับเพราะร้านนี้อยู่ไม่ไกลจากบ้านของพวกเขามากนัก

“วันนี้เป็นไงบ้าง สนุกไหมครับ” เดินด้วยกันสักพักชายหนุ่มก็เอ่ยถาม

“สนุกมากค่ะ หนูชอบมาเที่ยวกับพี่มาก ๆ เลย ไว้วันหลังเรามาอีกนะคะ”

“ได้สิ” ชายหนุ่มตอบกลุ่มไปพร้อมกับยิ้มให้กับท่าทางดีใจของเธอ

“พี่คะ หนูมีอะไรจะบอกพี่ค่ะ” ทำใจอยู่นานกว่าหญิงสาวจะพูดออกมา

“ว่าไงครับ”

“หนูชอบพี่ค่ะ” ในที่สุดเธอก็พูดมันออกมา

เสียงฝีเท้าหยุดลง ชายหนุ่มมองหน้าเธอและพูดว่า “เธอยังไม่รู้จักความรักหรอก เธอเพิ่งจะอายุ 17 ปี”

“17 ปี ก็ทั้งชีวิตเราแล้วไหมคะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา

“เธอยังใช้ชีวิตยังไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ เอาอะไรมามั่นใจว่ามันคือความรัก”

“แล้วครึ่งหนึ่งของชีวิตคนเรามันต้องเท่าไหร่ พี่รู้เหรอว่าคนเราจะใช้ชีวิตไปถึงวันไหน ชีวิตเราน่ะไม่มีอะไรแน่นอนหรอก” หญิงสาวพูดพร้อมน้ำตาก่อนจะรีบสาวเท้าเดินกลับบ้านโดยที่ไม่รอเขาอีกต่อไป

‘นั่นสิ ครึ่งชีวิตของคนเรามันคือเท่าไหร่’ ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเอง

[Akat’ s part]

“ไม่ใช่ว่าผมไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่น้องบอกว่าชีวิตคนเราไม่มีอะไรแน่นอน ผมเชื่อเพราะผมเพิ่งผ่านมันมา ผมมีคนที่ผมรักมากคนหนึ่ง เราทั้งสองต่างก็สัญญาว่าจะรักกันไม่เปลี่ยนแปลงถึงแม้ว่าจะทะเลาะกันหนักแค่ไหนเราก็จะไม่ปล่อยมือกัน แต่ท้ายที่สุดแล้วเธอผู้นั้นก็ผิดสัญญาจนผมไม่สามารถศรัทธาในความรักได้อีกเลย ผมแค่กลัวว่าถ้าเกิดว่าเปิดใจอีกครั้งมันจะจบเหมือนเดิม”