วันหนึ่งเขาได้เจอนาฬิกาเรือนหนึ่งจากร้านขายของเก่าหลังจากนั้นชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไป...
รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ผู้ใหญ่,ข้ามเวลา,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ดั่งปรารถนาวันหนึ่งเขาได้เจอนาฬิกาเรือนหนึ่งจากร้านขายของเก่าหลังจากนั้นชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไป...
ตอนนี้หญิงกำลังอยู่ในห้วงความฝันอันแสนหวานมุมปากของเธอยกยิ้มเล็กน้อยนั่นอาจจะบ่งบอกว่าเธอกำลังฝันดี เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วในยามเช้าของวันใหม่ หญิงสาวที่นอนหลับสนิทอยู่บนที่นอนขยับตัวเล็กน้อยเมื่อมีเสียงรบกวนจากข้างนอก
กริ๊ง!
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น
คิ้วของหญิงเธอขมวดยุ่งเมื่อถูกรบกวนจากเสียงนาฬิกาปลุก เธอเอื้อมมือไปปิดเสียงน่ารำคาญนั่น หญิงสาวค่อย ๆ ลืมตาตื่นจากความฝันและหยิบเครื่องมือสื่อสารที่เรียกว่า 'ไอโฟน' ขึ้นมาดูเวลา
6.30 นาฬิกา
นั่นเป็นตัวเลขที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอ เธอคว่ำมันลงก่อนที่จะลุกขึ้นนั่งคุกเข่าบนที่นอนและยืดแขนขึ้นสูงเพื่อบิดไล่ความเมื่อยล้าทั้งหมด
อื้อ!
หญิงสาวเดินไปยังห้องน้ำเพื่อจัดการตัวเองอย่างสะลืมสะลือตาโดยตาของเธอนั้นยังไม่เปิดดี
หลังจากนั้นไม่นานหญิงสาวก็ยืนอยู่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้งเพื่อตรวจความเรียบร้อยของเครื่องแต่งกาย เธอมองตัวเองที่อยู่ในชุดนักเรียนหญิงมัธยมปลาย
วันนี้เป็นวันแรกที่เปิดเทอมใหม่ โรงเรียนใหม่ เพื่อนใหม่ สภาพแวดล้อมใหม่ ตอนนี้ทุกอย่างใหม่หมดเลยสำหรับเด็กสาวอายุสิบเจ็ดอย่างเธอ มันยากที่จะยอมรับการเปลี่ยนที่กระทันหันในครั้งนี้เธอยังรู้สึกคิดถึงเพื่อนเก่าที่โรงเรียนเดิมของเธออยู่
เมื่อตรวจความเรียบร้อยเสร็จแล้วหญิงสาวหยิบกระเป๋านักเรียนที่วางไว้และสะพายมันก่อนที่จะเปิดประตูและลงไปข้างล่างของตัวบ้าน
หญิงสาวหยิบแซนวิชบนโต๊ะที่แม่ของเธอทำไว้ก่อนจะเอามันเข้าปาก
“สวัสดีตอนเช้าค่ะคุณแม่” หญิงสาวเอ่ยทักทาย
“อ้าว...ลงมาแล้วเหรอ”
“ค่ะ คุณพ่อล่ะคะ?” เธอถาม
“คุณพ่อรอลูกอยู่ข้างนอกนู้นน่ะ รีบเร็วเข้าเดี๋ยวจะพาลให้คุณพ่อเข้างานสาย”
“ค่ะ”
ฟองฝนเดินไปทิ้งซองแซนวิชลงถังขยะก่อนจะเดินไปสวมรองเท้าบริเวณหน้าประตูบ้านและเดินออกจากบ้านเพื่อไปยังรถที่พ่อของเธอนั้นเปิดเครื่องรอก่อนจะที่เปิดประตูรถหญิงสาวดันไปมองเห็นชายหนุ่มเพื่อนข้างบ้านยืนรดน้ำต้นไม้อยู่
“พี่อากาศคะ!” หญิงสาวเรียกเสียงดังและโบกมือทักทาย
“…” ชายหนุ่มหันไปมองตามเสียงนั่นด้วยหางตาก่อนที่จะกลับมาสนใจต้นไม้ตรงหน้าดังเดิม
“อ่าว...”
เมื่อเห็นท่าทางของชายหนุ่มรอยยิ้มที่แสนสดใสนั้นก็หุบยิ้มทันที ริมฝีปากล่างของเธอยื่นออกมาเล็กน้อยเมื่อเธอรู้สึกน้อยใจ
“คุณพ่อสวัสดีค่ะ” ฟองฝนเปิดประตูรถและทักทายพ่อของเธอ
“อื้อ!”
เมื่อตรวจความเรียบร้อยเสร็จแล้วคุณพ่อก็ออกรถทันทีโดยขับผ่านบ้านของชายหนุ่มโดยตอนที่ขับผ่านนั้นเธอได้มองแผ่นหลังนั้นผ่านกระจกทึบของรถ
ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงโรงเรียนใหม่ของเธอ หญิงสาวยกมือไหว้ลาคุณพ่อก่อนจะเปิดประตูลงจากรถและเดินเข้าไปต่อแถวเข้าโรงเรียน
กิจกรรมหน้าเสาธงผ่านไปอย่างเรียบร้อยถึงแม้จะใช้เวลานานก็ไม่ทำให้หญิงสาวหงุดหงิด ฟองฝนเดินไปที่ห้องของคุณครูประจำชั้นก่อนแทนที่จะเป็นห้องเรียนของเธอ
“สวัสดีค่ะ”
“เด็กใหม่ใช่ไหมคะ?”
“ใช่ค่ะ”
“โอเค งั้นเธอตามครูมานะ เดี๋ยวครูจะพาเธอไปแนะนำให้เพื่อน ๆ รู้จัก”
เมื่อคุณครูพูดจบก็เดินนำหญิงสาวไปที่ห้องเรียนประจำชั้นของเธอโชคดีที่ห้องเรียนของเธอนั้นอยู่ไม่ไกลจากห้องนี้
หญิงสาวหยุดรอหน้าห้องเรียนโดยที่คุณครูเข้าไปในห้องเรียน
ภายในห้องเรียน
เสียงของเด็กนักเรียนชายหญิงจำนวน 30 กว่าคนดังออกไปถึงข้างนอก เปิดภาคเรียนใหม่ทุกคนต่างมีเรื่องเล่าเป็นของตัวเองถึงแม้ช่วงที่ปิดภาคเรียนพวกเขาจะคอยส่งข้อความหรือนัดออกไปข้างนอกก็ตาม จากเสียงที่ดังกึกก้องก็เงียบลงเมื่อเห็นว่ามีคุณครูประจำห้องเข้ามา
“เอาล่ะนักเรียน นั่งที่ของตัวเองให้เรียบร้อยค่ะ”
“ทั้งหมดทำความเคารพ”
“สวัสดีครับ/ค่ะ”
“นั่งลงได้”
“ขอบคุณค่ะ/ครับ”
“วันนี้มีเพื่อนใหม่เข้ามาเรียนกับเราด้วย ครูอยากให้ทุกคนช่วยเหลือเพื่อนใหม่ด้วยนะคะ เธอมาจากต่างจังหวัด” พูดจบเสียงฮือฮาของนักเรียนก็ดังขึ้น
“เงียบ ๆ หน่อยค่ะ” คุณครูเอ่ยปราม
“เข้ามาได้ค่ะ”
เมื่อได้ยินเสียงนั้นฟองฝนที่ยืนอยู่หน้าห้องก็เดินเข้ามาและยืนอยู่หน้าชั้นเรียนก่อนที่เธอจะแนะนำตัวเองอย่างมั่นใจ
‘สวัสดีนะทุกคนเราชื่อ วารีนภา เกื้อยแก้ว หรือเรียกเราว่า ฟองฝนก็ได้ เรามาจากราชบุรีย้ายมาตามพ่อ พ่อเราต้องมาทำงานที่จังหวัดนี้ ยังไงก็ยินดีที่ได้รู้จักกับทุกคนเลยนะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ’ หญิงสาวพูดพร้อมรอยยิ้มที่เปิดกว้างอย่างเป็นมิตร
“ฟองฝนเธอไปนั่งตรงนั้นก็ได้ มีโต๊ะว่างอยู่น่ะ” คุณครูเลือกที่นั่งให้เธอ
“ค่ะ” รับทราบก่อนจะเดินไปตรงนั้น
เมื่อได้ที่นั่งเป็นของตัวเองเรียบร้อยแล้วเธอก็เริ่มทักทายเพื่อนที่นั่งรอบข้าง
“เธอชื่ออะไรเหรอ” ฟองฝนเริ่มทำความรู้จักกับเพื่อนที่นั่งข้างเธอเป็นอันดับแรก
“เราชื่อแก้วตา เรียกว่าแก้วก็ได้”
“ส่วนเราชื่อ แก้มนะ”
“เราชื่อจิน มีอะไรให้ช่วยบอกได้นะ”
“อื้อ! ขอบคุณทุกคนมาก ๆ เลยนะ”
“นี่ ๆ” แรงสะกิดแขนจากด้านซ้าย
“...” เธอหันไปตามเสียงนั่น
“เราชื่อเจมส์นะ” อีกฝ่ายแนะนำตัวเอง
“อื้อ! ยินดีที่ได้รู้จักนะเจมส์ เราฟองฝนนะ” หญิงสาวตอบกลับและยิ้มให้ไปตามมารายาทโดยที่ไม่รู้เลยว่าเธอกำลังถูกมองจากใครบางคนที่นั่งอยู่ข้างหลังเธอ
กริ๊ง!
คาบแรกเริ่มขึ้นแล้ว ทุกคนต่างก็หยิบสมุดขึ้นมาเตรียมรอคุณครูเข้ามาสอนในรายวิชาแรกของวัน
คาบเช้าผ่านไปด้วยดีเนื้อหาวิชาคล้าย ๆ กับที่เธอเรียนเก่าเธอโชคดีที่ตลอดระยะเวลาที่ปิดภาคเรียนเธอหมั่นอ่านหนังสือทบทวนเมื่อเปิดเทอมมาแล้วเธอเองก็ทำความเข้าใจกับมันได้ง่ายขึ้น
กริ๊ง!
เสียงระฆังดังขึ้น
เป็นช่วงเวลาพักเที่ยงของนักเรียนทุกคนเมื่อได้ยินนั้นก็รีบเก็บสมุดหนังสือไว้ใต้โต๊ะอย่างรีบร้อน
“ทั้งหมดทำความเคารพ”
“ขอบคุณค่ะ/ครับ คุณครู”
“ฟองฝนไปกินข้าวกับพวกเราสิ” หนึ่งในสามคนที่แนะนำตัวกับเธอเมื่อเช้าเอ่ยชวน
“ใช่ ๆ” อีกสองคนเสริม
“โอเคได้” เธอตอบตกลง
พวกเธอทั้งสี่คนเก็บทุกอย่างไว้ใต้โต๊ะก่อนที่จะลุกออกไปทานข้าวที่โรงอาหาร
.
.
.
วันแรกของการเรียนผ่านไปด้วยดีสำหรับหญิงสาว เธอรอคุณแม่มารับหลังเลิกเรียน หญิงสาวนั่งรออยู่ในศาลาหน้าโรงเรียน
“กลับยังไงน่ะฟองฝน” เจมส์เข้ามาทักเธอ
“อ๋อ เดี๋ยวแม่เรามารับน่ะ”
“อ๋อ”
“เจมส์ล่ะ” หญิงสาวถามกลับ
“เรายังไม่กลับตอนนี้หรอก เรามีซ้อมบอลช่วงเย็นน่ะ”
“อ๋อ” ทั้งคู่มีบทสนทนาเพียงเล็กน้อยก่อนที่หญิงสาวจะขอตัวกลับก่อนเพราะเห็นว่าแม่ของเธอนั้นมาถึงแล้ว
“งั้นเราไปก่อนนะ แม่เรามาแล้ว”
“โอเค เจอกันพรุ่งนี้นะ”
.
.
.
เมื่อถึงบ้านเธอก็รีบเข้าบ้านและขึ้นห้องเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองสบายใส่อยู่บ้าน ก่อนจะลงมาและเดินไปยังบ้านข้าง ๆ ทันทีเธอถือวิสาสะกดกริ่งบ้านหลังนั้น
กริ๊ง!
เสียงกริ่งดังขึ้นจากข้างใน
[Akat’s part]
“หลังจากที่ตื่นจากการงีบในช่วงบ่ายของวันผมก็ได้หยิบอุปกรณ์สำหรับวาดรูปออกมานั่งที่เก้าอี้ไม้หินอ่อนหน้าบ้านและเปิดอัลบั้มรูปภาพที่มีรูปทิวทัศน์ท้องฟ้าที่ผมได้ไปถ่ายมา ปกติผมจะไปนั่งเล่นบริเวณสวนของหมู่บ้านไปวาดรูปเล่นที่นั่น ช่วงเย็นไม่ค่อยมีคนมันค่อนข้างเงียบและทำให้ผมมีสมาธิจดจ่อกับสิ่งที่ผมชอบ ตรงนั้นจะแสงสีส้มเล็ดลอดออกมาจากพระอาทิตย์ที่กำลังจะตกดินมันเป็นภาพที่สวยมากจริง ๆ แต่น่าเสียดายที่วันนี้ผมไปได้ไปที่นั่นแต่เป็นไรเพราะผมมีรูปที่ถ่ายเก็บไว้ ผมเริ่มลงมือวาดรูปได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงกดกริ่งหน้าบ้าน แม่ของผมที่อยู่ใกล้ประตูมากกว่าก็ไปดูว่าใครมา แม่ผมยืนคุยอยู่สักพักก่อนที่จะหลบทางให้ใครบางคน”
“เข้ามาก่อนสิจ๊ะ พี่อากาศนั่งวาดรูปเล่นอยู่จ่ะ”
“อากาศน้องมาหา”
ใช่คนนั้นที่แม่ผมหลีกทางให้เป็นฟองฝนเพื่อนบ้านที่เพิ่งย้ายเข้ามา
“พี่อากาศ” เสียงมาก่อนตัว
“…”
“พี่ทำอะไรคะ วาดรูปอยู่เหรอ วาดอะไรเหรอคะ โห...สวยจังเลย” หญิงสาวถามเขายาวเหยียดแต่ไม่มีแม้แต่คำตอบสักประโยคจากอีกฝ่าย
“พี่ฝึกนานไหมคะ” หญิงสาวไม่ยอมแพ้
“ตั้งแต่เด็ก” ผิดคาดครั้งนี้ได้ยินคำตอบจากอีกฝ่าย
“พี่ชอบวาดรูปตั้งแต่เด็กเลยเหรอคะ”
“อือ”
“เก่งจัง วาดรูปหนูด้วยได้ไหมคะ”
“พี่ไม่ชอบวาดรูปคน”
“…” หญิงสาวเงียบลงเมื่อเขาตอบอย่างนั้น
“พี่ถนัดวาดวิวมากกว่าน่ะ” ชายหนุ่มรีบแก้คำตอบเมื่อเห็นคนข้าง ๆ เงียบไป
“อ๋อค่ะ”
“เด็ก ๆ ผลไม้ค่ะ” เป็นจังหวะที่คุณแม่ของชายหนุ่มนำผลไม้แช่เย็นมาเสิร์ฟพอดีมันจึงลดความกระอักกระวนให้แก่ทั้งสองคนได้นิดหน่อย
หญิงสาวที่เห็นว่าเย็นมากแล้วจึงขอตัวกลับบ้านก่อน ชายหนุ่มเองก็เก็บข้าวของก่อนจะเดินเข้าบ้านตัวเองไป
อาหารมื้อเย็นผ่านไปด้วยดี ชายหนุ่มเดินขึ้นห้องมาอาบน้ำก่อนจะมานั่งที่โต๊ะตัวเดิมและหยิบไอแพดขึ้นมาดูสื่อบันเทิง เวลาผ่านไปสักพักเขาก็เริ่มรู้สึกว่าแปลก ๆว่าทำไมวันนี้ถึงไม่ได้ยินเสียงบางอย่างจากหน้าต่างเขาตัดสินใจเปิดม่านออกก่อนที่จะเห็นหญิงสาวบ้านตรงข้ามที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะและก้มหน้าก้มตาทำบางอย่างอย่างตั้งใจ ส่วนเขาที่เห็นดังนั้นก็หยิบกระดาษที่อยู่ใกล้มือก่อนที่เริ่มจะร่างภาพตรงหน้าที่เขาเห็นโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังเป็นทิวทัศน์ที่ชายหนุ่มมองอยู่