หลันฮวามีร่างกายอ่อนแอ จึงไม่อนุญาตให้เขาออกนอกห้องและยังคอยย้ำเตือนว่าข้างนอกอันตรายเพียงใด ชีวิตประจำวันของหลันฮวาคงดำเนินไปอย่างสงบสุขหากว่าไม่มีผู้ใดต้องการเห็นเขาเสียน้ำตา
ดราม่า,ชาย-ชาย,4P,นายเอกอ่อนแอ,จิ้งจอกปีศาจ,จีนโบราณ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เหตุใดพวกท่านจึงชอบเห็นข้ายามร้องไห้หลันฮวามีร่างกายอ่อนแอ จึงไม่อนุญาตให้เขาออกนอกห้องและยังคอยย้ำเตือนว่าข้างนอกอันตรายเพียงใด ชีวิตประจำวันของหลันฮวาคงดำเนินไปอย่างสงบสุขหากว่าไม่มีผู้ใดต้องการเห็นเขาเสียน้ำตา
ฟูกบนเตียงไม้ที่เคยสะอาด ตอนนี้กลับเปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำรักและโลหิตสีแดงสด
หัวเตียงกระแทกกับผนังไม้จนเกิดเสียงดังคลอไปทั่วห้อง ถึงกระนั้นหนึ่งเซียนหนึ่งมังกรก็หาได้สนใจมันไม่ พวกเขาต้องการเพียงแค่รังแกคนงามเพียงเท่านั้น มิผิด แม้นเวลาจักผ่านมานานหลายชั่วยาม แต่ตำแหน่งของบุรุษทั้งสามยังคงเป็นดังเดิม
บนเตียงไม้ หลันฮวาร้องไห้สะอื้น วิงวอนต่อบุรุษรูปร่างสูงใหญ่ทั้งสองด้วยความเจ็บปวดจนน้ำเสียงแหบแห้ง
จิ้งจอกหิมะกระตุกเกร็ง ดวงตาคู่งามมีหยาดน้ำตาเอ่อคลอเกิดเป็นประกายสวยงาม ตัวเขาปรารถนาการปลดปล่อยหยาดน้ำรักทว่ากลับทำมิได้
สาเหตุน่ะหรือ?
เฟยหรง บุรุษอีกผู้หนึ่งที่กำลังรังแกตัวเขาอยู่เป็นผู้ดึงปิ่นจากกลุ่มผมของตนนำมาเสียบไว้ที่รูของแท่งหยกเพียงเพื่อป้องกันมิให้คนงามปลดปล่อยน้ำรักมากจนกระทั่งเหือดแห้ง ร่างบางอ่อนไหวถึงเพียงนี้ หากปลดปล่อยบ่อยเข้าผู้ใดจะรู้ว่าจิ้งจอกหิมะผู้นี้จะรับไหว?
ตรงกันข้ามกับบุรุษด้านหน้าและหลังที่ขยับสะโพกเข้าออกไม่หยุด ถึงกระนั้นก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะหลั่งเลยสักครา
“อ๊ะ.. น้องอยากกลับแล้ว..” หลันฮวาครวญเสียงแผ่ว หยาดน้ำตาไหลเปรอะใบหน้างาม
“อยากกลับงั้นหรือ? เช่นนั้นทำให้พวกข้าปลดปล่อยเสียก่อน พวกข้าจึงจะปล่อยเจ้ากลับ”มู่เซียวเอ่ยย้ำถึงข้อตกลงอีกครา
สวบ!
“อ๊ะ!” มือบางขยับดันอกแกร่งของมู่เซียวให้ถอยห่าง เพราะเมื่อสักครู่อีกฝ่ายกดสิ่งนั้นเข้ามาลึกมากเกินไป ตัวเขารับมันไม่ไหว ทว่ากำลังกายของคนงามตัวน้อยที่มีเพียงน้อยนิดมิอาจสู้กายแกร่งของบุรุษตรงหน้าได้ ซ้ำร้ายยิ่งขัดขืนคนด้านหน้าก็ยิ่งกดลึกขึ้น
มังกรหนุ่มชำเลืองมองหน้าท้องขาวเนียนละเอียด ใบหน้าหล่อเหลามีรอยยิ้มพึงพอใจยามเห็นหน้าท้องที่เคยแบนราบพลันแปรเปลี่ยนเป็นนูนเด่นตามจังหวะเข้าใส่ ยิ่งเห็นท่วงท่าของคนงาม ยิ่งแกล้งใช้หัวนิ้วมือกดย้ำลงในส่วนที่นูนขึ้น
ร่างบางสะดุ้งเฮือก ดวงตากลมโตเบิกโพลง แม้ไม่ก้มมองทว่าตัวเขากลับรับรู้ได้ทันทีว่ายามนี้หน้าท้องของตนเป็นเช่นไร นั่นยิ่งทำให้ไม่กล้าก้มมองช่วงล่าง มือบางกำแน่น ร่างกาของหลันฮวาสั่นไหวยิ่งขึ้น แต่ครั้นจะให้เงยหน้ามองบุรุษที่รังแกตนก็มิกล้าสู้หน้า
มิรู้เลยว่าจะมองไปที่ตรงใด
ท้ายที่สุดไม่ว่าจะหลบสายตาจากบุรุษตรงหน้าหรือส่วนล่างของตนเองเพียงใด มือหยาบกร้านของคนด้านหลังก็มักเอื้อมขึ้นประคองใบหน้าหยกงามให้หันมามองยังเบื้องล่างอย่างอ่อนโยน
เฟยหรงสัมผัสได้ว่าเด็กน้อยของเขานั้นเริ่มหดเกร็งช่องทางรัก ความแรงที่โถมใส่จิ้งจองหิมะตัวน้อยไม่ได้มีมากก็จริง แต่ในสถานการณ์ที่มีเครื่องเพศสองอันสอดใส่จึงสร้างความบีบรัดได้ไม่น้อย
“เด็กน้อย ผ่อนคลายลงหน่อยได้หรือไม่”
เทพเซียนเอ่ยปลอบโยนด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลชวนหลงใหล นุ่มทุ้มราวกับกำลังพูดคุยถามไถ่ มิเหมือนกำลังสอดใส่เครื่องเพศเข้าในร่างบางแม้เพียงนิด ใบหน้าขาวสง่างามประดับรอยยิ้มอ่อนโยน ทว่าคำพูดกับการกระทำช่างสวนทาง นิ้วมือเรียวยาวขยี้ยอดอกสลับข้างกันไปมา จากที่มันเคยชมพูอ่อน มายามนี้กลับขึ้นสีชมพูช้ำ แสนน่ารักน่าชัง
เด็กน้อยของเขาช่างน่ารัก ชวนให้ผู้คนอยากรังแกยิ่ง
“แต่ว่า.. น้องไม่ไหวแล้วนะขอรับ..” น้ำเสียงสั่นเครือเอ่ยอ้อนวอนอีกครา น้ำตาร่วงหล่นไม่ขาดสาย ซ้ำยังเผลอกันริมฝีปากจนโลหิตไหลซิบ เฟยหรงจึงต้องคอยจับป้อมจุมพิตเป็นครั้งคราว ไล้เลียรสชาติของโลหิตอย่างพึงพอใจ
“เช่นนั้นมิสู้ลองเรียกพวกข้า ไม่แน่ว่าอาจจะเสร็จเร็วขึ้นก็ได้” เฟยหรงกล่าวด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
“ไหนลองเรียกอย่างที่ข้าสอนไปเมื่อสักครู่.. ให้พวกข้าฟังหน่อย” มู่เซียวพยักหน้ากล่าว ใบหน้าหล่อเหลาคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ตัวเขาขยับนิ้วมือลากไล้ผ่านจุดอ่อนไหวบนร่างบางคล้ายกลั่นแกล้ง
หลันฮวารู้สึกต่อต้านในใจ ทว่ายามเมื่อนึกถึงฝ่ามือหนาตบเข้าที่ข้างแก้มกลับหวาดกลัวจนร่างกายบอบบางอดสั่นเทาเสียมิได้ ดวงตาดอกท้อขยับขึ้นสบตากับคนตรงหน้าก่อนที่จะก้มลงหลบสายตา เอ่ยออกมาด้วยความหวาดกลัว น้ำเสียงยามเปร่งออกมาสั่นไหวรุนแรง
“ท่านพี่เฟย.. ท่านพี่มู่..”
จิ้งจอกหิมะคนงามค่อย ๆ ชำเลืองตาจากพื้นขึ้นมองบุรุษสองคนสลับไปมาอย่างเชื่องช้า ดวงตาคมกริบจากบุรุษทั้งสองซ่อนความพึงพอใจไม่มิด หนึ่งคนยิ้มเจ้าเล่ห์รอตัวเขาพูดต่อ ในขณะที่อีกหนึ่งยิ้มอ่อนโยนแม้ดวงตาดูร้ายกาจลึกจนยากมองเห็น
“ได้โปรด.. ช่วยปลดปล่อยให้น้อง.. ได้หรือไม่” ใบหน้าหยกงดงามขาวกระจ่างขึ้นสีแดงน่ามองด้วยความอับอายและความกลัว ยอมพูดสิ่งนั้นเพียงเพื่อให้บุรุษทั้งสองนี้พึงพอใจ
“เด็กน้อย เจ้าทำได้ดีมาก”
เฟยหรงยกยิ้มมุมปากในขณะที่กล่าวชม มือหนาจับคลึงแก่นกายขาวสะอาดสะอ้านซึ่งเสียบปิ่นงามปักเอาไว้กลั้นทุกหยาดน้ำมิให้ไหลผ่าน เขาชักรูดขึ้นลงพอให้คนงามร้องครวญ
มู่เซียวเห็นดังนั้นไม่ยอมน้อยหน้า ขยับเอวแรงขึ้นกว่าเมื่อครู่หน่อย ฝ่ามือหยาบกร้านจับขาเรียวบางของหลันฮวาแยกออกจากกัน แม้นว่าจะไม่ได้ทำให้ช่องทางน้อยนั้นขยายเพิ่มขึ้นมากนัก ทว่าการทำเช่นนี้พอช่วยให้ง่ายต่อการกระแทก
“เด็กดี มาปลดปล่อยพร้อมกันเสียสิ”
เซียนหนุ่มกล่าวเสียงนุ่มนวล มือหนาจับเอวบางไว้แน่นก่อนดึงให้คนงามขยับลงมาจนสะโพกแนบชิดกับต้นขาแกร่ง ช่องรักกลืนกินแก่นกายของตัวเขาหมด
ทางด้านมู่เซียวเร่งจังหวะสะโพก ยิ่งได้เห็นจิ้งจอกน้อยในอ้อมแขนแกร่งร้องไห้คร่ำครวญขอความเมตตาไม่หยุด ยิ่งทำให้ตัวเขานึกอยากทำรุนแรงกว่าเดิมเพื่อแกล้งคนงามให้ร้องไห้มากกว่าเดิม เพียงแค่คิดก็รู้สึกดีแล้ว..
“อ๊ะ!” หลันฮวาน้ำตาไหลพราก ส่งเสียงร้องครวญคราง บางคราทนไม่ไหว มือยกขึ้นดันบุรุษทั้งสองออกก็มิไหว ส่วนสุดท้ายคือนึกอยากจะร้องเรียกหาท่านพี่ของตนก็รู้สึกสิ้นหวังเกินไป นอกจากอีกฝ่ายจะไม่มาช่วย.. เขาคงถูกลงโทษอีกเป็นแน่
ตอนนี้คนงามทำได้เพียงแต่ร้องไห้ด้วยความทรมาน
เสียงเฉอะแฉะดังก้องไปทั่วห้องขนาดกลาง สีของน้ำที่ไหลออกมาตามแข้งขาเรียวเล็กควรจะเป็นแค่สีขาวขุ่นมันกลับผสมปนเปกับสีแดงจากโลหิต
เฟยหรงก้มลงมอง ตัวเขารู้ดีอยู่แก่ใจว่าหลันฮวามีบาดแผลฉีกขาดมากเพียงใด แต่แทนที่จะเบามืออย่างความอ่อนโยนที่มีเฉกเช่นทุกครากลับฝืนจับขาเรียวบางให้อ้าออกกว้างเพื่อรองรับอารมณ์ของเขาให้ได้มากที่สุด เอวแกร่งกระแทกแท่งเนื้อใหญ่เข้าไปอย่างรุนแรง
“เดี๋ยวก่อน น้องเจ็บ.. น้องขอร้องล่ะท่านพี่เฟย ท่านพี่มู่..”
ยามนี้นอกจากบาดแผลฉีกขาดที่ช่องทางบริสุทธิ์นั่นแล้ว ตัวเขายังรู้สึกวิงเวียนศีรษะจนอยากอาเจียน ใบหน้างดงามซีดเผือด คาดว่าสาเหตุที่วิงเวียนคงเป็นเพราะความเหนื่อยล้า
หลันฮวาเดิมทีเจ็บป่วยอยู่แล้ว ครั้นมาถูกทารุณเช่นนี้ ร่างกายจึงอ่อนล้ารับมิไหว ทว่าร้องขอความเมตตาอย่างไรกลับไร้ผล
เฟยหรงสัมผัสได้ว่าพวกเขาใกล้จะถึงจุดปลายทางแล้ว ตัวเขาขยับสะโพกให้ดันส่วนกลางกายแข็งขืนดันเข้าลึกขึ้น มือหนาดึงปิ่นปักผมออกจากแท่งหยกสีขาวสะอาดในจังหวะเดียวกับที่ตัวเขากระตุกพ่นหยาดน้ำสีขาวขุ่นอุ่นร้อนเข้าสู่ภายในช่องทางบีบรัด
หลันฮวาสะดุ้งเฮือกเมื่อยอดปลายไร้จุดปิดกลั้นอารมณ์ น้ำกามพุ่งขึ้นจนกระเด็นเปื้อนอกแบนราบของตนเอง
บุรุษอีกสองคนกัดฟันแน่นจนได้ยินเสียง ปลดปล่อยทุกหยาดหยดเข้าสู่ช่องทางสีหวานทว่ายังคงแช่ค้างไว้แม้จะปลดปล่อยจนหมด
เฟยหรงมิได้คิดอันใดพิสดาร เขาเพียงแค่รอให้เด็กน้อยบนตักปรับตัวเสียก่อน หากกระชากออกจะยิ่งได้แผลเพิ่มเอาไว้ ความคิดช่างอ่อนโยนแตกต่างจากการกระทำเมื่อครู่สิ้นเชิง
ทว่าจักรพรรดิปีศาจอย่างมู่เซียวกลับคิดพิสดารกว่า ที่ตัวเขาไม่นำส่วนกลางกายออกเพียงเพราะแค่ต้องการกักเก็บน้ำกามของตนไว้ภายในร่างของคนงามไม่ให้ไหลออกมา
หลังเสร็จสม คนทั้งสองจึงดึงแก่นกลางกายออก จิ้งจอกคนงามได้เป็นอิสระ มือเรียวบางพลันคว้าผ้าห่มมาคลุมทั้งตัวเอาไว้ราวกับสัตว์ตัวน้อยหุ้มเกราะ กลิ่นน้ำคาวที่ไม่คุ้นเคยทำให้จิ้งจอกหิมะตัวน้อยสับสน แม้จะเคยได้รับมันมาก่อน แต่ที่ผ่านมามักจะได้กลิ่นพิเศษหลังหลั่งจากท่านพี่เยว่เท่านั้น ทว่ามาคราวนี้นอกจากจะเป็นคนแปลกหน้าที่ตัวเขาแสนหวาดกลัวแล้ว ยังมีมากกว่าหนึ่งอีก!
เฟยหรงเลิกคิ้วมอง เอ่ยเสียงนุ่ม “หากเจ้ากลัวเช่นนี้ หรือจักให้พวกข้าออกไปรอข้างนอกก่อนเล่า ขนพองหมดแล้วนั่น”
ครั้นเห็นหลันฮวายังคงนิ่งไร้การตอบกลับ เซียนหนุ่มจึงลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ทว่าก่อนได้ทำอันใดต่อ มือน้อย ๆ กลับยื่นมาจับชายเสื้อไว้แทนคำพูด
“เด็กน้อยของข้า ถ้าอยากให้พวกข้าอยู่ต่อก็เปิดผ้าห่มออกหน่อยเสียสิ..”
บุรุษผู้นั้นเอ่ยด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนต่างจากเมื่อครู่.. หลังจบคำพูด คนตัวเล็กจึงทำตามอย่างว่าง่าย
ทว่ามิได้เปิดเผยทั้งหมด ไม่เช่นนั้นคงเปลือยกายต่อหน้าคนอื่น! มิผิด เด็กน้อยโผล่มาแค่ศีรษะ เส้นผมสีขาวยาวสลวย นอกจากนั้นยังมีเสียงร้องสะอื้นไห้แผ่วเบาลอดผ่าน
ถึงกระนั้นมู่เซียวก็เกิดคำถามในใจ แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปากถาม อาจารย์ในนามก็ชิงพูดเสียก่อน
“หลันฮวาเริ่มคุ้นชินกลิ่นของพวกเราแล้วหรือไม่? หากทำบ่อยครั้งทุกวันจะเป็นการติดกลิ่น” ซึ่งนั้นก็เป็นสาเหตุที่เยว่เทียนมักทำกับหลันฮวาก่อนนอนทุกวัน ในขณะที่คู่รักจากเขตแดนปีศาจไม่ได้คิดจะทำให้ถึงขั้นติดกลิ่น เพราะหากเกิดเลิกรากันไปแล้วถึงฤดูผสมพันธุ์เมื่อไหร่คงมิต่างอันใดกับสัตว์เดรัจฉาน
มู่เซียวเข้าใจเรื่องที่เฟยหรงอธิบาย ทว่ากลับนึกสงสัยเสียมากกว่าว่าเหตุใดคนผู้นี้จึงรู้ลึกถึงเพียงนี้
หลังพวกเขากลับมาสวมอาภรณ์ดังเดิม ประตูห้องพลันเปิดออกจนเสียงดังจนหลันฮวาสะดุ้งเฮือก รีบใช้ผ้าห่มผืนเดิมคลุมศีรษะอีกครา มือบางกอบกุมชายเสื้อเฟยหรงไว้แน่นอย่างลืมตัว เฟยหรงก้มลงมองมือน้อย ๆ ที่สั่นเทา มิได้สะบัดออกหรือว่ากล่าวอันใด
นอกจากจะไม่ใช่ไม่พอใจ แต่คงบอกว่าตัวเขาพอใจยิ่งที่เด็กน้อยเห็นเขาเป็นที่พึ่ง
“เจ้ามาช้ากว่าที่ข้าคิดนะเยว่เทียน จิ้งจอกน้อยร้องไห้หาเจ้าตั้งหลายรอบ”
จิ้งจอกหิมะหูกระดิก ได้ยินมู่เซียวเอ่ยนามที่เขาคุ้นเคยจึงรีบหันกลับไปมองบุรุษผู้นั้น.. คือท่านพี่ของเขา!
“ท่านพี่เยว่ อึก!” เด็กน้อยคิดจะวิ่งไปหาท่านพี่ของตน ทว่าเพียงแค่ก้าวขากลับต้องรีบเอามือกุมหน้าท้อง ก้มหน้าลงจนหน้าผากแทบจะสัมผัสกับที่นอน เกือบจะลืมไปแล้วว่าช่องทางคับแคบเกิดบาดแผลหนัก ขยับตัวเพียงนิดก็เจ็บปวดไปทั้งตัว..
เมื่อครู่ตัวเขานั้นดีใจจนลืมตัวไปหมด!
เยว่เทียนมองภาพเบื้องหน้า ตัวเขากำมือแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน ทว่าร่างสูงกลับต้องยกฝ่ามือขึ้นจับกุมอกเสื้อด้วยความทรมานในอก
ตั้งแต่เข้ามาเห็นสภาพหลันฮวา.. ภายในใจก็อดคิดที่จะฆ่าพวกมันมิได้ ดวงตาของเขาวาวโรจน์ ความคิดนี้ส่งผลให้พันธสัญญาที่เคยตกลงไว้เริ่มทำงาน สัญลักษณ์บนลำคอแกร่งเริ่มขยายลุกลามจนกระทั่งถึงหัวใจที่เต้นระรัวอย่างรวดเร็ว เขาร้องเสียงทุ้มต่ำด้วยความทรมาน
“อย่าลืมสิว่าพวกเขาทำพันธสัญญาอะไรไว้” มู่เซียวเอ่ย น้ำเสียงเยาะเย้ยราวกับต้องการซ้ำเติม
เฟยหรงไม่สนใจผู้ที่ถือว่าเป็นศิษย์คนที่สอง เขาหันกลับมาป้อนจุมพิตลงบนหน้าผากขาวกระจ่างของหลันฮวา สำหรับตัวเขาแล้ว.. เขารอคอยเพียงแค่ว่าหลังจากนี้เยว่เทียนจะทำลายจิตใจเด็กน้อยของเขาได้มากเพียงใด
“ข้าขอเตือนเจ้าในฐานะอาจารย์ หากมิอยากตายก็อย่าได้ฝืนทำลายสัญญา”
หลันฮวาหวนนึกถึงความฝันก่อนที่จะถูกพาตัวมางานเลี้ยง “อาจารย์..? คนที่เข้ามาหาน้อง คือท่านพี่เฟยงั้นหรือ น้องไม่เข้าใจ.. พันธะอะไรนั่นด้วย”
“เด็กน้อยของข้าเอ๋ย เรื่องบางอย่างเจ้าไม่จำเป็นต้องรู้.. บางเรื่องไม่รู้จะปลอดภัยมากกว่ามิใช่หรือ?” เฟยหรงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม ตัวเขาไม่ได้กลัวว่าหลันฮวาจะทำความลับนี้รั่วไหล เพียงแต่เห็นสีหน้าเป็นกังวลจนหน้าซีดเช่นนี้ เขาก็อดไขข้อสงสัยให้มิได้
ตอนนั้นเองเยว่เทียนพลันคุกเข่าลงหนึ่งข้าง ส่วนมือนั่นก็ยังคงกุมอกเสื้อเช่นเดิม เหงื่อผุดขึ้นตามกรอบหน้าคมเป็นสัน
หลันฮวาเหลือบไปมอง เห็นเช่นนั้นก็ยิ่งวิตกกังวล น้ำตาคลอเบ้า หูจิ้งจอกลู่ลงกว่าเดิม มือบางจับกระชับสายเสื้อของเฟยหรงไว้แน่น ท่าทางหวาดกลัวทว่ายังคงฝืนทน “น้องทำตามที่ท่านพี่เฟยบอกไว้จริง ๆ นะขอรับ ได้โปรดอย่าทำอะไรท่านพี่เยว่เลย”
“เจ้าหมายถึง.. ที่ข้าสั่งว่าห้ามบอกใครเรื่องที่ข้าแอบเข้าไปหาเจ้าสินะ ทำตามคำสั่งได้แม้จะหวาดกลัวเพียงใดงั้นหรือ เจ้าเก่งมาก” เอ่ยชมไม่พอ เขายังก้มหน้าประทับริมฝีปากตนเองกับหน้าผากร่างบางอีกคราอย่ารักใคร่เอ็นดูราวกับคือรางวัลแก่เด็กน้อย
มู่เซียวเริ่มขมวดคิ้วเมื่อเห็นเฟยหรงหาโอกาสจูบจิ้งจอกหิมะตัวน้อยบ่อยเกินไปหน่อย ทว่ายังไม่ทันได้ทักท้วงกลับเหลือบเห็นสภาพของเยว่เทียนเสียก่อน จิตสังหารแผ่รุนแรงเพียงนี้เชียว? มู่เซียวหัวเราะในลำคอคล้ายชมละครบางอย่างอยู่
“มิต้องกังวล ข้าจะไม่ฆ่าท่านพี่ของเจ้าอย่างแน่นอน.. ได้ยินหรือไม่ศิษย์รัก? จะให้เวลาเจ้าปรับความเข้าใจกับเสี่ยวหลัน” ประโยคหลังเฟยหรงหันมาพูดกับเยว่เทียน
เพราะคำพูดนั้นภายในห้องจึงเหลือเพียงคนจากเผ่าจิ้งจอกปีศาจ.. บรรยากาศภายในห้องกลับอึมครึมแสนอึดอัด ความเงียบเข้าปกคลุม พวกเขาไม่ได้พูดอันใด หรืออาจกล่าวว่าได้ว่าเป็นหลันฮวาที่ไม่กล้าเริ่มต้นสนทนาเสียมากกว่า
ขณะที่จิ้งจอกหิมะเริ่มคิดหาคำพูดมากมาย เยว่เทียนกลับยืนขึ้นเต็มความสูง ขายาวก้าวเข้ามาหาคนบนตั่งนอน มือหนาเอื้อมจับผ้าห่มที่หลันฮวาใช้ปกปิดร่างกายก่อนดึงมันออก
“ทะ.. ท่านพี่เยว่?”
“…” เยว่เทียนไม่พูดกล่าว ทำเพียงขมวดคิ้ว ดวงตาคมกริบจ้องมองเรือนร่างขาวที่บัดนี้แปดเปื้อนไปด้วยร่องรอยแดงทั่วทั้งร่าง
“เจ้ามีแต่กลิ่นของพวกมัน”
“อ๊ะ!?”
คนตัวเล็กร้องเสียงหลงเมื่อถูกเยว่เทียนจับร่างพลิกลงบนที่นอน แม้จะเจ็บที่ตรงบาดแผล ทว่าเมื่อเห็นใบหน้าบึ้งตึงและความไม่พอใจของท่านพี่ เขากลับหวาดกลัวเสียมากกว่า
ทว่าเยว่เทียนนั้นหาได้สนใจความหวาดกลัวนั้นไม่ เขานำเอาแท่งเนื้อภายใต้กางเกงออกมาโดยไม่บอกกล่าว กดจ่อไว้ตรงช่องทางคับแคบ
ร่างกายของหลันฮวาสั่นเทารุนแรง เป็นครั้งแรกที่ตัวเขากลัวคนตรงหน้าถึงเพียงนี้.. ปกติอีกฝ่ายอ่อนโยนกับเขามากนัก..
“ท่านพี่เยว่อย่านะขอรับ.. ท่านทำน้องกลัว..”
“เจ้าอย่าดื้อ” เยว่เทียนเอ่ยดุเสียงเข้มครั้นคนตัวเล็กไม่ยอมให้ความร่วมมือ ทั้งยังเริ่มดิ้นหนีเขาอีก สองมือน้อย ๆ ดันหน้าท้องเขาไว้สุดกำลังแม้จะไม่ทำให้ร่างเขาไหวติงก็ตาม
ส่วนหัวหยักของท่อนเนื้อสีเข้มสอดใส่เขาสู่ภายในช่องคับแคบที่บวมช้ำ เสียงสะอื้นไห้น่าสงสารพลันดังตามมา เยว่เทียนกัดฟันกรอด ไม่พึงพอใจที่หลันฮวาไม่ยอมมองหน้าเขาแม้แต่น้อย
“ฮือ เจ็บ..น้องเจ็บ”
“หลันฮวาอย่าดื้อกับข้า จับขาอ้าไว้!” ยามนี้ตัวเขาทั้งโกรธเจ้าพวกนั้นและหงุดหงิดกลิ่นของผู้อื่นที่อยู่ติดตัวหลันฮวา ครั้นเมื่อจะเอากลิ่นของเขากลบไว้ คนตัวเล็กกลับไม่ยอมให้ความร่วมมือเสียได้
จะไม่ให้หงุดหงิดได้เช่นไร?
หลันฮวาสะดุ้งด้วยความตกใจกลัว มือยกขึ้นจับขาของตนเองอ้าออกตามที่คนบนร่างสั่ง ร่างบางใจเสียเป็นอย่างมากที่ถูกคนตรงหน้าดุใส่เช่นนี้ เรียกได้ว่านี้เป็นครั้งแรกของชีวิตก็ว่าได้
“อ๊า!”
“ข้าสั่งว่าอย่างไร” เยว่เทียนเอ่ยถ้อยคำด้วยน้ำเสียงกดต่ำ เพราะในตอนที่เขาพยายามสอดใส่ คนตัวเล็กยังคงขยับตัวหนี
“น้องไม่ได้..” ใจจริงหลันฮวามิได้อยากขัดขืนเสียหน่อย แต่เพราะบาดแผลสร้างความเจ็บปวดเกินจะทนไว้ เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมเข้ามาโดน จึงเป็นธรรมดาที่ร่างกายจะตอบสนองโดยการพยายามถดถอยหนี
เยว่เทียนมองช่องทางรักที่โลหิตสีสดไหลซึมออกมายามเมื่อสอดส่วนหัวหยักเข้าไป ตัวเขาใช่ว่าจะไม่รู้เรื่องบาดแผลของหลันฮวา
แต่แล้วอย่างไรเล่า? เขาอยากกลบกลิ่นเจ้าพวกนั้นให้มิด!
คนงามผู้นี้เป็นของเขา.. เป็นคนที่ตัวเขาถนอมมานานเพียงนี้ ส่วนเจ้าพวกนั้นถือดีอันใดมาย่ำยี? ยิ่งนึกยิ่งมีโทสะ ดวงตาวาวโรจน์น่ากลัว
“ฮือ ท่านพี่เยว่.. อย่าดุน้องไม่ได้หรือ”
“ได้ แต่ถ้าต้องการเช่นนั้นก็รับของข้าเข้าไปทั้งหมดซะ” นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มจ้องมองร่างบางด้วยความเยือกเย็น
“ ! ”
หลันฮวาหน้าซีดลงทันใด ความคิดที่ว่าคนตรงหน้าเขาอาจมิใช่ตัวจริงผุดขึ้นมาฉับพลัน ร่างขาวสั่นไหวด้วยความหวาดกลัว
เหตุใดท่านพี่เยว่ถึงได้น่ากลัวเช่นนี้ได้.. เช่นนี้จะต่างอันใดกับคนแปลกหน้าเหล่านั้นเล่า