โตมาจนป่านนี้ คนเราจะมีเรื่องอย่างว่าได้กี่ครั้งกันนะ
ชาย-ชาย,ผู้ใหญ่,ซาดิส & มาโซฯ,เรื่องสั้น,เล่าประสบการณ์,PWP,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Boyz...ร่านสตอรี่โตมาจนป่านนี้ คนเราจะมีเรื่องอย่างว่าได้กี่ครั้งกันนะ
คำเตือน : นิยายเรื่องนี้ เนื้อหาในเรื่องเป็นแนว PWP อาจมีการกระทำที่ไม่เหมาะสม อาจมีภาพ หรือเหนือหา..คำหยาบและฉากที่ไม่เหมาะกับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18+ กรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่าน
อธิบาย/เรื่องย่อ
นามปากกา : kvinth9inch
เรื่องรักไม่จำเป็นต้องแค่บนเตียง ที่ระเบียงบ้างก็ได้…มาสนุกกับเรื่องเล่าลับ ๆ จากประสบการณ์ ผ่านตัวละครแบบแกล้ง ๆ
ประสบการณ์ครั้งแรกของชีวิตก็กับพี่ข้างบ้าน โตขึ้นมาก็มักจะมีเรื่องแบบนี้เข้ามาในชีวิตอยู่บ่อย ๆ จนกลายเป็นเรื่องธรรมดา
แซ่บบ้าง อ่อมบ้าง แต่ก็สนุกดี คนที่เราคิดว่าจะรับกลับมาเป็นผัวเราซะงั้นใครจะรู้
และนี่คือประสบการณ์ของผมที่ไม่เคยเล่าให้ใครได้รู้ จะมัวแต่จำเจอยู่ทำไม ในเมื่อความรักมันไม่ใช่แค่เรื่องบนเตียงนี่นา
.
.
นิยายเรื่องนี้เกิดขึ้นจากจินตนาการของนักเขียน ดังนั้นตัวละคร/สถานที่/เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเรื่อง จึงถูกสมมุติขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ทุกคำพูด ทุกตัวละครไม่มีอยู่จริง…โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน…
ฝากเป็นกำลังใจให้นักเขียนด้วยการกดไลก์ คอมเมนต์ และกดเข้าชั้นหนังสือด้วยนะครับ
ฝากช่องทางการติดต่อไว้ด้วยนะครับ^^
Threads : mungkorn_kevinth
Twitter : Kevinth_M
Tiktok : kevinth_m.author
Facebook : kevinthm.author
ตอนที่ 2
มื้อเที่ยงกับพี่เอ๋ง
ตั้งแต่ครั้งแรกที่ผมเล่าเรื่องของผมกับพี่เอ๋งในวันนั้น ก็อย่างที่บอกนั่นแหละครับ ว่าผมกับพี่เอ๋งนั้นมักจะแอบมีอะไรกันอยู่เสมอเมื่อสบโอกาส แต่ก็ยังไม่ได้สอดใส่นะครับ เพราะผมเองก็ยังไม่เคย แบบว่ากลัวเจ็บน่ะครับ ส่วนพี่เอ๋งก็ยอมครับ เพราะพี่เอ๋งบอกว่า…“เท่าที่ได้ก็เสียวมากแล้ว”
แต่ตอนนี้มันต่างออกไปแล้วครับ เพราะตอนนี้พี่เอ๋งเริ่มมีงานทำเป็นหลักแหล่ง งานที่ว่าก็คือร้านซ่อมรถที่พี่เอ๋งฝันมาตลอดว่าอยากจะเป็นเจ้าของ ผมเองก็ไม่เข้าใจครับ ว่าทำไมคนเราถึงอยากจะอยู่กับกลิ่นน้ำมันเครื่องฉุน ๆ พวกนั้นทั้งวัน ทุกครั้งที่พี่เอ๋งมากอดผม ผมก็จะรู้สึกเวียนหัวทุกครั้งครับ
ส่วนผมตอนนี้ก็เรียนจบม.ปลายแล้วครับ แต่ผมขอแม่ว่าอยากจะพักสักปีนึงครับ ตอนแรกก็เถียงกันชุดใหญ่เลยครับ เพราะแม่กลัวว่าผมจะเสียเวลาไปปีนึงจนอาจจบไม่ทันคนอื่น
ผมก็เลยอธิบายว่า ทุกคนพอจบม.ปลายแล้วมันก็ต่างคนต่างไปแบบชีวิตใครชีวิตมันแล้ว บวกกับว่าผมเองก็ใช่ว่าจะเรียนเก่งอะไรขนาดนั้น การจะไปสอบแข่งขันกับคนอื่นเพื่อแย่งที่เรียนพวกนั้น ผมว่ามันเปลืองค่าใช้จ่ายไปซะเปล่า ๆ
ผมก็เลยเสนอแม่ไปว่า หลังจากที่ผมพักจนพอใจแล้ว ผมจะไปสมัครที่มหาวิทยาลัยเปิด ซึ่งราคาไม่แพงแถมได้เรียนแน่ ๆ ไม่ต้องไปสอบแข่งกับใคร แต่แม่ต้องยอมให้ผมไปเรียนที่กรุงเทพฯ ซึ่งแม่ก็โอเคครับ ขอให้ผมได้เรียนเถอะ
แต่ถึงจะอย่างนั้น ผมก็พูดกันอยู่นานเลยครับ สุดท้ายแล้วแม่ของผมก็ยอม เพราะต่อให้ไม่ยอมก็คงไม่ทันแล้ว เพราะคนที่จบม.ปลายพร้อมกับผม ตอนนี้ก็คงสมัครเรียนกันจนเสร็จสิ้นกันไปเรียบร้อยแล้ว
ส่วนวันนี้…ก็เป็นวันที่ผมว่างมาก ๆ เลยครับ ผมไม่คิดว่าการที่เราไม่ต้องไปโรงเรียนแถมยังไม่มีงานทำอะไรแบบนี้เนี่ย มันจะว่างได้มากขนาดนี้ ผมก็เลยไปหาผัวลับ ๆ ของผมที่ร้านของเขาครับ
“อ้าวดีน วันนี้มาด้วยเหรอ พี่คิดว่าจะไม่มาซะอีก”
“ก็ต้องมาสิครับพี่ วันนี้ผมว่างน่ะ อยู่บ้านเบื่อ ๆ ด้วย ผมก็เลยกะว่าจะมาหาอะไรกินแถวนี้”
“ฮ่า ๆ ๆ ลงทุนแท้น้อเราเนี่ย…ว่าแต่ที่จะมาหาอะไรกินเนี่ยหมายถึงอะไรงั้นเหรอ ข้าว…หรือพี่?”
“บ้าน่าพี่อะ ทะลึ่งอะไรแต่เช้า แล้วนี่ว่างเหรอครับ ทำไมยังไม่เห็นมีลูกค้าสักคนเลย?”
“มีแล้วครับ เขาเอามอไซค์มาทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อวาน เนี่ยพี่ก็กำลังดูให้เขาอยู่ เรามานั่งตรงนี้ก่อนสิ ขนมบนโต๊ะก็กินได้เลยนะ”
“ครับพี่…”
ผมเดินตรงไปยังโต๊ะที่พี่เอ๋งเอาไว้เขียนหนังสือ ซึ่งก็ไม่ได้สะอาดอะไรมากหรอกครับ แต่มันก็สะอาดที่สุดแล้วสำหรับร้านนี้ อันที่จริงผมสามารถเข้าไปนอนเล่นในห้องนอนของพี่เอ๋งได้ครับน่าจะสบายกว่าเยอะ แต่ผมอยากนั่งตรงนี้มากกว่า
การได้มองพี่เอ๋งนั่งซ่อมรถใส่เสื้อช่างแต่ไม่ติดกระดุม เนื้อตัวเลอะคราบน้ำมันเครื่องนิดหน่อยพอฉุน ๆ บนกล้ามหน้าท้องที่เป็นลอนแน่นนั้น มันกลับทำให้ผมรู้สึกดีกว่าไปนอนดูทีวีในห้องเป็นไหน ๆ
“ฮั่นแน่…แอบมองนมพี่เหรอ?”
“บ้าน่า ทะลึ่ง ผมไม่ได้มองนมพี่นะ ผมมองหน้า…ข…หมายถึงว่าหน้าของพี่ต่างหากล่ะ”
ท่าทางของผมมันลนลานไปเสียหมดชนิดที่ว่าต่อให้มองจากระยะร้อยเมตรก็ยังมองออกว่าผมแอบมองหน้าท้องเหงื่อโชกนั้นและกำลังคิดหื่นกับพี่เอ๋งอยู่จนถูกจับได้
พี่เอ๋งยิ้มแล้วปรี่เข้ามาหอมแก้มผมไปหนึ่งทีตามประสาคนที่คิดถึงและรักเกินกว่าคำว่าน้องชายไปเสียแล้ว ส่วนผมเองก็แอบเผลอใจให้พี่เอ๋งไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ครับ ทั้งที่คราวแรกกะว่าจะแค่อยากลองเรื่องอย่างว่าแค่ขำ ๆ ก็เท่านั้น
“พี่คิดถึงดีนจังเลยครับ ไม่ได้เจอกันหลายวันเลย พี่ดีใจมากนะครับที่วันนี้ดีนมาหาพี่อะ ว่าแต่เราอะ…คิดถึงพี่บ้างมั้ยเนี่ย ตั้งแต่ได้กันคราวก่อนไม่โทรหาพี่บ้างเลยนะ”
“อะไรกันพี่ อย่ามาพูดแบบนี้นะ ได้กันแค่สองสามครั้งอย่ามาทำเป็นดราม่า แถมเอาจริง พี่ก็ไม่ได้ผมจริง ๆ ซะหน่อย แค่เด้าหว่างขานี่ยังเรียกผมว่าเมียไม่ได้นะ”
“อ้าวยังไม่ได้หรอกเหรอ ก็เห็นตอนใกล้จะเสร็จเรียกพี่ผัวทุกคำเลยนี่ ฮ่า ๆ ๆ”
“พี่อะ…”
ผมหน้าแดงร้อนผ่าวขึ้นมาจนพี่เอ๋งหลุดขำออกมาต่อหน้าผม แล้วก็ลูบหัวของผมอย่างเบามือราวกับว่าผมเป็นเมียรักอย่างไรอย่างนั้น
“งั้น…วันนี้เอาเลยมั้ยครับ พี่จัดให้ได้นะ แต่ขอซ่อมมอไซค์คันนี้ให้เสร็จก่อน…”
“ทะลึ่ง พี่อะ ใครเขาจะทำแบบนั้นกัน…”
ผมลุกเดินไปนั่งที่โซฟาหน้าทีวีแล้วทำเป็นดูทีวีแก้เขิน ตั้งแต่ที่ผมโตมา ผมยังไม่เคยได้รับการปฏิบัติอย่างอ่อนโยนแบบนี้จากใครมาก่อนเลยครับ
เอาเข้าจริง ผมก็ไม่รู้หรอกนะครับ ว่าพี่เอ๋งเขามีแฟนหรือเปล่า หรือสุดท้ายแล้วเขาคิดจะมีหรือไม่ เพราะผมยังแอบรู้สึกว่าพี่เขายังชอบผู้หญิงอยู่ครับ
แถมทุกวันนี้ ก็มีสาว ๆ นมใหญ่ ๆ มาแกล้งทำนมหกใส่พี่เขาอยู่ทุกวัน แต่พี่เอ๋งก็ไม่ได้สนใจอะไร ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะมีผมอยู่ล่ะมั้งครับ แต่ถ้าวันหนึ่งที่ผมไปเรียนที่กรุงเทพฯ จริง ๆ แล้วพี่เอ๋งอยากจะมีเมียผมก็ไม่ได้ขัดอะไรหรอกครับ ผมเข้าใจดี…
ผมนั่งดูทีวีจนเผลอหลับไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ครับ จนเมื่อผมได้ยินเสียงของพี่เอ๋งมาปลุกผม ผมก็เลยตื่นขึ้นมาพร้อมกับได้กลิ่นข้าวหอม ๆ ที่กำลังเดือดอยู่ในหม้อหุงข้าวนั้น
“ดีนครับ ตื่นได้แล้วครับ เดี๋ยวจะได้ไปกินข้าวกัน ไปล้างหน้าล้างตาซะสิ ข้าวกำลังเดือด อีกเดี๋ยวน่าจะได้กินแล้ว”
“ครับพี่ ผมรู้สึกหิวพอดีเลย ยังมึน ๆ อยู่เลยอะ ผมอยากกินอะไรที่มันเผ็ด ๆ พี่มีปะครับ ถ้าไม่มีผมจะได้ออกไปซื้อที่ร้านหน้าตลาด…”
“มีสิครับ ที่นี่บ้านช่างเอ๋งนะ ของเผ็ด ๆ มันต้องมีอยู่แล้ว”
“อะไรเหรอครับ ไหนขอดูหน่อยว่าถูกใจผมหรือเปล่า…”
ผมชะเง้อหน้าไปที่โต๊ะกินข้าว แต่กลับไม่มีอะไรที่เผ็ดเลย มีแค่ผัดวุ้นเส้นกับไข่เจียวแค่นั้น แต่อยู่ ๆ พี่เอ๋งก็ล็อกหน้าของผมไว้ แล้วลากมาตรงหน้าของตัวเองพลางประสานสายตา
“จะไปมองหาที่อื่นทำไมล่ะครับ บ้านหลังนี้อะ ไม่มีอะไรเผ็ชชช…เท่าพี่อีกแล้วนะ”
พี่เอ๋งพูดพลางขยับเข้ามาประชิดตัวผมทั้งที่ยืนอยู่ จนผมต้องรีบดันตัวของพี่เอ๋งออกไปแล้วเผลอเบ้ปากด้วยความลืมตัว
“อี๋…หลงตัวเองแล้วหนึ่ง ใจเย็นสิครับ มาถึงก็จะเอาเลยเหรอ”
“ฮ่า ๆ ๆ ก็ได้ครับ…มา ๆ กินข้าว ๆ”
พี่เอ๋งยิ้มอย่างพอใจที่ได้เห็นผมยิ้มแบบนั้น แล้วเราสองคนกินข้าวเที่ยงกันอย่างเอร็ดอร่อยในมื้อเที่ยงนั้นจนผมท้องป่องกลมดิ๊กเหมือนคนท้องสักหกเดือนได้
“อ้าาา อิ่มมากเลยครับพี่ กับข้าวอร่อยทุกอย่างเลย แหม…แอบมีแกงเผ็ดคั่วพริกด้วยก็ไม่บอก ข้าวหมดหม้อเลยเนี่ย…”
“กินเยอะเหมือนกันนะเราเนี่ย มาอยู่กับพี่แค่ครึ่งวันท้องซะแล้วเหรอ ให้พี่ยกขันหมากไปขอมั้ย เดี๋ยวแม่น้องดีนจะว่าเอาได้ว่าพี่ไม่รับผิดชอบ”
“พูดมาก เดี๋ยวทุบเลย ทำไม…ผมท้องป่องแล้วจะทิ้งผมเหรอ หึใช่ซี้!!! ใครจะหุ่นดีเท่าอีแยมนมใหญ่นั่นล่ะ…”
เมื่อชีวิตมันสงบสุขเกินไป ผมก็เลยเปิดศึกซะเลยครับ ผมรู้ครับว่าพี่เอ๋งไม่ได้ชอบยัยนั่นหรอก แต่ผมก็แค่อยากจะแกล้งเฉย ๆ เพราะความหมั่นไส้ เวลาที่ผัวของตัวเองโดนยัยพวกนั้นมาเต๊าะ มันน่าหงุดหงิดจะตายครับ ว่าแต่เอ๊ะ…นี่ผมกำลังหึงอยู่งั้นเหรอ?
“ฮ่า ๆ ๆ นี่เราหึงพี่อยู่งั้นเหรอ?”
“บ้าน่าใครจะหึง ผัวก็ไม่ใช่ผมไม่สนหรอกว่าพี่จะไปเอากับใครอะ”
“น้องดีนนี่น้า ทำไมถึงชอบพูดแบบนี้นักนะ หึงก็บอกว่าหึงสิใครจะว่า พี่ออกจะชอบ เวลาที่เมียของพี่หึงอะ”
“ก็บอกว่าอย่ามาเรียกผมว่าเมียไง แค่เด้าหว่างขาอะผมไม่นับนะ…”
“งั้นก็มาเป็นซะสิจะได้จบ ๆ”
“เฮ้ยพี่ปล่อยผมนะ อย่านะ…”
พี่เอ๋งไม่ฟังคำที่ผมพูดเลยสักนิดครับ อยู่ ๆ ก็ปรี่เข้ามาช้อนตัวของผมเข้าไปไว้ในอ้อมแขนของตัวเอง แล้วพาผมขึ้นไปบนดาดฟ้าในทันทีครับ อ้อ…ไม่ต้องห่วงครับ เพราะประตูหน้าร้านหรือหน้าบ้านของพี่เอ๋ง มันถูกล็อกเอาไว้ตั้งแต่ตอนที่พี่เอ๋งกำลังจะมาพักกินข้าวกับผมแล้วครับ…สบายใจได้
.
.