ไพรดงพิศวง ความหมาย: * ไพร : หมายถึง ป่า, ดง หรือพื้นที่ป่าทึบ  * ดง : หมายถึง กลุ่มต้นไม้ที่ขึ้นหนาแน่น * พิศวง : หมายถึง น่าแปลกใจ, น่าสงสัย, หรือทำให้เกิดความสงสัย "ไพรดงพิศวง" จึงหมายถึง ป่าหรือดงที่เต็มไปด้วยความลึกลับ น่ากลัว หรือเหตุการณ์ที่ไม่สามารถอธิบายได้ อาจมีความเชื่อเกี่ยวกับสิ่งลี้ลับ หรือเรื่องราวเล่าขานที่น่าขนลุกเกี่ยวข้องกับสถานที่นั้นๆ 🙏กราบสวัสดีท่านผู้เดินทางทั้งหลาย เร็วๆนี้กระผมจะพาท่านเดินทางไปพบกับความ🙏ประหลาด🫨ความเร้นลับ ความเชื่อมโยงกับโลกต่างมิติ และเรื่องราวของพรานหนุ่มที่โดนกลุ่มล่าสมบัติว่าจ้างให้นำทางเข้าป่าลึกเพื่อตามหาว่านชนิดหนึ่ง สี่ว่านจตุรมิตร การเดินจะพบเจออะไรบ้างมาเดินทางไปพร้อมๆกัน

ไพรดงพิศวง ปฐมบทการเดินทาง - ตอนที่ 24 เส้นทางที่ถูกกำหนด ( ตอนจบภาคหนึ่ง ) โดย makitomak @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ผจญภัย,แฟนตาซี,แอคชั่น,ลึกลับ,ระทึกขวัญ,ผจญภัย,ทะลุมิติ,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ไพรดงพิศวง ปฐมบทการเดินทาง

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ผจญภัย,แฟนตาซี,แอคชั่น,ลึกลับ,ระทึกขวัญ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ผจญภัย,ทะลุมิติ,แฟนตาซี

รายละเอียด

ไพรดงพิศวง ปฐมบทการเดินทาง โดย makitomak @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

 ไพรดงพิศวง ความหมาย: * ไพร : หมายถึง ป่า, ดง หรือพื้นที่ป่าทึบ  * ดง : หมายถึง กลุ่มต้นไม้ที่ขึ้นหนาแน่น * พิศวง : หมายถึง น่าแปลกใจ, น่าสงสัย, หรือทำให้เกิดความสงสัย "ไพรดงพิศวง" จึงหมายถึง ป่าหรือดงที่เต็มไปด้วยความลึกลับ น่ากลัว หรือเหตุการณ์ที่ไม่สามารถอธิบายได้ อาจมีความเชื่อเกี่ยวกับสิ่งลี้ลับ หรือเรื่องราวเล่าขานที่น่าขนลุกเกี่ยวข้องกับสถานที่นั้นๆ 🙏กราบสวัสดีท่านผู้เดินทางทั้งหลาย เร็วๆนี้กระผมจะพาท่านเดินทางไปพบกับความ🙏ประหลาด🫨ความเร้นลับ ความเชื่อมโยงกับโลกต่างมิติ และเรื่องราวของพรานหนุ่มที่โดนกลุ่มล่าสมบัติว่าจ้างให้นำทางเข้าป่าลึกเพื่อตามหาว่านชนิดหนึ่ง สี่ว่านจตุรมิตร การเดินจะพบเจออะไรบ้างมาเดินทางไปพร้อมๆกัน

ผู้แต่ง

makitomak

เรื่องย่อ

 ไพรดงพิศวง ความหมาย:


 * ไพร : หมายถึง ป่า, ดง หรือพื้นที่ป่าทึบ

 * ดง : หมายถึง กลุ่มต้นไม้ที่ขึ้นหนาแน่น

 * พิศวง : หมายถึง น่าแปลกใจ, น่าสงสัย, หรือทำให้เกิดความสงสัย



"ไพรดงพิศวง" จึงหมายถึง ป่าหรือดงที่เต็มไปด้วยความลึกลับ น่ากลัว หรือเหตุการณ์ที่ไม่สามารถอธิบายได้ อาจมีความเชื่อเกี่ยวกับสิ่งลี้ลับ หรือเรื่องราวเล่าขานที่น่าขนลุกเกี่ยวข้องกับสถานที่นั้นๆ

 🙏กราบสวัสดีท่านผู้เดินทางทั้งหลาย เร็วๆนี้กระผมจะพาท่านเดินทางไปพบกับความ🙏ประหลาด🫨

ความเร้นลับ ความเชื่อมโยงกับโลกต่างมิติ 

และเรื่องราวของพรานหนุ่มที่โดนกลุ่มล่าสมบัติว่าจ้างให้นำทางเข้าป่าลึกเพื่อตามหาว่านชนิดหนึ่ง สี่ว่านจตุรมิตร การเดินจะพบเจออะไรบ้างมาเดินทางไปด้วยกันในป่าจะมีอะไรรออยู่เตรียมเสบียงให้พร้อม😏😏😏

แล้วพบกันท่านผู้เดินทาง (แสยะยิ้ม)

______________________

รบกวนท่านผู้เดินทางกดเข้าชั้นหนังสือ กดหัวใจกดติดตาม คอมเม้นท์ เพื่อเป็นกำลังใจให้ด้วยน่ะครับ จุ้ฟๆ 

_______________________

1.1 นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องสมมุติ ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาจากจินตนาการ ของผู้แต่งเท่านั้น เหตุการณ์ ​​​สถานที่ ตัวละคร ไม่มีอยู่จริงครับ

2.2 เนื้อหาในเรื่องมีการใช้อาวุธ การต่อสู้การทำร้ายร่างกาย การฆ่า เลือด การร่วมเพศสัมพันธ์ุุของชายชายและหญิงหญิง  มีการใช้คาถาอาคม พลังเหนือธรรมชาติ ผีสาง วิญญาณร้าย 

3.3 นิยายเรื่องนี้อาจมีคำหยาบคาย เหมาะกับผู้ที่อายุ 15 ปีขึ้นไปโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน 



​​​​​​​​​​​​ ขอบคุณท่านผู้เดินทางทุกคนที่เข้ามาอ่านและขออภัยถ้าเกิดมีความผิดพลาดในเนื้อเรื่องบางประการจะพยายามไม่ให้ออกทะเลไปไกลจ้ะ

สารบัญ

ไพรดงพิศวง ปฐมบทการเดินทาง-ตอนที่ 1 สามเดือนก่อนการเดินทาง,ไพรดงพิศวง ปฐมบทการเดินทาง-ตอนที่ 2 งานวัดก่อนการเดินทาง,ไพรดงพิศวง ปฐมบทการเดินทาง-ตอนที่ 3 ประชุมก่อนการเดินทาง,ไพรดงพิศวง ปฐมบทการเดินทาง-ตอนที่ 4 จุดเริ่มต้นการเดินทาง,ไพรดงพิศวง ปฐมบทการเดินทาง-ตอนที่ 5 คืนพักแรม 1,ไพรดงพิศวง ปฐมบทการเดินทาง-ตอนที่ 6 คืนพักแรม 2,ไพรดงพิศวง ปฐมบทการเดินทาง-ตอนที่ 7 การเผชิญหน้าเสือสมิง,ไพรดงพิศวง ปฐมบทการเดินทาง-ตอนที่ 8 สู้กับสมิง 1 ,ไพรดงพิศวง ปฐมบทการเดินทาง-ตอนที่ 9 สู้กับสมิง 2,ไพรดงพิศวง ปฐมบทการเดินทาง-ตอนที่ 10 คืนพักแรม 3,ไพรดงพิศวง ปฐมบทการเดินทาง-ตอนที่ 11 คืนพักแรม 3 การเคลื่อนไหวในเงามืด,ไพรดงพิศวง ปฐมบทการเดินทาง-ตอนที่ 12 ผู้มาเยือนใต้เงามืด 1,ไพรดงพิศวง ปฐมบทการเดินทาง-ตอนที่ 13 ผู้มาเยือนใต้เงามืด 2 ,ไพรดงพิศวง ปฐมบทการเดินทาง-ตอนที่ 14 ปะทะผีป่า,ไพรดงพิศวง ปฐมบทการเดินทาง-ตอนที่ 15 ปะทะผีป่า 2,ไพรดงพิศวง ปฐมบทการเดินทาง-ตอนที่ 16 ปะทะผีป่า 3,ไพรดงพิศวง ปฐมบทการเดินทาง-ตอนที่ 17 ปะทะผีป่า 4 ว่านสำแดงฤทธิ์,ไพรดงพิศวง ปฐมบทการเดินทาง-ตอนที่ 18 จุดจบของผีป่า,ไพรดงพิศวง ปฐมบทการเดินทาง-ตอนที่ 19 เส้นทางสู่อดีต,ไพรดงพิศวง ปฐมบทการเดินทาง-ตอนที่ 20 ใจกลางมิติ,ไพรดงพิศวง ปฐมบทการเดินทาง-ตอนที่ 21 ชนากร,ไพรดงพิศวง ปฐมบทการเดินทาง-ตอนที่ 22 ทิพย์ฤทัย,ไพรดงพิศวง ปฐมบทการเดินทาง-ตอนที่ 23 ประตูมิติ ,ไพรดงพิศวง ปฐมบทการเดินทาง-ตอนที่ 24 เส้นทางที่ถูกกำหนด ( ตอนจบภาคหนึ่ง )

เนื้อหา

ตอนที่ 24 เส้นทางที่ถูกกำหนด ( ตอนจบภาคหนึ่ง )




ทุกอย่างมืดสนิท ไม่มีแม้แต่แสง ไม่มีเสียง ไม่มีลมหายใจ เหมือนร่วงหล่นลงสู่อเวจีว่างเปล่าที่ไม่มีจุดสิ้นสุด


อึ่ก…ที่นี่ที่ไหนวะ…

เสียงของดิเรกดังขึ้นก่อน ตามมาด้วยเสียงไอเบา ๆ ของชางวี


แสงอาทิตย์สลัว ๆ ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะ — ท่ามกลาง ป่าดึกดำบรรพ์ ที่ไม่มีใครคุ้นตา

ต้นไม้สูงชะลูดใบหนาแน่น เหมือนพวกมันกำลังจ้องมองผู้มาเยือนด้วยความระแวดระวัง

ไอหมอกจาง ๆ ปกคลุมพื้นดิน กลิ่นดินชื้นกับกลิ่นไม้เน่าโชยมาแตะจมูก 


"ชางวีเป็นไงบ้าง เจ็บตรงไหนหรือป่าว"

ดิเรกถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นร่างของชางวีกำลังพยุงตัวเองลุกขึ้นจากท่อนไม้ที่ผุพัง

"ไหวจ้ะ นายใหญ่"

หล่อนตอบกลับไปก่อนจะเดินเก็บข้าวของที่กระจัดกระจายคิดว่าน่าจะเกิดจากการหล่นลงมาจากม่านมิติ ดิเรกที่มองสำรวจไปทั่วบริเวณก่อนจะเกิดอาการใจคอไม่ดี สิ่งที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นในการเดินทางมากที่สุด " การแยกกลุ่ม " สิ่งที่พบในบริเวณใกล้ๆกับที่ดิเรกและชางวีตงลงมานั้นก็มีแค่ข้าวของสัมภาระในกระเป๋าเท่านั้น ไม่มีร่องรอยของคนอื่น 

" เวรแล้ว "  


ดิเรกอุทานร้องเสียงดังก่อนจะหันมาทางชางวีที่กำลังเก็บข้าวของที่หล่นกระจัดกระจายโดยที่ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง

" ชางวี แถวนี้มีแต่ป่ารกและต้นไม่ใหญ่ ฉันลองเดินรอบๆทั่วแถวนี้ล่ะไม่มีร่องรอยอะไรเลย เราน่าจะโดนไอม่านประตูมิตินั้นแยกจากกันแน่เลย โอ้ยยย ไม่รู้ป่านี้คนอื่นจะเป็นยังบ้าง"

ดิเรกบ่นหัวเสีย ก่อนจะเดินมาช่วยชางวีเก็บของ

" ชางวีว่าเราต้องหาที่หลบกันก่อนดีกว่า แล้วค่อยคิดที่หลังว่าจะตามหาคนอื่นกันยังไง ไม่รู้ว่าป่าแถบนี้มีอะไรบ้าง "

ทั้งสองคนพากันเดินไปตามทางที่มีแต่ต้นไม้ใหญ่ขึ้นปกคลุมจนแสงแดดแทบไม่อาจลอดผ่านใบมาได้ 

ขณะที่ดิเรกกับชางวีเดินลึกเข้าไปในป่า เสียงกิ่งไม้หักเบา ๆ ดังขึ้นจากด้านหลัง


“แกร๊ก...


ทั้งสองหยุดฝีเท้า เงี่ยหูฟัง...


เสียงเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะมีเสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังขึ้นอีกครั้ง


มีอะไรตามเรามาแน่เลย…” ดิเรกกระซิบ


ชางวีหันขวับไปด้านหลัง แต่ก็ไม่พบสิ่งใดนอกจากหมอกจาง ๆ และเงาไม้ที่สั่นไหว


ทันใดนั้นเอง...


เสียง กระดิ่งเล็ก ๆ ดังขึ้นจากที่ไม่ไกล — เสียงที่ไม่น่าจะปรากฏอยู่ในป่ารกร้างแห่งนี้


กระดิ่งเหรอ…?” ชางวีอุทานเบา ๆ 


ทั้งคู่มองหน้ากัน ก่อนจะตัดสินใจหยุดเดินและเตรียมอาวุธพร้อมในกำมือ


/////////////////////////////////////////////////////////////////////////


 ณ บึงน้ำขนาดใหญ่ที่ไหนสักแห่งทางด้านทิศตะวันตก มีบางอย่างได้ล่วงหล่นสู่ผืนน้ำจนเกิดเสียงกระจายของน้ำ 


" ตู้มม " เกิดการแตกกระจายของมวลน้ำเป็นระลอกคลื่นขนาดไม่ใหญ่มาก


"อ่าร์ แค่ก แค่ก "

เสียงไอสำลักน้ำของชายหนุ่มร่างใหญ่สองคน พรานกล้ากับภพ ที่หลังจากหัวโผล่พื้นระดับน้ำ ก็ไอสำลักน้ำ ก่อนจะพากันว่ายเข้าหาตลิ่ง พอทั้งสองพากันช่วยพยุงตัวขึ้นจากบึงได้แล้ว ต่างพากันนอนหอบหลาพร้อมกับไอสำลักน้ำเป็นระยะ 


" คนอื่นๆล่ะพรานกล้า คนอื่นๆไปไหน ทำไมมีแค่เรา "


ภพกวาดสายตามองไปรอบๆก่อนจะพยายามลุกขึ้น น้ำเสียงที่ถามพรานกล้านั้นเต็มไปด้วยความเป็นห่วงคล้ายคนจะร้องไห้ ก่อนจะหมุนรอบกายตะโกนเรียกชื่อแต่ล่ะคนจนสุดเสียง 

" พี่ดิเรก ยายแก้ว ชางวี ได้ยินไหม "

 

เสียงของภพตะโกนเรียกชื่อซ้ำๆ เดินวนไปมาตามริมบึง ไม่มีเสียงตอบรับใดๆภพจึงเดินกลับมาทางพรานที่กำลังเก็บข้าวของที่กระจัดกระจายลอยอยู่ข้างริมบึง 

 

 " คุณภพครับ คนอื่นจะเป็นยังไงค่อยว่ากัน ผมว่าเราควรเช็คอุปกรณ์และอาวุธก่อนดีกว่าครับ แล้วค่อยหาทางตามหาคนอื่นทีหลัง ผมคิดว่าประตูมิติน่าจะปล่อยพวกเราไปคนละทิศละทาง คนอื่นๆอาจจะไปโผล่ที่ไหนก็ไม่รู้ แต่ผมคิดว่าพวกเขาจะปลอดภัย "


พรานกล้าตอบไปโดยใช้สัญชาตณาญ และมั่นใจว่าทุกคนต้องอยู่ไม่ไกลจากกัน    

 ภพที่กำลังเดินมาถึงกระเป๋าตนเองที่หล่นจึงก้มเก็บของพร้อมกับกล่าวเสียงปนเศร้า


" ผมกลัวว่าทุกคนจะเกิดอันตราย ผมไม่อย่างเสียใครไปอีก "


พรานกล้าพอที่จะเข้าใจสิ่งที่ภพคิด แต่ทำได้เพียงเดินไปหาภพใกล้ๆก่อนจะนั่งลงข้างๆเอาหัวตัวเองที่ยังไม่แห้งดีนักซบลงที่บ่าข้างขวาของภพ ก่อนจะพูดให้กำลังใจอีกฝ่าย

เบาๆ

 " ผมสัญญา เราจะต้องตามหาคนอื่นๆให้เจอ "


      ไม่นาน ก่อนที่พรานกล้าจะเริ่มเห็นสิ่งผิดปกติ มีบางอย่างใต้น้ำทำให้เกิดฟองอากาศเหมือนใต้น้ำกำลังเดือดจนเกิดฟองปุดๆลอยขึ้นมาไปทั่วบึง พื้นน้ำสั่นไหวจนเกิดระลอกคลื่นกระทบกับริมตลิ่ง 


พราน… นั่นมันอะไร…” ภพพูดเสียงสั่นขณะถอยหลังหนึ่งก้าว


กลางบึงที่เคยนิ่งสงบ บัดนี้เกิดคลื่นวนเล็ก ๆ ล้อมเป็นวงกลม ก่อนจะมีฟองอากาศจำนวนมากผุดขึ้นมาพร้อมเสียง “ปุด… ปุด…” ดังไม่หยุด


พรานกล้าหยิบมีดปลายแหลมออกมาถือไว้ในมือแน่น ขณะมองไปที่กลางบึงซึ่งบัดนี้เริ่มเปลี่ยนสี


น้ำตรงกลาง... กลายเป็นสีดำสนิทเหมือนน้ำหมึก และมี เงาบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวช้า ๆ ใต้ผิวน้ำ


ถอยไปทางนั้นเร็ว ภพ!” พรานกล้าออกคำสั่งทันที


////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////


 อีกฝั่งหนึ่งของเทือกเขาที่ตั้งตะหง่านอยู่ทางทิศใต้ รายล้อมไปด้วยดอกไม้นานาๆชนิดที่มีรูปร่างขนาดใหญ่แปลกตาส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่วเชิงเขา สัตว์น้อยใหญ่ต่างพากันเดินตามทุ่งหญ้าหาอาหาร บ้างก็นอนหลับใต้ต้นไม้ ก่อนจะเกิดเสียงประหลาดคล้ายประกายไฟฟ้าซ็อตกันและวงม่านประตูมิติก็เปิดขึ้น มีบางสิ่งล่วงหล่นจากมาอย่างม่านประตูมิติพร้อมข้าวของที่ลอยหล่นตามลงมา  


"อร้ายยยย ตายแน่ๆ พ่อจ้าแม่จ้า ช่วยด้วยยยยย " 


 เสียงกรีดร้องตกใจของหญิงสาวร้องแหกปากดังไปทั่วบริเวณร่างของจันทร์แก้วดิ่งลงมาข้างรวดเร็ว แต่ก่อนจะตกถึงพื้นปรากฏดอกไม้ชนิดนึงได้บานออกจนใหญ่พอที่จะรับน้ำหนักคนได้ 


"ตุ้บ" เสียงร่างของจันทร์แก้วตงลงกระทบกับตัวเกสรดอกไม้ตรงกลางที่มีลักษณะนุ่มๆสีเหลือง ก่อนที่มันจะเอียงลงตามน้ำหนักของจันทร์เเก้วก่อนที่ร่างหญิงสาวจะลื่นตงลงพื้น 


"ตุ้บ โอ้ย ยยย " จันทร์แก้วตงลงถึงพื้นอีกครั้งแต่ไม่ได้แรงมากหนักเพราะดอกไม้ได้รับน้ำหนักไปรอบนึงแล้ว ก่อนที่ร่างของเธอจะค่อยๆลุกขึ้นมองไปรอบๆตัวพร้อมกับร้องซี้ดเบาๆจากอาการเจ็บเมื่อครู่


" โชคดีน่ะที่มีดอกไม้รับไว้ไม่งั้นสิ้นชื่อกันพอดี" 


พึมพำจบก็นึกขึ้นได้ว่ารอบตัวเองที่ยืนอยู่ตอนนี้มีสิ่งที่แปลกตามากมายจนต้องตะลึง


"โอ้ มาย ก้อดดด " 


 หญิงสาวร้องเสียงหลงด้วยความอัศจรรย์ กับสิ่งที่เห็น

ด้านหน้ามีทุ่งหญ้าสีเขียวขจี มีสัตว์หน้าตาแปลกๆมากมาย อยู่รวมกันเป็นกลุ่ม หลังเห็นว่ามีสิ่งที่แปลกปลอมอย่างจันทร์แก้วโผล่เข้ามามันต่างไม่สนใจ บ้างก็มองแต่ไม่ทำอะไร บ้างก็วิ่งหยอกล้อกันไปมาตามทุ่งหญ้า

ด้านข้างมีดอกไม้หลายชนิดมีสีสันสวยงามและมีขนาดใหญ่มากโชยกลิ่นหอมแปลกๆที่ชวนหลงไหล บางชนิดใหญ่จนต้องมองขึ้นด้านบน ส่วนด้านหลังเป็นเทือกเขาที่ใหญ่สุดสายตาทอดยาวไปตามแนวท้องฟ้า จันทร์แก้วเก็บข้าวของที่หล่นกระจัดกระจายใส่กระเป๋าเดินทางก่อนจะเดินชมสิ่งแปลกตาที่มหัศจรรย์ที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน 


เดินเรื่อยๆมาสุดขอบเขตทุ่งหญ้า ด้านหน้าเป็นป่าโปร่งและมีทางเดินซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นทางเดินของสัตว์แถวนี้


" คงต้องไปเดินต่อไปสิน่ะ ไม่รู้คนอื่นๆจะเป็นไงบ้าง " 


กล่าวจบพร้อมกับถอนหายใจหล่อนหันมามองเหล่าสิ่งมหัศจรรย์ด้านหลังก่อนจะก้าวเดินตามทางข้างหน้า

ทันใดนั้นเอง

~มีร่างเงาของบางอย่างกำลังมุ่งมาทางที่จันทร์แก้วยืนอยู่ ร่างของจันทร์แก้วเหมือนถูกสาป ไม่สามารถขยับไปไหนได้ ร่างเงาค่อยๆเข้าใกล้จุดที่จันทร์แก้วยืนอยู่ เสียงของหัวใจของจันทร์แก้วเต้นระทึกไม่เป็นจังหวะ ลมหายใจที่หอบคล้ายวิ่งหนีอะไรสักอย่างดังไปทั่วโสตประสาท   

   ร่างนั้นมาหยุดที่หน้าของจันทร์แก้วไม่เกิน 2 เมตร มันค่อยๆเผยตัวตนจนชัดเจนขึ้นจากเดิม ปรากฏกายเป็นหญิงสาวหน้าตาสะสวย ผมตรงยาว ใบหน้ายิ้มสดใสจนแปลกตา ชุดที่ใส่เป็นผ้าสีทองมีสไบสีขาวคาดทับตามชุดมีเครื่องเพชรวับวับเมื่อโดนแสงเกิดแสงระยิบระยับ  ก่อนจะเอ่ยกล่าววาจาทักทายหญิงตรงหน้า 


 " ยินดีต้อนรับผู้มาเยือนจากแดนไกล.....ลับแลนคร..กำลังรอท่านอยู่" 



//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////



เหตุการณ์ที่ทุ่งหญ้าหลังม่านประตูมิติปิดลง องค์หญิงทิพย์ฤทัยและชนาการยังคงได้ต่อสู้กันจนเกิดเสียงสะเทือนไปทั่วบริเวณ 


 เสียงคำรามของพลังวิญญาณแผ่ซ่านไปทั่วผืนฟ้า ราวกับจักรวาลทั้งมวลสะท้อนความเกรี้ยวกราดและความมุ่งมั่นของทั้งสองฝ่าย


องค์หญิงทิพย์ฤทัย — บัดนี้ไม่ใช่หญิงสาวแสนงามในความทรงจำอีกต่อไป หากแต่กลายเป็นร่างแห่งความพยาบาท เส้นผมของนางปลิวไหวราวกับเปลวไฟสีดำ เสื้อผ้าสีทองถูกย้อมด้วยพลังปีศาจที่หมุนวนรอบกาย ดวงตาสว่างวาบด้วยสีแดงเข้มประหนึ่งเลือด


"จงหายไปจากห้วงมิตินี้เสียเถอะ ชนากร!"


นางเปล่งเสียงกึกก้อง พลางสะบัดแขนปลดปล่อย พลังวิญญาณดำ ออกไปเป็นสายฟ้าแห่งคำสาปฟาดใส่ร่างของชนากร!


แต่ชนากรกลับยืนนิ่ง กำมือทั้งสองแน่น กัดฟันแน่น พึมพำเสียงแผ่วในลำคอ…


นะโมพุทธายะ… กายะ วาจา จิตตัง… ข้าขออุทิศกุศลบารมีปกป้องเหล่าผู้บริสุทธิ์ ขอพลังแห่งบรรพชนจงมาปรากฏ…


ดวงอักขระสีทองโบราณค่อย ๆ ลอยขึ้นจากพื้นรอบตัวเขา หมุนวนช้า ๆ แล้วเร็วขึ้นเรื่อย ๆ

จนกลายเป็น วงยันต์ศักดิ์สิทธิ์ ล้อมรอบกายชนากร เสียงสวดมนต์ราวกับเหล่าพระเถราจารย์จากอดีตกาลสะท้อนขึ้นมาจากพื้นโลก


เมื่อพลังทั้งสองปะทะกันกลางอากาศ—


⚡️ตูมมมมมม!!!⚡️

เกิดแสงจ้าที่สาดกระจายไปทั่ว ทุ่งหญ้าถูกแรงระเบิดซัดเป็นวงกว้าง ใบไม้ปลิวว่อน ดอกไม้เหี่ยวเฉาลงไปชั่วขณะ


องค์หญิงทิพย์ฤทัยถูกแรงสะท้อนจนถอยหลังไปหลายก้าว สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ไม่คิดว่าชนากรจะยังมีพลังหลงเหลืออยู่


"มึง…! ยังกล้าต่อต้านกูอีกหรือ!!"


นางกรีดเสียงออกมา ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความโกรธแค้น


ชนากรหอบหายใจถี่ ๆ เลือดไหลจากมุมปาก แต่ยังคงยืนหยัด ดวงตาแน่วนิ่ง


" ข้าจักทำทุกวิถีทางเพื่อให้พวกเขาไปถึงนครฤธาจักรดิ์ทราวดี… และปลดปล่อยดวงวิญญาณที่ท่านผูกไว้—ให้เป็นอิสระสักที!"


แสงทองเปล่งประกายจากยันต์รอบตัวชนากรแรงขึ้นอีกครั้งก่อนจะพาร่างของชนากรหายวับไปจากตรงนั้น ปล่อยให้องค์หญิงทิพย์ฤทัยกีดร้องด้วยความโกรธแค้น ก่อนจะหายตามกันไป


ปล่อยเล่มภาค สอง ไพรดงพิศวงเส้นทางที่ล่มสลาย  ไปหาอ่านได้แล้วน่ะ




จบภาคหนึ่งแล้วจร้า ไปตามต่อที่ภาคสองนร้าาาา ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านงับ แล้วต้องขออภัยด้วยถ้าคำไหนพิมพ์ผิดไป หรือเนื้อเรื่องที่ไม่สนุกบ้างตอน กำลังพัฒนาไปเรื่อยๆเนื้อเรื่องกำลังจะเข้มข้นขึ้น ยังไงฝากติดตาม กดหัวใจ คอมเม้นได้น่ะครับ สุดท้ายนี้ขอให้เหล่านักเดินทางทั้งหลาย จนมีความสุขกับการอ่านนิยายเรื่องนี้ด้วยเถิด