จนกว่าจะถึงมื้อของหวาน โปรดอย่ามองตาของผู้ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะอาหาร มิเช่นนั้นท่านอาจกลายเป็นชิ้นเนื้อปรุงสุกบนจานในมื้อถัดไป :)

จดหมายเชิญทานมื้อค่ำกับคุณปีศาจ - บทที่ 2 ร่วมโต๊ะมื้อค่ำกับนายท่านปีศาจ โดย BERIGIN @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,แฟนตาซี,ลึกลับ,เลือดสาด,จดหมายเชิญทานมื้อค่ำกับคุณปีศาจ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

จดหมายเชิญทานมื้อค่ำกับคุณปีศาจ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,แฟนตาซี,ลึกลับ,เลือดสาด

แท็คที่เกี่ยวข้อง

จดหมายเชิญทานมื้อค่ำกับคุณปีศาจ

รายละเอียด

จดหมายเชิญทานมื้อค่ำกับคุณปีศาจ โดย BERIGIN @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

จนกว่าจะถึงมื้อของหวาน โปรดอย่ามองตาของผู้ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะอาหาร มิเช่นนั้นท่านอาจกลายเป็นชิ้นเนื้อปรุงสุกบนจานในมื้อถัดไป :)

ผู้แต่ง

BERIGIN

เรื่องย่อ

ถึงคุณผู้ที่ได้รับจดหมาย


          ในนามของ ‘ท่านเจ้าของคฤหาสน์ลูเซียส’ ข้าพเจ้าขอเรียนเชิญท่านมาร่วมรับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องโถงใหญ่ของคฤหาสน์ในคืนนี้เวลาหนึ่งทุ่มตรง นายท่านประสงค์จะพบท่านเป็นการส่วนตัว ไม่ต้องกังวลเพราะท่านเป็นแขกเพียงคนเดียวในค่ำคืนนี้

          ท่านสามารถระบุเมนูอาหารที่ท่านอยากกินได้ตามต้องการ มากแค่ไหนก็ได้ ราคาแพงแค่ไหนก็ได้ แล้วเราจะส่งรถไปรับท่านถึงประตูบ้านและนำส่งกลับอย่างปลอดภัยเมื่อทานอาหารเสร็จ โดยที่ท่านไม่เสียค่าใช้จ่ายเลยสักเหรียญเดียว

          มีเพียง ‘กฎข้อเดียว’ ที่เราจะแจ้งให้ท่านทราบเมื่อเดินทางถึงคฤหาสน์แล้วเท่านั้น หากท่านยินดีโปรดเซ็นชื่อด้านล่าง และระบุชื่ออาหารที่ท่านอยากลิ้มลองไว้ที่ด้านหลังของกระดาษ

ด้วยความเคารพ,

พ่อบ้านประจำคฤหาสน์ลูเซียส

หวังว่าเราจะได้พบกันในมื้อค่ำคืนนี้ :)

สารบัญ

จดหมายเชิญทานมื้อค่ำกับคุณปีศาจ-อารัมภบท ชายผู้โชคร้าย,จดหมายเชิญทานมื้อค่ำกับคุณปีศาจ-บทที่ 1 ข่าวคนหายกับจดหมายปริศนา,จดหมายเชิญทานมื้อค่ำกับคุณปีศาจ-บทที่ 2 ร่วมโต๊ะมื้อค่ำกับนายท่านปีศาจ

เนื้อหา

บทที่ 2 ร่วมโต๊ะมื้อค่ำกับนายท่านปีศาจ

“จู”

“จู”

“จู!”

“อื้อ”

เสียงครางอู้อี้ขานตอบรับ เมื่อแรงเขย่าจากเจ้าของเสียงค่อย ๆ แรงขึ้น ก่อนที่เปลือกตาหนักอึ้งจะค่อย ๆ เปิดออก ความมึนแล่นเข้ามาในหัวอย่างจังจากความเมาที่ยังค้างอยู่ รอบข้างเงียบสนิท มีเพียงไทม์ที่ยืนอยู่

“กลับบ้านกันมึง”

“แล้วลุงคนนั้นอะ”

“ใคร ลุงไหน”

ใบหน้าหวานกวาดสายตาไปรอบร้าน ก่อนจะพบเพียงความว่างเปล่า จดหมายที่ว่าก็หายไปแล้ว แต่ความรู้สึกขนลุกยังคงอยู่ ราวกับสิ่งที่พบมันเป็นความจริง

“กูน่าจะฝัน ไม่มีไรหรอก”

รถหรูแล่นเข้าจอดเทียบข้างประตูรั้วบ้านสีดำหลังเล็ก ก่อนที่จูเลียตจะโบกมือลาเพื่อนสนิทตัวเองด้วยรอยยิ้ม

หลังจากที่เจ้าของใบหน้าหล่อเคลื่อนรถออกไป ในวินาทีนั้นรถม้าคันหนึ่งก็แล่นจอดแทนที่ ชายแปลกหน้าที่เคยมาหาเขาเดินลงจากรถ ก่อนจะผายมือเชิญเขาให้เข้าไป

สิ่งที่เขาคิดว่ามันคือความฝันกลับเป็นความจริง

“เชิญครับคุณจูเลียต”

ช่วงเวลาที่เซ็นเอกสารนั้นไร้ซึ่งสติ ยามนี้เลยคิดวิตกว่าควรจะเดินขึ้นไปดีไหม ตาลุงคนนี้จะเป็นพวกนักต้มตุ๋นหลอกเขาไปฆ่าหมกป่าหรือเปล่า แต่หากข้อความในจดหมายเป็นเรื่องจริงก็ดีไม่น้อย

หลังจากที่คิดวิเคราะห์อย่างถี่ถ้วนหลายนาทีก็ตัดสินใจได้ ขายาวก้าวเท้าขึ้นไปบนรถม้า สุดท้ายก็โดนอาหารหลอกล่ออย่างต้านไม่ได้ราวกับพวกคนเห็นแก่กิน เอาว่ะ! อย่างน้อยถ้าโดนตาลุงนี่หลอกเขาก็สู้แรงได้อยู่แล้ว ไม่มีอะไรต้องห่วง

รถม้าเคลื่อนตัวออกจากหน้าบ้านช้า ๆ ท่ามกลางความมืดที่ปกคลุมทั่วบริเวณ แสงไฟสองข้างทางเริ่มจางหาย เมื่อออกห่างจากเขตเมืองขึ้นเรื่อย ๆ

“ลุง เราจะไปไหนนะครับ”

“คฤหาสน์ลูเซียสของนายท่านครับ”

“มาถูกทางแน่นะครับ มันดู…ไม่ใช่ที่อยู่ของมนุษย์สักเท่าไหร่เลยอะ”

เขาพูดพลางกลืนน้ำลาย ฝ่ามือเย็นเฉียบโดยไม่รู้ตัว เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่างรถ ด้านนอกถูกม่านหมอกปกคลุมหนาทึบจนมองไม่เห็นสิ่งใด 

ไม่นานนักรถม้าก็หยุดลงเมื่อถึงคฤหาสน์หลังใหญ่ บนชั้นสองมีใครบางคนกำลังมองลงมาจากด้านบน แต่เพียงเสี้ยววิผ้าม่านก็ปิดลงอย่างรวดเร็ว

เจ้าของคฤหาสน์หรือเปล่านะ แต่ทำไมต้องรีบหลบขนาดนั้นด้วย

“เชิญทางนี้ครับ”

“อะ อื้อ”


.


.



หญิงสาวในชุดเมดสีดำยาวยกจานเนื้อชิ้นใหญ่ที่ถูกปรุงสุกอย่างดีวางลงตรงหน้านายท่านของคฤหาสน์ ที่อยู่ที่ฟากของโต๊ะในความมืด ก่อนที่เธอจะยกอีกจานที่ขนาดเล็กกว่าตรงมาหาชายร่างบางผู้เป็นแขก

กลิ่นหอมของสเต็กเนื้อมีเดียมแรร์ลอยแตะจมูกชวนให้น้ำลายไหล ยามจานอาหารถูกยกมาเสิร์ฟเบื้องหน้า คนตัวเล็กก้มหัวเป็นเชิงขอบคุณ ก่อนจะลอบมองเข้าไปในความมืดเพียงเสี้ยววิ น่าแปลกที่โต๊ะตั้งยาวขนาดนี้กลับมีเพียงสองจานของผู้ทานสองคนเท่านั้น 

ต่างจากที่คิดนิดหน่อยแฮะ ไม่คิดว่าคนที่เป็นเจ้าของคฤหาสน์ใหญ่ขนาดนี้จะกินแค่เนื้อจานเดียว ไม่เหมือนกับในหนังที่มีอาหารหรูวางอยู่เต็มโต๊ะ

คนตัวเล็กทำเพียงแค่คิด ก่อนจะหันมาสนใจกับอาหารตรงหน้า ผิวด้านบนสีน้ำตาลจากการโดนเผา มีดปลายคมตัดลงบนชิ้นเนื้อ ก่อนจะพบกับเนื้อสีแดงสด รสสัมผัสราวกับละลายอยู่ในปาก แต่ยังไม่ทันจะได้กัดคำต่อไป เสียงประหลาดก็ดังขึ้น

กรรรรรรรจ์

ทุกการกระทำหยุดชะงัก ก่อนจะพยายามฟังเสียงที่แทรกเข้ามา เขามั่นใจว่านั่นไม่ใช่เสียงเสียงปลายมีดขูดกับจานของเขาแน่

กรรรรรรรจ์

เสียงราวกับสัตว์ป่า? นั้นคือสิ่งที่คนตัวเล็กคิด เพราะความอยากรู้อยากเห็นทำให้คนตัวเล็กค่อย ๆ เหลือบมองอย่างช้า ๆ เปลวไฟวูบไหวสะท้อนเข้าในแววตาสีแดงของตัวอะไรบางอย่าง เพียงพริบตาเดียวคนตัวเล็กก้มหน้าลงกับตักด้วยตัวที่สั่นเทา พลันน้ำเสียงเยือกเย็นของคุณพ่อบ้านก็ดังขึ้นมาในโสตประสาท

‘จนกว่าจะถึงมื้อของหวาน โปรดอย่ามองตาของผู้ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะอาหาร มิเช่นนั้นท่านอาจกลายเป็นชิ้นเนื้อปรุงสุกบนจานในมื้อถัดไป’

ฉิบหายแล้วตัวกู!

เวลาล่วงเลยไปหลายนาที แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้มีทีท่าจะพุ่งตรงมาหาเขา พร้อมกับเสียงคำรามที่ค่อย ๆ เงียบลง

ก่อนที่ประตูห้องโถงจะเปิดเข้ามา ร่างของเมดหลายคนยกมื้อของหวานมาวางบนโต๊ะ ถึงแม้สเต็กในจานเขาจะกินไปเพียงแค่คำเดียวก็เถอะ

หลังจากที่ประตูห้องโถงปิดลงอีกครั้ง คนตัวเล็กก็หยัดตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ นัยน์ตาสีลูกโอ๊คก้มมองมีดสเต็กที่วางอยู่ก่อนจะหยิบขึ้นมา พร้อมกับเชิงเทียนที่วางอยู่บนโต๊ะ ก่อนจะค่อย ๆ เดินตรงเข้าไปในความมืด

เอาวะ อย่างน้อยกฎบ้านั่นก็ไม่ได้ห้ามว่าอย่าลุกเข้าไปหาสิ่งที่อยู่อีกฟากของโต๊ะหลังจากมื้อของหวาน

“มะ มึงเป็นตัวอะไรกันแน่”

“…”

“ไม่ใช่มนุษย์ใช่ไหม”

ไร้เสียงตอบกลับ ขณะที่เสียงฝีเท้าดังก้องห้องโถงยามเดินเข้าไปในความมืด ราวกับส่งตัวเองเข้าไปในนรกอย่างไรอย่างนั้น

ไฟจากเชิงเทียนวูบไหว ใกล้เข้าไปยังปลายสุดของโต๊ะอาหาร แสงสีเหลืองอุ่นสาดลงบนโต๊ะเห็นเป็นรอยกรงเล็บข่วนเป็นทางยาวทอดไปถึงผู้ที่เป็นคนทำ 

ในวินาทีนั้น ก่อนที่จะได้เห็นโฉมหน้าต้นตอของเสียงประหลาด เชิงเทียนที่อยู่ในมือถูกปัดอย่างแรง จนมันหล่นลงไปกับพื้นของคฤหาสน์ ราวกับว่าสิ่งที่อยู่เบื้องหน้ากำลังหวาดกลัวการถูกพบเจอ

“อ๊ะ อย่าเข้ามานะเว้ย!”

มีดสเต็กถูกชี้จ่อหน้าเงาใหญ่ที่หยัดตัวลุกขึ้นจากบนเก้าอี้ด้วยมือที่สั่นเทา มือเล็กกำของมีคมไว้แน่นจนชุ่มไปด้วยเหงื่อ เช่นเดียวกับเลือดไหลซิบหยดเป็นทางเพราะขูดโดนกับของแหลมคมอะไรบางอย่างเข้า ขณะที่ค่อย ๆ ก้าวถอยหลังอย่างระวัง

ความกลัวคลืบคลานเข้ามาในจิตใจ ยามไฟจากเชิงเทียนจุดประกายไฟกับชายผ้าม่าน ทำให้แสงสว่างจากกองเพลิงลุกโชน ขับไล่ความมืดออกไปจากห้องโถงใหญ่ ทันใดนั้นความจริงก็ปรากฏ

แสงจากดวงจันทร์สาดกระทบลงมา สิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือชายตัวใหญ่รูปร่างคล้ายมนุษย์ แต่สิ่งที่แปลกคือดวงตาสีแดงไวน์ เหนือหัวคล้ายมีเขากวางเฉกเช่นวายร้ายในเทพนิยายไม่มีผิด ผมสีดำเงายาวรับกับใบหน้าคม ในขณะที่ส่วนสูงราว ๆ สองร้อยกว่าเซ็นได้

“มะ ไม่ใช่มนุษย์”

“ชื่อลูซิเฟอร์ เป็นปีศาจ”

“…”