จนกว่าจะถึงมื้อของหวาน โปรดอย่ามองตาของผู้ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะอาหาร มิเช่นนั้นท่านอาจกลายเป็นชิ้นเนื้อปรุงสุกบนจานในมื้อถัดไป :)
ชาย-ชาย,แฟนตาซี,ลึกลับ,เลือดสาด,จดหมายเชิญทานมื้อค่ำกับคุณปีศาจ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
จดหมายเชิญทานมื้อค่ำกับคุณปีศาจจนกว่าจะถึงมื้อของหวาน โปรดอย่ามองตาของผู้ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะอาหาร มิเช่นนั้นท่านอาจกลายเป็นชิ้นเนื้อปรุงสุกบนจานในมื้อถัดไป :)
ถึงคุณผู้ที่ได้รับจดหมาย
“จู”
“จู”
“จู!”
“อื้อ”
เสียงครางอู้อี้ขานตอบรับ เมื่อแรงเขย่าจากเจ้าของเสียงค่อย ๆ แรงขึ้น ก่อนที่เปลือกตาหนักอึ้งจะค่อย ๆ เปิดออก ความมึนแล่นเข้ามาในหัวอย่างจังจากความเมาที่ยังค้างอยู่ รอบข้างเงียบสนิท มีเพียงไทม์ที่ยืนอยู่
“กลับบ้านกันมึง”
“แล้วลุงคนนั้นอะ”
“ใคร ลุงไหน”
ใบหน้าหวานกวาดสายตาไปรอบร้าน ก่อนจะพบเพียงความว่างเปล่า จดหมายที่ว่าก็หายไปแล้ว แต่ความรู้สึกขนลุกยังคงอยู่ ราวกับสิ่งที่พบมันเป็นความจริง
“กูน่าจะฝัน ไม่มีไรหรอก”
รถหรูแล่นเข้าจอดเทียบข้างประตูรั้วบ้านสีดำหลังเล็ก ก่อนที่จูเลียตจะโบกมือลาเพื่อนสนิทตัวเองด้วยรอยยิ้ม
หลังจากที่เจ้าของใบหน้าหล่อเคลื่อนรถออกไป ในวินาทีนั้นรถม้าคันหนึ่งก็แล่นจอดแทนที่ ชายแปลกหน้าที่เคยมาหาเขาเดินลงจากรถ ก่อนจะผายมือเชิญเขาให้เข้าไป
สิ่งที่เขาคิดว่ามันคือความฝันกลับเป็นความจริง
“เชิญครับคุณจูเลียต”
ช่วงเวลาที่เซ็นเอกสารนั้นไร้ซึ่งสติ ยามนี้เลยคิดวิตกว่าควรจะเดินขึ้นไปดีไหม ตาลุงคนนี้จะเป็นพวกนักต้มตุ๋นหลอกเขาไปฆ่าหมกป่าหรือเปล่า แต่หากข้อความในจดหมายเป็นเรื่องจริงก็ดีไม่น้อย
หลังจากที่คิดวิเคราะห์อย่างถี่ถ้วนหลายนาทีก็ตัดสินใจได้ ขายาวก้าวเท้าขึ้นไปบนรถม้า สุดท้ายก็โดนอาหารหลอกล่ออย่างต้านไม่ได้ราวกับพวกคนเห็นแก่กิน เอาว่ะ! อย่างน้อยถ้าโดนตาลุงนี่หลอกเขาก็สู้แรงได้อยู่แล้ว ไม่มีอะไรต้องห่วง
รถม้าเคลื่อนตัวออกจากหน้าบ้านช้า ๆ ท่ามกลางความมืดที่ปกคลุมทั่วบริเวณ แสงไฟสองข้างทางเริ่มจางหาย เมื่อออกห่างจากเขตเมืองขึ้นเรื่อย ๆ
“ลุง เราจะไปไหนนะครับ”
“คฤหาสน์ลูเซียสของนายท่านครับ”
“มาถูกทางแน่นะครับ มันดู…ไม่ใช่ที่อยู่ของมนุษย์สักเท่าไหร่เลยอะ”
เขาพูดพลางกลืนน้ำลาย ฝ่ามือเย็นเฉียบโดยไม่รู้ตัว เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่างรถ ด้านนอกถูกม่านหมอกปกคลุมหนาทึบจนมองไม่เห็นสิ่งใด
ไม่นานนักรถม้าก็หยุดลงเมื่อถึงคฤหาสน์หลังใหญ่ บนชั้นสองมีใครบางคนกำลังมองลงมาจากด้านบน แต่เพียงเสี้ยววิผ้าม่านก็ปิดลงอย่างรวดเร็ว
เจ้าของคฤหาสน์หรือเปล่านะ แต่ทำไมต้องรีบหลบขนาดนั้นด้วย
“เชิญทางนี้ครับ”
“อะ อื้อ”
.
.
.
หญิงสาวในชุดเมดสีดำยาวยกจานเนื้อชิ้นใหญ่ที่ถูกปรุงสุกอย่างดีวางลงตรงหน้านายท่านของคฤหาสน์ ที่อยู่ที่ฟากของโต๊ะในความมืด ก่อนที่เธอจะยกอีกจานที่ขนาดเล็กกว่าตรงมาหาชายร่างบางผู้เป็นแขก
กลิ่นหอมของสเต็กเนื้อมีเดียมแรร์ลอยแตะจมูกชวนให้น้ำลายไหล ยามจานอาหารถูกยกมาเสิร์ฟเบื้องหน้า คนตัวเล็กก้มหัวเป็นเชิงขอบคุณ ก่อนจะลอบมองเข้าไปในความมืดเพียงเสี้ยววิ น่าแปลกที่โต๊ะตั้งยาวขนาดนี้กลับมีเพียงสองจานของผู้ทานสองคนเท่านั้น
ต่างจากที่คิดนิดหน่อยแฮะ ไม่คิดว่าคนที่เป็นเจ้าของคฤหาสน์ใหญ่ขนาดนี้จะกินแค่เนื้อจานเดียว ไม่เหมือนกับในหนังที่มีอาหารหรูวางอยู่เต็มโต๊ะ
คนตัวเล็กทำเพียงแค่คิด ก่อนจะหันมาสนใจกับอาหารตรงหน้า ผิวด้านบนสีน้ำตาลจากการโดนเผา มีดปลายคมตัดลงบนชิ้นเนื้อ ก่อนจะพบกับเนื้อสีแดงสด รสสัมผัสราวกับละลายอยู่ในปาก แต่ยังไม่ทันจะได้กัดคำต่อไป เสียงประหลาดก็ดังขึ้น
กรรรรรรรจ์
ทุกการกระทำหยุดชะงัก ก่อนจะพยายามฟังเสียงที่แทรกเข้ามา เขามั่นใจว่านั่นไม่ใช่เสียงเสียงปลายมีดขูดกับจานของเขาแน่
กรรรรรรรจ์
เสียงราวกับสัตว์ป่า? นั้นคือสิ่งที่คนตัวเล็กคิด เพราะความอยากรู้อยากเห็นทำให้คนตัวเล็กค่อย ๆ เหลือบมองอย่างช้า ๆ เปลวไฟวูบไหวสะท้อนเข้าในแววตาสีแดงของตัวอะไรบางอย่าง เพียงพริบตาเดียวคนตัวเล็กก้มหน้าลงกับตักด้วยตัวที่สั่นเทา พลันน้ำเสียงเยือกเย็นของคุณพ่อบ้านก็ดังขึ้นมาในโสตประสาท
‘จนกว่าจะถึงมื้อของหวาน โปรดอย่ามองตาของผู้ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะอาหาร มิเช่นนั้นท่านอาจกลายเป็นชิ้นเนื้อปรุงสุกบนจานในมื้อถัดไป’
ฉิบหายแล้วตัวกู!
เวลาล่วงเลยไปหลายนาที แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้มีทีท่าจะพุ่งตรงมาหาเขา พร้อมกับเสียงคำรามที่ค่อย ๆ เงียบลง
ก่อนที่ประตูห้องโถงจะเปิดเข้ามา ร่างของเมดหลายคนยกมื้อของหวานมาวางบนโต๊ะ ถึงแม้สเต็กในจานเขาจะกินไปเพียงแค่คำเดียวก็เถอะ
หลังจากที่ประตูห้องโถงปิดลงอีกครั้ง คนตัวเล็กก็หยัดตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ นัยน์ตาสีลูกโอ๊คก้มมองมีดสเต็กที่วางอยู่ก่อนจะหยิบขึ้นมา พร้อมกับเชิงเทียนที่วางอยู่บนโต๊ะ ก่อนจะค่อย ๆ เดินตรงเข้าไปในความมืด
เอาวะ อย่างน้อยกฎบ้านั่นก็ไม่ได้ห้ามว่าอย่าลุกเข้าไปหาสิ่งที่อยู่อีกฟากของโต๊ะหลังจากมื้อของหวาน
“มะ มึงเป็นตัวอะไรกันแน่”
“…”
“ไม่ใช่มนุษย์ใช่ไหม”
ไร้เสียงตอบกลับ ขณะที่เสียงฝีเท้าดังก้องห้องโถงยามเดินเข้าไปในความมืด ราวกับส่งตัวเองเข้าไปในนรกอย่างไรอย่างนั้น
ไฟจากเชิงเทียนวูบไหว ใกล้เข้าไปยังปลายสุดของโต๊ะอาหาร แสงสีเหลืองอุ่นสาดลงบนโต๊ะเห็นเป็นรอยกรงเล็บข่วนเป็นทางยาวทอดไปถึงผู้ที่เป็นคนทำ
ในวินาทีนั้น ก่อนที่จะได้เห็นโฉมหน้าต้นตอของเสียงประหลาด เชิงเทียนที่อยู่ในมือถูกปัดอย่างแรง จนมันหล่นลงไปกับพื้นของคฤหาสน์ ราวกับว่าสิ่งที่อยู่เบื้องหน้ากำลังหวาดกลัวการถูกพบเจอ
“อ๊ะ อย่าเข้ามานะเว้ย!”
มีดสเต็กถูกชี้จ่อหน้าเงาใหญ่ที่หยัดตัวลุกขึ้นจากบนเก้าอี้ด้วยมือที่สั่นเทา มือเล็กกำของมีคมไว้แน่นจนชุ่มไปด้วยเหงื่อ เช่นเดียวกับเลือดไหลซิบหยดเป็นทางเพราะขูดโดนกับของแหลมคมอะไรบางอย่างเข้า ขณะที่ค่อย ๆ ก้าวถอยหลังอย่างระวัง
ความกลัวคลืบคลานเข้ามาในจิตใจ ยามไฟจากเชิงเทียนจุดประกายไฟกับชายผ้าม่าน ทำให้แสงสว่างจากกองเพลิงลุกโชน ขับไล่ความมืดออกไปจากห้องโถงใหญ่ ทันใดนั้นความจริงก็ปรากฏ
แสงจากดวงจันทร์สาดกระทบลงมา สิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือชายตัวใหญ่รูปร่างคล้ายมนุษย์ แต่สิ่งที่แปลกคือดวงตาสีแดงไวน์ เหนือหัวคล้ายมีเขากวางเฉกเช่นวายร้ายในเทพนิยายไม่มีผิด ผมสีดำเงายาวรับกับใบหน้าคม ในขณะที่ส่วนสูงราว ๆ สองร้อยกว่าเซ็นได้
“มะ ไม่ใช่มนุษย์”
“ชื่อลูซิเฟอร์ เป็นปีศาจ”
“…”