จนกว่าจะถึงมื้อของหวาน โปรดอย่ามองตาของผู้ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะอาหาร มิเช่นนั้นท่านอาจกลายเป็นชิ้นเนื้อปรุงสุกบนจานในมื้อถัดไป :)

จดหมายเชิญทานมื้อค่ำกับคุณปีศาจ - บทที่ 1 ข่าวคนหายกับจดหมายปริศนา โดย BERIGIN @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,แฟนตาซี,ลึกลับ,เลือดสาด,จดหมายเชิญทานมื้อค่ำกับคุณปีศาจ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

จดหมายเชิญทานมื้อค่ำกับคุณปีศาจ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,แฟนตาซี,ลึกลับ,เลือดสาด

แท็คที่เกี่ยวข้อง

จดหมายเชิญทานมื้อค่ำกับคุณปีศาจ

รายละเอียด

จดหมายเชิญทานมื้อค่ำกับคุณปีศาจ โดย BERIGIN @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

จนกว่าจะถึงมื้อของหวาน โปรดอย่ามองตาของผู้ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะอาหาร มิเช่นนั้นท่านอาจกลายเป็นชิ้นเนื้อปรุงสุกบนจานในมื้อถัดไป :)

ผู้แต่ง

BERIGIN

เรื่องย่อ

ถึงคุณผู้ที่ได้รับจดหมาย


          ในนามของ ‘ท่านเจ้าของคฤหาสน์ลูเซียส’ ข้าพเจ้าขอเรียนเชิญท่านมาร่วมรับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องโถงใหญ่ของคฤหาสน์ในคืนนี้เวลาหนึ่งทุ่มตรง นายท่านประสงค์จะพบท่านเป็นการส่วนตัว ไม่ต้องกังวลเพราะท่านเป็นแขกเพียงคนเดียวในค่ำคืนนี้

          ท่านสามารถระบุเมนูอาหารที่ท่านอยากกินได้ตามต้องการ มากแค่ไหนก็ได้ ราคาแพงแค่ไหนก็ได้ แล้วเราจะส่งรถไปรับท่านถึงประตูบ้านและนำส่งกลับอย่างปลอดภัยเมื่อทานอาหารเสร็จ โดยที่ท่านไม่เสียค่าใช้จ่ายเลยสักเหรียญเดียว

          มีเพียง ‘กฎข้อเดียว’ ที่เราจะแจ้งให้ท่านทราบเมื่อเดินทางถึงคฤหาสน์แล้วเท่านั้น หากท่านยินดีโปรดเซ็นชื่อด้านล่าง และระบุชื่ออาหารที่ท่านอยากลิ้มลองไว้ที่ด้านหลังของกระดาษ

ด้วยความเคารพ,

พ่อบ้านประจำคฤหาสน์ลูเซียส

หวังว่าเราจะได้พบกันในมื้อค่ำคืนนี้ :)

สารบัญ

จดหมายเชิญทานมื้อค่ำกับคุณปีศาจ-อารัมภบท ชายผู้โชคร้าย,จดหมายเชิญทานมื้อค่ำกับคุณปีศาจ-บทที่ 1 ข่าวคนหายกับจดหมายปริศนา,จดหมายเชิญทานมื้อค่ำกับคุณปีศาจ-บทที่ 2 ร่วมโต๊ะมื้อค่ำกับนายท่านปีศาจ

เนื้อหา

บทที่ 1 ข่าวคนหายกับจดหมายปริศนา

          “นี่ ๆ ช่วงนี้มีประกาศตามหาคนหายบ่อยมากเลยอะ”
          “ได้ข่าวว่ามีคนเห็นเงาประหลาดแถวป่าหลังเมืองด้วย”
          “เห๋ เงาอะไรของนาย อย่าพูดให้ขนลุกน่า”
          “ก็เขาลือกันว่าช่วงพลบค่ำจะได้ยินเสียงกรีดร้องมาจากในป่า แต่พอช่วงเช้าเจ้าหน้าที่ไปดูกลับไม่พบแม้แต่รอยเท้าหรือคราบเลือด ถ้าเกิดเป็นพวกสัตว์ป่าจริง ๆ ก็น่าจะมีเศษซากเหลืออยู่บ้างแหละ”
          “อย่าบอกนะว่านายก็เชื่อเรื่องพวกนั้นน่ะ...”

          ท้องฟ้าสีน้ำเงินยามพลบค่ำตัดกับแสงไฟสีเหลืองอุ่นของโรงสุราเล็ก ๆ ข้างถนน สะท้อนกับก้อนน้ำแข็งที่เริ่มละลายเจือไปกับเหล้าในแก้ว ยามเรื่องประหลาดถูกเล่าออกมาจากวงสนทนา
          เหล่าพนักงานเงินเดือนต่างล้อมวงตั้งใจฟังสิ่งที่เพื่อนร่วมงานกำลังจะเล่า ช่วงนี้ในเมืองมีข่าวคนหายบ่อยเป็นว่าเล่น ทำให้กลายเป็นประเด็นในการคุยกันของเหล่าผู้คนในช่วงนี้
          ในขณะที่ร่างเล็กของ ‘จูเลียต’ เริ่มแดงแจ๋ด้วยพิษของน้ำเมา แต่ถึงกระนั้นมือบางกลับยกแก้วเบียร์ที่มีฟองฟูอยู่เต็มขอบขึ้นซดอย่างชอบใจ ในขณะที่สติเริ่มจะเลือนลาง
          “ฉลากอะไรไร้สาระ งวดที่แล้วก็ไม่ถูก มึงเลิกซื้อเถอะ”
          เสียงงอแงของคนตัวเล็กพูดเสียงอู้อี้ ก่อนจะฟุบหน้าลงไปกับโต๊ะ ทำเอาเพื่อน ๆ ถึงกับส่ายหัวให้กับความคออ่อนของเจ้าตัว
          “อะไรของมึงจู เงาประหลาดไม่ใช่ฉลาก!”
          จู่ ๆ ลมเย็นปลายฤดูก็พัดวูบเข้ามาในร้าน กลิ่นเหล้าจาง ๆ ลอยแตะจมูก แผ่นประกาศที่ติดใบหน้าของผู้สูญหายปลิวมาตามแรงลม พลันหยุดนิ่งลงตรงกลางวงเหล้า ต่างทำเอาพวกเขาพากันมองหน้ากันด้วยความขนลุก ก่อนที่ความเงียบจะเข้าปกคลุม
          ยามนี้ผู้คนที่เคยแน่นเอี๊ยดเต็มร้าน ต่างว่างเปล่าไร้ซึ่งวี่แววของความครึกครื้น เมื่อข่าวนั้นแพร่กระจายออกไป ทำให้ผู้คนต่างเร่งรีบในการกลับบ้าน เพราะกลัวว่าตัวเองจะโชคร้ายกลายเป็นหนึ่งในผู้สูญหาย นอกจากพวกเขาก็มีเพียงเจ้าของร้านนี่แหละที่ยังอยู่
          “กูว่าเรากลับกันเถอะ ไอ้จูก็เมาแล้วด้วย”
          หนึ่งในกลุ่มเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าที่เริ่มถอดสี ยามนี้ถึงแม้จะไม่เชื่อเรื่องของสัตว์ประหลาด แต่ก็ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นมนุษย์ด้วยกันก็ได้ที่ทำเรื่องเลวร้ายเช่นนั้น
          มนุษย์น่ะ…น่ากลัวกว่าพวกผีหรือปีศาจเสียอีก 
          “อารายยย ม่ายยยมาววว ม่ายยยกลับ!”
          “มึงเมาแล้วจู เดี๋ยวกูไปส่ง”
          “จาอยู่ต่อออ”
          “เพื่อนเค้ากลับกันหมดแล้ว มึงจะอยู่คนเดียวรึไง”
          ใบหน้าดื้อรั้นเบะราวกับไม่พอใจว่าทำไมเพื่อนรีบกลับจัง ก่อนจะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงหงอย ๆ ตามด้วยการยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่มอีกอึกก่อนร่ำลา
          “อื้อ ก็ได้”
          “รอกูอยู่นี่แป๊บนึง เดี๋ยวกูไปเอารถ มึงจะได้ไม่ต้องเดินไกล”
          “จูรับทราบ!”
          พยุงตัวลุกขึ้นมาทำท่าตะเบ๊ะของทหาร พร้อมส่งยิ้มน่ารักให้เพื่อนสนิทตัวเอง ก่อนจะฟุบหน้าลงไปกับโต๊ะเช่นเดิม ไทม์อดยกยิ้มเอ็นดูไม่ได้ ก่อนจะยีผมคนเมาด้วยความหมั่นเขี้ยว
          หลังจากที่คนตัวสูงเดินออกไป ในร้านก็เงียบสนิทไร้เสียงจอแจราวกับโลกทั้งใบได้ดับเสียงลง แสงไฟสีเหลืองอุ่นที่มุมร้านกระพริบถี่ ก่อนจะดับวูบไปครู่หนึ่ง แล้วจึงติดขึ้นมาใหม่ด้วยแสงสั่นไหวแปลกตา
          ท่ามกลางความเงียบที่เข้าปกคลุม เสียงฝีเท้าหนังดังก้องใกล้เข้ามาจากทางด้านหลัง ในไม่ช้าเงาสีดำนั้นก็ทาบทับลงมากลืนกินร่างของคนตัวเล็กจนไม่เห็นเงาตัวเอง
          “สวัสดีครับ”
          น้ำเสียงทุ้มต่ำดูเยือกเย็นเอ่ยขึ้นเพียงสั้น ๆ มันไม่ดัง ไม่เบา แต่กลับฟังได้ชัดเจนราวกับพูดอยู่ข้างหู คนตัวเล็กได้ยินเช่นนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมองช้า ๆ ดวงตาพร่ามัวด้วยฤทธิ์น้ำเมาพยายามปรับโฟกัส 
          ภาพเบื้องหน้าปรากฏชายแปลกหน้าในชุดพ่อบ้านสีดำยืนอยู่ อีกฝ่ายตัวสูงโปร่ง ทรงผมแสกกลางอย่างประณีต ราวกับหลุดออกมาจากภาพถ่ายเก่าในยุควิกตอเรียของอังกฤษ
          “ยินดีด้วยครับ คุณคือผู้ถูกเลือก”
          “เห๋ เลือกอารายยย”
          คุณพ่อบ้านไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ทำเพียงวางซองจดหมายสีขาวปริศนาลงบนโต๊ะ ก่อนมันจะถูกเลื่อนมาตรงหน้าคนตัวเล็กช้า ๆ พร้อมรอยยิ้มบางที่สื่อไปไม่ถึงดวงตาส่งมาให้คนตัวเล็ก
          “จดหมายของคุณครับ”
          “จดหมาย ใครส่งมาให้อะ”
          “คนที่กำลังรอคุณอยู่ครับ”
          หลังจากที่รับจดหมายปริศนามาด้วยความมึนงง คนตัวเล็กก็จับซองสีขาวพลิกไปมาราวกับมันเป็นของน่าสงสัย ก่อนที่มันจะถูกแกะออกมา นัยน์ตาสีอ่อนพยายามเพ่งมองตัวอักษรที่เรียงรายกันอยู่เบื้องหน้า
          “จดหมายเชิญทานมื้อค่ำ”
          “ใช่ครับ มื้อค่ำกับอาหารเลิศรสพร้อมบรรยาศท่ามกลางแสงเทียนที่คฤหาสน์หรู คุณจูสนใจไหมครับ”
          “อื้อ จูชอบบบ”
          “ถ้าสนใจสามารถเซ็นตรงนี้ได้เลยครับ”
          พ่อบ้านปริศนาว่าพลางชี้นิ้วใต้ถุงมือขาวไปที่มุมล่างของกระดาษ วงเล็บสีดำว่างเปล่าที่รอแขกคนสำคัญมาแต่งแต้มหมึกลงไป
          มือเล็กควานหาปากกาในกระเป๋า แต่กลับไม่พบสิ่งใด ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าไทม์เพิ่งยืมมันไป พลันมือเรียวที่สวมด้วยถุงมือสีขาวของชายปริศนาจึงส่งปากกามาให้
          “ขอบคุณครับ”
          น้ำหมึกสีน้ำเงินถูกเขียนลงบนมุมล่างขวาของกระดาษ ลายเซ็นของคนตัวเล็กที่ตกลงรับข้อเสนอของชายแปลกหน้า โดยไม่ได้สนใจเลยว่ากฏหนึ่งข้อที่เขียนอยู่ในกระดาษคืออะไร
          “ขอบคุณที่ตอบรับคำเชิญของนายท่านนะครับ”
          “อื้อ ม่ายเป็นไร จูยินดี”
          “แล้วพบกันครับจูเลียต มื้อค่ำรอคุณอยู่”

 :)