เรธัสเคยเป็น “เพลเยอร์” ในเกมเอาชีวิตรอดสุดโหดมาก่อน เมื่อลืมตาขึ้นมาจากฝันร้าย บัดนี้ เขาคือ “ผู้คุมเกม” หรือในฐานะบทบาทเจ้าของคฤหาสน์แห่งหนึ่ง
แฟนตาซี,สืบสวนสอบสวน,ระทึกขวัญ,ชาย-ชาย,ลึกลับ,ผู้คุมเกม,เกมเอาชีวิตรอด,ปีศาจ,จิตวิทยา,หักมุม,ลึกลับ,สยองขวัญ,สืบสวน ,ฆาตรกรรม,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ผมเป็นผู้คุมเกมสยองขวัญเรธัสเคยเป็น “เพลเยอร์” ในเกมเอาชีวิตรอดสุดโหดมาก่อน เมื่อลืมตาขึ้นมาจากฝันร้าย บัดนี้ เขาคือ “ผู้คุมเกม” หรือในฐานะบทบาทเจ้าของคฤหาสน์แห่งหนึ่ง
นวนิยายออริจินอล BoyLove/DarkFantasy
ผมเป็นผู้คุมเกมสยองขวัญ
Writer : X.X.Qouxotic | Artist : mamowhonghong | Typography : TokungEBook
คำโปรย
เรธัสเคยเป็น “เพลเยอร์” ในเกมเอาชีวิตรอดสุดโหดตามประจำด่านเกมต่าง ๆ และเป็นเพียงไม่กี่คนรอดที่รอดออกมาได้ แต่แทนที่เขาจะได้รับอิสรภาพ กลับถูกบังคับให้เป็น “ผู้คุมเกม” รุ่นต่อไป โดยมีหน้าที่ควบคุมกลไกลของเกมสยองขวัญเลือดเย็นนี่ และเฝ้าดูเหล่าเพลเยอร์คนอื่นที่ถูกบังคับให้เข้ามาร่วมเล่นเกมเอาชีวิตรอดให้ได้
แต่สิ่งที่ทำให้เกมนี้น่าสะพรึงยิ่งกว่า คือ “คิลเลอร์” ไม่ใช่ฆาตรกรธรรมดา แต่มันเป็น “ปีศาจ” ที่แฝงกายในหมู่ผู้เล่น
ปีศาจมันมีพลังเหนือจินตนาการของมนุษย์ เพื่อให้เกมนี้สนุกยิ่งขึ้น มันจะปลอมตัวเป็นหนึ่งในผู้เล่น คอยล่อลวงและกำจัดผู้เล่นคนอื่นอย่างเลือดเย็น โดยที่ไม่มีใครรู้ว่ามันเป็นใคร ไม่มีใครแน่ใจว่าคนข้างกายจะเป็นมนุษย์หรือปีศาจกันแน่
⚠ คำเตือนก่อนอ่านนิยายเรื่องนี้ ⚠
นิยายเรื่อง “ผมเป็นผู้คุมเกมสยองขวัญ” เป็นนิยายแนว สยองขวัญ | ระทึกขวัญ | จิตวิทยา | เอาชีวิตรอด ที่เต็มไปด้วยปริศนา เกมแห่งความตาย และการทดสอบจิตใจของมนุษย์ด้วยกันเอง
สิ่งที่ควรทราบก่อนอ่าน:
• นิยายเรื่องนี้มี ฉากความรุนแรง การเอาชีวิตรอด และการตัดสินใจที่ส่งผลต่อชีวิตตัวละคร
• อาจมีเนื้อหาที่สะเทือนอารมณ์ เช่น ความกดดัน การทรยศ การเอาตัวรอดด้วยวิธีที่โหดร้าย
• มีเนื้อหาเกี่ยวกับ เกมจิตวิทยา การควบคุม การบิดเบือนความจริง และการเผชิญหน้ากับความกลัวในจิตใจ
• ตัวละครในเรื่องล้วนมี อดีตและแรงจูงใจที่ซับซ้อน ไม่มีใครที่เป็น “คนดี” หรือ “คนเลว” อย่างแท้จริง
เพิ่มเติม
• นิยายเรื่องนี้อาจทำให้คุณ ตั้งคำถามกับศีลธรรมและความถูกต้องของมนุษย์
• ไม่มีที่สำหรับ “ผู้บริสุทธิ์” ในเกมนี้ ทุกการตัดสินใจมีผลลัพธ์ และทุกคนล้วนเป็นหมากในเกม
• หากคุณพร้อมจะก้าวเข้าสู่โลกของ “ผู้คุมเกม” จงจำไว้ว่า กฎมีไว้เพื่อรักษาระเบียบ… แต่ใครกันแน่ที่เป็นคนตั้งกฎ?
❝ ยินดีต้อนรับสู่เกมแห่งความตาย… ขอให้คุณรอดออกไปได้ ❞
หลังผู้คุมเกมอธิบายกติกาให้ผู้เล่นเสร็จสิ้น ทั้งหกคนต่างทยอยแยกย้ายกันไปตามคฤหาสน์ บางคนเริ่มสำรวจ บางคนก็ยังคงระแวงจนไม่กล้าขยับไปที่ใด
ยามเสียงฝีเท้ากระทบพื้นกระเบื้องเงาดังก้องในความเงียบ ไฟส่องสว่างทั่วทุกจุดภายในคฤหาสน์ มันดูไร้พิษภัยแต่กลับมอบความวังเวง เงียบเหงาราวกับไม่เคยมีผู้ใดอยู่ที่นี่มานานมากแล้ว
ส่วนเจ้าบทบาทลับในเงาเกมไม่รั้งรอให้เหล่าผู้เล่นได้ซักไซ้ถามมากกว่านั้น เหนืออื่นสิ่งใด เขาเดินออกจากห้องโถงใหญ่อย่างมีเป้าหมาย เมื่อระบบปรากฏตัวอักษรขึ้นมาตรงหน้า มอบหมายให้ไปประจำที่ ณ ห้องสมุด โดยทิ้งให้ชีวิตอันสั้นจมปลักอยู่กับโลกความกลัวและความน่าสงสัยเช่นนั้นต่อไป เช่นเดียวกับในสถานการณ์ตอนนี้ ความไว้วางใจกันมาตั้งแต่ต้น โดยผ่านพ้นจากเกมต่าง ๆ มาด้วยกัน จวบจนกระทั่งมาถึงที่นี่ การที่คนใดคนหนึ่งเป็นปีศาจ คงไม่มีทางเกิดขึ้นเด็ดขาด นอกเสียจากเป็นคำหลอกลวงของผู้คุมเกมนี้ต้องการให้พวกเขาฆ่าและสังหารกันเอง
โดยวันแรกพวกเขารวมหัวกัน ในขณะชายหนุ่มไคล์เดินไปหยิบกติกาของเกมที่วางอยู่บนโต๊ะตรงกลางห้องโถงใหญ่ และได้ยินอดีตตำรวจและนักธุรกิจพูดคุยกัน เชิงประมาณเกี่ยวกับเจ้าของคฤหาสน์น่าจะตกเป็นผู้ต้องสงสัยมากที่สุด
ผู้คุมเกมนี้ต้องเมินทำเป็นไม่สนใจ ไม่ว่าผู้เล่นจะทำอะไรภายในคฤหาสน์แห่งนี้ ชายหนุ่มลึกลับเดินมาถึงห้องสมุด และผลักประตูไม้งานประณีตบานใหญ่เข้าไป ตามมาด้วยเสียงบานพับดังเอี๊ยดเบา ๆ
ภายในห้องสมุดเต็มไปด้วยชั้นหนังสือสูงตระหง่าน วางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ มีกลิ่นของกระดาษผสมกับน้ำหมึกจาง ๆ คละคลุ้งอยู่ไปทั่วห้อง
หน้าที่ของผู้คุมเกมในวันนี้ เดินไปนั่งลงบนเก้าอี้กำมะหยี่สีน้ำตาลเข้ม ใกล้เตาผิงที่ไม่มีไฟ ร่างสูงเอนตัวพิงพนัก พลางพลิกหน้าหนังสือเล่มหนึ่งและอ่านมันฆ่าเวลาอย่างไร้จุดหมาย จนกระทั่ง… ข้อความจากระบบได้แจ้งเตือนขึ้น
[เหล่าผู้เล่นกำลังวางแผนฆ่าผู้คุมเกม โปรดเตรียมการรับมือ]
คนที่ไม่รู้ว่ากำลังยืนข้างฝ่ายไหนชะงักกับข้อความที่ปรากฏตรงหน้าของเขา แม้จะเป็นผู้คุมก็ไม่สามารถเป็นข้อละเว้น เขาจึงตัดสินใจจะเดินออกจากห้องสมุดนี้ทันที
แต่ทว่า เสียงของชายหนุ่มดังขึ้นจากประตูทางเข้า ไคล์-นักศึกษาวัย 19 ปี ยืนอยู่ตรงนั้น ร่างสูงโปร่งของเขาดูอ่อนแอ เมื่ออยู่ท่ามกลางในกลุ่มของพวกเขาทั้งหมด
“ขอโทษที่เข้ามากะทันหัน ผมไม่คิดว่าคุณจะอยู่ที่นี่”
เจ้าของคฤหาสน์ระงับอาการประหม่าของตัวเอง เขาไม่รู้ว่าชายผู้นี้มาหาด้วยจุดประสงค์ใดกันแน่ หรือจงใจจะจบชีวิตของเขาไว้ภายในที่นี่ แต่ก่อนที่จะเผลอหลุดบทบาทเจ้าของคฤหาสน์นี้ไป เขายังแสดงสายตากวาดอ่านหนังสือในมือต่อไป
“คุณเจ้าของคฤหาสน์กำลังอ่านอะไรอยู่เหรอครับ?”
“ข้ากำลังอ่านคัมภีร์แห่งปรัชญาว่าด้วยเจตจำนงของพระเจ้าที่มีต่อมนุษย์”
“ฟังดูน่าสนใจดีนะ ผมเองก็ชอบอ่านแนวแบบนี้อยู่เหมือนกัน ว่าพระเจ้าอยู่ข้างมนุษย์อยู่เสมอ” ชายหนุ่มหยุดพูดไปชั่วขณะหนึ่ง “ในสถานการณ์ตอนนี้ คุณคิดว่าพระเจ้ายังอยู่ข้างผมหรือเปล่า”
เรธัสเงยหน้ามองเขานิ่ง ๆ ลึกภายในใจ แม้ชายคนนี้จะอายุน้อยสุดภายในกลุ่ม หลังได้ยินคำถาม มันก็ยากในการให้กำลังใจ แต่เขาก็พูดมันออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ
“พระเจ้ากำลังทดสอบท่าน และหากท่านสามารถฝ่าฟันความทุกข์ยากไปได้ ท่านจักเป็นผู้ที่ได้รับการโปรดปรานจากพระองค์”
ไคล์ยิ้มอ่อน “ผมก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น” เขามองไปรอบ ๆ ห้อง ก่อนจะหยิบหนังสือเล่นหนึ่งขึ้นมาอ่านบ้าง
“ถ้าไม่ว่าอะไร ผมขออยู่ที่นี่กับคุณนะ” แล้วเขาก็มองไปยังหนังสือที่เป้าหมายของความหวาดระแวงกำลังอ่านอยู่ สังเกตได้ว่าเจ้าของคฤหาสน์อ่านได้ไม่ถึงครึ่งเล่มเลยด้วยซ้ำ
ขณะผู้คุมเกมที่พยายามจะหลบหนีกลับไม่มีทางเลือก นอกจากนั่งอยู่ประจำที่โดยมีชายหนุ่มนักศึกษา นั่งพื้นพิงชั้นอ่านหนังสือกับพรมสีเข้มตรงข้ามกับเขา
เจ้าของดวงตาสีฟ้าครามแอบจ้องหน้าชายหนุ่มคนนั้นอย่างพิจารณา เป็นช่วงเวลาเดียวกันที่รู้สึกลางสังหรณ์บางอย่างแอบอยู่ด้านหลังกำแพงด้านหน้าประตูทางเข้าห้องสมุด คล้ายจะมีใครบางคนแอบฟังบทสนทนาของพวกเขาอย่างระวัง
ดวงตาดำขลับซ่อนอยู่หลังกำแพงนั่น ประจวบเหมาะกับผู้เล่นเกมวัยหนุ่มเริ่มเอ่ยถามเขาด้วยความสงสัย ในขณะที่ทั้งคู่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่เหมือนกัน
“คุณบอกว่าในกลุ่มของพวกผมมีปีศาจอยู่” ชายหนุ่มนักศึกษาจ้องมองคนตรงข้ามอย่างตรง ๆ “แล้วมันแฝงอยู่ยังไง?”
“ท่านต้องสังเกตเอง” เรธัสตอบเสียงเรียบ “ทางที่ดีก่อนตะวันจะลับลา ท่านก็ควรเตรียมตัวเพื่อตัวท่านด้วย”
ไคล์ขมวดคิ้ว สีหน้าของเขายังคงสับสนกับคำตอบอยู่ไม่น้อย และแอบมีแฝงความมุ่งมั่นเหลือเกิน ที่ทำให้คนอย่างเรธัสอดรู้สึกสงสัยไม่ต่างจากเขา
จู่ ๆ ชายหนุ่มก็ยืนขึ้นและเดินเข้ามาหาเขา จ้องไปยังดวงตาคู่นั้นราวกับมีเป้าหมาย บทบาทเงาไม่อาจแสดงอาการตื่นตระหนก สีหน้าปั้นฝืนต่อต้านความกลัว เมื่อชายคนนั้นก้าวขาเข้ามาใกล้มากขึ้นทุกขณะ
“ผมชอบหนังสือเล่มนี้ ผมสามารถเอามันออกไปอ่านด้านนอกได้หรือเปล่า?”
บุรุษผู้ทำเป็นนิ่งเฉยมองหน้าปกหนังสือที่อีกฝ่ายถือไว้ หนังสือเล่มนั้นมีชื่อว่า ‘เมื่อเลือดหยดสุดท้ายร่วงลง’ นวนิยายเล่มหนึ่งยื่นมาให้เจ้าคฤหาสน์ดูก่อน
“ถือว่าคฤหาสน์หลังนี้เป็นดั่งบ้าน ท่านมีอิสระที่จะทำสิ่งใดก็ตามที่ใจท่านเรียกร้อง”
ก่อนที่ไคล์จะออกจากห้องสมุดไป ดวงตาที่แอบเฝ้ามองทอประกายระแวง มือของเขาล้วงกระเป๋าเสื้อ หากมองเผิน ๆ คงไม่มีใครทันสังเกตว่า กระเป๋าด้านในนั้นมันหนักกว่าปกติ
เซส นักพนันยืนอยู่หลังกำแพงขณะแอบฟังทั้งสอง เป็นจังหวะที่ชายหนุ่มนักศึกษาคนนั้นกำลังเดินออกมาพอดี เขาก็รีบตัดสินใจเดินออกจากที่นั่นอย่างไร้ร่องรอย
โดยระหว่างนั้น ก่อนที่ชายหนุ่มจะไป เขาหันกลับมาถามเจ้าผู้เสมืิอนตีตัวตนออกห่างจากผู้คนทั้งหลาย
“คุณอยู่ที่ห้องสมุดตลอดรึเปล่า”
แม้จะแปลกใจกับคำถาม แต่เขาก็ต้องตอบอีกฝ่ายด้วยความจริง “ข้ามิอาจอยู่ที่นี่ได้ตลอด เพราะยังมีสิ่งอื่นที่ต้องทำและหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบอีกมากมาย”
หลังจบสนทนาและเวลาได้ผ่านไป เรธัสในฐานะผู้คุมเกมรู้สึกว่าการอยู่ห้องสมุดนาน ๆ แทบไม่มีใครมาเยือนหรือลอบทำร้ายเขาเลยสักคนเดียว มันก็ฉายชัดอย่างน่าประหลาด เมื่อเขาเดินออกมาจากห้องสมุด สายตามองกลับไปที่หน้าประตูกลับมีกรงเล็บปริศนา กรีดรอยห้านิ้วลากยาวเป็นทางตรงลงมา เป็นการทำลายที่ลึกและใหญ่ชัดเจนมาก ไม่ทะลุถึงประตูด้านใน ซึ่งมันไม่ใช่รอยแมวข่วนทั่วไป แต่มันเป็นร่องรอยฝีมือของปีศาจที่ได้สร้างผลงานประดับหน้าประตูเอาไว้ประหนึ่งว่านี่เป็นคำขู่
“เป็นไปได้ยังไง” เรธัสคิดในใจ โดยที่เขามั่นใจว่าประตูบานนี้ก่อนเข้ามา มันไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน ในขณะระบบเกมสยองขวัญไม่สามารถอำนวยความสะดวกหรือช่วยเหลืออะไรได้ นอกเสียจากภารกิจที่ต้องทำหลังเวลาสามทุ่ม
[ภารกิจ : เติมน้ำมันให้เครื่องปั่นไฟ]
เขายังหวั่นใจอย่างน่าประหลาด ขณะก้าวเท้าไปตามโถงทางเดิน โดยไม่รู้ว่าคนอื่นตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่กันแน่
เสียงรองเท้าหนังกระทบพื้นกระเบื้องเงาวาวดังกึกก้องเบา ๆ ตามทุกย่างก้าวที่เคลื่อนไหวไปข้างหน้า เหมือนกำลังถูกดูดกลืนเข้าไปในบรรยากาศอันเงียบครึมของคฤหาสน์ที่ไม่เหลือผู้ใดอีกเลย
ภายในห้องครัว ไฟสีอำพันจากหลอดไฟบนเพดานส่องลงมาบนเคาน์เตอร์หินอ่อนใจกลางห้อง ผนังรอบห้องเป็นตู้ไม้บิ้วอินถูกจัดเรียงอุปกรณ์เครื่องครัวไว้อย่างเป็นระเบียบ
นัยน์ตาสีฟ้าใต้แสงสีอำพันกวาดสายตามองโต๊ะกลางห้อง และเห็นกุญแจดอกหนึ่งวางเตะตาอยู่ตรงนั้น มันถูกวางไว้อย่างโจ่งแจ้งราวกับเจ้าของเกมนี้ต้องการให้ผู้ใดก็ตามได้เข้ามาหามันเจอได้อย่างง่ายดาย
มันแปลก…
ที่ไม่มีผู้ใดหยิบมันไปเลยสักคนเดียว…
ปลายนิ้วของเรธัสแตะลงบนกุญแจโลหะสีเงินเย็นเฉียบ เขาหยิบมันขึ้นมาโดยลังเลเล็กน้อย ผิวสัมผัสของมันเรียบเนียน ไร้รอยขีดข่วนเหมือนเป็นของใหม่แกะออกจากกล่อง
ชายหนุ่มในฐานะผู้คุมเกมขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่มีเวลาครุ่นคิดมากกว่านั้น ก่อนจะหมุนกายเดินไปยังห้องถัดไป
เป้าหมายต่อไป คือ ถังน้ำมัน
เรธัสไปยังห้องเก็บของตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย บรรยากาศมืดอึมครึมเล็กน้อยตามมาด้วยกลิ่นของเก่า ฝุ่นเขรอะ และชั้นไม้เก่าเรียงกันเป็นแถว แต่ละชั้นเต็มไปด้วยกล่องเหล็กสีน้ำตาลเข้มไปทางดำ หน้ากล่องมีตราประทับเก่าเลือนราง ซึ่งภายในห้องนี้แตกต่างจากห้องอื่น ๆ อย่างสิ้นเชิง
มุมหนึ่งของห้อง พบถังน้ำมันสีแดงถูกวางอยู่บนพื้น เรธัสรู้สึกว่าแม้คฤหาสน์จะถูกจัดตั้งค่าให้อยู่ในสมัยวิกตอเรีย แต่ถังน้ำมันสีแดงที่มันไม่สมควรมีอยู่ กลับปรากฏว่าที่นี่ไม่ได้ล้าสมัยตามบทบาทที่เขาได้รับเลย
มือหนายื่นหยิบมันขึ้นมา ของเหลวจากด้านในดังกระฉอกเบา ๆ ตามแรงขยับมือ ภารกิจได้กำชับอีกครั้งว่าเขาควรต้องทำอะไรต่อจากนี้
บันไดที่ทอดลงไปยังชั้นใต้ดินทั้งแคบและชัน พื้นไม้เก่ากึกส่งเสียงลั่นเอี๊ยดแผ่ว ๆ เหมือนจะเป็นเส้นทางฉุกเฉินและไม่ได้ตั้งใจสร้างมันมาอย่างถาวร
ทุกครั้งที่ก้าวลงไป อากาศชั้นใต้ดินควรจะเย็นแต่กลับร้อนไม่ต่างอยู่ใกล้เตาผิงไฟ พร้อมกลิ่นฝุ่น กลิ่นเหล็กขึ้นสนิมปะปนอยู่ในกลิ่นน้ำมันเครื่องมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อยิ่งเข้าไปใกล้ แสงไฟจากด้านบนเริ่มลดลงทีละนิด ทิ้งให้ทางเดินลงใต้ดินจมอยู่ในเงาสลัวมากขึ้นเท่านั้น
เสียงเครื่องจักรทำงานดังก้องขึ้นชัดเจน
“วึมมมมมม—”
เรธัสเดินไปถึงประตูเหล็กที่กั้นระหว่างห้องเครื่องกับทางเดินด้านนอก ไม่ช้าเขาก็เสียบกุญแจเข้าไปในแม่กุญแจ ก่อนที่เสียง ‘แกร๊ก’ จะดังขึ้น
ชายหนุ่มผลักประตูเข้าไป…
พบแสงสีขาวนวลจากหลอดไฟติดเพดานสะท้อนกับผนังปูนเปลือย ห้องใต้ดินนี้ไม่ใช่ห้องเก็บของเก่าแก่ แต่มันเหมือนจะเป็นศูนย์กลางพลังงานของคฤหาสน์
ตรงกลางห้องมีเครื่องปั่นไฟขนาดใหญ่สีดำมันวาว ส่งเสียงกลไกโลหะหมุนบดเป็นจังหวะ และสั่นสะเทือนจากแรงทำงานของมัน
งานวันแรก ผู้คุมเกมมองแผงควบคุมด้านข้างมีเลขดิจิทัลแสดงเวลา 20:45 น.
แสงไฟสีแดงจากหน้าจอเล็กกะพริบเป็นระยะ กำลังเตือนแจ้งการปิดการทำงาน
[ระบบจะหยุดทำงานระหว่าง 21:00-06:00 น.]
เมื่อเวลาบนหน้าจอ LED แสดงตัวเลข 20:59 น.
อีกหนึ่งนาที ทุกอย่างจะดับลง เรธัสมองนาฬิกาดิจิทัลจนมันแสดงถึงวินาทีสุดท้าย
“ติ๊ด” ทุกอย่างตกอยู่ในความมืดสนิท…
เมื่อเครื่องปั่นไฟหยุดทำงาน คฤหาสน์ทั้งหลังถูกกลืนอยู่ในเงามืด ไร้ซึ่งแสงสว่าง ทุกหลอดไฟที่เคยส่องสว่างดับวูบลงพร้อมกันอย่างสมบูรณ์ ทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่าที่เยือกเย็นเป็นคำตอบ
ทั้งส่งสัญญาณภัยระวังไปถึงทุกชีวิตที่อยู่ที่นี่ ต่างคนต่างกักขังตนเองเอาไว้ในห้องส่วนตัว ประตูทุกบานมั่นใจถูกปิดสนิทดีแล้ว ผ้าม่านเปิดรับแสงเฉพาะบางพื้นที่ โดยเฉพาะแสงอ่อนโยนของดวงจันทร์ อาจปลอบประโลมผู้มาเยือนสงบลงได้บ้าง เมื่อค่ำคืนนี้พวกเขาทั้งหมดกำลังซ่อนตัวอยู่ภายใต้เปลือกของความปลอดภัย ที่ผู้คุมเกมคนใหม่ได้เป็นคนเตรียมเอาไว้ให้
แต่จะมีใครเชื่อ…
มันเหมือนเป็นเพียงภาพลวงตา ที่ปีศาจในกลุ่มของพวกเขาต้องการให้เป็นเช่นนั้น ภายในค่ำคืนที่พลังงานทุกสิ่งถูกหยุดนิ่ง คล้ายอะไรบางอย่าง มันกำลังเฝ้ารอ… รอให้ใครสักคนก้าวออกมาจากห้องรักษาความปลอดภัยนั่น รอให้ชีวิตแขวนบนเส้นด้ายได้ทำมันพลาดไปและรอ… ให้พวกเขาได้รู้เสียทีว่า… นี่มันไม่ใช่เกม
ขณะคนหนึ่งรอเวลานี้อยู่แล้ว การเฝ้ามองดิจิทัลสั่งปิดระบบการทำงานของเครื่องยนต์
[ระบบแจ้งเตือน คฤหาสน์เข้าสู่โหมด : Nightmare]
เสียงแจ้งเตือนทำให้ผู้คุมเกมสะดุ้งตื่น เมื่อเสียงข้อความอัตโนมัติดังขึ้นในความเงียบและเป็นเสียงเดียวที่ยังคงทำงานอยู่
[เปิดใช้สกิลผู้คุมเกม : Night Shadow]
[คุณสมบัติ : อำพรางไร้เสียงฝีเท้าและปรับดวงตามองเห็นได้ในความมืด]
ทันทีที่คำสั่งถูกเปิดใช้งาน ความมืดรอบตัวภายในห้องใต้ดิน เรธัสเปลี่ยนไป เมื่อเงามืดไม่ใช่อุปสรรคอีกต่อไป ดวงตาสีฟ้าครามกระแจ่งเห็นทุกสิ่งรอบตัวอย่างชัดเจน ก่อนที่เจ้าตัวจะเริ่มเติมน้ำมันจนสำเร็จภารกิจไปภายในค่ำคืนนี้
เวลาต่อมา เรธัสเดินออกจากห้องใต้ดิน หวนกลับคืนสู่คฤหาสน์อันเงียบสงัด ได้ถูกความมืดครอบคุลมโถงทางเดิน ไร้เสียง ไร้การเคลื่อนไหว เสมือนสถานที่แห่งนี้กลายเป็นสถานที่ร้างชีวิตผู้คน
แต่เขารู้ดี… เพราะความจริง ที่นี่ไม่ได้ว่างเปล่า
บทบาทเจ้าของคฤหาสน์ได้กลืนน้ำลายลงคอช้า ๆ รู้สึกได้ถึงแรงกดดันบางอย่างได้แผ่ขยายออกมาจากชั้นสอง โดยเฉพาะค่ำคืนนี้ยังอีกยาวไกล และไม่มีทางรู้เลยว่ามันจะนำพาหายนะอะไรมาให้เผชิญ
บันไดทอดยาวตรงขึ้นไปสู่ชั้นสอง ทุกย่างก้าวเหยียบที่ไปนั้นไร้เสียงฝีเท้า เป็นผลพลอยจากสกิล Night Shadow ยังคงทำงานอยู่
ทางเดินบนชั้นสองแบ่งออกเป็นสองฝั่ง ฝั่งขวาคือโถงที่พักของผู้เล่นทั้งหกคน ประตูไม้แต่ละบานเรียงกันเป็นแถวไม่ต่างจากที่พักในโรงแรมในใจกลางเมืองหลวงขนาดใหญ่ มีห้องซ้ายขวาและทางเดินตรงกลาง
ตกยามวิกาลเหล่าผู้เล่นคงซ่อนตัวอยู่หลังบานประตูเหล่านั้น เช่นเดียวกับการกักขังตนเองไว้ในพื้นที่ปลอดภัย
ระหว่างนั้น เรธัสหยุดยืนอยู่ตรงกลางระเบียง มองไปยังทางเดินด้านขวาที่ทอดยาวออกไป ภายในใจคิดเอาไว้แล้วว่าจะลองไปสำรวจเสียหน่อย ไม่ใช่เพราะความซุกซน แต่มันเป็นสัญชาตญาณอยากรู้อยากเห็นไม่ต่างจากคนอื่น และอยากตรวจสอบดูคนอื่นว่าแต่ละคนได้ทำตามข้อระวังที่เขาเคยได้เตือนเอาไว้หรือไม่
แต่ทันใดนั้น… เหมือนมีบางอย่างจับจ้องพฤติกรรมเขาเอาไว้ตลอดเวลา เสียงระบบแจ้งเตือนดังขึ้นภายในหัวของเขา พร้อมแสดงข้อความ
[ผู้คุมเกมถูกจำกัดไม่ให้เกี่ยวข้องกับพื้นที่ส่วนตัวของผู้เล่น]
[แนะนำให้กลับไปยังห้องพักส่วนตัวของท่าน]
ดวงตาสีฟ้าฉายแววไม่พอใจ นี่มันอะไรกัน? เขาเป็น ‘ผู้คุมเกม’ ไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงไม่ได้รับอิสระ โดยหน้าที่ของเขาควรจะทำอะไรก็ตามได้มากกว่านี้ ไม่ใช่แค่มองและปล่อยให้เกมคร่าชีวิตคนทั้งเป็นดำเนินไปตามระบบ
“บ้าจริง…” เขาคิดในใจ ขณะตั้งใจจะลองฝ่าฝืนกฎดู
แต่ทันทีที่ก้าวไปข้างหน้า…
ระบบแจ้งเตือนเขาอีกครั้ง ตัวอักษรสีแดงฉายวาบขึ้นกลางอากาศ ราวกับขีดเส้นตายให้ระวังหากคิดจะลองดี
[หากฝ่าฝืน ท่านจะถูกรีเซ็ตกลับไปเป็นผู้เล่นอีกครั้ง]