จากชายหนุ่ม-สู่มังกรผู้พิชิตโลก! นี่คือจักรวาลอันกว้างใหญ่ที่ซึ่งโลกทั้ง 9 หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว.! ที่ซึ่งเผ่าพันธุ์ต่างๆต่อสู้กันเพื่อความเป็นใหญ่ ผู้ที่แข็งแกร่งจะกลืนกินผู้ที่อ่อนแอ ปีศาจจากนรก จอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ เหล่าทวยเทพที่ถูกสรรเสริญ ตัวตนเหล่านี้ล้วนเป็นส่วนประกอบของโลกใบใหม่ที่ถูกหลอมรวมขึ้น อาเธอร์เกิดใหม่เป็นมังกรท่ามกลางไฟสงครามของโลกทั้งเก้า โชคชะตานำพาเขาไปสู่ลูกบาศก์ปริศนา ที่มอบพลังไร้ขีดจำกัด เปิดเส้นทางสู่ราชาผู้ชิตบัลลังก์เหนือทุกสรรพสิ่ง...

อาเธอร์คือมังกร - ตอนที่ 1 จุดเริ่มต้นของเรื่องราว โดย shepherd @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ผจญภัย,แอคชั่น,เกิดใหม่,สงคราม,อัศวิน,ออร์ค,เอลฟ์,เวทมนตร์,มังกร,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

อาเธอร์คือมังกร

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ผจญภัย,แอคชั่น,เกิดใหม่,สงคราม

แท็คที่เกี่ยวข้อง

อัศวิน,ออร์ค,เอลฟ์,เวทมนตร์,มังกร

รายละเอียด

อาเธอร์คือมังกร โดย shepherd @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

จากชายหนุ่ม-สู่มังกรผู้พิชิตโลก! นี่คือจักรวาลอันกว้างใหญ่ที่ซึ่งโลกทั้ง 9 หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว.! ที่ซึ่งเผ่าพันธุ์ต่างๆต่อสู้กันเพื่อความเป็นใหญ่ ผู้ที่แข็งแกร่งจะกลืนกินผู้ที่อ่อนแอ ปีศาจจากนรก จอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ เหล่าทวยเทพที่ถูกสรรเสริญ ตัวตนเหล่านี้ล้วนเป็นส่วนประกอบของโลกใบใหม่ที่ถูกหลอมรวมขึ้น อาเธอร์เกิดใหม่เป็นมังกรท่ามกลางไฟสงครามของโลกทั้งเก้า โชคชะตานำพาเขาไปสู่ลูกบาศก์ปริศนา ที่มอบพลังไร้ขีดจำกัด เปิดเส้นทางสู่ราชาผู้ชิตบัลลังก์เหนือทุกสรรพสิ่ง...

ผู้แต่ง

shepherd

เรื่องย่อ

สารบัญ

อาเธอร์คือมังกร-ตอนที่ 1 จุดเริ่มต้นของเรื่องราว,อาเธอร์คือมังกร-ตอนที่ 2 สิ้นสุดความฝัน

เนื้อหา

ตอนที่ 1 จุดเริ่มต้นของเรื่องราว

ตอนที่ 1: จุดเริ่มต้นของเรื่องราว


ความมืดคือสิ่งเดียวที่เขามองเห็นเมื่อเขาตื่นขึ้นจากห้วงนิทรา...






     'ที่นี่ที่ไหน…?'  

อาเธอร์ลืมตาขึ้นก่อนจะพบว่าตัวเองตื่นขึ้นมาในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย  

 เขามองไปรอบๆด้วยความสับสน โดยที่เขาเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขามาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้อย่างไร.?

แต่หากเมื่อเขาพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว สถานการณ์ที่เขากำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้ก็ดูคล้ายกับความฝัน อย่างไรก็ตามความฝันนี้กลับดูแปลกประหลาดอย่างน่าเหลือเชื่อ

อาเธอร์พบว่าวิสัยทัศน์ทั้งหมดที่เขามองเห็นถูกย้อมไปด้วยสีดำ ราวกับว่าเขากำลังจมดิ่งลงไปใต้ห้วงทะเลลึกที่ซึ่งมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด ไม่ว่าเขาจะมองไปที่ไหนก็มีแต่ความมืดเต็มไปหมด

'เดี๋ยวก่อนนะฉันคิดว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง…!' ทันทีที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในใจ เสียงของความทรงจำที่หายไปก็กลับดังก้องในหัวของเขาอีกครั้ง 

อาเธอร์สงบสติอารมณ์ และเริ่มเรียบเรียงความทรงจำที่ยุ่งเหยิงให้กลับเป็นระเบียบอีกครั้ง และแล้วตอนนั้นเองฉากที่อุกกาบาตตกลงมาจากท้องฟ้าก็ปรากฏขึ้นมาในจิตใจของเขา

ทุกอย่างเริ่มชัดเจนในความคิดของเขา

ความจริงแล้วเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นในคืนหนึ่ง คืนที่ท้องฟ้าช่างดูปลอดโปร่งและพรั่งพรายไปด้วยหมู่ดาวนับล้านที่ส่องแสงเป็นประกายระยิบระยับ

ตอนนั้นอาเธอร์พบว่าภาพนี้น่าดึงดูดใจมาก เขาไม่เคยตระหนักมาก่อนเลยว่าท้องฟ้ายามราตรีจะสวยได้ถึงขนาดนี้ จนกระทั่งเขาได้ประจักษ์กับฉากที่อยู่ตรงหน้าของเขา 

ในวินาทีนั้นทุกอย่างดูเหมือนว่าจะสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ แต่ทว่าในความสมบูรณ์แบบนั้นอาเธอร์กลับสังเกตเห็นบางอย่างผิดปกติ มันคือดาวตกที่กำลังร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า

บางคนอาจจะขอพรในเวลานี้แต่สำหรับอาเธอร์แล้วมันคือหายนะ เพราะหินอุกกาบาตขนาดยักษ์ที่ลุกเป็นไฟกำลังพุ่งตรงมาหาเขา.!

ณ จุดนั้นอาเธอร์พยายามวิ่งหนีสุดชีวิต แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่เร็วพอที่จะวิ่งหนีจากมันได้ ซึ่งในตอนนั้นก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่ความทรงจำของเขาขาดหายไป

เมื่อคิดดูแล้วอาเธอร์ก็เชื่อว่าเขาก็น่าจะเสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่ตอนนั้น 

'สรุปว่าอุกกาบาตลูกนั้นได้คร่าชีวิตฉันไปแล้วหรือ..?'

อาเธอร์ครุ่นคิดเขารู้สึกว่าเหตุการณ์ต่างๆเริ่มซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ การตระหนักรู้ถึงความจริงดังกล่าว ส่งผลให้สถานการณ์ในตอนนี้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง 

อาเธอร์เริ่มคิดแล้วว่าบางทีสถานที่ที่เขากำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้อาจจะไม่ใช่ความฝัน หากแต่เป็นโลกหลังความตาย ซึ่งเป็นจุดหมายสุดท้ายของผู้วายชนม์ พอคิดดูแล้วนั่นอาจจะเป็นคำอธิบายที่สมเหตุสมผลที่สุดในตอนนี้.!

'สุดท้ายแล้วฉันก็ตายในเหตุการณ์ครั้งนั้น' ความจริงโจมตีเขาอย่างรุนแรงราวกับค้อนที่ทุบลงบนหัวใจ ทุกอย่างมันรวดเร็วจนเกินไป

อาเธอร์เพิ่งจะมีอายุเพียง 20 เท่านั้น และมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เขายังไม่ได้ทำในตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ อีกอย่างเขายังไม่เคยมีแฟนด้วยซ้ำ เรื่องนี้กระทบกระเทือนจิตใจของเขาเป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ตามเมื่อทุกสิ่งดำเนินมาถึงจุดนี้แล้ว เขาก็รู้ตัวดีว่าไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้อีกต่อไป อาเธอร์ทำได้แค่เพียงต้องก้มหน้ายอมรับความจริงเท่านั้น.!

'บางทีสถานที่แห่งนี้คงจะเป็นจุดหมายปลายทางสุดท้ายของฉัน ถึงมันจะฟังดูหน้าเศร้า แต่แบบนี้ก็อาจจะดีแล้วก็ได้'

ในมุมมองของอาเธอร์แม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะมืดและน่ากลัวไปหน่อย แต่ถ้าหากเขามองข้ามองค์ประกอบเหล่านั้นไป อย่างน้อยความมืดนี้ก็ยังทำให้อาเธอร์รู้สึกว่าได้ปล่อยวางจากทุกสิ่ง อาจกล่าวได้ว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่สงบที่สุดในชีวิตของเขาก็ว่าได้


ทุกวินาทีที่ดำเนินไปนั้นช่างดูเงียบงัน

ในขณะที่อาเธอร์จมอยู่ในห้วงความคิด ภาพความทรงจำในอดีตก็ได้ปรากฏขึ้นมาในจิตใจของเขา เปรียบเสมือนแผ่นฟิล์มเก่าๆที่ถูกปัดฝุ่นและนำกลับมาเล่นใหม่อีกครั้ง ซึ่งเรื่องราวเหล่านั้นก็เต็มไปด้วยความทรงจำที่ดีและไม่ดี ความสุขความทุกข์หรือแม้กระทั่งการสูญเสีย ภาพเหล่านั้นได้ฉายขึ้นในจิตใจของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ดุจจะเป็นการย้ำเตือนครั้งสุดท้ายว่าครั้งหนึ่งเขาเคยมีชีวิตในฐานะคนคนหนึ่ง

ในเวลานี้อาเธอร์มองเห็นภาพของตัวเองในวัยเด็กที่กำลังหลั่งน้ำตาท่ามกลางผู้คนที่รุมล้อม ร่างของชายหญิงคู่หนึ่งนอนอยู่กับพื้นอย่างไร้ชีวิต โดยมีบาทแผลหลายแห่งปรากฏอยู่บนร่างกายของพวกเขา และพื้นก็นองไปด้วยเลือดสีแดง.!

ฉากเหล่านี้อาจจะดูน่ากลัวสำหรับใครหลายคน แต่สำหรับอาเธอร์แล้วทุกอย่างในวันนั้นคือความเศร้าและความเจ็บปวดที่ทำให้หัวใจแตกสลาย

ย้อนไปเมื่อตอนที่อาเธอร์อายุได้ 8 ขวบ อุบัติเหตุได้พรากชีวิตพ่อแม่ของเขาไปอย่างน่าเศร้า เหตุการณ์ในครั้งนั้นได้ทิ้งรอยร้าวไว้ในจิตใจของอาเธอร์ และมันก็คอยกัดกินตัวเขามาจนถึงทุกวันนี้ แม้ว่าเขาต้องการที่จะลืมมันไป แต่บางครั้งเหตุการณ์ที่เขาอยากจะลืมมากที่สุดกลับกลายเป็นสิ่งที่คอยฉุดรั้งให้เขาจมลงไปในบึงแห่งความเศร้าหมอง และผลักใสให้ตัวเขาถลำลึกเข้าไปในป่าหนามที่ทิ่มแทงหัวใจ จริงอยู่ที่เวลาจะเยียวยาทุกอย่าง แต่สุดท้ายแล้วบาทแผลเหล่านั้นก็ลึกเกินกว่าที่จะหายไป 

สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าเขาก็เป็นเพียงแค่มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งที่ต้องเผชิญกับความรู้สึกเจ็บปวดและการสูญเสีย สุดท้ายแล้วทุกชีวิตที่เกิดมาก็ต้องดับสูญ เรื่องนั้นเป็นสัจธรรมที่เขาเข้าใจดี


เสียงกระซิบแห่งความเงียบงัน เริ่มทำให้สติของอาเธอร์เลือนลางลงไป ภาพวังวนในอดีตยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเขาอย่างไม่รู้จบ

ในชีวิตที่แสนน่าเศร้าของอาเธอร์ เมื่อสูญเสียคนที่รัก เขากลายเป็นเด็กกำพร้าที่ต้องดิ้นรนสู้ชีวิตมาอย่างยากลำบาก เขาต้องอาศัยหลับนอนอยู่ในสถานที่เลี้ยงเด็กกำพร้าแคบๆ อดมื้อกินมื้อเพื่อแบ่งปันให้กับพี่น้องของเขา แม้มันจะไม่ยุติธรรมแต่นั่นก็ทำให้เขารู้จักคุณค่าของชีวิต 

เพราะโลกนี้ไม่เคยมีความยุติธรรมอยู่ตั้งแต่แรก.!


'ฉันสงสัยว่าพวกเขาจะคิดอย่างไรเมื่อรู้ว่าฉันเสียชีวิตแล้ว'

'ตอนนี้ ทุกคนกำลังร้องให้เพื่อฉันอยู่หรือเปล่า…? ' เมื่อหวนคิดถึงใบหน้าของทุกคนความเจ็บปวดก็ปรากฏขึ้นในใจของอาเธอร์อีกครั้ง สุดท้ายแล้วมีเพียงความเศร้าเท่านั้นที่คอยอยู่เคียงข้างเขาในวันสุดท้ายของชีวิต

เมื่อความทรงจำดำเนินมาจนถึงจุดหนึ่งเวลาก็ได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ภาพในวันวานของอาเธอร์เริ่มเลือนหายไปตามกาลเวลา

อาเธอร์อยู่ในสภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่น ความมืดมิดและความเงียบงันส่งผลให้กระบวนการคิดของเขาช้าลง อาเธอร์ไม่รู้เลยว่าเวลาได้ผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว แต่เขารู้สึกเหมือนว่าวันเวลาที่ผ่านไปนั้นมันช่างผ่านไปนานแสนนาน บางทีอาจจะเป็นเดือน ปี หรือไม่ก็หลายสิบปี เขาไม่สามารถรับรู้เรื่องนั้นได้เลย

ขณะที่อาเธอร์รู้สึกว่าตัวเขาเองกำลังจะหลับลงไปอีกครั้ง เขาก็พยายามเรียกคืนสติของเขากลับมาโดยการขยับตัว อย่างไรก็ตามกลับกลายเป็นว่าร่างกายของเขาหนักอึ้งจนแทบขยับตัวไม่ได้.!

ที่จริงแล้วนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่อาเธอร์ลองขยับร่างกายของเขา ในช่วงเวลาที่ผ่านมาอาเธอร์ได้ทำการทดลองหลายต่อหลายครั้งแต่ทว่าผลลัพธ์ของมันก็ยังเหมือนเดิม.!

ณ จุดนี้ อาเธอร์คิดว่าเขาควรที่จะยอมแพ้ ทั้งนั้นก็ปล่อยให้จิตวิญญาณของเขาเองได้หลอมรวมเข้ากับความมืดอย่างสมบูรณ์ และหลับไหลไปชั่วนิรันดร์เพื่อที่จะได้หยุดวงจรนี้เสียที

อย่างไรก็ตามในวินาทีที่อาเธอร์กำลังจะสูญเสียสติสัมปชัญญะของเขาไปอีกครั้ง ทันใดนั้นก็ได้มีปรากฏการณ์แปลกประหลาดเกิดขึ้น

ในโลกที่มืดมิด อาเธอร์สัมผัสได้ว่าอุณหภูมิโดยรอบได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และเมื่ออุณหภูมิเพิ่มมาจนถึงจุดหนึ่งมันก็หยุดลงและคงไว้ซึ่งความอบอุ่นที่ผ่อนคลาย

'ในที่สุดก็เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง…!' อาเธอร์คิดด้วยความตื่นเต้น

เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหันของอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้น นั่นจึงทำให้คลื่นความอบอุ่นได้แพร่กระจายไปยังทุกส่วนในร่างกายของอาเธอร์ จนทำให้เขารู้สึกราวกับว่ากำลังแช่อยู่ในบ่อน้ำพุร้อน อย่างไรก็ตามแม้ว่าการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมจะเป็นเรื่องที่น่าตกใจ แต่สิ่งที่ทำให้อาเธอร์ไม่เข้าใจเลยก็คือความรู้สึกอบอุ่นที่เขากำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้ สิ่งนี้ไม่ควรเกิดขึ้นกับเขา

'ฉันแน่ใจว่าความรู้สึกนี้คือของจริงแท้แน่นอน แต่มันจะเป็นไปได้ยังไงกันล่ะ ในเมื่อฉันตายไปแล้ว ในทางทฤษฎีความรู้สึกทางกายภาพก็ควรที่จะหายไปพร้อมกับร่างกายของฉัน แต่ตอนนี้มันคืออะไร.?' อาเธอร์ครุ่นคิด โดยพยายามสรรหาเหตุผลต่างๆเพื่อมาอธิบายปรากฏการณ์ที่แปลกประหลาดนี้.?

และแล้วก็เป็นตอนนั้นเอง ที่อาเธอร์ก็ได้นึกถึงความเป็นไปได้บางอย่างขึ้นมาได้โดยไม่ได้ตั้งใจ เหตุผลของการที่เขายังมีความรู้สึก.! 

 'หรือว่าที่จริงแล้วฉันจะยังไม่ตาย เพียงแค่ว่าฉันอาจจะตกอยู่ในอาการโคม่า บางทีร่างกายที่แท้จริงของฉันอาจจะกำลังหลับไหลอยู่ที่โรงพยาบาลไหนสักแห่ง' ทฤษฎีนี้ทำให้อาเธอร์รู้สึกตื่นเต้นและนำความหวังของเขากลับขึ้นมาอีกครั้ง อย่างไรก็ตามไม่นานความหวังนั้นก็เลื่อนหายไป

เนื่องจากความจริงที่ว่าเขาไม่สามารถขยับตัวได้นั้นเป็นอุปสรรคที่ทำให้เขานั้นสิ้นหวัง ถึงแม้ว่าเขาจะขยับตัวได้ แต่ท้ายที่สุดเขาก็ยังทำอะไรไม่ได้อยู่ดี เพราะการหาทางออกจากที่นี่ก็ยังคงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

อาเธอร์คิดว่าบางทีหนทางเดียวที่จะปลดปล่อยเขาจากพันธนาการของโลกที่มืดมิดนี้ได้ก็คือการที่ร่างกายหลักของเขาจะต้องตายลงไป ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะต้องติดอยู่ในที่แห่งนี้ตลอดไป

'แม้แต่ความตายก็ยังไม่ต้อนรับคนอย่างฉัน ทำไม ทำไมกัน ฉันเพียงแค่ต้องการตายอย่างสงบเท่านั้น.!'

ความมืดได้กระตุ้นให้อารมณ์ด้านลบของอาเธอร์รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนเขาเริ่มจะควบคุมอารมณ์ของตนเองไม่ได้

'ถ้าหากพระเจ้ามีจริง ฉันก็อยากจะขอร้องให้ท่านปลดปล่อยฉันออกจากพันธนาการนี้เสียที ได้โปรด'

สิ่งต่างๆเริ่มดูสิ้นหวังสำหรับอาเธอร์ เขาไม่มีความหวังใดหลงเหลืออยู่เลย แต่ในใจลึกๆแล้วเขาก็ยังคงหวังว่าคำขอของเขาจะเป็นจริง แม้ว่าสิ่งนั้นจะเป็นไปไม่ได้ก็ตาม

ในขณะที่อาเธอร์ปลดปล่อยความรู้สึกอัดอั้นที่อยู่ในใจออกไป ทันใดนั้นเองสิ่งที่อาเธอร์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อจู่ๆ พื้นที่ทั้งหมดโดยรอบเริ่มสั่นสะเทือนอย่างไม่ทราบสาเหตุ

'เกิดบ้าอะไรขึ้นวะเนี่ย.!'

การสั่นสะเทือนดูเหมือนจะรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ มันทำให้ร่างกายของอาเธอร์สั่นไม่หยุดจนเขาเริ่มที่จะมีอาการคลื่นไส้

    อย่างไรก็ตามท่ามกลางความโกลาหลนั้นเองอาเธอร์ก็สัมผัสได้ว่าร่างกายของเขามีการตอบสนองบางอย่างต่อแรงสั่นสะเทือน.!

โดยไม่คาดคิดแรงสั่นไหวจากการสั่นสะเทือนกระตุ้นให้ร่างกายของเขากลับมาขยับได้อีกครั้ง

อย่างไรก็ตามจริงอยู่ที่ว่าอาเธอร์สามารถขยับร่างกายได้แล้ว แต่ทว่าความรู้สึกของแรงกดทับที่อยู่บนตัวเขายังไม่ได้หายไปไหน ที่จริงแล้วมันให้ความรู้สึกคล้ายกับว่าเขากำลังเคลื่อนที่อยู่ภายใต้ของเหลวที่เหนียวหนึบยากต่อการเคลื่อนไหว ซึ่งทำให้ร่างกายของเขาหนักกว่าปกติมาก ด้วยเหตุผลที่กล่าวมานั่นเองจึงทำให้การที่อาเธอร์จะขยับร่างกายของเขาแต่ละครั้ง เขาก็จำเป็นที่จะต้องใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดของเขา ซึ่งนั่นก็จบลงด้วยการที่เขารู้สึกเหนื่อยกว่าปกติมาก.!

ในขณะเดียวกันเวลาก็ผ่านไปในไม่ช้าการสั่นสะเทือนก็หยุดลง และในวินาทีต่อมาอาเธอร์ก็สามารถกลับมารักษาสมดุลของเขาได้อีกครั้ง

'มันจบแล้วหรือ…!' เขาทำได้เพียงถามตัวเองอย่างสับสน

แต่ทันทีที่อาเธอร์คิดว่าเขาปลอดภัยแล้ว จู่ๆตอนนั้นเองเขาก็สังเกตุเห็นว่ามีบางอย่างปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าสีดำ มันคือรอยแตกร้าวที่มีแสงสีขาวจางๆส่องผ่านออกมา ทำให้ดูคล้ายกับพระอาทิตย์ที่กำลังส่องแสงในค่ำคืนที่มืดมิด

ในตอนแรกมันยังคงมีขนาดเล็กมาก แต่ดูเหมือนว่าเมื่อเวลาผ่านไปขนาดของมันก็จะค่อยๆขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเพียงเวลาไม่นานขนาดของมันก็ใหญ่พอจนเกือบจะครอบคลุมโลกมืดทั้งหมด

'นี่คือทางออกหรือเปล่า…?'

วินาทีนี้ภายในใจของอาเธอร์เต็มไปด้วยความตื่นเต้นเกินกว่าที่จะอธิบายออกาได้ หากนี่คือทางออกจริงๆความหวังที่เขาจะออกไปจากที่นี่ก็คงจะอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม

ณ ตอนนี้สถานการณ์โดยรวมดูเหมือนว่าจะไปในทางที่ดี อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าเรื่องทั้งหมดยังไม่จบลง.!

ทันทีที่รอยแตกร้าวขยายตัวมาจนถึงจุดหนึ่งในที่สุดมันก็หยุดลง แต่แล้วในวินาทีต่อมาอาเธอร์ก็สัมผัสได้ถึงแรงดึงดูดมหาศาลที่กระตุ้นให้ร่างกายของเขาเคลื่อนที่เข้าหารอยแตกอย่างช้าๆ.!


'เกิดอะไรขึ้นอีกเนี่ย'


'บ้าเอ้ยมันกำลังดูดฉันเข้าไป…!' 

ด้วยความตื่นตระหนกที่ถ้วมท้นจิตใจ อาเธอร์พยายามตะเกียดตะกาย และทำทุกวิถีทางเพื่อพาร่างกายของเขาออกห่างจากรอยแตกให้มากที่สุด ซึ่งก็เป็นตอนนั้นเองที่เขาได้เผลอหลุดตะโกนออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ และด้วยเหตุนั้นเองผลลัพธ์คือของเหลวบางอย่างได้ทะลักเข้าไปในปากของเขาเป็นจำนวนมาก จนทำให้เขาสำลักออกมาอย่างไม่อาจควบคุมได้

"แค็ก แค็ก แค็ก"


 อาเธอร์เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง เมื่อรับรู้ว่าไม่สามารถหนีออกไปจากสถานการณ์นี้ได้ ในที่สุดเขาก็ยอมแพ้ และปล่อยให้ร่างกายของเขาค่อยๆเคลื่อนผ่านเข้าไปในรอยแยก โดยที่เขาเองก็ไม่รู้เลยว่าจะจะมีชะตากรรมแบบไหนที่รอเขาอยู่หลังจากนี้.?

ขณะที่ร่างกายของอาเธอร์ค่อยๆหายไปจากโลกที่มืดมิดอย่างช้าๆ บนผืนฟ้าสีดำที่เคยเงียบสงบก็สว่างไสวไปด้วยแสงสีขาวเจิดจ้า รอยแตกที่ครั้งหนึ่งดูเหมือนจะหยุดนิ่งก็เริ่มขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง ขนาดของมันขยายใหญ่ขึ้นจนกระทั่งมันได้กลืนกินโลกมืดจนหมด และในที่สุดโลกที่มืดมิดก็ได้พังทลายลงอย่างสมบูรณ์…!