เควินลืมตาตื่นขึ้นมาอีกคน เขาค่อนข้างสดใสและมองโลกในแง่ดีจนมักถูกเปรียบเทียบกับแฝดพี่ว่าเป็นฤดูใบไม้ผลิ ขณะที่พี่ชายนั้นเปรียบเหมือนฤดูหนาว ชายหนุ่มชอบพูดจาทะเล้นทะลึ่งทว่ากลับทำให้มนตรายิ้มได้อยู่
รัก,ชาย-หญิง,ผู้ใหญ่,ยุคปัจจุบัน,ไทย,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ระฆังรักเควินลืมตาตื่นขึ้นมาอีกคน เขาค่อนข้างสดใสและมองโลกในแง่ดีจนมักถูกเปรียบเทียบกับแฝดพี่ว่าเป็นฤดูใบไม้ผลิ ขณะที่พี่ชายนั้นเปรียบเหมือนฤดูหนาว ชายหนุ่มชอบพูดจาทะเล้นทะลึ่งทว่ากลับทำให้มนตรายิ้มได้อยู่
เควินลืมตาตื่นขึ้นมาอีกคน เขาค่อนข้างสดใสและมองโลกในแง่ดีจนมักถูกเปรียบเทียบกับแฝดพี่ว่าเป็นฤดูใบไม้ผลิ
ขณะที่พี่ชายนั้นเปรียบเหมือนฤดูหนาว ชายหนุ่มชอบพูดจาทะเล้นทะลึ่งทว่ากลับทำให้มนตรายิ้มได้อยู่
ตอนที่ 3
หลังถูกเควินพามาส่งถึงบ้าน มนตราก็รีบจัดเตรียมห้องรับรองไว้รอต้อนรับแขกของพวกเขา
พร้อมด้วยอาหารมากมายราวกับจะจัดงานเลี้ยงตอนกลางคืน หล่อนไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะมาตอนไหนก็เลยรีบเตรียมทุกอย่างให้เสร็จแต่เนิ่นๆ เอริคและเควินจะได้ไม่ถูกมารดาของตนตำหนิ
มนตราทำงานอย่างมีความสุข เพื่อเอริคและเควินแล้วหล่อนเต็มใจเป็นอย่างยิ่งเพื่อให้แขกประทับใจ มนตราไม่เคยเห็นหน้าแขกของพวกเขา ได้ยินเพียงแค่ว่าเป็นผู้หญิงเพราะเป็นลูกสาวของมารดาทั้งสองแฝด
มีเสียงรถเข้ามาจอดในบ้าน เธอจำได้ว่ามันคือเสียงรถของเอริคเลยรีบวิ่งออกไปต้อนรับ เขาเดินลงมาจากรถพร้อมกับหญิงสาวคนหนึ่ง เธอมีผมสีดำแบบคนเชียทว่าดวงตากลับเป็นสีฟ้าน้ำทะเล เดินกอดแขนเขาเข้ามาท่าทางสนิทสนม
“สวัสดีค่ะ” มนตรายกมือไหว้เอริคตามแบบที่ทำเป็นประจำ แล้วเบนสายตามามองสาวสวยข้างตัวเขา ใจเธอกระตุกแปลกๆ เมื่อเห็นผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่เธออยู่เคียงข้างเขา
‘อาบิเกล คามิร่า’ ลูกครึ่งสาวสวยวัยยี่สิบห้าปีหันมายิ้มหวานให้หล่อน หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะมองเธอบดเบียดร่างกายเข้าหาเอริค ภายในใจมันร้อนรุ่มอย่างประหลาด
ท่าทางของอาบิเกลมันมากกว่าญาติปกติ ผู้หญิงด้วยกันมองกันออกว่าผู้หญิงคนนั้นกำลังคิดอะไรอยู่ และก็รู้ตัวด้วยว่า…
หล่อนกำลังหึงหวงเขา
“พี่เอริคคะ ไหนห้องของเกลเหรอ”
“อยู่ด้านใน จัดเตรียมเรียบร้อยใช่ไหม”
มนตราพยักหน้ารับคำถามลั้นแล้วเดินนำทั้งสองคนไปยังห้องรับรองแขกที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้โดยยืนรออยู่ด้านนอกประตูอย่างนอบน้อม
ร่างสูงเดินผ่านเข้าไปพร้อมอาบิเกล เธอยังกอดแขนเขาไม่ยอมปล่อยราวกับต้องการแสดงความเป็นเจ้าของ
หญิงสาวเริ่มรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นคนแปลกหน้าอย่างสมบูรณ์แบบ เอริคเป็นคนพูดน้อยอยู่แล้วแต่ร้อนแรงมากเรื่องบนเตียง
สีหน้าของเขาไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ทำให้มนตราคาดเดาไม่ออกเลยว่า เขาพอใจเอบิเกลในระดับไหน
“แล้วห้องพี่เอริคล่ะคะอยู่ไหน พาเกลไปดูได้ไหม” ร่างสูงหันขวับมองมนตราทันทีเมื่อถูกอาบิเกลถามแบบนั้น การกระทำของเขาอยู่ในสายตาหล่อนตลอด ยิ่งทำให้สงสัยว่าทำไมจะต้องหันไปมองผู้หญิงที่เป็นแค่แม่บ้านแบบนั้นด้วย
“ห้องของนายท่านเอริคอยู่ทางนี้ค่ะ” มนตราผายมือไปทางชั้นสอง ซึ่งเป็นชั้นพักของพ่อแม่ของพวกเขา
รวมถึงตัวฝาแฝดเอง อาบิเกลแอบแสยะยิ้มไม่ให้ใครเห็นแล้วเดินกอดแขนลากเอริคให้ไปด้วยกัน
หากไม่ติดว่ามารดาสั่งให้ดูแลหล่อนให้ดีรวมถึงเขาเห็นเธอมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย คงไม่ยอมให้ทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของแบบนี้แน่นอน ร่างเล็กพามาจนถึงห้องส่วนตัวของเอริค
เขาเปิดประตูห้องออก อาบิเกลทำท่าจะเดินเข้าไปดูแต่กลับถูกร่างสูงคว้าคอเสื้อจากด้านหลังไว้
“ฉันไม่ชอบให้ใครเข้าไปยุ่งในพื้นที่ส่วนตัว”
“แต่เกลก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนี่คะ พี่เอริคก็รู้ว่าคุณแม่ของเราสองคนหมายมั่นจะให้พวกเราแต่งงานกัน อย่างไรสักวันเกลก็ต้องได้เข้ามาอยู่ห้องนี้อยู่ดี” เธอจีบปากจีบคอพูดไม่สนใจเลยว่าอีกฝ่ายจะทำสีหน้าแบบไหนอยู่ เขาไม่ได้มองเธอด้วยซ้ำ สายตามองเพียงหญิงสาวคนเดียว
มนตราก้มหน้าหลบตาเขา เธอไม่ต้องการให้เอริคเห็นหยาดน้ำที่เอ่อล้นอยู่ ในใจหล่อนเต็มไปด้วยคำถามว่าเรื่องที่อาบิเกลพูดเป็นความจริงหรือไม่ เขากำลังจะแต่งงานจริงๆ หรือเปล่า
ว่าแล้วว่ามันไม่ธรรมดา ท่าทางสนิทสนมขนาดนั้นคงไม่ใช่แค่ญาติกันหรอก เหตุที่มารดาของสองแฝดส่งผู้หญิงคนนี้มา ก็คงเพื่อสร้าง
ความคุ้นเคยเพราะเมื่อแต่งงานกันแล้วอาบิเกลน่าจะมาอยู่ที่นี่ในฐานะนายหญิง
“นี่เธอ เธอชื่ออะไรหรือ”
“มนตราค่ะ เรียกมลก็ได้” หญิงสาวตอบคนตรงหน้าอย่างอ่อนน้อม ทั้งที่ในใจรู้สึกแปลกๆ การมาของอาบิเกลมันไม่เหมือนกับที่คิดไว้เลย เพราะท่าทีที่หญิงสาวแสดงออกมันชัดเจนมากกว่าอยากแสดงความเป็นเจ้าของ
“โอเคจ้ะ มลจ๊ะ เดี๋ยวช่วยเอากระเป๋าของเกลในรถไปเก็บไว้ในห้องทีนะ อยากประเภทเสื้อผ้าให้เรียบร้อยล่ะ นี่ทิปจ้ะ” อาบิเกลส่งแบงก์ห้าร้อยให้มนตรา เอรคิรีบตรงเข้ามาดึงแบงก์นั้นออกไปจากมือ
“ทำอะไร มลไม่ใช่คนรับใช้นะอาบิเกล” เขาเอ่ยเสียงแข็ง มองหน้าหล่อนด้วยสายตาดุดัน ไม่ชอบวิธีที่อาบิเกลปฏิบัติกับมนตราแบบนั้น
“เกลก็ไม่ได้คิดว่ามลเป็นคนใช้สักหน่อย ดูจากที่พี่เอริคแคร์เธอขนาดนี้ คงเป็นส่วนหนึ่งของบ้านเลยใช่ไหมล่ะคะ เพราะแบบนี้เกลถึงมีสินน้ำใจให้ไง” เธอแสร้งทำยิ้มหวานหยดย้อยเมื่อหันหน้าไปหาเขา แต่พอหันสายตากลับมาทางมนตรา ท่าทางก็เปลี่ยนไป
หล่อนรู้สึกได้ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา
“ไม่เป็นไรค่ะ มลทำให้เอง คุณเกลเก็บเงินไว้เถอะค่ะ มลเต็มใจ” หญิงสาวตอบก่อนจะเดินเลี่ยงออกมาเพื่อลงไปขนกระเป๋าเสื้อผ้าตามที่
หล่อนสั่ง เอริครีบเดินตามมาติด โดยไม่สนใจเสียงเรียกของผู้หญิงอีกคนเลยแม้แต่น้อย
“พี่เอริคคะ พี่เอริค!” อาบิเกลมองตามหลังไปด้วยความไม่พอใจ หญิงสาวเริ่มระแคะระคายในความสัมพันธ์ของสองคนนั้น ด้วยชายหนุ่มแสดงออกว่าแคร์หล่อนมากเกินกว่าเจ้านายกับลูกน้อง เห็นเอริคใส่ใจยัยแม่บ้านคนนั้นก็ยิ่งทำให้เกิดความไม่พอใจ
“มนตรา เดี๋ยวก่อน” เขาเอ่ยเรียก แต่คนถูกเรียกไม่ยอมหยุดเดินตามคำสั่ง หล่อนยังคงจ้ำอ้าวลงบันไดไปจนถึงรถยนต์ที่จอดอยู่ในลานจอดรถ ทำหูทวนลมเหมือนไม่ได้ยินเขาเรียก
ร่างสูงตามมาจนถึงตัวทัน เขากระชากแขนเธออย่างแรงแล้วดันจนติดกับประตูรถก่อนจะโน้มหน้าเข้าไปจูบอย่างดูดดื่ม สองมือออกแรงกดแขนหล่อนให้แนบติดไปกับตัวรถ
ทว่าครั้งนี้มนตราไม่ได้เอนอ่อนหรือยอมให้เขาอย่างทุกที หล่อนอาศัยจังหวะอีกฝ่ายดุนดันลิ้นเข้ามา กัดเข้าไปหนึ่งที มนตรากำลังหงุดหงิดเพราะความหึง
ทั้งที่เตรียมใจไว้แล้วจะอยู่อย่างเงียบๆ เป็นเมียลับของพวกเขา แต่ลืมคิดไปว่าวันหนึ่งฝาแฝดทั้งสองคงต้องแต่งงานมีครอบครัว
“โอ๊ย!” เอริครีบถอนจูบออกมาก่อนจะมองหน้าหญิงสาวด้วยความคาดไม่ถึง
คนที่ปกติจะทำตัวหวานและอ่อนน้อมอยู่ตลอดตอนนี้กลับกล้าทำให้เขาเจ็บแล้วเหรอเนี่ย
แม้ใจอยากจะทำโทษเธอคืนแต่ก็ทำไม่ลง แววตาตัดพ้อของมนตราตอนนี้ทำให้เขาใจอ่อน มนตราไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน
เอริคเลยไม่รู้ว่าต้องทำตัวอย่างไร แค่เรื่องของอาบิเกลก็ทำเขารำคาญใจจะแย่แล้ว นี่มนตรายังมีอาการแปลกๆ อีก เอริคไม่เก่งเรื่องง้อเสียด้วย
“เป็นอะไร” ร่างสูงตัดสินใจถามออกไป