“ซือเหยา” เป็นขันทีผู้จงรักภักดีต่อฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าหลิง เขาเติบโตมาในวังหลวง ถูกฝึกฝนให้เป็นเงาไร้ตัวตน คอยปกป้องราชบัลลังก์จากภัยร้ายต่างๆ แต่โชคชะตากลับเล่นตลก เมื่อฮ่องเต้ถูกลอบปลงพระชนม์ อำนาจเปลี่ยนมือภายในคืนเดียว และซือเหยาถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศ เขาถูกทรมานจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่กลับได้รับความช่วยเหลือจากคนที่เขาไม่คาดคิด—“เหวินจิ้ง” แม่ทัพผู้สง่างาม ผู้ที่สงสัยว่าเขาดูไม่เหมือนขันที

[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา - บทที่ 37 เพลิงพิภพ โดย นิลสุวาน. @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ย้อนยุค,จีน,ผจญภัย,แฟนตาซี,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,ย้อนยุค,จีน,ผจญภัย,แฟนตาซี

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา โดย นิลสุวาน. @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

“ซือเหยา” เป็นขันทีผู้จงรักภักดีต่อฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าหลิง เขาเติบโตมาในวังหลวง ถูกฝึกฝนให้เป็นเงาไร้ตัวตน คอยปกป้องราชบัลลังก์จากภัยร้ายต่างๆ แต่โชคชะตากลับเล่นตลก เมื่อฮ่องเต้ถูกลอบปลงพระชนม์ อำนาจเปลี่ยนมือภายในคืนเดียว และซือเหยาถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศ เขาถูกทรมานจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่กลับได้รับความช่วยเหลือจากคนที่เขาไม่คาดคิด—“เหวินจิ้ง” แม่ทัพผู้สง่างาม ผู้ที่สงสัยว่าเขาดูไม่เหมือนขันที

ผู้แต่ง

นิลสุวาน.

เรื่องย่อ

“ซือเหยา” เป็นขันทีผู้จงรักภักดีต่อฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าหลิง เขาเติบโตมาในวังหลวง ถูกฝึกฝนให้เป็นเงาไร้ตัวตน คอยปกป้องราชบัลลังก์จากภัยร้ายต่างๆ แต่แท้จริงแล้ว—เขาไม่ใช่ขันที เขาถูกบังคับให้ต้องใช้ชีวิตภายใต้ฐานะที่มิใช่ตัวเอง เพียงเพื่อรับใช้และแลกเปลี่ยนกับความปลอดภัยของครอบครัว


วันหนึ่ง “เหวินจิ้ง” แม่ทัพหนุ่มผู้มีดวงตาดั่งเหยี่ยวจับจ้องมายังเขาด้วยสายตาสงสัย “เจ้าดูไม่เหมือนขันที” เหวินจิ้งกล่าว พลางเดินเข้าใกล้เขาอย่างเชื่องช้า ซือเหยาหลบสายตานั้น แต่มือกลับกำดาบแน่น—หากความลับของเขาถูกเปิดเผย ก็มีเพียงความตายเท่านั้นที่รออยู่


ทว่าโชคชะตากลับเล่นตลก เมื่อฮ่องเต้ถูกลอบปลงพระชนม์ วังหลวงลุกเป็นไฟ อำนาจเปลี่ยนมือภายในคืนเดียว และซือเหยาถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศ เขาถูกทรมานจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่กลับได้รับความช่วยเหลือจากคนที่เขาไม่คาดคิด—เหวินจิ้ง แม่ทัพผู้สง่างาม ผู้ที่เคยบอกว่า “เจ้าดูไม่เหมือนขันที”


ซือเหยาไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเหวินจิ้งจึงยอมเสี่ยงช่วยเขา แต่ทั้งสองจำต้องหลบหนีออกจากวัง และเริ่มต้นการเดินทางสู่ดินแดนลึกลับที่เต็มไปด้วยอาคมและตำนานโบราณ เพื่อค้นหาความจริงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังการล่มสลายของราชวงศ์


ระหว่างการเดินทาง ทั้งคู่เริ่มมองเห็นกันในมุมที่แตกต่างออกไป จากที่เคยเป็นเพียงเงากับสายตาที่คอยจับผิด กลับกลายเป็นสายสัมพันธ์ที่ถักทอขึ้นอย่างช้าๆ ในม่านหมอกแห่งความลวงและอันตราย


แต่…ซือเหยาจะสามารถมีชีวิตรอดในโลกที่เต็มไปด้วยเล่ห์กลนี้ได้หรือไม่? และเหวินจิ้งจะยอมรับความรู้สึกที่เขามีให้กับชายผู้เป็น “ขันทีปลอม” ได้หรือเปล่า?

สารบัญ

[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 1 เงาไร้ตัวตน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 2 เงาในกรงทอง,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 3 พายุที่กำลังมาเยือน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 4 เพลิงไฟแห่งการกบฏ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 5 ทางรอดและเส้นทางที่แยกจากกัน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 6 บุปผาที่ร่วงหล่น,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 7 กุหลาบกลางพายุ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 8 เงามืดใต้จันทร์เพ็ญ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 9 เงาสะท้อนในห้วงอดีต,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 10 ใต้เงาจันทร์และคำสัญญาที่ถูกลืม,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 11 เส้นทางแห่งเงาและแสงสว่าง,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 12 ม่านหมอกแห่งปริศนา,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 13 เงาอดีตและความลับที่ถูกซ่อนไว้,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 14 เส้นทางที่ไม่มีวันหวนกลับ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 15 ทางแยกของชะตากรรม,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 16 เงาในม่านรัตติกาล,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 17 แสงจันทร์และคมดาบ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 18 ราตรีใต้เงาจันทร์,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 19 เงาแห่งอดีต,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 20 เส้นทางแห่งคมดาบ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 21 ทางแยกของเงา,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 22 เงาในวังหลวง,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 23 ราชันย์ผู้ร่วงโรย,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 24 เงาลวงในราตรี,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 25 เพลิงแค้นและคำสาบาน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 26 ฝีเท้าในห้วงรัตติกาล,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 27 คมมีดใต้จันทร์กระจ่าง,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 28 เส้นแบ่งระหว่างความเป็นและความตาย,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 29 บุปผาราตรีกลางป่าลี้ลับ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 30 เสียงกระซิบจากหมอกหลอน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 31 วิหารแห่งเสียงเงียบ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 32 ม่านหมอกแห่งใจ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 33 ใจกลางหมอกหลอน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 34 เสียงสะท้อนจากหีบผนึก,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 35 ผู้พิทักษ์ในเงา,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 36 เปลวเพลิงแห่งแดนมังกร,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 37 เพลิงพิภพ

เนื้อหา

บทที่ 37 เพลิงพิภพ


แสงแดดที่สาดส่องลงมาทำให้ดินแดนแห่งซิ่วหลงดูร้อนระอุขึ้นอีกหลายเท่า แม้พวกเขาจะอยู่ใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ ความร้อนจากภายในก็ยังคงแผ่กระจายออกมาจนรู้สึกอึดอัด ซือเหยาและเหวินจิ้งเดินผ่านพืชพันธุ์ที่เคยรุ่งเรืองแต่ตอนนี้กลับมีลักษณะเหี่ยวแห้ง ราวกับมันสูญเสียชีวิตไปหลังจากการล่มสลายของอาณาจักร

ทุกย่างก้าวของพวกเขาเหมือนเสียงฟ้าผ่าในหุบเขาที่ไม่มีใครได้ยิน เพราะภายในแดนมังกรนี้ ทุกสิ่งยังคงแช่แข็งเหมือนตายไปแล้ว—รอเวลาให้ผู้มาเยือนปลดล็อคสิ่งที่ถูกฝังลึกเอาไว้


“เจ้าคิดว่าเปลวไฟนั้นจะเป็นทางออกของทุกสิ่งหรือไม่?”   เหวินจิ้งถามขณะมองซือเหยา ที่ยังคงจับมงกุฎในมือแน่น


ซือเหยาหยุดเดิน ขยับมือข้างหนึ่งไปสัมผัสที่มงกุฎ สีหน้าของเขาดูตึงเครียด   “มันไม่ใช่แค่เครื่องประดับ… มันคือประตูที่เปิดทางให้เรากลับไปยังสิ่งที่ถูกลืม”


เหวินจิ้งมองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม แต่เขาก็ไม่ได้ถามต่อ เพราะรู้ดีว่าซือเหยามีเหตุผลของตัวเอง แม้บางครั้งสิ่งที่เขาทำจะดูคลุมเครือ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าทุกย่างก้าวที่เขาก้าวไป นำพาพวกเขาเข้าใกล้การเปิดเผยความลับของมังกรโบราณที่สาบสูญไป








ทั้งสองเดินต่อไปจนถึงศาลาโบราณที่มีลักษณะคล้ายวัดแห่งมังกร—มันถูกสร้างขึ้นจากหินที่มีอายุนับพันปี พื้นหินสึกกร่อนตามกาลเวลา แต่ยังคงส่องแสงได้ภายใต้เงาของมงกุฎที่ซือเหยาถือไว้ เมื่อเขายกมงกุฎขึ้นเหนือหัว ลำแสงสีทองพุ่งตรงไปที่ศาลานั้น มันเกิดการตอบสนองที่รุนแรงขึ้น


ทุกอย่างเงียบลง มันเหมือนมีพลังบางอย่างกำลังหมุนวน


“ซือเหยา…”   เสียงของเหวินจิ้งขาดหายไปจากความประหลาดใจ เขาหันมามองซือเหยาอีกครั้งและเห็นว่าเขากำลังถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีทองที่ฉายจากมงกุฎ พลังแห่งมังกรลุกโชนในอากาศราวกับกำลังจะกลืนกินเขาไปทั้งตัว


“ข้ากำลังจะได้พบสิ่งที่สูญหายไป…”   ซือเหยาเอ่ยเสียงเบา ร่างกายของเขาสั่นสะท้านแต่เต็มไปด้วยความแน่วแน่


เหวินจิ้งรีบเข้าไปข้างๆซือเหยาและจับข้อมือเขาไว้แน่น   “เจ้าจะทำอย่างไร? จะย้อนกลับไปหรือไม่?”


ซือเหยาหันมองเหวินจิ้ง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน—ทั้งความลังเลและความมุ่งมั่นในเวลาเดียวกัน เขาไม่ตอบคำถามของเหวินจิ้ง แต่ยิ้มออกมาอย่างไร้คำพูด ก่อนที่จะปล่อยมือของเหวินจิ้งออกและก้าวไปข้างหน้า

ท่ามกลางแสงนั้น ร่างกายของเขาดูเหมือนจะสอดคล้องกับพลังที่เริ่มโหมกระหน่ำขึ้น สายลมแปลกประหลาดพัดผ่านใบหน้าของเขา จู่ๆ แสงสว่างก็หายไป และสิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้าคือ… มังกรยักษ์ที่ยืนตระหง่านอยู่กลางศาลา หัวของมันยาวและขดเป็นวงกลมขนาดใหญ่ หางของมันพาดผ่านหินบนพื้นจนแตกเป็นรอยแยก ร่างกายของมันถูกประดับไปด้วยเกล็ดทองคำและอัญมณีที่ส่องแสงเหมือนดวงดาว มันยังคงนิ่งอยู่ แต่ดวงตาของมันที่ปิดสนิทอยู่กำลังจ้องมองพวกเขาเหมือนจะรู้ว่าใครกำลังเข้ามาในแดนของมัน


“ข้ารู้…”   ซือเหยากล่าวเสียงต่ำ   “เจ้าคือวิญญาณแห่งมังกร… เจ้าเป็นผู้พิทักษ์ของตระกูลนี้”


ทันใดนั้น ร่างของมังกรก็สั่นไหว เปลวไฟที่อยู่ภายในร่างมันเริ่มลุกโชน ราวกับมันกำลังปลุกพลังแห่งอดีตที่หลับใหลมานานหลายศตวรรษ เหวินจิ้งยืนอยู่ข้างๆซือเหยา ไม่รู้ว่าเขาควรพูดอะไร แต่สิ่งที่เขาเห็นทำให้ความเข้าใจของเขาเริ่มเปลี่ยนไป มังกรที่อยู่ตรงหน้านั้นไม่ใช่แค่สัตว์เทพ แต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่ถูกผูกพันกับสายเลือดของซือเหยา

ซือเหยาก้มลงนั่งหน้ามังกร ดวงตาของเขาจับจ้องไปยังดวงตาของมังกรนั้น ก่อนที่จะพึมพำคำบางอย่างด้วยน้ำเสียงที่เบาและแผ่วลงไป


“ข้าไม่ใช่แค่ผู้สืบทอด… ข้าเป็นผู้ที่หวนคืนมา”


ไฟจากมังกรเริ่มลุกท่วมรอบๆห้องศาลา เสียงมังกรคำรามก้องสะท้อนในความมืด และมันดุจดังไฟแห่งการฟื้นฟูที่กลืนกินทุกสิ่งที่ขวางทาง ซือเหยาและเหวินจิ้งต่างก็ยืนอยู่ท่ามกลางเปลวเพลิง แต่ไม่มีความร้อนเข้ามาถึงร่างกาย

ซือเหยาลุกขึ้นยืนอีกครั้ง มงกุฎในมือเขาค่อยๆ เปล่งแสงเรืองรองยิ่งขึ้น และเขารู้สึกถึงการตื่นขึ้นของพลังบางอย่างในตัวเอง


“พวกเขาจะมา… และข้าจะต้องพร้อมที่จะเผชิญหน้า…”   ซือเหยาพูดเบาๆ เหมือนกำลังรับคำท้าใหม่จากสิ่งที่อยู่ข้างใน