“ซือเหยา” เป็นขันทีผู้จงรักภักดีต่อฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าหลิง เขาเติบโตมาในวังหลวง ถูกฝึกฝนให้เป็นเงาไร้ตัวตน คอยปกป้องราชบัลลังก์จากภัยร้ายต่างๆ แต่โชคชะตากลับเล่นตลก เมื่อฮ่องเต้ถูกลอบปลงพระชนม์ อำนาจเปลี่ยนมือภายในคืนเดียว และซือเหยาถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศ เขาถูกทรมานจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่กลับได้รับความช่วยเหลือจากคนที่เขาไม่คาดคิด—“เหวินจิ้ง” แม่ทัพผู้สง่างาม ผู้ที่สงสัยว่าเขาดูไม่เหมือนขันที

[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา - บทที่ 36 เปลวเพลิงแห่งแดนมังกร โดย นิลสุวาน. @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ย้อนยุค,จีน,ผจญภัย,แฟนตาซี,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,ย้อนยุค,จีน,ผจญภัย,แฟนตาซี

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา โดย นิลสุวาน. @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

“ซือเหยา” เป็นขันทีผู้จงรักภักดีต่อฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าหลิง เขาเติบโตมาในวังหลวง ถูกฝึกฝนให้เป็นเงาไร้ตัวตน คอยปกป้องราชบัลลังก์จากภัยร้ายต่างๆ แต่โชคชะตากลับเล่นตลก เมื่อฮ่องเต้ถูกลอบปลงพระชนม์ อำนาจเปลี่ยนมือภายในคืนเดียว และซือเหยาถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศ เขาถูกทรมานจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่กลับได้รับความช่วยเหลือจากคนที่เขาไม่คาดคิด—“เหวินจิ้ง” แม่ทัพผู้สง่างาม ผู้ที่สงสัยว่าเขาดูไม่เหมือนขันที

ผู้แต่ง

นิลสุวาน.

เรื่องย่อ

“ซือเหยา” เป็นขันทีผู้จงรักภักดีต่อฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าหลิง เขาเติบโตมาในวังหลวง ถูกฝึกฝนให้เป็นเงาไร้ตัวตน คอยปกป้องราชบัลลังก์จากภัยร้ายต่างๆ แต่แท้จริงแล้ว—เขาไม่ใช่ขันที เขาถูกบังคับให้ต้องใช้ชีวิตภายใต้ฐานะที่มิใช่ตัวเอง เพียงเพื่อรับใช้และแลกเปลี่ยนกับความปลอดภัยของครอบครัว


วันหนึ่ง “เหวินจิ้ง” แม่ทัพหนุ่มผู้มีดวงตาดั่งเหยี่ยวจับจ้องมายังเขาด้วยสายตาสงสัย “เจ้าดูไม่เหมือนขันที” เหวินจิ้งกล่าว พลางเดินเข้าใกล้เขาอย่างเชื่องช้า ซือเหยาหลบสายตานั้น แต่มือกลับกำดาบแน่น—หากความลับของเขาถูกเปิดเผย ก็มีเพียงความตายเท่านั้นที่รออยู่


ทว่าโชคชะตากลับเล่นตลก เมื่อฮ่องเต้ถูกลอบปลงพระชนม์ วังหลวงลุกเป็นไฟ อำนาจเปลี่ยนมือภายในคืนเดียว และซือเหยาถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศ เขาถูกทรมานจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่กลับได้รับความช่วยเหลือจากคนที่เขาไม่คาดคิด—เหวินจิ้ง แม่ทัพผู้สง่างาม ผู้ที่เคยบอกว่า “เจ้าดูไม่เหมือนขันที”


ซือเหยาไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเหวินจิ้งจึงยอมเสี่ยงช่วยเขา แต่ทั้งสองจำต้องหลบหนีออกจากวัง และเริ่มต้นการเดินทางสู่ดินแดนลึกลับที่เต็มไปด้วยอาคมและตำนานโบราณ เพื่อค้นหาความจริงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังการล่มสลายของราชวงศ์


ระหว่างการเดินทาง ทั้งคู่เริ่มมองเห็นกันในมุมที่แตกต่างออกไป จากที่เคยเป็นเพียงเงากับสายตาที่คอยจับผิด กลับกลายเป็นสายสัมพันธ์ที่ถักทอขึ้นอย่างช้าๆ ในม่านหมอกแห่งความลวงและอันตราย


แต่…ซือเหยาจะสามารถมีชีวิตรอดในโลกที่เต็มไปด้วยเล่ห์กลนี้ได้หรือไม่? และเหวินจิ้งจะยอมรับความรู้สึกที่เขามีให้กับชายผู้เป็น “ขันทีปลอม” ได้หรือเปล่า?

สารบัญ

[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 1 เงาไร้ตัวตน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 2 เงาในกรงทอง,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 3 พายุที่กำลังมาเยือน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 4 เพลิงไฟแห่งการกบฏ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 5 ทางรอดและเส้นทางที่แยกจากกัน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 6 บุปผาที่ร่วงหล่น,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 7 กุหลาบกลางพายุ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 8 เงามืดใต้จันทร์เพ็ญ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 9 เงาสะท้อนในห้วงอดีต,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 10 ใต้เงาจันทร์และคำสัญญาที่ถูกลืม,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 11 เส้นทางแห่งเงาและแสงสว่าง,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 12 ม่านหมอกแห่งปริศนา,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 13 เงาอดีตและความลับที่ถูกซ่อนไว้,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 14 เส้นทางที่ไม่มีวันหวนกลับ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 15 ทางแยกของชะตากรรม,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 16 เงาในม่านรัตติกาล,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 17 แสงจันทร์และคมดาบ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 18 ราตรีใต้เงาจันทร์,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 19 เงาแห่งอดีต,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 20 เส้นทางแห่งคมดาบ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 21 ทางแยกของเงา,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 22 เงาในวังหลวง,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 23 ราชันย์ผู้ร่วงโรย,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 24 เงาลวงในราตรี,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 25 เพลิงแค้นและคำสาบาน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 26 ฝีเท้าในห้วงรัตติกาล,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 27 คมมีดใต้จันทร์กระจ่าง,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 28 เส้นแบ่งระหว่างความเป็นและความตาย,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 29 บุปผาราตรีกลางป่าลี้ลับ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 30 เสียงกระซิบจากหมอกหลอน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 31 วิหารแห่งเสียงเงียบ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 32 ม่านหมอกแห่งใจ,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 33 ใจกลางหมอกหลอน,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 34 เสียงสะท้อนจากหีบผนึก,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 35 ผู้พิทักษ์ในเงา,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 36 เปลวเพลิงแห่งแดนมังกร,[BL] ลำนำบุปผาในม่านมายา-บทที่ 37 เพลิงพิภพ

เนื้อหา

บทที่ 36 เปลวเพลิงแห่งแดนมังกร


แม้เงาผู้พิทักษ์จะสลายไปแล้ว แต่ความรู้สึกในห้องโถงใต้ผืนดินก็ยังคงหนักอึ้ง ซือเหยามองมงกุฎในมือเหมือนกำลังจ้องหน้าอดีตอันยาวนานที่เขาไม่เคยรู้จัก

แสงสีทองที่เรืองรองรอบมงกุฎค่อยๆจางลง เหลือเพียงประกายเร้นลับของอาคมเก่าแก่ที่ยังหลงเหลืออยู่บนขอบหยก บรรยากาศรอบตัวเริ่มแปรเปลี่ยน ลมเย็นที่เคยโอบล้อมกลับแปรเปลี่ยนเป็นความร้อนแผ่วเบา

เสียงหินลั่นดังขึ้นเหนือหัวก่อนผนังจะค่อยๆเลื่อนเปิดเผยเส้นทางใหม่ ช่องทางที่ถูกปิดผนึกไว้เนิ่นนาน และตอนนี้… ได้เปิดรับผู้แบกรับสายเลือดราชันย์อีกครั้ง


“ข้าคิดว่าเราควรไปต่อแล้ว”   เหวินจิ้งพูดเสียงเบา ขณะมองทางเดินเบื้องหน้า


“แดนมังกร…”   ซือเหยาพึมพำ น้ำเสียงเจือทั้งหวาดหวั่นและตั้งใจ








แสงแดดยามเช้าส่องลอดผ่านม่านหมอกหนาเหนือหุบเขา ซือเหยาและเหวินจิ้งใช้เวลาหลายวันเดินทางข้ามป่า ข้ามผืนน้ำ และผ่านเมืองร้างโบราณจนมาถึง ‘ซิ่วหลง’ — เขตแดนที่หายไปจากแผนที่มานานนับร้อยปี ดินแดนแห่งนี้ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ประทับของราชวงศ์ซึ่งเรืองอำนาจด้วยศาสตร์ลับแห่ง ‘เพลิงมังกร’ ตำนานกล่าวว่า มังกรโบราณเคยสถิต ณ ที่แห่งนี้ และเพลิงของมันได้หล่อหลอมพลังให้กับผู้เป็นราชันย์

เมื่อซือเหยาก้าวเข้าสู่แผ่นดินนั้น มงกุฎในมือเขาก็เปล่งแสงเรืองรองขึ้นอีกครั้ง ละอองสีทองลอยวนรอบตัวราวกับสิ่งมีชีวิต มันไม่ใช่เพียงอาคม… แต่มันจำเขาได้


‘เจ้าคือผู้กลับมา… ผู้จะชำระล้างอดีต…’   เสียงก้องสะท้อนในหัวใจซือเหยา


กลางซากวังหลวงเก่าแก่ มีอาณาเขตรูปวงกลมถูกกั้นด้วยเสาแกะสลักรูปลวดลายมังกร เสาแต่ละต้นมีอักขระเรืองแสง และจุดศูนย์กลาง… มีแท่นศิลา บนแท่นนั้น มีเปลวเพลิงสีทองขนาดเล็กลอยนิ่งอยู่เหนือพื้นราวกับรอใครบางคนมานานนับศตวรรษ


ซือเหยาเดินเข้าไปใกล้ สัมผัสร้อนผ่าวแทรกผ่านผิวหนัง—แต่กลับไม่แผดเผา เหวินจิ้งมองด้วยความระแวง   “เจ้ามั่นใจหรือไม่ว่า…”


“ข้าไม่รู้”   ซือเหยาเอ่ยเสียงแผ่ว   “แต่ข้ารู้ว่าเรามาถึงตรงนี้แล้ว ไม่ใช่เพราะความบังเอิญ”


มือของเขาค่อยๆยื่นไปหาเปลวเพลิง และทันทีที่สัมผัส… ภาพนิมิตถาโถมใส่หัวเขาราวคลื่นสึนามิ—ราชสำนักที่รุ่งเรือง เสียงหัวเราะของขุนนาง เด็กน้อยผู้สวมเสื้อผ้าธรรมดาถูกอุ้มขึ้นสู่บัลลังก์ เสียงกรีดร้องของมารดา เสียงร้องไห้ของบิดา เลือด… และเปลวเพลิงที่ลุกไหม้พระราชวัง

เขาเห็นตนเองในวัยเยาว์ ถูกนำออกจากวัง ถูกลบชื่อและความทรงจำ ถูกทำให้เชื่อว่าเขาคือใครบางคนที่ไร้ตัวตน


“ข้า…”   ซือเหยาเบิกตากว้าง น้ำตารื้น   “ข้า… คือผู้รอดชีวิต… แห่งสายเลือดมังกร”


เหวินจิ้งยืนอยู่ข้างหลังเขาตลอดเวลา ไม่เอ่ยคำใด ไม่แม้แต่จะจับไหล่ปลอบใจ แค่เพียงยืนอยู่เงียบๆ ให้ซือเหยาได้ฟื้นอดีตในแบบของตน แต่เมื่อซือเหยาหันมา ดวงตาเปียกชื้น เหวินจิ้งก็ยื่นมือมารับร่างที่โผเข้าสู่อ้อมอก


“เจ้าจะไม่ต้องแบกมันคนเดียวอีกแล้ว”


คำพูดนั้นเรียบง่าย—แต่หนักแน่นพอจะปกป้องทั้งอดีตและอนาคตของราชันย์ที่กลับมา


แท่นศิลาเริ่มสั่นสะเทือน เปลวเพลิงสีทองลอยขึ้นไปเหนือหัวทั้งคู่ ก่อนจะแตกกระจายเป็นละอองแสงและม้วนตัวกลายเป็นรูปร่างมังกรสีทองโปร่งแสง กู่ร้องก้องฟ้า

เสียงกู่ร้องนั้นดังก้องไปทั่วซิ่วหลง บรรพบุรุษที่หลับใหลตื่นขึ้น ตระกูลเก่าแก่ในเงามืดเริ่มเคลื่อนไหว—ทั้งผู้ที่จงรักภักดี และผู้ที่หวังจะหักหลัง


“เขาตื่นขึ้นแล้ว…”   เสียงหนึ่งกระซิบในเงามืดของป่าไผ่   “ราชันย์… กลับมาแล้วจริงๆ”


ซือเหยากำมงกุฎแน่น ดวงตายังคงฉายแววหวั่นไหวปนเด็ดเดี่ยว   “พวกเขาจะมา… ทั้งมิตรและศัตรู”


“ก็ให้พวกเขามา”   เหวินจิ้งตอบ ขณะวางมือลงบนด้ามดาบ   “หากใครคิดแตะต้องเจ้า—ก็ต้องเหยียบผ่านศพข้าไปก่อน”