"เมื่อเจ้านายผู้เป็นดั่งโลกทั้งใบจากไป... เหลือเพียงแมวตัวหนึ่งและต้นฉบับที่ยังไม่จบ!" ไรเตอร์ แมวข้างถนนที่ได้รับการช่วยเหลือจากโจคิน นักเขียนชื่อดัง แต่วันหนึ่งชะตากลับเล่นตลก... เมื่อเจ้านายของมันจากไป ทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่าและภารกิจสุดท้าย—สานต่อนิยายมหากาพย์ที่ยังไม่จบ! ท่ามกลางสายตาของผู้คนทั้งโลก อุ้งเท้าคู่นี้จะสามารถจรดปลายปากกาแทนมนุษย์ได้หรือไม่? และที่สำคัญ... พินัยกรรมของเจ้านายได้พลิกชีวิตของมันไปตลอดกาล
แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ครอบครัว,ไทย,ดราม่า,พล็อตสร้างกระแส,ดราม่า,แฟนตาซี,แมว,ความรัก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
อุ้งเท้าและหยดหมึก"เมื่อเจ้านายผู้เป็นดั่งโลกทั้งใบจากไป... เหลือเพียงแมวตัวหนึ่งและต้นฉบับที่ยังไม่จบ!" ไรเตอร์ แมวข้างถนนที่ได้รับการช่วยเหลือจากโจคิน นักเขียนชื่อดัง แต่วันหนึ่งชะตากลับเล่นตลก... เมื่อเจ้านายของมันจากไป ทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่าและภารกิจสุดท้าย—สานต่อนิยายมหากาพย์ที่ยังไม่จบ! ท่ามกลางสายตาของผู้คนทั้งโลก อุ้งเท้าคู่นี้จะสามารถจรดปลายปากกาแทนมนุษย์ได้หรือไม่? และที่สำคัญ... พินัยกรรมของเจ้านายได้พลิกชีวิตของมันไปตลอดกาล
เมื่อแมวตัวหนึ่ง ต้องสานต่อนิยายระดับโลกที่ยังไม่จบ!
ไรเตอร์ แมวข้างถนนผู้เคยถูกทอดทิ้ง โชคชะตานำพามันมาพบกับ โจคิน นักเขียนชื่อดังที่รับมันมาเลี้ยง วันเวลาผ่านไป แมวส้มตัวจิ๋วกลายเป็นเพื่อนแท้เพียงหนึ่งเดียวของนักเขียนผู้โดดเดี่ยว พวกเขาใช้ชีวิตร่วมกันในห้องทำงานอันเงียบเหงา โดยที่ไรเตอร์เองก็คอยเฝ้าดูเจ้านายของมันสร้างสรรค์เรื่องราวในนิยายแฟนตาซีระดับตำนาน "ตำนานเพลิงอมตะ"
แต่แล้ว... โจคินกลับล้มลงอย่างกะทันหัน เขาจากไปโดยทิ้งนิยายเล่มสุดท้ายไว้เพียงครึ่งเรื่อง
ในขณะที่โลกของนักอ่านกำลังรอคอยบทสรุปของมหากาพย์ที่ไม่มีใครรู้ว่าจบอย่างไร พินัยกรรมของโจคินกลับสร้างความตกตะลึงให้กับทุกคน—ทายาทเพียงผู้เดียวที่จะได้รับมรดกทั้งหมด คือ ไรเตอร์... แมวของเขา!
และเงื่อนไขของพินัยกรรมคือ... นิยายต้องถูกเขียนให้จบ!
แต่ใครกันล่ะ ที่จะสามารถสานต่อผลงานของนักเขียนอัจฉริยะผู้นี้?
หรือว่า...อุ้งเท้าสองข้างของไรเตอร์ จะเป็นผู้หยิบปากกาแล้วเขียนมันขึ้นมาเอง!?
ท่ามกลางแรงกดดันจากทายาทสายเลือดแท้ผู้โลภโมโทสัน และเหล่าแฟนคลับที่เฝ้ารอการปิดฉากตำนานแห่งวรรณกรรม ไรเตอร์จะสามารถเติมเต็มบทสุดท้ายของเรื่องราวนี้ได้หรือไม่?
📖🐾 "อุ้งเท้าและหยดหมึก" เรื่องราวของมิตรภาพ ความฝัน และพันธะสัญญาที่ถูกส่งต่อ...แม้ในวันที่เจ้าของมันจากไป
พ่อเป็นอะไรลูกมักเป็นอย่างนั้น ดังสุภาษิตกล่าวไว้ว่า ‘ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น’
มาร์คัสสนใจการเล่าเรื่องมาตั้งแต่เด็กเหมือนโจคินผู้เป็นบิดาประกอบอาชีพเป็นเดี่ยวไมโครโฟนช่วงหนึ่งของชีวิตก่อนแขวนไมค์หันมาจับปากการ้อยเรียงเรื่องราวผ่านหน้ากระดาษ
ลูกชายวัยมัธยมเห็นดังนั้นจึงเริ่มทำตามด้วยการเข้าห้องสมุดโรงเรียน อ่านนิยายทุกเรื่องที่มีและคัดลอกสำนวนของนักเขียนคนนั้นคนนี้เติมเต็มจินตนาการเข้าไปในสมุดแบบฝึกหัด จากนั้นส่งต่อให้เพื่อนหนอนหนังสือนิยายอ่าน เพื่อขอความคิดเห็น เพียงเท่านั้นนิยายเรื่องแรกของมาร์คัสในฐานะลูกชายนักเขียนนิยายจึงเป็นที่นิยมอย่างมาก ทุก ๆ วันสมุดนิยายของเด็กหนุ่มถูกสลับกันอ่านท่ามกลางนักอ่านรุ่นเยาว์คนแล้วคนเล่า
แม้ความนิยมในหมู่เพื่อนในชั้นเรียนทั้งหกสิบคนนั้นอยู่ในระดับสูงสุดจนกลายเป็นที่จับตามองและไอดอลของนักเรียนในชั้น แต่มันเป็นอย่างนั้นได้เพราะมีเขาคนเดียวผู้ซึ่งเขียนนิยาย แทนที่ความเห็นของพวกเขาเหล่านั้นจะเป็นไปตามดั่งหวัง กลับกลายเป็นเหตุการณ์สวนทางกัน
“เขียนอะไรไร้สาระ! เอาเวลาไปเรียนหนังสือ สอบให้ได้เกรดดี ๆ หน่อยไม่ได้หรือไง!?” ครูประจำชั้นขึ้นเสียง คิ้วขมวด ดวงตาแข็งกร้าวใส่เด็กหนุ่มพร้อมสมุดนิยายยับยู่ยี้ในมือเนื่องจากยึดมาจากเพื่อนคนหนึ่งในห้องซึ่งหัวเราะคิกคักอ่านนิยายของมาร์คัสระหว่างเรียน เหล่าเพื่อนร่วมชั้นจับจ้องยังมวยคู่เอกอันถูกกำหนดชะตาแพ้ชนะไว้ตั้งแต่แรก มาร์คัสไหล่ตก ก้มหน้างุดน้อมรับความผิดที่ตัวเองไม่ได้ก่อ “แบบฝึกหัดที่ส่งมาเมื่อวานก็ผิดหมดทุกข้อ โจทย์ง่าย ๆ แค่นี้ยังทำไม่ได้แล้วจะไปทำมาหากินอะไร!?”
เด็กหนุ่มคิดว่าเพียงทำตัวให้ดูสำนึกผิดเข้าไว้แล้วเรื่องจะค่อย ๆ ผ่านไปอย่างสันติ สมุดเล่มนั้นคงถูกส่งคืนให้
แต่ความจริงมักไม่เหมือนดังคาดการณ์
กระดาษสมุดแบบฝึกหัดเต็มไปด้วยตัวหนังสือแห่งความมุมานะและความฝันเล็ก ๆ ของเด็กหนุ่มถูกฉีกกระชากแย่ออกจากกัน เสียงเล็กแหลมของกระดาษเสียงแทงทะลุหัวใจดวงน้อย ย่ำยีบดขยี้จิตวิญญาณจนไม่เหลือชิ้นดี
ท่ามกลางสายตาของเพื่อนร่วมชั้น มาร์คัสรู้สึกเหมือนตัวเองเป็น ‘ไอ้โง่’ คนหนึ่ง เขากำหมัดแน่นเลือกที่จะไม่ตอบโต้อะไร จำใจกล้ำกลืนฝืนทนความรู้สึกเจ็บแค้นไว้ข้างใน น้ำตาไหลอาบแก้ม เล็บจิกอุ้งมือจนเลือดซิบ กัดฟันแน่นจนเลือดออกตามไรฟัน ทันใดนั้นเข็มทิศชีวิตของเด็กหนุ่มหันเหไปในทางตรงข้าม
เขาหมดศรัทธาในตัวหนังสือ คำสอนและแรงผลักดันจากผู้เป็นพ่อซึ่งตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงปลุกปั้นนิยายมหากาพย์ ‘ตำนานเพลิงอมตะ’ เล่มแรก เมื่อมาร์คัสอายุครบยี่สิบเอ็ดปีบริบูรณ์ เขาตัดสินใจเกณฑ์ทหารรับใช้ชาติแทนการจับฉลาก หันหลังให้กับครอบครัวเพียงหนึ่งเดียว อีกทั้งยังขึ้นเสียงใส่โจคินว่า ‘นิยายของพ่อมันไร้สาระ!’ ทุกครั้งที่โจคินต้องการเล่าพล็อตเล่มต่อให้ฟัง
แน่นอนว่าเขาไม่เห็นด้วยที่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนจากไปเข้ากรมทั้งที่เขาสามารถยัดเงินใต้โต๊ะสัสดีได้ไม่ยาก สุดท้ายจึงเลือกเคารพในการตัดสินใจของลูกชายพร้อมส่งเงินไปในบัญชีของเขาคนเดือนละหลายหมื่นบาทต่อชีวิตให้ หลังจากนิยายตำนานเพลิงอมตะประสบความสำเร็จกลายเป็นวรรณกรรมระดับโลกมีแฟนคลับมากมาย ลิขสิทธิ์นิยายถูกซื้อกระจายไปทั่วโลก ทำให้โจคินพลิกชีวิตเป็นเศรษฐีในระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งปี แต่เขาเลือกที่จะยังอยู่ในอพาร์ทเม้นท์ซอมซ่อโดยยังแบกความหวังไว้เต็มบ่าว่าลูกชายจะกลับมาหาเขาในสักวัน
จนกระทั่งความมืดอันขุ่นมัวของชายวัยกลางคนย่างเข้าสู่วัยชราครอบงำเมื่อเขาตรวจพบว่าเป็นโรคหัวใจระดับรุนแรง หมอกวีแนะนำว่าให้พักเขียนนิยายไปช่วงหนึ่งแต่กลับถูกปฏิเสธ
“ผมยังวางปากกาไม่ได้หรอกหมอ” เขาพูดพร้อมรอยยิ้มเปี่ยมไปด้วยชีวิตและความหวัง “จนกว่านิยายจะจบ ผมยังวางปากกาไม่ได้ ผมอยากจะส่งข้อความให้กับลูกชายของผมผ่านหนังสือเล่มสุดท้ายของตำนานเพลิงอมตะนี่แหละครับ ก่อนที่ผมจะลาลับไม่มีวันกลับ อย่างน้อยก็อยากเห็นรอยยิ้มอันไร้เดียงสาของเขาอีกเป็นครั้งสุดท้ายเหลือเกิน”
หมอกวีถอนหายใจยาว
“เข้าใจแล้วครับ ผมจะสั่งยาที่ดีที่สุดให้ แม้ว่ามันจะดีที่สุด แต่ก็ใช่ว่าจะรักษาได้ทุกโรค” ชายหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “แนะนำว่าอย่าฝืนตัวเองไปมากกว่านี้ การที่คุณโกหกบรรณาธิการว่าอยากพักเพื่อรักษาสุขภาพแต่ดันแอบเขียนงานไม่ได้หลับไม่ได้นอนจนผมเจอโรคที่เลวร้ายแบบนี้ในตัว…มันเสี่ยงกลายเป็นมะเร็งอีกนะครับ”
“ไม่เป็นไรหรอก เมื่อนิยายของฉันจบแล้ว จะตายก็ไม่เสียดาย” โจคินกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังไร้ความลังเลและคืนนั้นเขาได้พบกับไรเตอร์ซึ่งกลายเป็นลูกชายคนเล็กของบ้านโดยปริยาย อีกทั้งยังเป็นหนึ่งเดียวในโลกที่รู้ตอนจบของตำนานเพลิงอมตะ
ส่วนมาร์คัสนั้นใช้ชีวิตสํามะเลเทเมาหลังปลดประจำการ เสวยสุขอยู่บนกองเงินกองทองของบิดาโอนเข้าบัญชีเดือนละหนึ่งแสนบาท
ปาร์ตี้ เล่นยา มีรถหรูขับ มีสาวข้างกายไม่ซ้ำหน้าแต่ละคืน รวมถึงคอนโดหรู ความสุขที่ได้ขว้างปาแบงก์ธนบัตรสีเทานั้นกัดกินครอบงำจิตใจให้หลงมัวเมากับภาพลวงตาแห่งเงินตรา แม้เขาประกาศกร้าวว่าชีวิตของเขาอยู่เหนือมัน แต่ในความเป็นจริงนั้นเขาถูกมันเชิดต่างหาก
ข่าวการตายแพร่กระจายไปทั่วโลกเหมือนไวรัสโคโรน่า แฟนคลับนิยายตำนานเพลิงอมตะใจหายดิ้นทุรนทุราย เสียขวัญกำลังใจในการใช้ชีวิต โศกเศร้าเสียใจไม่เป็นอันกินอันนอน แต่มาร์คัสกลับแสยะยิ้มอย่างชั่วร้ายหลังจากมองตัวเลขในบัญชีซึ่งเริ่มร่อยหรอก่อนขับรถไปยังงานศพของพ่อในทันทีเพื่อหวังว่าเขาจะได้รับเงินมรดกทั้งหมดเพื่อคงความมั่งคั่งจอมปลอมต่อไป
เงื่อนไขการเปิดพินัยกรรมจากปากของทนายเปรียบดั่งเสี้ยนหนามตำทะลุรูขุมขน
“พินัยกรรมในกระเป๋าล็อกรหัสของผมนี้…” เขาชี้กระเป๋าเอกสารหนังสีดำซึ่งหูหิ้วสีกุญแจมือเหล็กคล้องพันธนาการกับข้อมือทนายไว้ สร้างความตกใจแก่มาร์คัสอย่างคาดไม่ถึง “จะถูกเปิดต่อเมื่อนิยายตำนานเพลิงอมตะเขียนจบและเพื่อให้มั่นใจมากกว่านี้ คุณโจคินมอบหมายให้ บ.ก.ต้นกล้าดูแลรูปเล่มจนกว่าจะตีพิมพ์วางขาย โดยทายาทของเขาอยู่ในจดหมายลายมือของโจคินฉบับนี้”
‘เขียนนิยายให้จบงั้นเหรอ? แม่งไร้สาระสิ้นดีสมกับเป็นไอ้พ่องี่เง่านี่จริง ๆ’
แม้ชายหนุ่มเจียดเงินซื้อหนังสือตำนานเพลิงอมตะแต่อ่านไปได้เพียงหน้าเดียวก็ยอมแพ้
“นิยายแบบนี้มันสนุกตรงไหนวะ!!?” เขาปาหนังสือลงพื้นด้วยความเดือดดาล “แค่อ่านยังไม่รอด จะให้เขียนทั้งเล่มกี่วันถึงจะเสร็จวะ! ดันไปสัญญากับไอ้บรรณาธิการหัวเหลี่ยมนั่นไว้อีก แบบนี้มีหวังไม่มีวันเห็นพินัยกรรมไปตลอดชีวิตแน่ ๆ”
ท่ามกลางความผิดหวังในตัวเอง จู่ ๆ เหมือนสวรรค์บันดาลความคิดหนึ่งในหัว เขาหันไปทางแล็ปท็อป
“ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องได้มาด้วยกล” เขาแสยะยิ้มก่อนปาเนื้อหานิยายตำนานเพลิงอมตะทั้งหกเล่มใส่ในโปรแกรมปัญญาประดิษฐ์พร้อมกรอกคำสั่งให้มันเขียนหนังสือเล่มเจ็ดออกมา
เพียงไม่กี่ชั่วโมง เอไอสามารถเขียนนิยายตำนานเพลิงอมตะเล่มเจ็ดออกมาได้อย่างสมบูรณ์ มาร์คัสไม่สนใจคุณภาพเนื้อหาภายใน เพียงแค่มัน ‘เสร็จ’ หลังจากนั้นมันจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับคุณบรรณาธิการ
หลังจากพินัยกรรมถูกเปิด สมบัติทั้งหมดจักตกเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว เขาพิมพ์ใส่กระดาษพร้อมบึ้งรถไปหาบ.ก.ต้นกล้าที่สำนักพิมพ์ กลับพบรถของเขาจอด ณ อพาร์ทเม้นท์ของพ่อจึงตัดสินใจเปลี่ยนสถานที่เป้าหมายโดยไม่ติดต่อนัดแนะอย่างเป็นทางการ
เขารู้ว่าอีกฝ่ายต้องมาหาเจ้าแมวนั่น ระหว่างทางเดินไปยังห้อง แต่ละก้าวต่างอันแน่นไปด้วยความทรงจำเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้ วันที่วิ่งออกไปโรงเรียน วันที่จับมืออันหยาบกร้านของพ่อหลังเลิกเรียนพร้อมหิ้วอาหารจากตลาดมานั่งกินอย่างมีความสุข ความคิดถึงโหยหาบิดาผู้ล่วงลับประดังประเดจนก้อนสะอึ้นจุกขึ้นคอ
“ขอบคุณ!! ขอบคุณ!! ขอบคุณ!! ขอบคุณ!! ขอบคุณ!! ขอบคุณ!! ขอบคุณ!! ขอบคุณจริง ๆ ขอบคุณมาก ๆ ไรเตอร์” เสียงบ.ก.ต้นกล้าสะอึ้นเสียงดังออกมาจากในห้อง “แกคือทายาทแห่งเจ.โจคินจริง ๆ!!”
คำพูดของเขาเสียดแทงจิตใจชายหนุ่มอย่างยิ่ง เขาหยุดชะงักอยู่หน้าประตูพลางก้มมองกองกระดาษนิยายที่เขาไม่ได้เป็นคนเขียน ความรู้สึกผิดมหันต์พลั่งพลูในจิตใจชวนนึกย้อนกลับหานิยายเรื่องแรกซึ่งถูกฉีกเป็นชิ้น ทุกตัวอักษรถูกเขียนขึ้นด้วยมือนี้ แตกต่างจากถูกเขียนโดยปัญญาประดิษฐ์อันไร้ซึ่งจิตวิญญาณแสนละเอียดซับซ้อน
เขาตัดสินใจทิ้งต้นฉบับไร้ค่าลงพื้นก่อนยอมสยบศิโรราบแด่ความจริงแสนโหดร้ายของชีวิตออกวิ่งหายลับสายตา หลังจากนั้นก็ไม่มีใครพบเห็นเขาอีก
…………………………………
ตำนานเพลิงอมตะเล่มเจ็ดถูกตีพิมพ์เปิดตัวตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วโลกในเวลาต่อมา เหล่าบรรณาธิการของสำนักพิมพ์แทบไม่เชื่อว่านิยายเล่มนี้เขียนจบได้ด้วยฝีมือของแมวตัวเดียว จึงเกิดการประชุมโดยบ.ก.ต้นกล้าพาไรเตอร์เข้าชี้แจ้ง สื่อสารกันด้วยแอปพลิเคชันแปลภาษาแมว
“บ.ก.ต้นกล้าบอกว่าแกคือตัวเดียวที่รู้ตอนจบของนิยายเรื่องนี้ จริงหรือไม่?” เจ้าของสำนักพิมพ์สวมสูทยี่ห้อราคาแพงเอ่ยถามด้วยท่าทางประหม่า สองมือประสานวางบนโต๊ะ เหงื่อซึมออกทุกรูขุมขน ด้วยความที่ใช้แอปพลิเคชันประมวลผลก่อนแปลเป็นภาษาแมวอัตโนมัติช่วยสื่อกลางของการดำเนินบทสนทนา แน่นอนว่าไรเตอร์เข้าใจคำถามดี แต่เลือกตอบด้วยภาษาแมวให้แอปฯ แปลให้น่าจะแตกตื่นน้อยกว่า
“โจคินเล่าให้ผมฟังตลอด โลกของตำนานเพลิงอมตะอยู่ในหัวผมตลอดเวลา” ไรเตอร์ตอบด้วยเสียงสังเคราะห์แห่งเทคโนโลยีเอไอ “ข้อมูลทุกอย่างถูกถ่ายทอดอยู่ในหัวและผมได้เขียนมันลงในหนังสือเรียบร้อยแล้วครับ”
“บอกหน่อยได้ไหมว่าทำไมถึงเขียนได้ แมวไม่น่าสามารถเขียนด้วยอุ้งเท้านุ่ม ๆ นั่นได้ง่ายแน่” เจ้าของสำนักพิมพ์ตั้งข้อสงสัยแทนคำถามในใจของบรรณาธิการหลายท่านในที่ประชุม พวกเขาต่างรอคอยคำตอบจนนั่งไม่ติดเก้าอี้ “แม้ว่าเป็นเพียงบทไม่ยาวมากหากเทียบกับต้นฉบับที่คุณโจคินเขียนไว้ก่อนหน้า”
“เรื่องนี้อาจฟังดูเป็นจินตนาการแฟนตาซีไปหน่อย สำหรับพวกคุณหรือคนอื่น ๆ ก็น่าจะคิดเห็นเหมือนกัน ผมอาจมีสติปัญญาดีกว่าแมวทั่วไปอยู่นิดหน่อย การเรียนรู้ทำสิ่งผิดปกติจากเผ่าพันธุ์ของผมนั้นน่าจะถือเป็นการวิวัฒนาการของตัวเองโดยบังเอิญหรือเปล่าไม่อาจทราบได้” ไรเตอร์ตอบอย่างระมัดระวัง พยายามโยงเข้าเรื่องธรรมชาติมากกว่าความแฟนตาซีหาความเชื่อถือยากยิ่ง
คำตอบของเขาทำให้เหล่าผู้บริหารสำนักพิมพ์มองหน้ากันไปมา
พวกเขาต่างซุบซิบสีหน้าเป็นกังวลเพียงชั่วครู่
“เข้าใจแล้ว” เจ้าของสำนักพิมพ์สรุปสั้นคลายมือออก “เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งต่อทายาทแห่งเจ. โจคินในห้องประชุมของเราและตัดสินใจตีพิมพ์นิยายตำนานเพลิงอมตะเล่มสุดท้ายภายใต้นามปากกาของเจ. โจคินและไรเตอร์ครับ บางครั้งเราอาจฝืนธรรมชาติเพื่อให้ได้มาสู่ความสำเร็จดั่งที่สำนักพิมพ์เราทำกันอยู่ครับ”
“ขอบคุณครับ” ไรเตอร์ก้มศีรษะ “หากเป็นไปได้จะขอเก็บเรื่องที่ผมเขียนนิยายของโจคินจนจบเป็นความลับแล้วเผยแพร่ออกสื่อว่าเจอต้นฉบับที่เสร็จแล้วโดยผมเป็นคนเตะมาให้แทนได้ไหมครับ?”
“แน่ใจหรือครับว่าจะรับเครดิตแค่นี้?”
“ครับ ผมแน่ใจ” ไรเตอร์ตอบอย่างมั่นใจ “คงเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อหากผมเป็นคนเขียนบทจบและคนอาจมาสนใจผมมากกว่าหนังสือ ผมไม่อยากให้เป็นแบบนั้น จุดประสงค์ที่ผมฝืนธรรมชาติตัวเองมาทำอะไรแบบนี้เพราะด้วยเหตุผลเพื่อเขียนหนังสือต่อให้จบเท่านั้นเองครับ”
เหล่าผู้บริหารสำนักพิมพ์ทุกคนได้ฟังจึงพยักหน้าเข้าใจในเจตนารมย์จึงไม่คิดไถ่ถามต่อ
หนังสือถูกตีพิมพ์โดยไร้การแก้ไขยกเว้นกระบวนการพิสูจน์อักษร ทางสำนักพิมพ์ทุ่มเทเวลาทำงานทั้งวันทั้งคืนเพื่อให้ผลงานเล่มสุดท้ายของนักเขียนผู้ล่วงลับออกสู่สายตาชาวโลก มีการขายลิขสิทธิ์ในการแปลพร้อมกันในหลายประเทศ อีกทั้งยังทุ่มงบประมาณสำหรับการตลาดแบบไม่จำกัด รวมถึงสื่อทุกช่องทางนำเสนอข่าวปาฏิหาริย์ทำให้ประชากรหลายพันล้านคนเฉลิมฉลอง อีกทั้งสตูดิโอค่ายหนังต่างแย่งกันรับบัตรคิวเพื่อเสนอซื้อลิขสิทธิ์ดัดแปลงหนังสือทั้งเจ็ดเล่มเป็นซีรีส์ แน่นอนว่าวันที่พวกเขากำลังนำเสนออยู่นั้นไรเตอร์นั่งฟังอย่างตั้งใจและเป็นผู้ตัดสินใจเลือกด้วยตัวเอง
เมื่อทำตามเงื่อนไขสำหรับเปิดพินัยกรรม ทนายมดจึงนัดแนะบ.ก.ต้นกล้าและไรเตอร์เข้ามาฟัง ในความเป็นจริงมาร์คัสควรเข้าร่วมด้วยแต่เขากลับหายสาปสูญราวกับไม่เคยอยู่บนโลกนี้เสียด้วยซ้ำ
กระดาษขนาดเอสี่ธรรมดาหนึ่งแผ่นถูกดึงออกมาจากซองสีน้ำตาล ใครจะเชื่อว่ากระดาษแผ่นเดียวสามารถพลิกชีวิตจากหน้ามือเป็นอุ้งเท้า
“ถ้าอย่างนั้นผมจะเริ่มอ่านพินัยกรรมฉบับนี้แล้วนะครับ เสียดายที่บุตรคนโตไม่มา”
‘บุตรคนโตคงหมายถึงมาร์คัส’ ผมคิด
“ข้าพเจ้าโจคิน ไวเปอร์เขียนพินัยกรรมฉบับนี้ขึ้นเพื่อความประสงค์ในการส่งต่อมรดกของข้าพเจ้าแก่ทายาท ขอยืนยันร่วมกับทนายมดว่า ขณะที่กำลังเขียนพินัยกรรมฉบับนี้ ข้าพเจ้ามีสติปัญญาครบถ้วน มิได้ถูกวางยาหรือถูกกระทำต่างวิธีเพื่อให้พินัยกรรมนี้เสร็จสมบูรณ์ และนี่คือความประสงค์ของผู้ล่วงลับครับ” ทนายมดอ่านด้วยน้ำเสียงฉะฉานชัดเจนและทรงพลัง “เงินสดในบัญชีและทรัพย์สินยกเว้นในอพาร์ทเม้นท์ขอมอบให้กับมาร์คัส ไวเปอร์ ลูกชายคนโต อาหารเปียก ขนมแมวเลีย อาหารเม็ด ของเล่น ทรัพย์สินทั้งหมดในอพาร์ทเม้นต์ รวมถึงสิขสิทธิ์นิยายตำนานเพลิงอมตะหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์มอบให้แก่ไรเตอร์ ไวเปอร์ ลูกชายคนเล็กของข้าพเจ้า ผู้ซึ่งถูกบรรจุอยู่ในทะเบียนบ้านและเอกสารยืนยันความเป็นบุตรอย่างถูกกฎหมาย”
ผมไม่รู้มาก่อนว่าสัตว์เลี้ยงสามารถมีชื่อในทะเบียนบ้านได้ด้วย…(มั้ง?)
“เงินจากยอดขายจำนวนสามสิบเปอร์เซ็นต์ขอมอบให้กับบ.ก.ต้นกล้า ผู้เป็นดั่งเพื่อน พี่น้องร่วมทุกข์ร่วมสุขมาพร้อมกับข้าพเจ้าและเขาคือมนุษย์คนเดียวในโลกที่ข้าพเจ้าไว้ใจได้มากที่สุด เขาคือผู้ที่ช่วยปลุกปั้นนิยายตำนานเพลิงอมตะสู่สายตาคนทั้งโลก จึงขอแต่งตั้งให้นายต้นกล้า เพชรประเสริฐเป็นผู้ดูแลแมวของข้าพเจ้าจนกว่าเขาจะตามมาอยู่กับข้าพเจ้า
เมื่อไรเตอร์ ไวเปอร์สิ้นอายุขัย สิขสิทธิ์นิยายของข้าพเจ้าทั้งหมดจักตกเป็นของนายต้นกล้าต่อไป ขอให้เพลิงอมตะลุกโชนภายในตัวพวกท่านและพร้อมส่งต่อแด่ผู้ที่สมควรเพื่อให้เปลวไฟนั้นคงความอบอุ่นโชติช่วงตลอดไป” ทนายมดวางพินัยกรรมไว้บนโต๊ะพลางถอนใจเฮือกใหญ่เหมือนยกภูเขาออกจากอก “นี่คือทั้งหมดของพินัยกรรมฉบับนี้ครับ กระผมยืนยันว่ามีเพียงฉบับเดียว ไม่มีฉบับอื่นแน่นอนครับ”
บ.ก.ต้นกล้าซึ่งกำลังอุ้มไรเตอร์ในอ้อมกอดได้ยินเจตนารมณ์สุดท้ายของเพื่อนรักทำให้อดสะอื้นไม่ได้ เขาเป็นเพียงบรรณาธิการตัวเล็ก ๆ ที่บังเอิญได้สร้างแรงกระเพื่อมร่วมกับผู้สร้างทำให้เกิดพายุโหมกระหน่ำไปทั่วโลก เขาเป็นดั่งมีดซึ่งถูกลับมานานกว้าหลายชั่วอายุคนจนคมกล้า
“ไอ้บ้าเอ้ย! นี่มึงไว้ใจกูเกินไปแล้วนะ” ชายวัยกลางคนสะอึ้นน้ำตาไหลอาบแก้ม ร่างกายสั่นสะท้าน ส่วนไรเตอร์เองก็ไม่คิดอะไรต่อเพราะในหัวมีเพียงอาหารเปียกและท้องกลมที่เริ่มส่งเสียงครวญคราง
……………………………………..
งานสัปดาห์หนังสือนับเป็นสมรภูมิที่เหล่านักเขียนและสำนักพิมพ์ต่างจับจองเปิดบูธสำหรับแย่งขายผลงานกันจ้าละหวั่น อีกทั้งยังเป็นช่วงเวลาแห่งการเปิดตัวหนังสือเล่มสุดท้ายของสำนักพิมพ์อย่าง ‘ตำนานเพลิงอมตะ เล่มจบ’โดยมีทายาทสุดไอคอนิคอย่างไรเตอร์นอนหมอบอยู่บนแท่นบัลลังก์สร้างมาเพื่อให้เหล่าแฟนคลับทั้งหลายมาถ่ายรูปคู่กับ ‘ทายาทแห่งเจ.โจคิน’ รวมถึงเป็นกลยุทธการตลาดของบ.ก.ต้นกล้าในการเรียกกลุ่มทาสแมวมาอุดหนุนหนังสือไปด้วย ยิ่งเป็นแมวส้มอย่างผมยิ่งเพิ่มยอดขายจนมีลูกค้าต่อคิวแถวยาวจนเหล่าพนักงานวิ่งไปมากันให้วุ่น ถึงขั้นเจ้าของสำนักพิมพ์ออกมาคอยสั่งการด้วยตัวเอง จนกระทั่งฝ่าฟันความวุ่นวายมาได้
แน่นอนว่ายุคสมัยแห่งป่าวประกาศตามสื่อออนไลน์นั้นยิ่งกว่าไวรัส ‘แมวส้มไรเตอร์’ กลายเป็นกระแสสร้างความเอ็นดูแก่เหล่าแม่ยกทั้งหลาย จึงเกิดการกดไลค์ กดแชร์กันสนั่นอัลกอริทึม
‘น้องส้มน่าร้ากกก ><!!’
‘เห็นว่าเป็นแมวของเจ. โจคินด้วย ไม่คิดเลยว่าจะนุ่มฟูขนาดนี้!!’
‘อยากขย้ำน้อง~~!!’
‘โอ๊ยย!! ทาสแมวใจละลายย! เอาเปียกกี่ซองดีลู๊กก!!’
หลังจากนั้นก็มีเหล่าแฟนคลับมากมายหลั่งไหลกันมาลูบไล้กันอย่างคับคั่ง ทำเอาเส้นขนหันเหคนละทิศละทาง
ผ่านไปเพียงสามวัน หนังสือที่พิมพ์มากว่าแสนเล่มรวมทั้งฝากวางขายกับบูธสำนักพิมพ์อื่น ทั้งร้านหนังสือรีเทลและของสำนักพิมพ์ต้นทางเองขายหมดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สร้างปรากฏการณ์อย่างที่ไม่เคยมีสำนักพิมพ์ไหนทำได้มาก่อน ทำให้มีการเปิดพรีออเดอร์ทางเว็บไซด์จนเกือบล่ม กลายเป็นไวรัลข่าวที่มีคนพูดถึงจำนวนไม่ขาดสาย
บ.ก.ต้นกล้าเดินเข้ามานั่งพักข้าง ๆ ‘เจ้านาย’ คนใหม่พร้อมความเหนื่อยล้าแต่อะดรีนาลีนในร่างกายสูบฉีดอย่างบ้าคลั่ง เหงื่อเม็ดโตไหลซึมอาบตัวร่าง
“เอายังไงดีล่ะเจ้าเพื่อนยาก หนังสือที่แกสานต่อขายหมดแล้วนะ” เขาฉีกยิ้มกว้าง “พิมพ์เพิ่มอีกดีไหม? สักกี่เล่มดี? แสนเล่ม? หรือล้านเล่มดี”
ไรเตอร์มองตรงไปยังชั้นวางหนังสือตำนานเพลิงอมตะอันว่างเปล่าก่อนหันกลับมามองบ.ก.ต้นกล้า ดวงตาอันเป็นประกายสื่อนัยบางอย่าง
“เมี๊ยว~!!” ‘กี่เล่มก็จัดเลย เจ้าทาส!!’
____________________________
THE END
ฉบับหนังสือจะเปิดตัวในงานหนังสือ มีนาคม 2026 นี้!!