“นี่ประธานชมรม… หรือพี่เลี้ยงส่วนตัวกันแน่ ดูแลดีจนใจสั่นไปหมดแล้ว!”

Love society รักนะนายประธานชมรม - chapter 1 บังเอิญเหมือนตั้งใจ โดย เจ้าแพนด้าขอบตาดำ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,รัก,ตลก,วัยว้าวุ่น,ไทย,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Love society รักนะนายประธานชมรม

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,รัก,ตลก,วัยว้าวุ่น,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

 Love society รักนะนายประธานชมรม โดย เจ้าแพนด้าขอบตาดำ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

“นี่ประธานชมรม… หรือพี่เลี้ยงส่วนตัวกันแน่ ดูแลดีจนใจสั่นไปหมดแล้ว!”

ผู้แต่ง

เจ้าแพนด้าขอบตาดำ

เรื่องย่อ

ชื่อเรื่อง: Love Society รักนะนายประธานชมรม






---




เนื้อเรื่องย่อ (เวอร์ชันปรับปรุง):




พี่โน่ หนุ่มหล่อมาดเท่แห่งคณะวิศวกรรมศาสตร์ปีสาม เป็นที่รู้จักในฐานะประธานชมรมถ่ายภาพผู้เปี่ยมเสน่ห์ ไม่เพียงเพราะหน้าตาหล่อเหลา แต่ด้วยฝีมือการถ่ายภาพที่โดดเด่น ทำให้เขาเป็นที่จับตามองในมหาวิทยาลัย ถึงจะดูเหมือนสมบูรณ์แบบ แต่ในใจเขากลับซ่อนความโดดเดี่ยวและแรงกดดันจากการเป็นที่คาดหวัง




จนกระทั่งวันหนึ่ง ใบพู เด็กปีหนึ่งจากคณะสัตวแพทย์ ก้าวเข้ามาในชีวิตของเขา ใบพูคือน้องชายเพื่อนสนิทในสมัยมัธยมของโน่ เด็กหนุ่มที่เคยเป็นคนขี้อายและไม่มั่นใจในตัวเอง แต่เมื่อโตขึ้น ใบพูกลับแสดงออกถึงความตั้งใจและมุมมองอันลึกซึ้ง โดยเฉพาะในเรื่องการถ่ายภาพ ความหลงใหลในกล้องและเลนส์ของใบพู กลายเป็นแรงบันดาลใจให้เขากลับมาทำในสิ่งที่รักอีกครั้ง




พี่โน่ และ ใบพู เริ่มใกล้ชิดกันในฐานะรุ่นพี่รุ่นน้องและสมาชิกชมรมการถ่ายภาพ แต่ในระหว่างที่ความสนิทสนมค่อยๆ เติบโต สิ่งที่เกิดขึ้นกลับเป็นความรู้สึกที่เกินกว่าคำว่า "พี่น้อง" หรือ "เพื่อนร่วมชมรม" ทั้งคู่ต้องเผชิญกับความสับสนในหัวใจ และตั้งคำถามถึงความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดานี้




ปัญหาใหญ่คือ ใบพูรู้สึกว่าตัวเองอาจไม่เหมาะสมกับคนที่เพียบพร้อมอย่างพี่โน่ ขณะที่พี่โน่เองก็กลัวว่า การเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์กับ "น้องชายของเพื่อนสนิท" อาจส่งผลกระทบต่อทุกอย่างรอบตัว






---




ธีมเรื่อง:




การเติบโต: เรียนรู้ที่จะยอมรับและเชื่อมั่นในตัวเอง




มิตรภาพและความรัก: การก้าวข้ามขีดจำกัดของความสัมพันธ์เดิม




การถ่ายภาพ: เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของการจดจำช่วงเวลาสำคัญและสะท้อนมุมมองของชีวิต






ตัวละครหลัก:




พี่โน่: ประธานชมรมถ่ายภาพมาดนิ่ง ผู้เชี่ยวชาญด้านเลนส์และแสงเงา แต่ลึกๆ กลับแอบซ่อนตัวตนที่เปราะบาง




ใบพู: เด็กหนุ่มที่ดูธรรมดาแต่เต็มไปด้วยความลึกซึ้ง ชอบมองโลกผ่านกล้องถ่ายภาพ และมีความสามารถที่ซ่อนอยู่








---




เรื่องราวนี้เต็มไปด้วยความอบอุ่นและการเดินทางของตัวละครทั้งสองในการค้นพบตัวเองและความหมายของคำว่า "รัก" สนใจปรับอะไรเพิ่มอีกไหม?



สารบัญ

Love society รักนะนายประธานชมรม-chapter จุดเริ่มต้น, Love society รักนะนายประธานชมรม-chapter 1 บังเอิญเหมือนตั้งใจ

เนื้อหา

chapter 1 บังเอิญเหมือนตั้งใจ





หลังจากที่ผมเดินออกจากคลาสมา ก็ยังคงคิดในใจว่า “เอ้อ กูมาไกลได้ยังไงวะ?” ตอนสอบนี่ไม่ได้คาดหวังอะไรหรอกนะ แค่คิดว่า “เออ ลองเสี่ยงดู” แล้วแม่ก็ทำเป็นตกใจ “ได้สัตวแพทย์! ได้สัตวแพทย์!” ผมก็แบบ… “เฮ้ย นี่มันจริงป่ะเนี่ย?” คือแบบแม่งมึนไปหมดทุกคนในบ้าน ผมเองก็ยังไม่เชื่อว่ามันจะเป็นไปได้


แต่พอมาถึงตอนเรียนจริงๆ … แม่งไม่ได้ง่ายเลยนะเว้ย! กว่าจะเข้าใจแต่ละบทนี่แทบจะถอดใจหลายรอบ “ทำไมต้องมาทำอะไรกันยากๆ วะ?” แต่เอาเถอะ ใจเย็นๆ เราเป็นคนเลือกมาเองนี่หว่า! จะให้หนีกลับตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว!


ยังไงก็ต้องลุยต่อไปอยู่ดี วันหนึ่งถ้าไปจบแล้วกลายเป็นสัตวแพทย์ที่เก่งขึ้นมา ก็คงจะยิ้มแล้วบอกตัวเอง “โอเค กูทำได้” ถึงตอนนี้จะคิดอยากโยนหนังสือทิ้งไปแล้วบ้างก็เถอะ แต่คิดไว้ว่าไม่นานก็คงจะชิน


กลับมาที่พี่ชายของผมใบพัด… พี่ผมค่อนข้างจะขี้เกียจมากกว่าผมอีกนะ แต่เฮ้ย! มันยังสอบติดวิศวะได้เลย คิดแล้วก็ขำตัวเองเหมือนกัน เพราะผมยังต้องตั้งใจเรียนเกือบตาย กว่าจะผ่านวิชาไปได้ แต่พี่ผมเนี่ยนะ? ยังไงก็พาตัวเองเข้าไปอยู่ในคณะวิศวะได้แบบฟลุคๆ สบายๆ


บางทีก็รู้สึกแปลกใจเหมือนกันว่า “ทำไมคนขี้เกียจอย่างมันถึงทำได้วะ?” พอมานึกอีกที… อาจจะเป็นเพราะมันรู้วิธีหาทางลัดบางอย่าง หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะมันไม่เครียดกับการสอบมากเกินไปก็ได้!


พอพี่ผมเล่าเรื่องการสอบหรือเรื่องในมหา’ลัย ผมก็ได้แต่หัวเราะในใจ “โห… พี่เอาดีในความขี้เกียจเลยนะ” แต่พอเห็นพี่ผมทำอะไรสำเร็จ ก็ต้องยอมรับว่า… มันก็เก่งในแบบของมันจริงๆ แหละ!


ไม่ต้องห่วงครับ ทุกความยากลำบากมันก็แค่ขั้นตอนเดียวในชีวิต ตอนจบก็จะได้ยินเสียงสัตว์ร้อง “หมอเก่งจัง!” คงจะรู้สึกว่า “เออ มันคุ้มเว้ย!” แล้วจะยิ้มกว้างๆ บอกกับตัวเองว่า “ทำไมกูต้องมาทำอะไรยากๆ ด้วยวะ?” แต่มันก็คงจะสนุกดีล่ะ!


ตอนนี้ผมก็แยกย้ายกับเพื่อนๆ ไปแล้ว เพราะพวกมันบอกว่ามีธุระอะไรบางอย่างที่ต้องไปทำด้วยกัน แต่บอกตรงๆ เลย… ผมก็ไม่รู้หรอกว่าพวกมันไปทำอะไรกัน โชคดีที่วันนี้มีแค่คาบเดียว พอเลิกเรียนก็เป็นเวลาบ่ายแก่ๆ หิวข้าวสุดๆ ข้าวเช้ายังไม่ได้กินเลยเพราะตื่นสาย เฮ้อ… อะไรจะขี้เกียจขนาดนี้ คิดว่าจะไปกินข้าวที่ร้านข้างมอดีกว่า


ไม่นานหลังจากนั้น รถคันหนึ่งก็มาจอดเทียบข้างๆ ผม จนทำให้ใบพูที่ยืนอยู่ข้างๆ แปลกใจเล็กน้อย มองไปที่รถคันนั้นแล้วก็หันมาถามผมว่า “เฮ้ย นั่นใครมาหรือเปล่า?”


ผมก็แค่ยักไหล่แล้วตอบไปว่า “ไม่รู้หรอก มันก็แค่รถคันหนึ่ง” แต่ในใจผมคิดว่า “แปลกจัง ทำไมรถคันนี้ถึงมาจอดตรงนี้?” ใบพูดูเหมือนจะสนใจอยู่เหมือนกัน แต่มันก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ


ไม่รู้ทำไม… แต่บางทีช่วงเวลาที่ไม่คาดคิดแบบนี้ก็ทำให้เรารู้สึกอยากสงสัยไปเรื่อยๆ ว่าใครมาที่นี่กันนะ หรือว่า… จะเป็นใครที่รู้จักกัน?


ไม่นานนัก กระจกรถก็เลื่อนลง ทำให้ใบหน้าเจ้าของรถปรากฏขึ้น ชัดเจนเลย นั่นไม่ใช่ใครที่ไหน… ก็คือไอ้พี่โน่ รุ่นพี่ของผม!


“จะไปไหน เดินหน้ามุ่ยเชียว?” พี่โน่ถามพลางมองผมด้วยสีหน้าแปลกๆ


“แล้วพี่ล่ะ ไปไหนมาครับ?” ผมถามกลับอย่างไม่เข้าใจ “ผมก็ว่าใครมาจอดรถข้างผมเนี่ย”


พี่โน่ยิ้มเบาๆ ก่อนจะตอบว่า “ก็พี่เห็นมึงยืนคิดอะไรนานๆ ตอนแรกๆ ก็คือไม่รู้หรอกว่าใคร แต่พอเห็นใกล้ๆ ว่าเป็นมึง พี่เลยมาจอดถามไง”


พี่โน่พูดเสร็จแล้วก็ยักไหล่เหมือนไม่มีอะไร แล้วทำหน้าที่กวนๆ แบบที่คุ้นเคย จนทำให้ผมอดขำไม่ได้


พี่โน่เห็นผมทำหน้ามุ่ยก็ยิ้มใหญ่แล้วพูดว่า “ว่าไง พ่อหนุ่มหมูปิ้ง? จะบอกพี่ได้หรือยังว่าจะไปไหน? ยังไม่จบเรื่องนี้พี่ยังไม่จบล้อมึงยาวเลยนะ -.-”


ผมไม่อยากยอมแพ้ เลยตอบกลับไปแบบกวนๆ “ผมแค่ชอบกินหมูปิ้งกับชอบถ่ายรูป มันน่าตลกตรงไหนครับ?” แล้วก็ทำหน้าแบบ ‘ไม่เข้าใจ’ จนพี่โน่ขำ


พี่โน่หัวเราะแล้วยักไหล่ “ก็ไม่ได้ว่ามึงหรอก แต่เห็นมึงชอบหมูปิ้งนี่แหละ เอ้า! กินบ่อยๆ สิ!”


แล้วผมก็กวนกลับ “ว่าแต่พี่เถอะ คงไม่ได้มาเจาะจงมารับผมหรอกมั้ง?”


พี่โน่ยิ้มกวนๆ ก่อนจะตอบ “ไม่อ่ะ แค่ทางผ่านเลยจะพาเด็กติดรถไปด้วย เดี๋ยวหิวกันทั้งคู่ก็แวะกินข้าวด้วยกันเลย”


ผมถึงกับยิ้มออกมา “โอเคๆ งั้นไปด้วยก็ได้ แต่พี่อย่าล้อผมอีกนะครับ!”


พี่โน่ขำแล้วขับรถออกไป ทั้งสองเราก็เดินทางไปพร้อมกันบรรยากาศที่ดูสบายๆ แต่ก็เต็มไปด้วยความสนุกและกวนๆ ของพี่โน่ที่ยังคงทำให้วันธรรมดาของผมกลายเป็นวันดีๆ ได้


สุดท้ายเราก็มาจบที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือข้างมอ ร้านนี้เป็นร้านที่ผมชอบไปบ่อยๆ เพราะมันเป็นที่ที่ง่ายๆ สบายๆ ไม่เรื่องมาก ผมก็เป็นคนง่ายๆ แบบนั้นแหละ การกินอะไรก็ไม่ค่อยซีเรียส ส่วนพี่โน่ก็เช่นกัน ตั้งแต่ผมรู้จักพี่มันมา พี่มันก็กินง่ายๆ อยู่สบายๆ แบบไม่มีเรื่องอะไรให้ยุ่งยากตัดกับหน้าตาของพี่มันที่ดูเหมือนคุณชายซะเหลือเกิน


ตอนที่เรานั่งอยู่ที่โต๊ะ บรรยากาศร้านก็ยังคงคึกคักอยู่เหมือนเดิม แต่ในวันนี้มันกลับมีอะไรแปลกๆ เพราะตอนนี้คนทั้งร้านหันมาจับจ้องที่โต๊ะผมเป็นตาเดียวกัน ราวกับว่าเจอของแหล่ไอเท็มอะไรบางอย่าง… มันเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่พี่โน่ไปไหนมาไหน นี่แหละเสน่ห์ของพี่มัน


ผมแอบหันไปมองพี่โน่ที่นั่งสบายๆ กินก๋วยเตี๋ยวไป แล้วก็ขำในใจว่าทำไมพี่มันถึงเป็นที่สนใจขนาดนี้ ทั้งที่พี่มันก็แค่คนกินง่ายๆ คนหนึ่งนั่นแหละ แต่ทุกครั้งที่พี่โน่ไปไหน สถานการณ์มันก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่แบบนี้ทุกที


แต่มันก็นานมาแล้ว เพราะตั้งแต่พี่โน่จบ ม.6 มาผมก็แทบไม่ได้เจอพี่มันสักเท่าไหร่ จนกระทั่งตอนที่มาสมัครชมรมถ่ายรูปนี่แหละที่ได้เจอพี่โน่อีกครั้ง




ใบพูที่นั่งอยู่ข้างๆ เลยถามขึ้นว่า “แล้วพี่ไม่ไปกับพวกไอ้ใบพัดหรอ?”


พี่โน่ยักไหล่แล้วตอบ “ไม่เอาอ่ะ ไม่อยากวุ่นวายกับพวกนั้นหรอก พวกมันชอบไปก่อเรื่องจนวุ่นวายจนปวดหัว ว่าแต่เราเถอะ ทำไมมาเดินคนเดียวล่ะ? เพื่อนเราไปไหนหมด?”


ผมยิ้มแหยๆ แล้วตอบไป “ก็เหมือนพี่นั่นแหละ เพื่อนผมก็มีธุระประปรายของมัน พอๆ กับพี่นั่นแหละ ขี้เกียจไปกับมันเลยว่าจะกลับหอเลย”


พี่โน่ขำแล้วพูด “เออ ก็จริง พวกนั้นก็มักจะวุ่นวายตลอด รำคาญ”


แล้วเราก็กลับมาจมอยู่ในบรรยากาศสบายๆ ของการกินข้าวด้วยกันในร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ โดยไม่มีอะไรต้องคิดมาก แต่ก็รู้สึกดีที่ได้เจอพี่โน่หลังจากเวลานาน


“แล้วกินเสร็จจะไปไหนอีกป่ะ?” พี่โน่ถามพร้อมกับดูผมที่กำลังกินข้าวอย่างสบายๆ


ผมยักไหล่แล้วตอบ “ก็คงจะไปดูพวกกล้องตัวใหม่บ้างอ่ะ ไหนๆก็สมัครชมรมถ่ายรูปแล้ว ก็เลยคิดว่าจะหากล้องเจ๋งๆ ไปถ่ายรูปเล่นบ้าง เผื่อจะได้ถ่ายภาพอะไรเท่ๆ มาบ้าง”


พี่โน่ขำเบาๆ แล้วหรี่ตามอง “กล้องเจ๋งๆ หรอ? ก็คิดดีนะ แต่มึงไม่กลัวไปจับกล้องแล้วไปถ่ายรูปแบบมือใหม่หัดใช้หรอ?”


ผมยิ้มแบบกวนๆ “ก็ต้องลองดูหน่อยดิ ไอ้พี่อย่าไปกวนอย่างงี้สิ”


พี่โน่หัวเราะแล้วพูด “เออๆ ไปเถอะ อยากได้กล้องดีๆ แต่ถ้าไม่เจอกล้องดีๆ ล่ะก็… อย่างน้อยก็ได้ซื้อของใหม่ ก็ถือว่าได้อัพเกรดชีวิตไปอีกขั้น” 


ผมขำแล้วตอบ “เออ ก็จริงนะ ถ้าไม่เจอ กล้องก็ยังเจออะไรใหม่ๆ มา”


หลังจากเรากินเสร็จ พี่โน่กับผมก็เดินออกจากร้านก๋วยเตี๋ยว มุ่งตรงไปที่ห้างเพื่อจะไปดูกล้องใหม่ๆ ที่ร้านกล้องที่ผมเห็นไว้ตั้งแต่วันแรกที่สมัครชมรมถ่ายรูป ตอนแรกพี่โน่ดูเหมือนจะไม่ได้สนใจอะไรเป็นพิเศษ แต่พอเดินผ่านร้านกล้องที่มีป้ายโปรโมชั่นพี่โน่ก็เริ่มมีอาการอยากได้กล้องบ้างขึ้นมาทันที


“เอาไงดีวะ มึงเห็นตัวนี้ป่ะ?” พี่โน่ชี้ไปที่กล้องตัวหนึ่งที่วางอยู่ในตู้โชว์ มันดูสวยและราคาแพงสุดๆ ผมก็มองไปแล้วตอบแบบกวนๆ “มันดูดีนะ แต่ราคานี่อาจจะทำให้มึงเป็นเจ้าของเพียงแค่ในฝันนะพี่”


พี่โน่หันมามองหน้าผมแล้วขำ “เออ กูรู้ แต่ก็อยากลองดู… กูคิดว่าพอซื้อแล้วชีวิตกูอาจจะดีขึ้นบ้างก็ได้” เขาพูดแบบติดตลก ผมก็ขำไปกับเขา


“เออ ถ้ากล้องทำให้ชีวิตดีขึ้นกูจะขอซื้อหลายตัวเลยนะ” ผมตอบไปอย่างขำๆ พี่โน่ยิ้มแล้วพูดขึ้นมา “แล้วมึงล่ะ? มึงอยากได้กล้องไหนล่ะ?”


ผมก็เดินไปดูตัวกล้องที่ถูกกว่าและดูเหมือนจะเหมาะกับมือใหม่มากกว่า “เอาอันนี้ล่ะ พวกกล้องมือใหม่อะไรประมาณนี้ เรียบง่ายแต่คุณภาพดีพอใช้ไง”


พี่โน่พยักหน้า “เออ ก็ดี ถ้าเอาตามนี้ก็ไม่ต้องรออะไรแล้ว ไปจ่ายตังค์เลย”


เรายืนเลือกกล้องไปเลือกมาจนในที่สุดก็ได้กล้องใหม่มาคนละตัว กำลังจะเดินออกจากร้าน พี่โน่ก็หันมายิ้มกวนๆ “ถ้ากล้องนี้ทำให้ชีวิตมึงดีขึ้นละก็ กูขอสิทธิ์มาเป็นโมเดลถ่ายรูปฟรีๆ ได้ไหม?”


ผมยิ้มแล้วตอบกลับ “เออ ถ้าพี่เป็นโมเดลให้กูถ่าย กูจะถ่ายให้ดูไม่อายเลยนะ”


พี่โน่ขำและทำท่ากระชับกล้องในมือเหมือนจะโพสต์ท่าถ่ายภาพแล้วพูดว่า “ก็เอานะ ถ้ามึงถ่ายเก่งกูจะมาเป็นนางแบบให้เอง”




หลังจากเราซื้อกล้องเสร็จแล้วก็เดินออกมาจากร้าน พี่โน่ยกกล้องขึ้นมาดูแล้วบอก “เอ้อ ดูดีแฮะ แต่กูเริ่มสงสัยแล้วว่าเราจะเอากล้องมาถ่ายอะไรดีวะ”


ผมยิ้มแล้วตอบ “ก็คงต้องหาที่ถ่ายสินะ พี่ลองคิดดู เราไปที่ไหนก็คงเจออะไรให้ถ่ายได้ตลอดแหละ”


พี่โน่พยักหน้าเหมือนจะเห็นด้วยแล้วพูดขึ้นว่า “เออ จริง กูว่ามันต้องมีอะไรที่เรามองข้ามไปบ้าง"


พี่โน่ขำแล้วพูด “เอ้า งั้นกูก็ต้องไปเป็นตัวประกอบให้มึงถ่ายหรอ?”


ผมยักไหล่ “ถ้าพี่เป็นตัวประกอบ เดี๋ยวกูจะไปถ่ายเท่ๆ ให้ แต่ขอถ่ายให้พี่ดูไม่หลุดเฟรมละกัน”


พี่โน่ยิ้มแล้วลูบกล้องในมือ “เออ ว่าแต่ไปหาที่ถ่ายกันดีกว่า งั้นเดี๋ยวเราไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะกันมั้ย? คงจะมีวิวสวยๆ ให้ถ่ายเยอะ”


ผมคิดสักพักแล้วก็พยักหน้า “เออๆ ไปสวนสาธารณะดีกว่า เดี๋ยวเราจะได้ลองกล้องใหม่ๆ กับวิวธรรมชาติบ้าง”


เราทั้งสองคนเดินไปที่สวนสาธารณะที่อยู่ใกล้ๆ ในมุมหนึ่งของเมือง ใกล้ๆ ก็มีผู้คนเดินเล่นออกกำลังกาย ทำให้บรรยากาศมันดีขึ้นไปอีก ผมจับกล้องขึ้นมาพร้อมกับพี่โน่ที่เตรียมโพสต์ท่าพร้อมสำหรับการถ่ายภาพ




“โอเค มึงไปยืนตรงนั้นนะ พี่จะถ่ายให้” ผมบอก


พี่โน่ทำท่าตลกๆ แล้วพูด “กูขอเป็นนักแสดงชั้นยอดเลยนะ อย่าลืมถ่ายให้สวยๆ ล่ะ”


ผมตั้งใจถ่ายภาพเขาในมุมที่เหมาะกับกล้องใหม่ของผม ปรากฏว่าผลลัพธ์ออกมาได้ดีเกินคาด ผมยิ้มพอใจแล้วพูดว่า “ดีแล้วพี่ โน่! ไม่ต้องห่วงกูถ่ายเก่ง”


พี่โน่ทำหน้าแบบเขินๆ “เอ้า นี่มันแค่รูปเดียวเอง กูยังไม่ยอมแพ้หรอกถ้ามึงถ่ายไม่ได้แย่กว่านี้นะ”


ทั้งสองเราหัวเราะไปด้วยกันอย่างสนุกสนาน จนในที่สุดก็เดินไปต่อกันในสวนสาธารณะ ด้วยความรู้สึกดีๆ ที่ได้ทำอะไรร่วมกัน และคิดว่าการเดินเล่นในวันนี้อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของความสนุกที่ไม่ได้คาดคิด


หลังจากเราถ่ายภาพกันไปสักพัก เราก็เดินเล่นในสวนต่อ พี่โน่เริ่มสนุกกับการโพสต์ท่าอย่างเต็มที่ ทั้งยิ้ม ท่ากวนๆ หรือจะเป็นท่าแบบเท่ๆ สไตล์พี่โน่เอง ผมยิ้มและแอบถ่ายไปเรื่อยๆ เพราะรู้สึกว่าในที่สุดผมก็ได้กล้องมาใช้จริงๆ จังๆ แล้ว และมันก็สนุกดีที่ได้ลองใช้กับสิ่งรอบตัวจริงๆ


“เอ้า มึงถ่ายเก่งดีว่ะ!” พี่โน่หันมาบอก พร้อมกับทำท่าที่ดูเหมือนจะตั้งใจโพสต์มากขึ้น “เดี๋ยวนี้กล้องมันไม่เล่นๆ แล้วนะ พี่รู้สึกเหมือนเป็นซุปตาร์เลย”


ผมขำ “โอเคๆ ซุปตาร์พี่โน่ ขอถ่ายแบบเนียนๆ ด้วยนะ อย่ามาหาว่าผมแอบถ่ายลับๆ”


พี่โน่ทำหน้ากวนๆ “เอ้า กูไม่ได้เป็นพวกแอบถ่ายหรอกนะ มึงก็อย่าไปลืมว่าใครเป็นที่หนึ่งในนี้”


ผมหัวเราะแล้วกดชัตเตอร์ถ่ายภาพไปเรื่อยๆ จนไม่รู้ว่าวันนี้เราเดินไปมาจนเลยเวลาไปแล้ว แต่ก็รู้สึกสนุกกับการลองใช้กล้องใหม่และได้ใช้เวลาผ่านช่วงเวลานี้กับพี่โน่


ตอนที่เราหยุดพักอยู่ที่ม้านั่งข้างๆ สระน้ำ พี่โน่ก็หยิบกล้องขึ้นมาถาม “เออ มึงคิดว่าจะไปถ่ายอะไรต่อดีวะ? หรือว่าไปเจอคนสวยๆ ถ่ายกัน?”


ผมยิ้มและตอบ “อาจจะไปเดินหามุมสวยๆ ถ่ายวิวธรรมชาติต่อก็ได้”


พี่โน่พยักหน้า “โอเค แล้วหลังจากนี้อย่าลืมกลับไปรีวิวกล้องให้ออกมาดีๆ ล่ะ กูอาจจะต้องขอเช่าไปถ่ายรูปบ้าง”


ผมขำแล้วตอบ “ถ้าพี่จะยืมกล้อง ต้องขออนุญาตจากช่างภาพตัวจริงก่อนนะครับ”


แล้วเราทั้งสองก็หัวเราะกันต่อไป บรรยากาศรอบตัวเริ่มเย็นขึ้นเล็กน้อย แต่ความสนุกและการได้ลองทำอะไรใหม่ๆ กับกล้องตัวใหม่ทำให้รู้สึกว่าไม่มีอะไรที่จะหยุดความสนุกนี้ได้


“เอาไง เราไปถ่ายอะไรเสร็จแล้วก็กลับหอไหม?” พี่โน่ถาม


ผมมองไปที่วิวในสวนและบอก “อืม… ไปกันเถอะ อยากจะนั่งดูภาพที่ถ่ายไว้แล้วคิดว่าจะไปไหนต่อ”


ทั้งสองคนก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกจากสวนด้วยความรู้สึกดีๆ ที่ได้ใช้เวลาช่วงนี้กันแบบนี้


หลังจากที่เราเดินเล่นจนเริ่มรู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็ว พี่โน่ก็เสนอขึ้นมาว่า “เออ นี่ มึงจะกลับหอเลยใช่มั้ย?”


ผมพยักหน้า “อืม ก็จะกลับหอแล้วล่ะ ”


พี่โน่ยิ้มกวนๆ “งั้นพี่ไปส่งที่หอเองแหละ ไม่ต้องไปนั่งคิดอะไรคนเดียวหรอก”


ผมยักไหล่ “เออ ก็ได้ ขอบใจพี่โน่”


พี่โน่เดินไปที่รถแล้วเปิดประตูให้ผมเข้าไปนั่ง “ขึ้นมานั่งเลย เดี๋ยวพี่ขับไปส่งเอง”


รถพี่โน่ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากที่จอดแล้ววิ่งไปตามถนนในยามเย็น พี่โน่เปิดเพลงแนวสนุกๆ ขึ้นมาให้ฟัง คุยกันไปเรื่อยๆ เรื่องทั้งเรื่องกล้อง เรื่องชมรมถ่ายภาพที่พวกเราเข้าร่วม แล้วก็เรื่องบ้าๆ บอๆ ที่ทำให้บรรยากาศในรถเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ


“เอ้า มึงคิดไงกับการเป็นช่างภาพจริงจังอะ?” พี่โน่ถามขณะที่ขับรถไป


ผมยิ้ม “ก็ไม่รู้สิ มันเป็นอะไรที่สนุกดีอะ อยากลองดูว่าจะไปได้ไกลแค่ไหน”


พี่โน่พยักหน้า “ถ้ามึงชอบมันจริงๆ ก็ทำไปเถอะ อย่าไปสนใจใครหรอก มีแค่ตัวเราเองที่รู้ดีที่สุดว่ามันใช่หรือไม่ใช่”


รถพี่โน่ขับผ่านแยกหนึ่ง ก่อนที่จะเลี้ยวเข้าไปในซอยที่หอพักของผมอยู่ พี่โน่หันมามองแล้วพูด “ถึงแล้วนะ เดี๋ยวพี่ก็ไปแล้วล่ะ”


ผมยิ้มแล้วบอก “ขอบคุณมากพี่โน่ เดี๋ยวเจอกันที่ชมรม”


พี่โน่ยิ้มและพยักหน้า “เออๆ เจอกัน สู้ๆ กับการถ่ายภาพนะ”


ผมเปิดประตูลงจากรถแล้วหันไปโบกมือให้พี่โน่ ก่อนที่จะเดินเข้าหอไป ความรู้สึกในตอนนี้มันสดใสและเต็มไปด้วยความคิดที่ว่าอาจจะได้ทำอะไรที่ชอบในอนาคต โดยมีพี่โน่เป็นกำลังใจอยู่ข้างๆ




----








ณ ร้านเหล้าแห่งหนึ่งใจกลางเมือง




“เฮ้ย ไอ้โน่!” บูมยกมือเรียก พี่โน่เดินเข้ามานั่งที่โต๊ะวีไอพีกับเพื่อน ๆ ไอ้โต้งและไอ้ใบพัด ท่ามกลางเสียงเพลงดัง ๆ และแสงไฟที่สลัว


“มึงไปไหนมาวะทั้งวัน กูไม่เห็นหัวมึงเลย” บูมถามพร้อมยิ้มกวน ๆ “คิดว่ากูไม่รู้เหรอว่าไปหาผู้หญิงที่ไหน” 


พี่โน่หันไปมองบูมด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “เรื่องกู ไอ้สัตว์ มึงจะถามอะไรเยอะนัก”


“อ้าว กวนตีนกูไอ้โน่ กูแค่ถามมึงเฉย ๆ มึงจะเงียบไปไหนวะ” บูมขยับเก้าอี้มานั่งใกล้ ๆ พลางยิ้มเยาะ


“มึงอยากให้กูพูดอะไร? ว่ากูไปทำอะไรมา บอกกูมาเลยไอ้สาด!” พี่โน่ตอบกลับด้วยเสียงแข็ง


“เฮ้ย ๆ พอๆๆ ว่ะ ปล่อยมันเถอะ ไอ้โน่มันจะไปทำอะไรก็เรื่องของมัน” ไอ้โต้งแทรกขึ้นมาเสียงสูง “อย่ามาเถียงกันในร้านเหล้า มันจะน่าเบื่อ”


“เออ เอาเถอะ กูจะเงียบก็ได้ แต่มึงสองคนอย่ามาหาเรื่องกูอีก” พี่โน่หันไปพูดกับบูมและบิ๊กแล้วก็ไอ้ทาม


“มึงนี่ขี้บ่นจริง ๆ เลยนะ” บูมยิ้มขำ ๆ “พอได้เล่นตลกทีไรก็ยอมเงียบไปเลย ไอ้โน่”


“กูบอกแล้วว่าอย่ามาทำกวนตีนกับกู” พี่โน่ดุแต่เสียงเบา “ถ้ามึงไม่หยุดกวน กูจะดื่มจนหมดขวดแล้วให้มึงจ่าย”


“เออ ๆ ไอ้โน่ แต่อย่าเอามาพูดให้กูกลัวสิ มึงจะดื่มแล้วมันจะทำอะไรให้กู” บูมแกล้งทำท่าทางหยามเหยียด “คิดว่ากูจะกลัวเหรอ”


“มึงไม่กลัวก็ไม่เป็นไร แต่ถ้ากูดื่มจนหมดขวดแล้วมึงต้องเลี้ยงข้าวกูคืนเลยนะ” พี่โน่ยิ้มเยาะ ๆ แล้วยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม


“โอ๊ย! ไอ้โน่ มึงจะลุกขึ้นมาเป็นนักดื่มเหรอ?” ไอ้ทามแซว “กูว่าเอาไว้ให้ไอ้บูมไปซื้อข้าวให้นะ มันพูดเยอะเกิน”


“มึงสองคนเหอะ อย่ามาแซวกู” พี่โน่พูดพร้อมหัวเราะขำ ๆ “บอกแล้วว่าไม่อยากพูด แต่พวกมึงมันไม่ยอมหยุดเลย”


“เออ แล้วเมื่อไหร่ไอ้โน่จะหาคู่ใหม่วะ?” ไอ้ใบพัดที่นั่งเงียบอยู่ก็พูดขึ้นมา “ไม่เห็นมีใครมาจีบมึงเลยนะคืนนี้”


“มึงนี่ กวนตีนจริง ๆ” พี่โน่หันไปตอบ ไอ้ใบพัด “พวกมึงก็ดูเอาเถอะ มันจะมาเหยียบตีนกูเมื่อไหร่ก็ไม่รู้”


บูมยิ้มแหยๆ “หูย… ไอ้โน่เริ่มไม่เล่นมุขแล้ว พูดแล้วมันจริงจังนะมึง”


“หุบปากไปเลย” พี่โน่ตอบเสียงแข็ง พลางยกแก้วขึ้นดื่มอย่างรวดเร็ว “คืนนี้ไม่มีใครทำให้กูเครียดได้หรอก”


“อ่ะ ๆ กูรู้แล้ว มึงต้องการดื่มให้ได้สภาพนี้เหรอ” บูมพูดแล้วหยิบแก้วของตัวเองขึ้นดื่มบ้าง “เออ ๆ ถ้ากูทำให้นายเลิกบ่นได้นะ กูจะเลี้ยงข้าวเอง”


“โอเค งั้นเดี๋ยวกูเลี้ยงข้าวมึงคืน เอาไหม?” พี่โน่ยิ้มขำๆ แล้วพยักหน้าให้ไอ้ทาม


“มึงเริ่มพูดมากแล้วนะ ไอ้โน่” ไอ้โต้งแซว “คืนนี้ไม่พอมีข้าวแล้ว คงมีมาม่าให้กูต้มกินอีก”


“เออ ถ้าอยากได้มาม่าก็ไปหามึงเองเถอะ กูไม่ยุ่งด้วยหรอก” พี่โน่หัวเราะเบา ๆ พร้อมกับยกแก้วเหล้า


" กูเห็นมึงลง stories ไปกับใครวะ?” บูมถามด้วยน้ำเสียงขี้สงสัย พลางหันไปมองหน้าพี่โน่


พี่โน่ยิ้มแล้วกดโทรศัพท์อย่างไม่แคร์ ก่อนจะหันไปมองเพื่อน ๆ “เฮ้ย มึงอย่ามาแซวเลย กูแค่มีธุระบ้าง” เขาพูดเสียงเรียบ ๆ แต่มุมปากยิ้มเยาะ


ไอ้ทามมองหน้าเขาด้วยสายตาที่แฝงด้วยความสงสัย “เออ กูเห็นมึงลง stories กับใครคนหนึ่งนะ เห็นไปไหนมาน่ะ? ไหนเล่าให้ฟังหน่อยสิ!”


พี่โน่หันไปยิ้มกวน ๆ “ไม่ได้ลงกับใครพิเศษหรอก มึงอย่ามายุ่ง”


“เอ้า ไม่พิเศษหรอ?” บูมหัวเราะ “แต่คนคนนั้นดูเหมือนพิเศษอยู่นะ"


“โอเค ๆ พวกมึงเลิกแซวได้แล้ว กูแค่ไปกินข้าวกับเพื่อน” พี่โน่ตอบเสียงเบา แต่ในใจยิ้มขำกับความหมั่นไส้ของเพื่อน ๆ


ไอ้ใบพัดที่นั่งอยู่ข้าง ๆ หัวเราะเบา ๆ “นั่นแหละไอ้โน่ แค่บอกว่าไปกินข้าวกับคนคุยก็บอก ไม่ต้องเล่นตัวขนาดนี้หรอก”


“ทำไมจะไม่เล่นตัวละ มึงคิดว่าคนแบบกูมันต้องบอกหมดทุกเรื่องเหรอ?” พี่โน่ยิ้มแล้วยกแก้วขึ้นชน “ถ้ามึงอยากรู้จริง ๆ ก็ไปถามใน stories ดูเองก็ได้”


“เหอะ ๆ โอเค โอเค มึงก็เก่งไปหมด” บูมยิ้มแซว “แต่แค่บอกว่ามีคนสนใจมึงเยอะแล้ว พวกกูหมั่นไส้จริง ๆ ว่ะ”


พี่โน่ยักไหล่แล้วหันไปยิ้มให้เพื่อน ๆ “พวกมึงก็อย่าหาว่ากูไม่เตือนนะ ถ้ามึงอยากเป็นแบบกู มันก็ต้องมีความมั่นใจพอ”


ไอ้ทามขำ ๆ “เออ ๆ ไอ้โน่ มึงพูดมาขนาดนี้กูไม่กล้าทำตามหรอก เดี๋ยวมันจะไปไกลแบบมึง”


พี่โน่ยักไหล่แล้วหันไปยิ้มให้เพื่อน ๆ ก็จะยกแก้วดื่มอีกครั้ง แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่จะเจอน้องมัน 


พี่โน่ยักไหล่แล้วหันไปยิ้มให้เพื่อนๆ ก่อนจะยกแก้วขึ้นดื่มอีกครั้ง ท่าทางเหมือนจะไม่คิดอะไรมากกับเรื่องนี้ แต่ความจริงมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่จะเจอน้องเขาหรอก


“ก็มันก็แค่บังเอิญนิดหน่อยน่ะ” พี่โน่ตอบขำๆ พลางยิ้มให้ผม “แต่จริงๆ กูมาที่นี่เพราะจะมาเจอกับพวกมึงนี่แหละ”


“ฮะ! นั่นแหละ มึงมันต้องแอบคิดอะไรบางอย่างนะ” เพื่อนคนหนึ่งแซวเขา ก่อนจะหัวเราะออกมาดังๆ


พี่โน่ก็แค่ยิ้มแล้วถอนหายใจเบาๆ “ไม่ได้คิดอะไรหรอก” แต่ตากลับมีความขำซ่อนอยู่ลึกๆ เขาคงจะรู้ดีว่าเพื่อนๆ มันก็ชอบจับตามองทุกย่างก้าวของเขาอยู่แล้ว


“มึงก็เลิกทำตัวเนียนๆ ได้แล้วพี่โน่ เดี๋ยวนี้ชัดเจนแล้วว่าอะไรเป็นอะไร” อีกคนพูดขำๆ แล้วยกแก้วเบียร์ขึ้น


“เฮ้ย! ใครเนียนบ้าง?” พี่โน่ยิ้มกลับไปพลางจิบเบียร์อย่างไม่แยแส แต่ในน้ำเสียงของเขาก็ยังคงมีความสนุกแฝงอยู่


เสียงหัวเราะและการคุยกันต่อเนื่องไป พี่โน่เหมือนจะสนุกกับการแกล้งเพื่อนๆ ของเขาในแบบที่ไม่เคยเบื่อ ทำให้บรรยากาศในร้านยิ่งเป็นกันเองและเต็มไปด้วยความสนุกจนแทบจะลืมเวลาผ่านไป




----






-จบตอน-