ที่ที่คุณอยู่มีความเชื่อแปลกๆไหมครับ อย่างเจอใบโคลเวอร์สี่แฉกแล้วจะโชคดี ปอกแอปเปิ้ลหน้ากระจกเพื่อให้เห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็น ความเชื่อที่นำเราไปเจอสิ่งเหนือธรรมชาติ — ที่ที่ผมอยู่ก็มีความเชื่อแบบนั้น

ชีวิตที่ 9 - Act 3 Ninth Life [END] โดย Alice Noire @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

พารานอมอล,ลึกลับ,ระทึกขวัญ,ดาร์ค,เลือดสาด,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ชีวิตที่ 9

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

พารานอมอล,ลึกลับ,ระทึกขวัญ,ดาร์ค,เลือดสาด

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

 ชีวิตที่ 9 โดย Alice Noire @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ที่ที่คุณอยู่มีความเชื่อแปลกๆไหมครับ อย่างเจอใบโคลเวอร์สี่แฉกแล้วจะโชคดี ปอกแอปเปิ้ลหน้ากระจกเพื่อให้เห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็น ความเชื่อที่นำเราไปเจอสิ่งเหนือธรรมชาติ — ที่ที่ผมอยู่ก็มีความเชื่อแบบนั้น

ผู้แต่ง

Alice Noire

เรื่องย่อ

 

#รถแห่ชวนเขียน3

เรื่องสั้นจากกิจกรรมเพจนักเขียนรถแห่

 

 Content Warning 

Blood เลือด

Dead Body ศพและลักษณะของศพ

Gore อวัยวะภายใน

Supernatural เรื่องเหนือธรรมชาติ

Violence การใช้ความรุนแรง

 

 

ที่ที่คุณอยู่มีความเชื่ออะไรแปลก ๆ ไหมครับ อย่างถ้าเจอใบโคลเวอร์สี่แฉกแล้วจะโชคดี ปอกแอปเปิ้ลหน้ากระจกเพื่อให้เห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็น ความเชื่อที่นำเราไปเจอเรื่องเหนือธรรมชาติอะไรพวกนั้น...ที่ที่ผมอยู่ก็มีความเชื่อแบบนั้นเหมือนกัน

สารบัญ

ชีวิตที่ 9-Act 1 Belief, ชีวิตที่ 9-Act 2 New Life, ชีวิตที่ 9-Act 3 Ninth Life [END]

เนื้อหา

Act 3 Ninth Life [END]

 

ตื่นมาคราวนี้ผมพบว่าตัวเองนอนอยู่บนโต๊ะอาหาร เป็นโต๊ะกลมที่มีผ้าคลุมสีแดงมองดูแล้วทำให้ผมนึกถึงงานเลี้ยงโต๊ะจีน และอย่างเช่นเคยที่ผู้คนรอบตัวซึ่งเป็นสาเหตุการตายของผมจะต้องจบชีวิตอย่างอนาถ

ศพชายหญิงนั่งคอพับอยู่รอบโต๊ะ ที่ปากของทุกคนมีลิ่มเลือดและเศษเนื้อที่น่าจะเกิดจากการสำรอกเลอะอยู่เต็มไปหมด บางคนก็นอนตายในท่าทุรนทุรายโดยกำส้อมเอาไว้ในมือ ที่ท้องมีบาดแผลเป็นรูหลายรูคล้ายพยายามเจาะเปิดท้องตัวเองเพื่อเอาอาหารออกมา

ผมบิดขี้เกียจแล้วกระโดดลงมาจากโต๊ะ ก่อนเดินเข้าไปในครัวเพื่อหาน้ำกิน ผมเปิดตู้เย็นแล้วหยิบขวดน้ำออกมาดื่ม ขณะเดียวกันหางตาก็เหลือบไปเห็นคุณลุงที่หั่นผมกำลังนอนตายอยู่บนเขียง เลือดแห้งกรังตรงคอทิ้งคราบสีสนิม ในมือของลุงมีมีดปังตอที่เพิ่งลับไปเมื่อวาน

ผมถอนหายใจก่อนเดินออกมา ร่อนเร่ตัวเองไปตามถนนอีกครั้ง ชีวิตข้างถนนมันก็ไม่ได้แย่นัก ผมเริ่มขโมยอาหารได้เก่งขึ้น เริ่มรู้จักการต่อสู้และระวังตัว ทว่าชีวิตที่ไร้จุดหมายแบบนี้มันช่างโดดเดี่ยวเหลือเกิน...

เดินไปทางไหนก็มีแต่คนรังเกียจ เนื้อตัวมอมแมมส่งกลิ่นเหม็นเพราะไม่ได้อาบน้ำ ปากก็มีแต่คราบเลือดทุกครั้งที่ตื่นขึ้น...ให้ตายสิ อยากรู้ชะมัดว่าก่อนภาพตัดตัวผมทำอะไรลงไป

ผมเดินผ่านกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง คนพวกนั้นมองผมด้วยสายตาแบบนั้นอีกแล้ว ไม่ใช่สายตารังเกียจนะครับ แต่เป็นสายตาของเดรัจฉานที่จ้องจะกินเนื้อของผม

อีกแล้วเหรอ? นี่ผมต้องถูกกินอีกแล้วใช่ไหม แต่ว่านี่มันชีวิตที่เก้าแล้วนะ ถ้าผมตายครั้งนี้ ผมจะยังมีชีวิตที่สิบไหม...

“แมวมีเก้าชีวิต” จู่ ๆ เสียงของแม่ก็ดังขึ้นในหัว น้ำเสียงอบอุ่นราวกับมาเพื่อเตือน

นี่ผมมัวทำอะไรอยู่เนี่ย? ผมลืมเรื่องแม่ ลืมเรื่องพี่ชาย ลืมเรื่องครอบครัวของตัวเองไปเลย!

“กรรรร!” หันไปอีกทีก็เห็นคนบ้าพวกนั้นอ้าปากร้องคำรามใส่ผม น้ำลายข้นหนืดไหลย้อยออกมา ฟันสีเหลืองที่มีเศษเนื้อติดแยกเขี้ยวยิงฟันใส่ผม

“เวร”

สบถได้แค่นั้นผมก็ต้องรีบหนี หมาบ้าพวกนั้นตามผมไม่ทันแน่ ๆ ถึงจะวิ่งสองขาเหมือนกัน แต่สภาพร่างกายของผมคล่องตัวกว่ามาก ผมวิ่งลากพวกมันออกมากลางถนน โชคร้ายที่ดวงอาทิตย์ตกดินไปแล้วก็เลยไม่มีผู้คนหรือรถสัญจร บอกเลยนะว่าถ้าเป็นตอนกลางวันพวกแม่งไม่มีทางไล่ตามผมได้แน่ เพราะตอนกลางวันยังมีคนดีที่ช่วยเหลือผมได้อยู่...แม้จะมีไม่เยอะก็ตาม ฉับพลันหางตาก็เหลือบไปเห็นหนึ่งในพวกมันขับรถตามมา...

นี่พวกแม่งอยากกินเนื้อผมขนาดนี้เลยเหรอ?!

การไล่ล่าดำเนินต่อไป ผมวิ่งและวิ่งให้เร็วขึ้นบนท้องถนนที่ไร้รถรา ดวงตาที่เรืองแสงในความมืดกวาดมองเพื่อหาช่องทางหลบหนี กระทั่งมองเห็นแสงหนึ่งจากที่ไกล ๆ เป็นแสงสว่างสองดวงที่ดูคล้ายดวงตา มันเข้ามาใกล้ผมและขยายขนาดขึ้น

ผมได้ยินเสียงร้องของมันด้วย เป็นเสียงแหลมเล็กแสบแก้วหูที่ฟังดูเหมือนแตรรถ แล้วเมื่อเข้ามาใกล้มากพอ แสงจ้าจากไฟรถก็ทำให้ผมตาบอดไปชั่วขณะ เปลือกตาปิดลงจากรีเฟล็กซ์ของร่างกาย ทว่าสองขาก็ยังคงวิ่งไปข้างหน้า

จากนั้นโสตประสาทที่ทำงานได้ดีก็ได้ยินเสียงล้อยางที่เสียดสีกับถนน เสียงเบรกและเสียงพาหนะสี่ล้อที่ชนกันดังราวกับเกิดระเบิด

เมื่อดวงตากลับมาใช้งานได้อีกครั้งผมก็พบว่ารถคันนั้นเพิ่งจะเลี้ยวหลบผม ก่อนไปชนเข้ากับรถอีกคันที่ตามผมมา

สองขาหยุดวิ่งแล้ววกกลับไปโดยไม่รู้ตัว ไม่รู้ทำไมเหมือนกันแต่สัญชาตญาณบอกให้ผมทำแบบนั้น ผมได้ยินเสียงหายใจที่กำลังรวยริน ได้กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปกับกลิ่นเครื่องยนต์ร้อน

แล้วเมื่อผมมาหยุดอยู่ตรงหน้าที่นั่งคนขับ ผมก็พบว่าคนที่เพิ่งหักหลบผมไปคือพ่อของผมเอง

“พ่อ!” น้ำตารื้นออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ ผมรีบเปิดประตูเพื่อเอาตัวพ่อออกมาทันที “ทำไมพ่อถึงมาอยู่ที่นี่ได้”

แม้จะสับสนอยู่บ้าง กระนั้นการช่วยชีวิตผู้เป็นบิดาก็สำคัญกว่า ผมลากตัวพ่อออกมาแล้วควานหาโทรศัพท์ในรถ ก่อนรีบกดเบอร์โทรฉุกเฉิน 1669 เพื่อเรียกรถพยาบาล ผมไม่แน่ใจว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหนจึงบอกจุดสำคัญที่ผมมองเห็นระหว่างทางไป ผมคาสายเจ้าหน้าที่ไว้อยู่อย่างนั้น ขณะเดียวกันก็พยายามเรียกสติผู้เป็นพ่อไม่ให้หลับไปเสียก่อน

“พ่อ!”

ดวงตาของพ่อมองผมอย่างเลื่อนลอย เขามองผมแล้วคลี่ยิ้มบาง มือที่กระดูกหักจนบิดเบี้ยวยกขึ้นมาลูบหัวผมแผ่วเบา “ทำไมถึงมาเร่ร่อนอยู่แบบนี้”

“พ่อ! ผม...” ผมไม่รู้จะอธิบายยังไงดี สิ่งที่ผมเจอมามัน...

ราวกับพ่อรู้ว่าผมลำบากใจ ท่านหัวเราะเบา ๆ ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ไปอยู่ที่บ้าน...ด้วยกันนะ”

ผมพยักหน้าหงึกหงัก น้ำหูน้ำตาไหลเลอะแก้มไปหมด

แล้วเมื่อสิ้นประโยค หัวใจของพ่อก็หยุดเต้น...

ไม่กี่นาทีต่อมารถพยาบาลและตำรวจก็มาถึง เวลานั้นผมแยกเขี้ยวขู่ใส่ทุกคนที่เข้ามาใกล้ร่างของพ่อ รู้ทั้งรู้ว่าคนพวกนั้นมาเพื่อช่วยเหลือ อาจเป็นเพราะอารมณ์ที่กำลังโกรธเกรี้ยวทำให้ผมแสดงสัญชาตญาณดุร้ายออกมา กระทั่งใบหน้าของแม่ปรากฏขึ้นท่ามกลางคนพวกนั้นผมถึงได้ใจเย็นลง

แม่โผเข้ามากอดและลูบหลังผมเบา ๆ น้ำเสียงนุ่มเอ่ยปลอบโยนจนผมลืมไปเลยว่าแม่เองก็ตายไปแล้วไม่ใช่หรือ? มีโจรเข้ามาในบ้านและฆ่าแม่กับพี่ชาย ทุกคนตายไปหมดแล้วไม่ใช่หรือ?

สัมผัสอ่อนโยนลูบกล่อมจนผมผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า ภาพทุกอย่างดำมืด ร่างกายเบาหวิวลอยละล่องราวกับอยู่ในห้วงฝัน

“ซิน”

นั่นเสียงพี่โซนี่นา...

“ซิน...ตื่นเร็ว ได้เวลากินข้าวแล้ว” พี่ชายเขย่าตัวผม

ผมปรือตาขึ้นช้า ๆ ก่อนพบว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่บ้าน มองใบหน้าของพี่ชายที่ผมคิดถึงก่อนโผกอดเขา ถึงจะชอบตีกันแต่ผมก็รักพี่นะ

พี่โซทำหน้าประหลาดใจพลางลูบหัวผมเบา ๆ “วันนี้เป็นอะไรเนี่ย”

ผมไม่ได้ตอบอะไรออกไปแต่ทำเพียงซุกหน้ากอดผู้เป็นพี่

“หกโมงแล้ว ลงไปกินข้าวกัน” พี่ชายเอ่ยแล้วเดินลงบันไดไป

ผมเลียขนของตัวเองอย่างเคยชิน เป็นนิสัยประหลาดที่ผมชอบทำเวลาไปสัมผัสกับตัวของพี่ชาย

อ่า...

ผมยืนขึ้นก่อนยืดตัวบิดขี้เกียจแล้วเดินสี่ขาตามพี่ชายไป ช่วงนี้ผมมักจะชอบมีความฝันแปลก ๆ ผมชอบฝันถึงชีวิตเก่าของตัวเอง บางทีก็ฝันว่าตัวเองเป็นมนุษย์ หรือบางครั้งก็เอาทั้งหมดนั้นมารวมกัน

เฮ้อ...ทำไงได้ล่ะ เป็นความผิดของเจ้าทาสพวกนั้นนั่นแหละที่ชอบทำเหมือนผมเป็นคนในครอบครัว

เมื่อลงมาถึงข้างล่างแม่ก็ส่งยิ้มอบอุ่นให้ผม ท่านวางชามลงบนโต๊ะกินข้าว ผมกระโดดขึ้นไปนั่งที่เก้าอี้ประจำ พี่ชายมองผมอย่างหมั่นไส้เหมือนทุกครั้ง บอกตามตรงบางทีผมก็นึกสงสัย พี่โซจะอิจฉาผมไปทำไม เราทั้งคู่ก็กินข้าวบนโต๊ะเดียวกัน ระดับเท่ากัน ไว้ผมกินสูงกว่าตอนนั้นค่อยมาอิจฉาไม่ดีกว่าหรือ?

แม่มองเราทั้งคู่แล้วหัวเราะ “จะหยุดตีกันสักวันไม่ได้เลยหรือไง”

“เป็นแค่แมวแท้ ๆ” พี่โซเบะปาก

ผมที่มีสติปัญญาสูงกว่าไม่ได้ตอบโต้อะไร ผมรู้ว่าตัวเองควรวางตัวยังไงให้แม่รักมากกว่า ผมหันไปมองแม่ด้วยดวงตาวาวเหมือนเม็ดลำไยก่อนส่งเสียงน่ารักที่แม่ชอบฟัง

“เมี้ยว”

ขอบคุณนะครับที่รับผมมาเลี้ยง ขอบคุณที่ทำให้ชีวิตที่เก้าของผมเป็นชีวิตที่มีความสุขที่สุด ผมรักแม่นะครับ