ที่ที่คุณอยู่มีความเชื่อแปลกๆไหมครับ อย่างเจอใบโคลเวอร์สี่แฉกแล้วจะโชคดี ปอกแอปเปิ้ลหน้ากระจกเพื่อให้เห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็น ความเชื่อที่นำเราไปเจอสิ่งเหนือธรรมชาติ — ที่ที่ผมอยู่ก็มีความเชื่อแบบนั้น
พารานอมอล,ลึกลับ,ระทึกขวัญ,ดาร์ค,เลือดสาด,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ชีวิตที่ 9ที่ที่คุณอยู่มีความเชื่อแปลกๆไหมครับ อย่างเจอใบโคลเวอร์สี่แฉกแล้วจะโชคดี ปอกแอปเปิ้ลหน้ากระจกเพื่อให้เห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็น ความเชื่อที่นำเราไปเจอสิ่งเหนือธรรมชาติ — ที่ที่ผมอยู่ก็มีความเชื่อแบบนั้น
#รถแห่ชวนเขียน3
เรื่องสั้นจากกิจกรรมเพจนักเขียนรถแห่
Content Warning
Blood เลือด
Dead Body ศพและลักษณะของศพ
Gore อวัยวะภายใน
Supernatural เรื่องเหนือธรรมชาติ
Violence การใช้ความรุนแรง
❝
ที่ที่คุณอยู่มีความเชื่ออะไรแปลก ๆ ไหมครับ อย่างถ้าเจอใบโคลเวอร์สี่แฉกแล้วจะโชคดี ปอกแอปเปิ้ลหน้ากระจกเพื่อให้เห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็น ความเชื่อที่นำเราไปเจอเรื่องเหนือธรรมชาติอะไรพวกนั้น...ที่ที่ผมอยู่ก็มีความเชื่อแบบนั้นเหมือนกัน
❞
ปอดที่หยุดทำงานไปกลับมาหายใจได้อีกครั้ง ผมอ้าปากกว้างและสูดลมเข้าปอดเฮือกใหญ่ รูม่านตาหดลงและรู้สึกปวดตาเล็กน้อยคล้ายกับว่ามันมีบางอย่างที่เปลี่ยนไป
ผมลุกขึ้นมาแล้วนั่งหายใจหอบอยู่ตรงนั้นด้วยหัวใจที่เต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ
เกิดอะไรขึ้น? ไม่ใช่ว่าผมควรตายไปแล้วเหรอ...
สติที่ยังกระเจิงอยู่ทำเอาผมควบคุมตัวเองไม่ได้ แผ่นอกกระเพื่อมขึ้นลงถี่กระชั้นจนนึกว่าตัวเองมีอาการไฮเปอร์เวนติเลชัน [1] แล้วเมื่ออัตราการหายใจค่อย ๆ กลับมาเป็นปกติ ผมก็เริ่มใจเย็นลงได้ ทว่าภาพตรงหน้าที่ทำให้ท้องไส้พะอืดพะอมก็ยังลดทอนสติของผมอยู่ดี
ความแปลกอีกอย่างคือตอนนี้ทั้งบ้านมืดสนิทแต่ผมกลับมองเห็นทุกอย่างได้ชัดเจนราวกับเป็นตอนกลางวัน ผมมองเห็นทุกอย่าง เห็นศพที่ถูกแยกส่วนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เห็นเลือดที่อาบท้วมผนังห้องราวกับมีใครสักคนเอาสีแดงมาสาด เห็นปลอกกระสุนปืนที่ตกอยู่บนพื้น และเห็นมือของตัวเองที่ชุ่มไปด้วยโลหิตสีแดงฉาน
อะดรีนาลีนในร่างกายหลั่งออกมาอีกครั้ง คราวนี้มันหลั่งออกมาเยอะกว่าตอนแรกเสียอีก มือที่โชกเลือดสั่นอย่างไม่เข้าใจ
นี่มันหมายความว่ายังไงกันแน่
สัมปชัญญะของผมสั่งตัวเองให้รีบรุดไปโทรแจ้งตำรวจ ผมไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้มันเกิดอะไรขึ้น และแมวของผมมันหายไปไหน แต่ที่รู้คือตอนนี้ผมต้องการความช่วยเหลือจากใครสักคน
ผมควานหาโทรศัพท์ของตัวเองที่ซ่อนอยู่ภายใต้ผ้าห่ม เมื่อคว้าได้ก็รีบกดโทรออกเบอร์ 191 ทันที รอไม่นานเจ้าหน้าที่ก็รับสาย ผมเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างใจเย็น เล่าทุกอย่างให้พวกเขาฟัง ปลายสายเงียบเสียงไปพักหนึ่งก่อนจะขอที่อยู่ของผมไป
ผมกดปุ่มวางสายอย่างแผ่วเบา หน้าจอสัมผัสเปื้อนไปด้วยคราบเลือดที่เป็นรูปรอยนิ้วมือของผม
จริงสิ ผมถูกยิงไม่ใช่เหรอ?
ผมเลิกเสื้อของตัวเองขึ้นก่อนพบว่าตรงจุดที่เคยเจ็บเพราะถูกยิงมันไม่มีบาดแผลเลย ราวกับว่าผมแค่ถูกปืนอัดลมยิงจนจุกเท่านั้น แต่เสื้อมันทะลุเป็นรูเลยนะ หัวคิ้วของผมพลันขมวดกัน ผมมั่นใจว่าตัวเองเลือดออกจริง ๆ ไม่อย่างนั้นเลือดที่ชุ่มมือจะมาจากไหนถ้าไม่ได้มาจากตัวผมเอง?
ผมเดินผ่านเศษเนื้อที่กระจัดกระจายไปทั่วห้อง ชิ้นส่วนของร่างกายมนุษย์ถูกฉีกกระชากอย่างโหดร้าย ไม่แน่ใจว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร อีกอย่างคือกลิ่นของมันคาวเอามาก ๆ ปกติเวลาไปตลาดสดผมไม่เคยรู้สึกว่ากลิ่นเนื้อสดมันคาวขนาดนี้มาก่อน หรือบางทีอาจเป็นเพราะจมูกของผมเกิดทำงานดีขึ้นมาเหมือนกับประสาทตาล่ะมั้ง
ผมเดินลงไปที่ห้องน้ำ กดสวิตช์เพื่อเปิดไฟอย่างเคยชิน แม้ภาพที่มองเห็นในดวงตาจะสว่างไสวอยู่แล้วถึงอย่างนั้นมือมันก็ยังยกไปเอง กระทั่งก้าวเท้าเข้าไปในห้องน้ำ บานกระจกที่สะท้อนภาพใบหน้าก็ทำเอาแผ่นหลังของผมชาหนึบ ดวงหน้ามนที่เดิมดูจิ้มลิ้มของเด็กวัยรุ่นกลับกลายเป็นใบหน้าที่ดูไร้อารมณ์ เส้นผมที่แต่เดิมเคยเป็นสีดำจู่ ๆ ก็กลายเป็นสีขาวในชั่วข้ามคืน ไหนจะยังคราบเลือดที่เลอะใบหน้าไปกว่าครึ่งนั่นอีก...และสิ่งสุดท้ายที่เด่นชัดที่สุด
ทำไมตาของผมถึงกลายเป็นดวงตาของแมวตัวนั้นไปได้
“เชี่ยไรวะเนี่ย”
ผมสบถออกมา กระนั้นเงาในกระจกก็ยังคงมีสีหน้าที่เย็นชา
ส่วนหนึ่งในใจของผมยังมีความรู้สึกตกใจอยู่บ้าง ทว่าส่วนที่เหลือกลับไม่แปลกใจเลยสักนิด ราวกับว่าผมเป็นแมวตัวนั้น แมวสีขาวที่แม่รับมาเลี้ยงและมันก็เบื่อหน่ายกับเรื่องอะไรแบบนี้
แมวตัวนั้นเองก็ไม่เคยแสดงอารมณ์อะไรออกมาเหมือนกัน ทุก ๆ วันมันทำแค่มองหน้าพวกเรานิ่ง ๆ ถ้าหิวก็แค่ร้องออกมาว่า
“เมี้ยว!”
รูม่านตาทรงรีหดลงเล็กน้อย มีเสียงเล็กแหลมของสิ่งมีชีวิตสี่ขาเพิ่งจะออกมาจากปากของผม!
ขณะเดียวกันเสียงไซเรนก็ดังขึ้นที่หน้าบ้าน
“ฉิบหายแล้วไง” ผมตัดสินใจหนีออกทางประตูหลังบ้าน น่าแปลกที่คนร่างกายไม่ยืดหยุ่นแบบผมสามารถแทรกตัวออกมาจากซี่กรงรั้วได้อย่างง่ายดาย ถึงจะแปลกใจแต่ผมไม่มีเวลาให้คิดเยอะ ตอนนี้เรื่องทุกอย่างมันตีกันวุ่นวายไปหมด ทั้งเรื่องครอบครัวถูกฆาตกรรม เรื่องที่แมวหาย เรื่องที่ผมตายแล้วฟื้น แล้วยังเรื่องที่ผมเหมือนจะกลายเป็นแมวอีก!
ทันทีที่เท้าก้าวออกจากเขตบ้าน ผมก็วิ่งหนีออกมาอย่างรวดเร็ว มีตำรวจบางคนเห็นเงาของผมก็เลยส่องไฟใส่แล้วตามมาด้วย ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ตามความเร็วของผมไม่ทัน
วันต่อมามีภาพใบหน้าของผมออกข่าวบนโทรทัศน์ ผู้ประกาศข่าวพูดเหมือนกันทุกช่องว่าพบลายนิ้วมือของผมบนศพพวกนั้น
ผมสวมผ้าปิดปากและแว่นตากันแดดที่ผมไปคุ้ยมาจากขยะเพื่อปิดบังใบหน้า แต่ใส่ได้แป๊บเดียวผมก็ต้องโยนมันทิ้งไป เพราะกลิ่นของมันเกินจะทนไหว อีกอย่างคือผมกลัวติดโรคจากเจ้าของเก่า
เฮ้อ แม่ง...
วันนั้นผมใช้ชีวิตอย่างกับคนเร่ร่อน ไม่สิ ต้องเรียกว่าแมวเร่ร่อน คุ้ยขยะหาของกิน ขโมยอาหารจากคนที่ไม่ระวังตัว ไปแอบหลบฝนอยู่ข้างร้านขายของชำก่อนจะถูกเจ้าของร้านไล่ตะเพิดออกมา
สัญชาติญาณสั่งให้ผมขู่เขาออกไป ฟันเขี้ยวที่งอกยาวกว่าปกติปรากฏออกมา เจ้าของร้านชะงักไปเล็กน้อย ก่อนได้สติแล้วจึงตวาดไล่ผมอีกครั้ง
ผมวิ่งตากฝนไปพร้อมกับความหิวโหย วิ่งอยู่แบบนั้นท่ามกลางความหนาวเหน็บ จนในที่สุดผมก็เจอที่กำบังใหม่ ใต้สะพานลอยมีกลุ่มคนที่ดูเหมือนจะเป็นประเภทเดียวกับผมด้วย
ทั้งผู้ชาย ผู้หญิง คนแก่และเด็ก คนพวกนั้นเนื้อตัวมอมแมม ผมยุ่ง ร่างกายผอมโซและดูโทรมมากกว่าผม คาดว่าคงจะอยู่อย่างเร่ร่อนมาหลายวันต่างจากผมที่เพิ่งมีประสบการณ์เป็นวันแรก
บรรยากาศใต้สะพานลอยเย็นเยียบ พวกนั้นมองผมนิ่ง ๆ สายฝนรอบนอกกระหน่ำตกลงมาห่าใหญ่ เม็ดฝนที่ตกกระทบพื้นคอนกรีตส่งเสียงดังกลบทุกเสียงในนี้คล้ายกำลังบอกว่าไม่ว่าที่นี่จะเกิดอะไรขึ้น คนที่อยู่ด้านนอกจะไม่มีทางได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือแน่นอน
ดวงตาไม่เป็นมิตรจ้องมองมายังผมอย่างหิวกระหาย กลุ่มผู้ชายคว้าแท่งเหล็กที่เต็มไปด้วยสนิมมาไว้ในมือก่อนจะพุ่งเข้ามาใส่ผม
เมื่อเห็นดังนั้นผมก็หันหลังเตรียมหนีทันที ทว่าหนึ่งในพวกมันดักทางของผมเอาไว้แล้ว ผู้ชายตัวสูงกลิ่นตัวเหม็นหึ่งจับล็อกตัวและเอามือสกปรกมาปิดปาก ส่วนผมที่เป็นเพียงแมวตัวเล็กก็ไม่อาจสู้แรงคนที่ตัวใหญ่กว่าได้
ในที่สุดแท่งเหล็กขึ้นสนิมพวกนั้นก็ทะลวงผ่านร่างของผม ทะลุจากหลังและเสียดขึ้นมาที่หัวใจ เหล็กยาวถูกชโลมด้วยเลือดสีแดงสด กลิ่นคาวของโลหิตทำให้ผมเวียนหัว พวกมันทั้งแทง ทั้งกรีด ทั้งกัดและรุมทึ้งร่างของผม ไม่รู้ว่าควรเจ็บตรงไหนก่อนเพราะเหมือนความเจ็บมันรุมกระหน่ำมาทุกทิศทาง กระทั่งขั้วปอดถูกตัดขาดและสมองไม่ได้รับออกซิเจน สติของผมก็หลุดหายไป
ผมลืมตาขึ้นอีกครั้งพร้อมกับการสูดลมหายใจเฮือกเหมือนกับตอนที่ผมฟื้นขึ้นมาในห้องตัวเอง แต่ครั้งนี้มันต่างกันตรงที่ผมฟื้นขึ้นมาใต้สะพานลอย ผมยังคงอยู่ตรงจุดเดิมที่ผมถูกแทง รอบตัวมีกลุ่มคนจรจัดที่เพิ่งรุมกินเนื้อของผม ทว่าคนพวกนั้นไม่มีชีวิตอีกแล้ว...
พวกมันนอนอยู่รอบตัวของผม ไม่ใช่ท่านอนของคนที่เพิ่งกินอิ่ม แต่เป็นท่านอนของคนที่เพิ่งกินจนท้องแตกตาย หน้าท้องถูกระเบิดออก เศษเครื่องในกระจัดกระจายไปทั่ว กลิ่นสนิมใต้สะพานลอยคละคลุ้งยิ่งกว่าเดิม
ผมมองศพพวกนั้นนิ่ง ๆ ดูเหมือนพอยิ่งตายผมจะยิ่งไร้อารมณ์ กระนั้นผมก็ยังคงมีความรู้สึก แต่ว่าเป็นความรู้สึกหิวนะ
ผมหยิบเนื้อสีเข้มชิ้นหนึ่งขึ้นมา ดูจากสีที่เข้มกว่าอวัยวะอื่นน่าจะเป็นตับ ยิ่งมองก็ยิ่งน้ำลายแตก ผมอ้าปากและกัดเพื่อลิ้มลองรสชาติ ความหวานแผ่ซ่านจากปลายลิ้นก่อนแตกกระจายไปทั่วทั้งปาก แล้วจากนั้นผมก็กินมันต่ออย่างรวดเร็ว ตับชิ้นโตหมดลงภายในไม่ถึงนาที
ผมกินอวัยวะของคนพวกนั้นต่อจนเต็มท้อง พุงที่ไม่เคยมีนูนขึ้นเล็กน้อย คราบเลือดสีน้ำเข้มแห้งติดบนมือ เดาว่าที่หน้าก็คงเปื้อนเหมือนกัน ผมหันหน้าออกไปมองสายฝนที่ยังคงกระหน่ำลงมา ฝนตกหนักขนาดนี้คงไม่มีใครผ่านมาที่นี่อีกสักพัก หรือถ้ามีก็คงไม่เหยียบเข้ามาในที่ที่เหม็นขนาดนี้หรอก
ผมมองเม็ดฝนแล้วถอนหายใจ ให้ตายสิ ไม่ชอบฝนเลย ไม่อยากเปียกเลยสักนิด แต่สภาพของผมตอนนี้โชกเลือดมาก มันคงไม่เป็นการดีหากเดินออกไปในสภาพที่เหมือนกับซอมบี้
สายฝนชะล้างคราบเลือดออกไปอย่างง่ายดาย แม้บางส่วนที่แห้งจะต้องขัดแรงหน่อยก็ตาม...
บ่ายวันนี้ผมอิ่มมาก ตอนเย็นคงไม่ต้องกินอะไร
ผมหันไปมองกองศพก่อนคิดถึงข่าวใหญ่ที่จะออกโทรทัศน์วันพรุ่งนี้
“เฮ้อ”
ทีแรกว่าจะรอจนฝนหยุดตกก่อน แต่ช่างมันแล้วกัน หนีก่อนดีกว่า ที่นี่ตอนนี้มีดีเอ็นเอของผมเต็มไปหมด
พอดวงอาทิตย์เริ่มตกอากาศก็เย็นขึ้น ผมขโมยเสื้อฮู้ดสีเทามาจากร้านขายเสื้อผ้าร้านหนึ่ง เนื่องจากมีลูกค้าเยอะเกินไป เจ้าของร้านจึงไม่เห็นว่าผมแอบฉกเสื้อมา กระนั้นการ์ดตัวโตก็มีสายตาที่เฉียบคมพอตัว
เขาวิ่งตามผม วิ่งไกลออกมาจากร้านประมาณแปดร้อยเมตรและยังคงวิ่งต่อไป เมื่อเขาเห็นว่าผมไม่ยอมหยุด เขาจึงควักปืนออกมาแล้วยิงไปที่ขาของผม
ปัง!
เสียงปืนดังสนั่นแบบเดียวกับตอนที่ผมถูกยิงครั้งแรก ผมคิดว่าเขาน่าจะยังปรานีผมอยู่ก็เลยไม่ได้เล็งที่หัว
อย่างไรก็ตามประสบการณ์ประหลาดที่ผ่านมาทำให้ผมรู้ว่าผมแค่ตายแล้วฟื้นได้ แต่ไม่สามารถฟื้นฟูร่างกายตัวเองได้แบบตัวละครในภาพยนตร์ที่มีฮีลลิ่งแฟกเตอร์อะไรนั่น
ขาที่บาดเจ็บก้าวย่างอย่างยากลำบาก ความเร็วของผมลดลงจนในที่สุดชายคนนั้นก็ตามทัน เขาคว้าชายเสื้อของผมได้ ร่างกายของผมพลันเบาหวิวเมื่ออยู่ในเงื้อมือของการ์ดคนนั้น เขายกตัวผมขึ้นก่อนทุ่มลงพื้นอย่างแรง
กร๊อบ!
เป็นเสียงกระดูกหัก ผมไม่แน่ใจว่าซี่ไหน แต่ถ้าให้เดาจากความเจ็บก็น่าจะเป็นซี่โครงซี่ที่ห้าล่ะมั้ง และดูเหมือนว่ามันจะแทงปอดของผมด้วยเพราะตอนนี้ผมเริ่มหายใจไม่ได้แล้ว ความรู้สึกอย่างกับน้ำท่วมปอด ผมเคยดูคลิปวิดีโอการเจาะปอดด้วย ผู้ป่วยในคลิปมีอาการที่เรียกว่าฮีโมทอแรกซ์ หรือชื่อภาษาไทยก็คือภาวะเลือดออกในเยื่อหุ้มปอด อาการก็ตามชื่อเลยมีเลือดออกในช่องเยื่อหุ้มปอด ทางรักษาเดียวคือต้องเจาะระบายเลือดออก
อย่างไรก็ตามชายคนนั้นไม่ใช่หมอเพราะงั้นเขาคงไม่รู้วิธีเจาะปอดหรอก...
เลือดที่ขาไหลออกมาเจิ่งนอง ขณะเดียวกันภายในที่ได้รับบาดเจ็บก็มีเลือดคั่งมาดันปอดทำให้ระบบหายใจของผมติดขัด ผมยกมือข้างหนึ่งขึ้นพร้อมขยับปากพูดอย่างยากลำบาก “ชะ...ช่วยด้วย”
ชายคนนั้นมองผมอย่างเวทนา เขาถอนหายใจก่อนจะคุกเข่าลง ทีแรกผมคิดว่าเขาน่าจะหยิบเสื้อในมือกลับไปที่ร้าน แต่เปล่าเลย เขาเก็บปืนแล้วเลื่อนมือทั้งสองข้างมาที่ลำคอผม
“ฉันช่วยได้เท่านี้” เขาพูดพลางมองผมอย่างสงสาร
ผมเพียงคิดในใจ ถ้าจะช่วยจริง ๆ ทำไมเขาถึงไม่พาผมไปส่งโรงพยาบาล แล้วเมื่อกำลังคิดต่อว่าทำไมเขาถึงต้องฆ่าผม เสียงกระดูกหักครั้งที่สองก็ดังออกมาจากลำคอ
เช้าวันต่อมาผมฟื้นขึ้นตรงจุดเดิม เสื้อกันหนาวแขนยาวมีฮู้ดคลุมตัวของผมอยู่ สีเทาของเนื้อผ้าเลอะคราบเลือดทำให้บางจุดกลายเป็นสีน้ำตาล ผมถอนหายใจ ก่อนสะบัดสักหน่อยแล้วสวมมัน
พอดีจนน่าตกใจ
จากนั้นกระเพาะที่ว่างเปล่ามาตั้งแต่บ่ายเมื่อวานก็ส่งเสียงร้อง ผมเดินเลียบไปตามถนน มีทั้งคนที่รังเกียจและโยนขวดน้ำใส่ผม คนที่ใจดีแบ่งอาหารให้ เธอคนนั้นยื่นปลาทูให้ผมหนึ่งตัว กระนั้นผมที่เพิ่งผ่านโลกอันโหดร้ายมาก็ยังไม่กล้ารับ เธอยิ้มให้ก่อนจะฉีกมันเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วใส่มันลงในถาดก่อนจะผละออกไป ผู้หญิงคนนั้นชะเง้อมองผมที่กำลังกินอย่างเอร็ดอร่อยจากที่ไกล ๆ
มันอร่อยมาก ไม่น่าเชื่อเลยว่าปลาทูทอดธรรมดาจะอร่อยขนาดนี้ ผมกินจนหมดและเลียเศษปลาที่ติดอยู่บนนิ้วมือ ก่อนชำเลืองมองเธอคนนั้นที่ยังไม่ไปไหน เธอยิ้มแล้วทำท่าเหมือนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูป พอเห็นแบบนั้นผมก็เลยวิ่งหนีออกมาและไม่หันกลับไปมอง
เธอจะถ่ายรูปของผมแล้วเอาไปแจ้งตำรวจหรือเปล่า? ผมไม่รู้ ที่รู้คือตัวเองต้องหนีอีกแล้ว
“เดี๋ยว!”
เธอตะโกนเรียกผม แต่ผมไม่หยุด ป่านนี้เรื่องเมื่อวานคงจะออกข่าวไปทั่วเมืองแล้ว ผมไม่หยุดหรอก เพราะถ้าหยุดผมก็โดนจับน่ะสิ!
ตู้ม!
สารภาพตามตรงเลยว่าผมมัวแต่วิ่งก็เลยไม่ได้มองทาง รถบรรทุกคันใหญ่วิ่งมาด้วยความเร็วสูงปะทะร่างกายบอบบางของผมจนแหลกละเอียด ศพของผมต้องเละมากแน่ ๆ
หลังจากที่ภาพตัดไปอีกครั้งผมก็ไม่รู้สึกอะไรอีกเลย กระทั่งฟื้นขึ้นในวันถัดมาแล้วเห็นสเปรย์สีขาวที่ฉีดพ่นบนถนน อาณาเขตที่ถูกวาดดูกว้างและมีรูปร่างแปลกประหลาดคล้ายเอเลี่ยนที่มาจากนอกโลก
นี่ชิ้นส่วนของตัวผมมันกระจัดกระจายกันขนาดนี้เลยหรือ
ผมมองท้องถนนที่ถูกกั้นไม่ให้รถผ่านแล้วถอนหายใจ ผมเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้มันเป็นแบบนี้เสียหน่อย
โครก...
อ่า...ต้องหาอะไรรองท้องอีกแล้วสินะ เมื่อวานกินไปแค่ครั้งเดียวเอง
ผมเริ่มออกเดินทางอีกครั้ง ชีวิตวนเวียนอยู่แบบนั้น หาอาหาร กิน และตาย วนลูปอยู่แบบนั้น ส่วนวิธีการตายก็แตกต่างกันออกไป มีทั้งถูกขวานตัดแขนก่อนเอาขวานเล่มเดิมมาจามที่หัว ติดกับดักที่มีคนเอามาวางไว้ก็มี หรือถูกจับโยนให้สุนัขรุมทึ้ง...ให้ตายเถอะ โคตรทรมานเลย
รู้อะไรไหม ภาพตอนที่ตัวเองตายแต่ละครั้งน่ะ ผมจำมันได้ดีเลย ถ้าให้นับล่ะก็ ตั้งแต่ตอนที่ผมตายเป็นครั้งแรก ครั้งนี้จะเป็นครั้งที่แปดของผม
ผมมองคุณลุงที่กำลังลับมีดอยู่ข้าง ๆ มีดปังตอเล่มใหญ่ถูกลับจนคมกริบเพื่อให้พร้อมหั่นเนื้อของผม ข้าง ๆ มีหม้อต้มขนาดใหญ่ที่ส่งกลิ่นสมุนไพรสำหรับดับคาวลอยออกมา
ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงน่ะหรือ? อ่า...เรื่องนั้นเป็นเพราะความโง่และความหิวโซของผมเอง ลุงคนนั้นภายนอกดูเป็นดีอย่างน่าประหลาด ที่สำคัญใบหน้ายิ้มแย้มของเขาก็ทำให้ผมหลงคิดว่าเขาเป็นคนใจดีที่ต้องการแบ่งอาหารให้
อาหารที่ให้มาพอกินคำแรกมันก็อร่อยอยู่หรอก แต่พอเริ่มกินคำที่สามและสี่ผมก็รับรู้รสชาติอะไรไม่ได้อีก พอรู้สึกตัวอีกทีก็มาอยู่บนเขียงแล้ว จะขยับตัวก็ไม่ได้เพราะเรี่ยวแรงมันเหมือนถูกสูบออกไปจนหมด ไม่รู้ว่าเลยเขาผสมยาอะไรลงไปในอาหารบ้าง...
อ่า...เขาถือมีดมาแล้ว
ไว้เจอกันในชีวิตที่เก้านะครับ ตอนนี้ผมต้องไปแล้ว
ปัก!
เชิงอรรถ