วันที่ท้องฟ้าสดใส แสงแดดอบอุ่น สายลมเย็นพัดเอื่อยๆ 'ยู' รู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่าตอนกลางแจ้ง เมื่อเจ้าตัวดันล่วงรู้ความลับของ 'คีธ' เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่อยู่ด้วยกันมาทั้งชีวิตว่า เขาไม่ใช่เบต้าธรรมดา

Keith's Love ความลับของทาสแมว | Omegaverse - ตอนที่ 6 เป็นเพราะฝน โดย Ambersweet_XIX @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,แฟนตาซี,โอเมกาเวิร์ส,ชาย-ชาย,วัยว้าวุ่น,นายเอกท้องได้,พระเอกธงเขียว,พระเอกคลั่งรัก,พระเอกซึนเดเระ,รักวัยรุ่น,romantic,slice of life,ชายรักชาย,Feel good,แมว,เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ,เพื่อนสนิท,BL,Boy Love,โอเมก้าเวิร์ส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Keith's Love ความลับของทาสแมว | Omegaverse

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,แฟนตาซี,โอเมกาเวิร์ส,ชาย-ชาย,วัยว้าวุ่น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

นายเอกท้องได้,พระเอกธงเขียว,พระเอกคลั่งรัก,พระเอกซึนเดเระ,รักวัยรุ่น,romantic,slice of life,ชายรักชาย,Feel good,แมว,เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ,เพื่อนสนิท,BL,Boy Love,โอเมก้าเวิร์ส

รายละเอียด

Keith's Love ความลับของทาสแมว | Omegaverse โดย Ambersweet_XIX @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

วันที่ท้องฟ้าสดใส แสงแดดอบอุ่น สายลมเย็นพัดเอื่อยๆ 'ยู' รู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่าตอนกลางแจ้ง เมื่อเจ้าตัวดันล่วงรู้ความลับของ 'คีธ' เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่อยู่ด้วยกันมาทั้งชีวิตว่า เขาไม่ใช่เบต้าธรรมดา

ผู้แต่ง

Ambersweet_XIX

เรื่องย่อ

Keith's Love ความลับของทาสแมว

Keith x You

คีธ x ยู

 

'ยู' เป็นนักวิจัยที่ใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่ในเขตชนบท หลังจากเรียนจบชีวิตของเขาราบรื่นเป็นพิเศษ

 

เขาโชคดีถึงขั้นได้ทุนไปเรียนต่อปริญญาเอกตามที่ใฝ่ฝันไว้อีกด้วย และแล้วจังหวะชีวิตของเขาก็สะดุด

 

เพราะ 'คีธ' เพื่อนสนิทที่อยู่ด้วยกันมาเกือบ 10 ปี เปิดเผยความลับที่ว่าแท้จริงแล้ว 'คีธเป็นแมว' ออกมาได้อย่างหน้าตาเฉย 

 

ถึงยูจะไม่เคยเลี้ยงแมวมาก่อน แต่เขามั่นใจว่าตัวเองเป็นทาสแมวตัวยง

 

แสดงว่าหลังจากนี้... เขาก็จะได้เลี้ยงแมวสมใจแล้วน่ะสิ (?)

 

 

 


 

พูดคุยก่อนอ่าน 

 

นิยายเรื่องนี้อยู่ในจักรวาลของเซต #ความลับตระกูลครอสโซ่ โดยแบ่งเป็นเรื่องราวของพี่น้องตระกูลครอสโซ่

 

เริ่มต้นด้วยเรื่อง #ความลับของทาสแมว ที่มีพระเอกอย่าง 'คีธ' น้องชายคนเล็กของบรรดาพี่น้องในตระกูล ที่หนีวังมาใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์กับเพื่อนสนิทถึงชนบทอันห่างไกล

 

แน่นอนว่า สามารถอ่านแยกกันได้โดยไร้ปัญหาค่ะ (ღ´◡`ღ)

 

อนึ่งนิยายที่ลงในเว็บยังไม่ผ่านการจัดหน้าและพิสูจน์อักษรนะคะ ถ้าเปิดขาย E-Book แล้วจะดำเนินการทำรูปเล่มให้เรียบร้อยแน่นอนค่ะ

 

.

.

.

 

ติดตามข่าวสาร หรือพูดคุยกันได้ทาง...

 

แฮชแท็กทวิตเตอร์ #ความลับของทาสแมว

Writer : Ambersweet_XIX

Artist : buttér 

(นักเขียนมือใหม่+นักวาดมือใหม่ จับมือกันเดบิวต์ผลงานชิ้นแรก ขอบคุณคุณบัตเตอร์มาก ๆ ที่วาดภาพปกสุดแสนน่ารักออกมานะคะ)

Typography : ณะเอย

(ขอบคุณเพื่อนที่ทำไทโปให้ตามบรีฟเลย ซาบซึ้งใจมากๆ)

.

.

.

 

E N J O Y   R E A D I N G

 

;)

 

A m b e r s w e e t _ X I X

 

สารบัญ

Keith's Love ความลับของทาสแมว | Omegaverse-คุยกันก่อนอ่าน ข้อมูล Setting ใน #ความลับของทาสแมว,Keith's Love ความลับของทาสแมว | Omegaverse-บทนำ ความลับ,Keith's Love ความลับของทาสแมว | Omegaverse-ตอนที่ 1 ความลับเพียงเอื้อมมือ,Keith's Love ความลับของทาสแมว | Omegaverse-ตอนที่ 2 ใกล้ชิดอีกนิด,Keith's Love ความลับของทาสแมว | Omegaverse-ตอนที่ 3 ทำไมถึงหวานขนาดนั้น?,Keith's Love ความลับของทาสแมว | Omegaverse-ตอนที่ 4 ทีใครทีมัน,Keith's Love ความลับของทาสแมว | Omegaverse-ตอนที่ 5 ขมปนหวาน,Keith's Love ความลับของทาสแมว | Omegaverse-ตอนที่ 6 เป็นเพราะฝน,Keith's Love ความลับของทาสแมว | Omegaverse-ตอนที่ 7 ฟ้าหลังฝนเป็นสีเทาเสมอ,Keith's Love ความลับของทาสแมว | Omegaverse-ตอนที่ 8 แววตาที่ไม่เคยเปลี่ยน

เนื้อหา

ตอนที่ 6 เป็นเพราะฝน

Trigger Warning

Kidnapping - การถูกลักพาตัว /Terrorism - การก่อการร้าย

/Hostages - การจับเป็นตัวประกัน /Blood - มีเลือด /Corpse - มีศพ

 

E N J O Y R E A D I N G

 

;)

 

-----------------------------------------------------

หลายวันมานี้สมาชิกในบ้านที่มีเพียงคนสองคนแยกกันอยู่คนละมุม พวกเขาทำตัวราวกับไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ต่างคนต่าง ‘ยุ่งมาก’ จนไม่มีเวลามาสนใจอีกฝ่าย

 

ยูกำลังกู้ชีพให้เหล่าต้นอ่อนที่เสียหายจากแรงอารมณ์ของคีธ ส่วนคีธก็นั่งอ่านหนังสือตรงโซฟาโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่า หนังสือเล่มนั้นเปิดค้างอยู่หน้าเดิมมานานแค่ไหนแล้ว

 

ท้องฟ้าที่ควรสดใสกลายเป็นสีเทา เมื่อดวงอาทิตย์เพียงหนึ่งเดียวในจักรวาลนี้หลบเร้นอยู่หลังเมฆหนา

 

เวลานี้แดดร่มลมตก ยูได้กลิ่นไอดินอันเข้มข้นที่ลอยมาตามกระแสลม เขาก้มหน้าก้มตาเร่งมือเก็บกวาดสวนหน้าบ้าน เงยหน้ามาอีกทีเมฆฝนก็เริ่มตั้งเค้าแล้ว เขาล้างมือให้สะอาดแล้ววิ่งเข้าบ้านไปทันที

 

“คีธ” สอดส่องสายตาหาจนทั่วก็พบว่าที่ห้องนั่งเล่นไม่มีคนอยู่ เสียงฟ้าร้องดังครืนๆ เป็นสัญญาณให้เขาปิดประตูบ้านและปิดหน้าต่างทุกบานให้เรียบร้อย เปิดไฟทั้งบ้านให้สว่างสดใส เปิดฮีตเตอร์ขับไล่ไอเย็นที่มากับสายฝนออกไปนอกอาณาเขต

 

ชายหนุ่มสาวเท้าเดินขึ้นบันไดไปเรื่อยๆ ที่ชั้นสองของบ้านแยกออกเป็นฝั่งห้องนอนของเขาและห้องทดลองเล็กๆ อีกฝั่งคือห้องนอนของคีธ และห้องหนังสือที่มีแต่ตำราอาหารที่คีธสะสมเอาไว้

 

ยูเดินไปหยุดอยู่หน้าห้องนอนของคีธอย่างไม่ลังเล ยังไม่ทันเคาะเรียก ประตูห้องที่ปิดไม่สนิทก็ถูกลมพัดจนแง้มออกมา

 

“ฝนตกแล้ว ทำไมไม่ปิดหน้าต่างล่ะ” ภายในห้องมีชายหนุ่มคนหนึ่งส่งยิ้มบางๆ ให้เขา เพียงแต่รอยยิ้มนั้นดูฝืดเฝื่อนอยู่บ้าง ชายคนนั้นนั่งอยู่ริมหน้าต่างในห้องนอน สายตาทอดมองไปที่ยอดไม้ที่โยกไหวไปมา มองผ่านไปยังอดีตอันไกลโพ้น

 

“อืม ฝนตกแล้วจริง ๆ ด้วย”

 

เส้นผมบางเส้นของคีธปลิวกระจายไปตามแรงลม ยูเดินเข้ามาใกล้จึงเห็นว่าใบหน้าของคีธขาวซีด เขาปิดหน้าต่าง เดินไปค้นผ้าคลุมหนานุ่มออกมาได้จากตู้เสื้อผ้า นำมาคลุมไหล่ให้อย่างเอาใจใส่ ยูลูบผมของคีธและจัดทรงให้อย่างดี ใช้ฝ่ามืออุ่นร้อนประคองใบหน้าของคีธเอาไว้ กระชับสัมผัสเข้าที่แก้มนิ่ม ตั้งใจถ่ายทอดไออุ่นให้สีหน้าของคีธกลับมาเป็นปกติ

 

“ขอบคุณนะ” เสียงของคีธแผ่วเบาจนเขาแทบไม่ได้ยิน แต่เขาก็รับรู้ได้ถึงความหนักแน่นของคำขอบคุณนั้น

 

ทุกครั้งที่ฝนตก คีธไม่เคยอยู่คนเดียวเลยสักครั้ง มันเป็นเพราะความหวาดกลัว เขาเคยได้ยินเพื่อนสมัยเด็กของคีธเล่าให้ฟังว่า คีธกลัวฟ้ากลัวฝนมาตั้งแต่เด็กแล้ว

 

ฝ่ามืออุ่นร้อนแนบบริเวณหน้าผาก เลื่อนมาปิดตาทั้งสองข้างเอาไว้ “เลิกนั่งตรงนี้เถอะ ฝนตกแล้วน่านอนจะตาย ถ้ากลัวก็อย่ามองมันอีกเลย ไปนอนกลางวันกันดีกว่า”

 

คีธดึงมือของยูออกมาจับเอาไว้ เขาไม่ได้กลัวฝนเสียทีเดียว ไม่ได้กลัวเสียงอันน่ากลัวของฟ้าร้อง ไม่ได้กลัวความหนาวเสียดกระดูกของน้ำฝน ไม่ได้กลัวว่าท้องฟ้ากันห่างไกลจะถล่มลงมา แต่เขากลัวว่าตัวเองจะเหลืออยู่ตัวคนเดียว คีธเห็นความกังวลบนใบหน้าของเพื่อนสนิท เลยเล่าเรื่องในอดีตให้อีกฝ่ายฟัง “สมัยยังเป็นเด็กประถม ฉันเคยมีลูกพี่ลูกน้องที่สนิทกันมากอยู่สองคน พวกเราเรียนโรงเรียนเดียวกัน ไปไหนมาไหนด้วยกันอยู่ตลอด แม้กระทั่งตอนที่ถูกลักพาตัวไปเรียกค่าไถ่ พวกเราก็ยังถูกพาไปด้วยกัน”

 

“ตระกูลครอสโซ่แข็งกร้าว ไม่ยอมให้คนร้ายมาข่มขู่กันง่ายๆ พยายามที่จะช่วยพวกเราออกมาด้วยวิธีที่เด็ดขาดรัดกุมที่สุด สุดท้ายคนร้ายถูกบีบทุกวิถีทาง มันรู้ว่าไม่ว่ายังไงก็ต้องแพ้ แถมยังไม่สามารถหาประโยชน์อะไรจากเด็กอย่างพวกเราได้แล้ว เลยตัดสินใจทำให้ฝ่ายตรงข้ามเสียหายหนักที่สุด”

 

“คืนนั้นฝนตกหนักมาก มันขับรถพาพวกเราหนีไปจนสุดทาง สุดท้ายก็…แก้แค้น” ปลายเสียงถูกเค้นออกมาจากในลำคอ

 

“มันบอกพวกเราว่า สุดท้ายไม่ว่ายังไงครอสโซ่ก็ต้องเสียใจที่ทำแบบนี้ มันขับรถพุ่งลงเหวพาพวกเราไปตายด้วยกันทั้งหมด” ฝ่ามือของยูถูกบีบแน่นขึ้นตามจังหวะการเล่าเรื่อง แต่เขาไม่ได้ถูกบีบจนเจ็บ เขารู้ดีว่าคีธแค่อยากหาที่ยึดเอาไว้เท่านั้น

 

“ฉันรอดมาได้ เพราะสายเลือดของตระกูลครอสโซ่สืบทอดความสามารถที่พิเศษที่สุดของแมว ว่ากันว่าแมวมีอยู่เก้าชีวิต แต่พอมาเป็นคนแล้วก็มีโอกาสรอดจากความตายที่เกิดจากอุบัติหรือเหตุสุดวิสัยเพียงครั้งเดียวเท่านั้น” 

 

“และโอกาสนั้นก็เป็นของฉัน” สายตาอันว่างเปล่าของผู้เล่าทอดมองสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาจากนอกหน้าต่าง เสียงของคีธนิ่งเรียบ มั่นคง ราวกับเล่าไปอย่างนั้นเอง “ที่นั่นมืดมิด เปลี่ยวร้าง ตอนนั้นฝนหยุดตกไปนานแล้ว แต่กลิ่นเลือดและเครื่องยนต์ก็ยังคงชัดติดจมูก ฉันติดอยู่ใต้ซากรถ นอนมองพี่น้องที่เติบโตขึ้นมาด้วยกันอยู่นานกว่าจะมีคนมาช่วยออกไป”

 

ตอนนั้นเขาเด็กเกินกว่าจะเข้าใจว่าความตายคืออะไร รู้เพียงแค่ว่า การที่ร่างของคนใกล้ชิดเต็มไปด้วยสีแดงฉาน นอนแน่นิ่งไม่ไหวติง เรียกขานไม่ตอบรับ รอบตัวมีแค่ความเงียบ และเสียงหวีดหวิวของสายลม มันช่างน่ากลัวเหลือเกิน

 

ชายหนุ่มละสายตาจากนอกหน้าต่าง หันกลับมาสบตาคนข้างกาย จ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่ไม่เคยละสายตาไปจากเขาเลย “หลังจากโตขึ้น ฉันถามตัวเองในใจว่า ถ้าฉันไม่ใช่คนตระกูลครอสโซ่ พวกเขาจะต้องมาเจอเรื่องราวแบบนี้หรือเปล่า”

 

ความเงียบชั่วอึดใจเป็นตัวกลางส่งผ่านความรวดร้าวในใจของคีธ ยูมองเห็นความเจ็บช้ำในแววตานั้น เขานิ่งเงียบรอฟังประโยคถัดไป

 

“นายว่าที่ฉันรอดมาได้ มันเห็นแก่ตัวมากใช่ไหม” น้ำตาหยดหนึ่งของคีธไหลรินลงมา หยดซึมลงไปในหัวใจของคนฟัง ยูรู้มาโดยตลอดว่าคีธกลัวเวลาฝนตก แต่เพิ่งรู้วันนี้เองว่าต้นเหตุมาจากเรื่องน่าเศร้าในวัยเด็กของคีธ

 

ยูมองสีหน้าเรียบเฉยของคีธแล้วรู้สึกว่าหัวใจตนเองบีบรัด เขาไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดี ทำได้แค่โน้มตัวคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ให้ซุกเข้ามาในอ้อมอกของตนเอง ลูบศีรษะของเพื่อนเบา ๆ

 

“ฉันไม่มีสิทธิ์ที่จะตอบคำถามนี้หรอก มีแต่นายเท่านั้นที่รู้คำตอบดีอยู่แล้ว”

 

“อืม หลังจากนั้นฉันก็ไม่ได้สนิทสนมกับใครเท่าไร คอยอยู่กับเพื่อนกลุ่มเดิมๆ ไม่อยากทำความรู้จักคนใหม่ ไม่กล้าดึงใครเข้ามาในโลกที่น่ากลัวของฉัน จนกระทั่งตอนนั้นที่ได้มาเจอนายที่เพิ่งย้ายมาใหม่”

 

“เจอกับฉันงั้นเหรอ จะเรียกอย่างนั้นได้ยังไง ในเมื่อตอนมัธยมเราแทบจะไม่เคยคุยกันเลย” ยูเอ่ยเย้าทำลายบรรยากาศอันหนักอึ้งให้สลายไป นึกถึงเด็กหนุ่มขี้เก๊กในความทรงจำ ที่มองเมินเขาตอนทำงานกลุ่มร่วมกันแล้วก็อดยิ้มไม่ได้

 

“เคยอยู่ครั้งหนึ่งนะ ลองคิดดีๆ สิ ตอนนั้นฝนก็ตกหนักแบบนี้” คีธกอดเอวยูเอาไว้หลวมๆ ถูไถใบหน้าลงไปที่บริเวณหน้าท้องของยู สูดกลิ่นฟีโรโมนหอมเย็นของโอเมก้าตรงหน้าเข้าไปสุดลมหายใจ ไออุ่นในอ้อมกอดบอกกับเขาว่า บางทีทุกครั้งที่ฝนตกต่อจากนี้ เขาจะค่อย ๆ ดีขึ้น เหมือนกับครั้งนั้นตอนที่เขาได้พบกับยูเป็นครั้งแรก

 

วันแรกของการเปิดเรียน ตอนนั้นพวกเขาอยู่ชั้นมัธยมปลายปีหนึ่ง หลังจากคุณครูที่ปรึกษาแนะนำสิ่งต่าง ๆ เสร็จแล้ว เวลาทั้งวันที่เหลือก็เป็นคาบว่างทั้งหมด ทุกครั้งที่เปิดเรียนเทอมแรกจะเป็นเช่นนี้เสมอ เพื่อปล่อยให้นักเรียนได้ทำความรู้จักกันเอง

 

ตอนเช้าวันนั้นมีแสงแดด ถือว่าเป็นวันที่สดใสวันหนึ่ง คีธไม่ได้สนใจพวกคนหน้าเก่าที่เห็นจนเบื่อมานานแล้ว เขาออกจากห้องเรียน เปลี่ยนร่างเป็นแมวน้อยตัวสีเทา เดินเตร่ไปทั่วโรงเรียนเพื่อสัมผัสบรรยากาศแห่งการเริ่มต้นชีวิตในระดับชั้นมัธยมปลาย

 

หลังจากเดินจนเหนื่อยมาครึ่งวัน เจ้าตัวน้อยก็นอนพักหลบแดดจ้าอยู่บนโต๊ะม้าหินอ่อนใต้ต้นไม้ใหญ่ พอรู้สึกตัวอีกทีก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งมานั่งอ่านหนังสืออยู่ข้าง ๆ เขาตั้งใจจะกระโดดลงไปจากโต๊ะ แต่มีเสียงหนึ่งรั้งเอาไว้ “ไม่นอนต่อแล้วเหรอ”

 

เสียงนั้นคุ้นหูอยู่บ้าง พอมองอย่างละเอียดจึงรู้ว่านี่คือ ยู ฟอร์ส เด็กนักเรียนทุนที่ย้ายเข้ามาใหม่ ตอนแรกคีธไม่ได้สนใจเพื่อนใหม่คนนี้เท่าไร แต่เขาจำเสียงกังวานใสตอนแนะนำตัวหน้าชั้นของคนตรงหน้าได้ จึงยอมนอนหมอบลงที่เดิมคอยจับจ้องพฤติกรรมของเพื่อนใหม่ไม่วางตา

 

“เอ้านี่ ไม่มีอะไรให้กินหรอกนะ แต่เอาดอกไม้ไปดูเล่นแล้วกัน” เสียงนั้นทั้งอ่อนโยนและหวานใส ฟังดูแตกต่างจากน้ำเสียงที่เคยได้ยินอยู่มาก นี่คงจะเป็นเสียงสอง หรือเสียงสาม ที่คนเขาพูดถึงกัน

 

ดอกไม้สีขาวดอกน้อยยื่นมาตรงหน้า ดอกไม้แสนบอบบางถูกโบกไปมาตรงหน้าเขาจนมีกลีบหนึ่งร่วงลงมา คีธมองยูเหมือนกำลังมองคนโง่ เขาเลิกสนใจจึงหลับตาลง แต่หนวดที่แสนอ่อนไหวดันมีดอกไม้โบกมาโดนเบาๆ เขาลืมตาโพล่ง ใช้อุ้งเท้าน้อยๆ ตะปบดอกไม้นั่นไว้ได้พอดิบพอดี

 

ยูยิ้มกว้าง พึมพำเสียงเบาด้วยความพอใจว่า “ที่แท้แมวก็ชอบเล่นอะไรแบบนี้ทุกตัว ใช่ไหมเจ้าตัวน้อย” เขาก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือ เลยไม่ทันได้เห็นค้อนวงใหญ่ที่ถูกส่งมาจากแมวหน้าเหวี่ยงตัวนั้น

 

ใช่ที่ไหนล่ะเจ้าบ้า ฉันแค่รำคาญก็เลยหยุดมันไว้แค่นั้นเองนะ!

 

คีธฮึดฮัดยกใหญ่แต่ก็ไม่ยอมจากไปไหน เขาหลับตาลงแล้วดื่มด่ำกับการนอนกลางวันเช่นเดิม ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร แต่ท้องฟ้าอึมครึมไม่เหมือนตอนเช้าที่สดใส มีลมแรงพัดมาทำให้หน้ากระดาษพลิกไปอย่างรวดเร็ว

 

“ตื่นเร็ว เหมือนฝนจะตกแล้ว” พูดยังไม่ทันขาดคำฝนเม็ดใหญ่เท่าถั่วเหลืองก็ร่วงกราวลงมาจากฟากฟ้า ยูรีบร้อนเก็บของทุกอย่างใส่กระเป๋าหนังใบหนึ่ง ฟ้าร้องเสียงดังสนั่นจนยูตกใจ รีบยกกระเป๋าที่หนักอึ้งขึ้นมาสะพายไว้ สาวเท้าจากไปอย่างรวดเร็ว

 

แมวน้อยที่หลับอุตุมาตลอดทั้งบ่ายตื่นแล้ว มันสะดุ้งจนตัวโยน เหยียดตัวจนขนฟูฟ่องชี้ชัน ตั้งท่าใหญ่โตราวกับกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ


 

ยูรู้ดีว่าแมวไม่ถูกกับน้ำ มันคงหาที่หลบฝนเหมาะ ๆ ได้แน่ วันนี้แยกย้ายกันไปคนละทาง ถ้าเจ้าลูกแมวตัวนี้อยู่ที่โรงเรียนก็คงได้เจอมันอีก เขาวิ่งไปหลบอยู่ที่โรงเพราะชำที่อยู่ข้าง ๆ แต่ก่อนที่จะเดินจากไปตามทางเดิน ไม่รู้ทำไมจึงหันกลับไปมองอีกครั้ง ที่ตรงนั้นมีแมวน้อยยื่นตากฝนอยู่ที่เดิมราวกับโดนสาปให้เป็นหิน

 

เด็กหนุ่มไม่ทันคิดอะไรชัดเจน เขาทิ้งกระเป๋าลงพื้น รู้ตัวอีกทีตัวเองก็วิ่งไปหยุดอยู่ตรงหน้าแมวน้อยตัวนั้นแล้ว มันยืนตัวสั่นเทา ดวงตาสีทองสวยจ้องเขาเขม็ง ยูกล้า ๆ กลัว ๆ ยื่นมือไปช้อนตัวมันขึ้นมาอุ้มไว้แนบอก แล้ววิ่งฝ่าฝนไปยังโรงเพราะชำทันที

 

สายฝนร่วงรินมาจากฟ้าทำให้ทั้งคู่เปียกปอนไปทั้งตัว ยูหนาวสั่นจนฟันกระทบกันดังกึก ๆ ริมฝีปากเริ่มกลายเป็นสีม่วง เขาถอดเสื้อนักเรียนผึ่งไว้ที่ราวไม้ ค้นไปในกระเป๋าเห็นแค่ผ้าลายสก็อตผืนใหญ่ที่เอาไว้ห่อกล่องข้าว เขาคลี่มันออก แล้วเอามาคลุมตัวลูกแมวนั้นที่ยืนตัวสั่นงกงันอยู่ข้าง ๆ ใช้ผ้าซับน้ำฝนออกไปให้ได้มากที่สุด ปากที่มีสีม่วงคล้ำก็บ่นกระปอดกระแปดเหมือนยายแก่คนหนึ่ง “ทำไมไม่วิ่งหนีไปล่ะฮะ สัญชาตญาณไม่ทำงานรึไงถึงต้องรอให้ฉันไปอุ้มมาหลบฝน”

 

“เรื่องแค่นี้ยังทำไม่ได้ อย่าบอกนะว่าหาอาหารเองไม่เป็นด้วย”

 

“ไม่ต้องมามองหน้าเลย คิดว่ามันจริงไหมล่ะ”

 

“เป็นยังไง หนาวใช่มั้ย เปียกแบบนี้จะหนาวก็สมควรแล้ว”

 

คำพูดของยูเสียดหูเป็นพิเศษ แต่คีธก็ไม่สามารถแก้ต่างให้ตัวเองได้ หูน้อย ๆ ลู่ลง คีธนอนหมอบอย่างสลดหดหู่ เขาจะให้คนขี้บ่นตรงหน้านี้รู้ไม่ได้เด็ดขาดว่า เขาตกใจจนวิญญาณหลุดลอยไปตั้งแต่ได้ยินเสียงฟ้าร้องแล้ว แขนขาอ่อนแรงจนเดินไม่ออกสักก้าว

 

ถึงยูจะยังบ่นไม่หยุด แต่การกระทำกลับอ่อนโยนมาก เขาอุ้มเจ้าแมวน้อยที่แกล้งตายขึ้นมาไว้บนตัก ใช้มือสางขนให้อย่างเอาใจใส่ แมวน้อยครางในลำคอ ตอบสนองสัมผัสที่ทำให้รู้สึกสบายเนื้อสบายตัว ไม่คิดว่าผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมง มันจะเผลอนอนหลับไปทั้งอย่างนั้น

 

เด็กหนุ่มหัวใจกระตุกวูบ ตกใจนึกว่าเจ้าลูกแมวตากฝนแล้วจะหนาวตาย เขารีบรวบเจ้าตัวนุ่มนิ่มมากอดเอาไว้ ใช้ผิวกายร้อนระอุถ่ายทอดความอบอุ่นให้กับสิ่งมีชีวิตตัวเล็กจ้อยนี้ สุดท้ายเขาก็เผลอหลับไปอีกคน พอตื่นขึ้นมาก็เหลือเพียงเขาคนเดียวแล้ว

 

ความทรงจำในวันแรกของการเปิดเทอมของทั้งคู่ คือความหนาวเหน็บจนตัวสั่นสะท้าน แต่พวกเขาไม่รู้ตัวเลยว่า ส่วนหนึ่งในใจเก็บบันทึกความอบอุ่นในช่วงเวลานั้นเอาไว้แล้ว

 


ข้อความจากนักเขียน

ฝนตกแล้วค่ะทุกคน หนาวกันบ้างรึเปล่าเอ่ย

ไหนใครอ่านแล้วชอบตรงไหนคอมเมนต์บอกกันได้นะคะ แมวน้อยตัวนี้ก็อยากอ้อนขอกำลังใจเหมือนคีธเช่นกันนน