เทพธาตรี เทพแห่งแผ่นดิน กับเทพพฤกษา ผู้ดูแลผืนป่าเป็นเพื่อนกัน แต่ดันต้องมาตีกันเพราะผู้หญิงคนเดียว แต่ว่าไปไปมามา ตีกันไปตีกันมาลงเอยกันแบบ งงๆ เรื่องแบบนี้ใช่เรื่องบังเอิญจริงเหรอ

เปลี่ยนชะตา change - บทที่ 7 เข้าใจผิด โดย K-star @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ย้อนยุค,ไทย,ชาย-ชาย,ผจญภัย,ผจญภัย,พีเรียดไทย,BL,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เปลี่ยนชะตา change

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ย้อนยุค,ไทย,ชาย-ชาย,ผจญภัย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ผจญภัย,พีเรียดไทย,BL,แฟนตาซี

รายละเอียด

เปลี่ยนชะตา change โดย K-star  @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เทพธาตรี เทพแห่งแผ่นดิน กับเทพพฤกษา ผู้ดูแลผืนป่าเป็นเพื่อนกัน แต่ดันต้องมาตีกันเพราะผู้หญิงคนเดียว แต่ว่าไปไปมามา ตีกันไปตีกันมาลงเอยกันแบบ งงๆ เรื่องแบบนี้ใช่เรื่องบังเอิญจริงเหรอ

ผู้แต่ง

K-star

เรื่องย่อ

"เจ้ากับข้ามาสู้กัน"


"ได้ถึงอย่างไรเจ้าก็แพ้อยู่ดี"

ตีกันตลอดเจอกันที่ไรเหตุวุ่นวายต่างๆต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอนเมื่อสองคนนี้เจอกัน



.

แต่แล้วบางอย่างก็เปลี่ยนไป

.

///////

"เจ้า"

     "เหตุใดจึงเรียกเช่นนี้"

"มาเจ้ากับข้ามาสู้กันให้รู้ดำรู้แดง"

     "หากเจ้าอยากให้พี่แพ้ พี่ก็จะยอมแพ้ให้เจ้า" เทพธาตรียิ้มนิดๆพร้อมกับเอื้อมมือไปลูบหัวของเทพพฤกษาเบาๆ ประโยคที่เทพธาตรีกล่าวและการกระทำนั้นทำเอาเทพพฤกษาไปไม่เป็นเลยได้เพียงแค่ยืนตัวแข็งทืออ้าปากข้าง

"นี้เจ้า...ทำกระไร"

      "มิมีกระไรใช่หรือไม่งั้นพี่ไปก่อนหนาเจ้า"

"พี่บ้านเจ้าสิ..ใครเป็นน้องเจ้ากัน" ท่าทางลุกลี้ลุกลนนั้นแลปากที่โวยวายไม่หยุดอยู่นั้นไม่ได้ดูน่ากลัวหรือน่ารำคาญอีกต่อไปในสายตาของผู้ครองแผ่นดินเลยสักนิดกลับดูน่ารักน่าเอ็นดูเสียมากกว่า

.

  

.

.

.


เกิดอะไรขึ้นกันนะ ทำไมจู้ๆถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้นะ เกิดอะไรขึ้นจากที่ตีกันไปตีกันมาทำไมอยู่ๆถึงกลายเป็นแบบนี้ ติดตามต่อในนิยาย

 .

.

นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้นไม่ได้มีเจตนาให้เกิดความเสื่อมเสียแต่อย่างใดโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

.

.

อ่านนิยายให้สนุกนะคะ

สารบัญ

เปลี่ยนชะตา change-บทนำ ความเชื่อ,เปลี่ยนชะตา change-บทที่ 1 สหายสนิท,เปลี่ยนชะตา change-บทที่ 2 บาดหมาง,เปลี่ยนชะตา change-บทที่ 3 ท้าประลอง,เปลี่ยนชะตา change-บทที่ 4 หลังพ่ายแพ้,เปลี่ยนชะตา change-บทที่ 5 จดหมายรัก,เปลี่ยนชะตา change-บทที่ 6 แปลกไป,เปลี่ยนชะตา change-บทที่ 7 เข้าใจผิด

เนื้อหา

บทที่ 7 เข้าใจผิด

เทพพฤกษายังคงพักฟื้นในหอสักทองไม่ได้ออกไปไหนเพราะเกลไม่ให้ออก บางครั้งก็มีพิรุณมาเยี่ยมบ้างธาตรีก็มาบ้างแต่มาเพียงครู่ก็กลับคงมิอยากกวนใจอีกฝ่ายกระมังแต่ที่ไม่มาเลยเห็นจะเป็นเทพแห่งแสงด้วยตอนนี้ยุ่งเรื่องการทำบางอย่างจึงมาเยี่ยมมิได้เช่นนี้เทพพฤกษาก็คงอดเจอเทพแห่งแสง


   "คุณพฤกษ์เป็นกระไรเจ้าคะ"


          "ปภาวดี.."


   "ไหนว่าจะตัดใจไงเจ้าคะ" เธอพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ หากแต่สายตานั้นฉายแววผิดหวังที่เทพพฤกษาผู้เป็นเจ้านายมิรักษาคำพูด


          "จะให้ตัดอย่างไร ในเมื่อ..."


" ข้ามิอยากได้ยินเจ้าค่ะ ข้าขอตัวไปทำงานก่อน ตะวันตรงหัวประเดี่ยวเอาข้าวมาให้หนาเจ้าคะ" เธอยกมือขึ้นห้ามก่อนจะเดินออกไป เขารู้ดีเกลอยากให้เขารักษาคำพูดแต่เขายังไม่ทันจะได้พูดอันใดก็ขัดขึ้นมาเสียแล้วเพียงจะถามถึงเขาผู้นั้นว่าเหตุใดจึงมิคิดจักมาเยี่ยมเพียงเท่านั้น


         "ใครเป็นนายใครเป็นบ่าวกันแน่" เกลเดินออกไปพ้นประตูก็มีใครบางคนเดินเข้ามาแขกที่ไม่อยากเจอหน้าเป็นที่สุดนั้นมืใช่ผู้ใดที่ไหน ศัตรูคู่อาฆาตเทพธาตรีนั้นแหละผู้ที่อยากให้มาดันไม่มาผู้ที่ไม่อยากให้มาดันมาเสียนี้ 


"เป็นเช่นไรบ้าง" เขาเอ่ยถามสหายสนิทด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนประหนึ่งดินเหนียวที่ถูกนวดมาแล้วอย่างดี ดวงตาฉายแววความเป็นห่วงอย่างชัดเจนแม้รู้ว่าอีกฝ่ายนั้นมิได้อยากเจอหน้ามิอยากให้เขามาแต่ความเป็นห่วงกลับมีมากกว่าอย่างไรก็ต้องเห็นด้วยตาตนเองว่าอีกฝ่ายดีขึ้นแล้ว


        "อย่างที่ท่านเห็น ยังมิถือว่าฟื้นตัวสมบูรณ์ แต่ก็มิได้นอนเป็นผักแล้ว" พฤกษาตอบไปตามมารยาทเพียงเท่านั้นถึงแม้จะไม่เต็มใจให้อยู่สักเท่าใดนักแต่สัญญาย่อมเป็นสัญญาในเมื่อแพ้แล้วก็ทำเช่นไรมิได้


"เช่นนั้นหรือ ดีมากจริงๆ" แต่อีกฝ่ายนั้นหารู้ไม่ยังคงปั้นยิ้มหน้าระรื่นราวกับพระเอกในบทกระวีผู้แสนดีมิมีผิด รอยยิ้มที่ดูโล่งใจราวกับได้วางอะไรหนักๆที่แบกมาหลายวันก็มิปาน


         "เหตุใดจึงดูโล่งใจถึงเพียงนั้น" สีหน้าของธาตรีนั้นบ่งบอกจนปิดไม่มิดทำให้พฤกษาอดสงสัยไม่ได้เหตุใดจึงต้องโล่งใจถึงเพียงนั้น


"โล่งสิ ก็ข้าเป็นห่วงเจ้านิ" ธาตรีบอกออกไปตามตรง เทพองค์นี้เป็นห่วงสหายของเขามากจริงเชียว ซ้ำยังเทียวไปเทียวมามิขาดจนหอสักทองจักเป็นบ้านหลังของเขาแล้วกระมัง เฝ้าดูอาการแทบทุกวันเช่นนี้ไม่เรียกว่าห่วงจะให้เรียกกะไรได้อีก


         "....." ท่าทีที่จริงจังของธาตรีทำให้เขาพูดไม่ออก แม้เทพพฤกษาจะไร้หัวใจแต่ใช่ว่าจะละอายไม่เป็น พฤกษาเป็นผู้จะฆ่าอีกฝ่าย แต่เขากลับเป็นห่วงตน หากไม่ละอายก็คงเป็นพระอิฐพระปูนแล้วกระมัง ถึงแม้เพลานั้นเป็นเพียงอารมณ์เท่าก็ตาม แต่ผู้ที่ตนจักฆ่ากลับเป็นห่วงตนจากใจจริงเช่นนี้เป็นผู้ใดจักไม่ละอาย ไม่รู้รู้สึกผิดมิมีหรอกกระมัง


 "ถึงเจ้าจะกล่าวกับข้าว่าตัดความเป็นสหายกัน นั้นก็เรื่องของเจ้า เจ้าอยากตัดก็ตัดไปข้ามิตัดนั้นก็เรืาองของข้าเช่นกัน" แม้สมองจะโต้แย้งประโยคเล่านี้ของอดีตสหายแต่ภายในใจกลับรู้สึกยินดีเหลือเกินที่อีกฝ่ายยังอยู่ตรงนั้นมิไปไหน และหวังยังให้อีกฝ่ายอยู่ตรงนั้นไปตลอด สักวันเขาคงตัดใจจากนางผู้เป็นแสงสว่างเดียวได้วันนั้นคงกลับมาเป็นสหายกันได้อีกครั้งแต่ไม่ง่ายเลยที่จะเป็นเช่นนั้น


       "เหตุใดเทพปากหนักเช่นท่านจึงกล่าววาจามากเพียงนี้" แม้ปากจะเหน็บแนมแต่ในใจนั้นกลับยิ้มดีใจ ภายใต้ใบหน้าที่เรียบนิ่งนั้นกลับปรากฏรอยยิ้มในตาขึ้นมา


"รำคาญรึ นั้นก็เรื่องของเจ้า" เขาทำเป็นไม่ฟังสิ่งที่สหายพูดยังคงตีหน้ามึนใส่อีกฝ่ายอีก ด้วยความที่เป็นสหายกันมานานเขารู้ว่าตอนนี้พฤกษานั้นหาได้รู้สึกเช่นที่แสดงออกมา


        "เฮ้ย..." เทพพฤกษาถอนหายใจเหนื่อยหน่ายกับความดื้อดึงของอดีตสหายจากนั้นเขาก็ไม่พูดอันใดต่อเพียงเอนหลังหลับตาแต่เพียงเท่านั้นเพลานี้ช่างดูสบายผิดวิสัยเจ้าตัวไปมากโข


"นี้เจ้าจักมาถอนหายใจใส่ข้า แล้วยังจักมิสนใจข้าเช่นนี้มิได้หนาเจ้า" ธาตรีหันไปมองหน้าอีกฝ่ายแม้จะยิ้มแต่กลับแสร้งโวยวายทำหน้ามุ่ยอย่างเด็กน้อยโดนจัดใจ


       "เจ้าจักทำอันใดก็ทำเถิด ข้ามิอยากต่อปากต่อคำอันใดกับเจ้า" น้ำเสียงที่เป็งออกมนั้นเอือมละอาเต็มทน เขาเอือมจนมิรู้จะเอือมเช่นไรหากถามว่าดีใจหรือไม่ที่ลูกชายเทพปฐพีมาเยี้ยมก็ตอบได้ว่าดีใจ หากแต่เขาต้องการความสงบเสียมากกว่า


"มิเอาเช่นนี้ คุยกับข้าหน่อยสิ คุยกับข้า ข้ามาเยี่ยมเจ้านะ" ธาตรีรู้ดีว่าอีกฝ่ายต้องการความสงบแต่ก็ยังเว้าวอนไม่เลิกจักพูดคุยกับสหายให้ได้ นานแล้วที่เทพพฤกษาไม่ยอมคุยดรกับตนสักที เพลานี้กลับคุยได้แล้ว เขาอยากพูดกับเขาให้นานที่สุดเท่าที่จักทำได้ แม้จักรู้ว่าทำให้เทพองค์นี้รำคาญแต่แล้วอย่างไรละเขาจักทำเช่นนี้จนกว่าอีกฝ่ายจักยอมลุกขึ้นมาคุยกับเขา


       "..." พฤกษามิได้พูดอันใด อดทนจนถึงที่สุด ไม่อยากที่จะเอ่ยปากไล่ไม่เช่นนั้นเทพอัสนีได้ลงโทษเป็นแน่แท้


"พูดกับข้าหน่อย"


        "เฮ้ย...จักไปไหนก็ไปดินแดนน่ารำคาญเสียจริง" และความอดทนนั้นก็ขาดสะบั้นลงเพลานี้มิสนใจแล้วว่าจะเกิดเหตุอันใดขึ้น เขาสุดจะทนแล้วกับอดีตสหายผู้นี้


"เจ้าไล่ข้าอีกแล้ว ข้าชนะการประลองนะ"


       "โอ๊ยยยย งั้นไปประลองกับข้าอีกรอบไป รำคาญ" ในความเป็นจริงถึงแม้จักรู้อยู่แล้วว่าหากประลองอีกผลก็คงเป็นเช่นเดิม แต่อีกฝ่ายสร้างความลำบากใจให้เช่นนี้ก็คงต้องสู้กันอีกรอบ


"ไม่เอา หากประลองกันอีกเจ้าก็จะเจ็บอีกไม่เอาข้าจักไม่ยอมประลองกับเจ้าเด็ดขาด ไม่เด็ดขาด"


        "เรื่องของเจ้า" เทพพฤกษามิสนใจเขาต่อจากนั้นซ้ำยังปรับท่าทางให้นอนสบายขึ้นไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอบ่งบอกว่าเขาหลับแล้ว


"นี้...หลับใส่ข้าแบบนี้มิได้นะ พฤกษ์ พฤกษ์ เฮ้ยใจแข็งชะมัด" ว่าเสร็จก็เดินออกจากห้องนอนของพฤกษาไปหาสาวใช้คนสนิทของเทพพฤกษา


        "เกลใช่ไหม" ธาตรีเห็นสาวใช่ก็เดาได้ทันทีว่าผู้ใด นอกจากพฤกษาจะมีเทพองค์ใดขึ้นมาบนหอสักทองโดยมิได้รับอนุญาตกันนอกเสียตากบ่าวข้างกายของเทพพฤกษา  ยกเว้นตนที่ขึ้นมาได้เนื่องจากชนะการประลองที่เดิมพันกันไว้


"เจ้าค่ะ" เกลขานรับ


        "ช่วงนี้เขาเป็นอย่างไรบ้าง" เทพหน่มเอ่ยถามด้วยท่าทีที่กังวล เขาไม่รู้ว่าตอนนี้เทพพฤกษานั้นรู้สึกเช่นไรแล้วจักชังน้ำหน้าเขาไปแล้วหรือไม่ที่เขาแสดงออกเมื่อครู่นั้นคือเขามีโอกาสที่จะกลับมาเป็นสหายกันเช่นเมื่อก่อนแล้วใช่หรือไม่ทุกอย่างนั้นทำให้เทพธาตรีรู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูกเลย


"หมายถึงอาการป่วยหรือเจ้าคะ"


       "ข้าหมายถึง..." ที่เขาหมายถึงหาใช่อาการป่วยไม่เกลรู้ดี เพราะอีกฝ่ายรู้อยู่แล้วว่าเป็นเช่นแล้วผลกระทบระยะเวลาในการฟื้นตัวเขารู้ดีก็เหลือแค่เรื่องของเขากับของพฤกษาแล้วที่ยังมิอาจรู้ได้ เขาไม่เห็นหนทางที่จะกลับมาเป็นสหายกันได้เลย


"อ๋อ..เป็นไปในทางที่ดีขึ้นเจ้าค่ะหากเป็นก่อนหน้านี้คงปาข้าวของใส่คุณดินแดน ไม่ก็ไล่ให้ออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่น่าอภิรมย์เจ้าค่ะ หากแต่อย่าเพิ่งดีใจไปเจ้าค่ะ อาจเป็นเพราะคุณพฤกษ์แพ้การประลองต้องทำตามที่ประลองไว้เจ้าค่ะ คุณดินแดนน่าจักรู้ดีกว่าผู้ใดมิใช่หรือเจ้าคะ วิสัยของสหายของท่านผู้นี้นั้นมิเคยผิดคำพูดของตน"แน่นอนว่าเขารู้จักวิสัยของสหายผู้นี้ดี ก็ยังดีที่เป็นไปในทางที่ดีขึ้นอย่างน้อยก็ยังมีความหวังอยู่แม้จักน้อยนิดก็ตาม


      "งั้นหรือ" แม้จักไม่ได้คาดหวังเท่าใดนักแต่ส่วนลึกภายในใจนั้นก็แอบหวังเหมือนกันว่าพฤกษาจักใจอ่อนให้เขาเสียที


"เจ้าค่ะ คุณดินแดนมิต้องกังวลดอกเจ้าค่ะคุณพฤกษ์หาได้เกลียดคุณดินแดนขนาดนั้นไม่เจ้าค่ะ และหากเป็นที่สนามประลองคงเพราะโมโหเลือดขึ้นหน้าเจ้าค่ะ ถึงได้ใช้ปลิวบุบผา" เธอเองก็มิอยากให้อดีตสหายของเจ้านายอย่าเทพธาตรีเป็นกังวลเรื่องนี้ให้มากนัก ถึงอย่างไรเขาทั้งสองก็เคยเป็นสหายกันแม้จะมีเรื่องที่ต้องขัดใจกันทำให้ต้องกลายเป็นเช่นนี้ก็ตามเธอยังแอบหวังว่าทั้งสองจักกลับมาเป็นเพื่อนกันได้อีกครั้ง


     "ไม่ได้เกลียดขนาดอยากให้ตายกระนั้นหรือ"ร้อยยิ้มน้อยๆผุดขึ้นมาบนใบหน้าเทพธาตรีได้รู้เพียงเท่านี้ก็เพียงพอที่จะให้เขามิท้อได้แล้ว


"เจ้าค่ะ แต่ก็เกลียดเจ้าค่ะ เพียงแค่มิอยากได้ชีวิต" เขารู้ดีแต่เหตุใดบ่าวผู้นี้จึงย้ำนักเจ็บจนจะตายอยู่แล้วยังเน้นย้ำอีก จักให้เขาขาดใจตายเลยกรืออย่างไร


     "ขอบใจ งั้นข้ากลับก่อน ไว้มาเยี่ยมอีกครั้ง"ธาตรีตัดสินใจกลับไปก่อนจักดีกว่า อยู่ต่อก็มิมีอันใดดีขึ้น


"เจ้าค่ะ"


       "ใจแข็งเป็นหินเลย ให้ตายสิ" ก่อนกลับก็ขอบ่นหน่อยเหอะ เขาพยายามทุกทางแล้วจริงๆแต่ก็ยังเป็นเช่นนี้ พฤกษายังคงมิอาจเป็นสหายกับเขาได้ แต่ถือได้ว่าดีกว่าก่อนหน้่นี้ที่ไล่เขาไป มิยอมพูดด้วยสักคำ แม้พู้ก็มิใช่เช่นนี้ ทั้งเย็นชา ห่างเหิน ไร้ความรู้สึกหากจักมีความรู้สึหก็เพียงไม่ชอบหน้าเกลียดเขาถึงที่สุด แม้เพลานี้จักยังเกลียดอยู่แต่ก็มิได้ไล่ตะเพิดเหมือนแต่ก่อนแล้ว


.


.


เวลาผ่านไปสักพัก เทพพฤกษาก็ตื่นจากการหลับไหลในห้วงนิทรา


    "เกล" เพียงเท่านั้นร่างของหญิงสาวก็เข้ามาในห้องทันทีพร้อมกับกระดาษซองจดหมาย ครั่งและตราประทับ


"ค่ะ.. ดิฉันเตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ"


       "เจ้ารู้ได้อย่างไรกัน..ข้ายังมิได้สั่ง"


"เอ่อ..คือเรื่องเล็กเพียงนี้มิต้องสั่งก็ทราบเจ้าค่ะ จักเขียนให้หญิงพิณใช่หรือไม่เจ้าคะ" สีหน้าของเธอดูกังวลในช่วงเริ่มต้นกล่าวได้มิถึงสองคำก็กลับมามีสีหน้าปกติอย่างที่เธอเป็น


        "เจ้านี้ช่างรู้ใจข้างเสียจริง"


"หากเขียนเสร็จแล้วเรียกข้าหนาเจ้าคะ ข้าจักไปส่งให้ถึงมือของหญิงพิณเลยเจ้าค่ะ"เธอกล่าวด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแต่ภายในความคิดของเธอนั้นยากหยั่งถึงความคิดของเธอเพลานี้


      "เจ้าบอกไม่อยากพูดกับข้าเพราะข้ายังมิตัดใจจากหญิงพิณมิใช่รึ แล้วเหตุใด"


"ถึงอย่างไรเสียข้าก็เป็นเพียงบ่าวในวังเจ้าค่ะ หากเจ้านายทำสิ่งใดแล้วมีความสุข ข้าก็มิอาจขัดแม้จักไม่เห็นด้วยก็ตาม"น้ำเสียงและท่าทีที่ดูเจียมตนของเขานั้นกลับทำให้เทพพฤกษานั้นรู้สึกผิดที่ทำให้ผู้ที่เป็นเหมือนญาติเพียงคนเดียวของเขารู้สึกเช่นนี้


        "เจ้าหาใช่บ่าว เจ้าคือน้องสาวเพียงคนเดียวที่ข้าเหลืออยู่"


"ถึงจักอย่างนี้น ในถานะน้องสาวก็ย่อมทำให้หากนั้นคือความสุขของผู้เป็นพี่ชายไม่ว่าถานะใดก็ตาม ความสุขของคุณพฤกษ์ถือเป็นที่สุดเจ้าค่ะ เขียนเถอะเจ้าค่ะ ข้าขอตัวไปตรวจความเรียบร้อยก่อนเจ้า"เขารู้สึกว่าตนโชคดีที่มีคนรักเขามากขนาดนี้ซ้ำยังเป็นความรักที่แสนบริสุทธิ์ดั่งรักที่พ่อแม่มอบให้ลูกเขาโชคดีมากจริง ว่าแล้วเธอก็เดินออกไปทันทีจากนั้นเพทพฤกษาก็ลงมือเขียนจดหมายฉบับนั้นขึ้นมาก ทุกตัวอักษรทุกประโยคล้วนแต่คิดมาเป็นอย่างดี และถูกเรียบเรียงบันจงเขียนลงบนกระดาษอย่างตั้งใจเนื้อความในจดหมายนั้นมีความว่า 


"ในเพลานี้ที่ข้านั่งเขียนจดหมายฉบับนี้ท่านคงกำลังมีความสุขอยู่ที่ใดอยู่เป็นแน่ แต่เพลานี้ข้าคิดถึงท่าน เทพหลายต่อหลายองค์ต่างกล่าวว่าข้านั้นเป็นเทพไร้หัวใจ รักผู้ใดมิเป็นดอก มันจักจริงหรือ มิว่าผู้ใดก็มีหัวใจกันทั้งนั้น เพียงแต่ หัวใจของข้านั้นมอบให้เจ้าหมดเสียแล้ว ข้ามิรู้ว่ามันเริ่มขึ้นเมื่อใดข้าได้รู้อีกทีก็มีเจ้าในหัวใจของข้าเสียแล้ว ข้ารู้ดีเจ้ามิได้รู้สึกเช่นนั้นกับข้า แต่ขอให้ข้าได้ให้ท่านรับรู้ความรู้สึกของข้าผู้เป็นเสมือนดวงใจของข้าด้วยเถิดอย่างน้อยท่านก็ได้รับรู้มันแล้วจักทำอันใดกับความรู้สึกนี้ของข้าสุดแล้วแต่ท่านเถิด ข้าเพียงอยากบอกว่าข้ารักท่านจากใจจริง


​​​​​​  จาก  พฤกษา"


นี้คือเนื้อความในจดหมายของเทพพฤกษาผู้ที่เหล่าเทพองค์อื่นๆบอกว่ามิมีหัวใจไร้ความรู้สึกรักใคล่แต่แท้จริงแล้วหาเป็นเช่นนั้นเพียงแต่เขายังมิเจอผู้ที่ตนรักด้วยใจจริง เทพแห่งแสง จักเป็นผู้ที่เทพพฤกษารักไหมนั้นก็ตอบได้มิเต็มปาก ยังมิอาจแน่ใจมันอาจใช่ความรักสำหรับเขาหรือไม่เขาเองก็มิแน่ใจดอกว่าสิ่งที่เขารู้สึกนั้นใช่รักหรือไม่ เขาเพียงแค่ไม่อยากปล่อยผ่านไปโดยที่ไท่ทำอันใดเลย  เขียนเสร็จเขาก็นำจดหมายใส่ซองและปิดผนึกด้วยคลั่ง และตราประทับของวังพฤกษา เสร็จแล้วเขาก็เรียกเกลเข้ามาเพื่อไปส่งจดหมาย


"เกลไปส่งจดหมายนี้ให้ถึงมือของหญิงพิณ"


       "เจ้าค่ะ"


"ข้าฝากด้วย"  เกลรับจดหมายจากมือของเทพพฤกษาก็เดินออกไปทันที เธอผุดรอยยิ้มแสนชั่วร้ายทันทีที่หันหลังให้เทพพฤกษาราวกับว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่เธอต้องการ โดยที่เทพพฤกษามิทันสังเกตุ เขารู้เพียงว่าผู้ที่รับจดหมายไปส่งให้เขาคือเกลผู้ทีาเขาไว้ใจที่สุด เห็นเช่นนั้นเทพพฤกษาก็สบายใจ แต่หารู้ไม่ว่าจดหมายฉบับนี้จักเปลี่ยนทุกอย่างไปตลอดกาล ทุกอย่างจักไม่มีวันเป็นเช่นเดิมได้อีกแล้วไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ของพฤกษากับหญิงพิณ หรือ ความสัมพันธ์พฤกษากับธาตรี หรือแม้แต่ความสัมพันธ์ของ ธาตรีกับหญิงพิณเองก็ตามทุกอย่างจะกลับตาลปัตรไปหมด จักไม่ใช่เช่นเดิมอีกต่อไปแล้ว แต่จักเกิดอันใดขึ้นนั้นมีเพียงคนผู้เดียวที่รู้ ผู้ที่มีพลังควบคุมที่เข็งแกร่งที่สุดท่านั้นที่รู้


"เพียงเท่านี้ ก็เพียงแค่รอว่าหญิงพิณจะมีอาการเช่นไรเมื่ออยู่ต่อหน้าข้า" แม้แต่เทพพฤกษาเองก็มิอาจรู้ว่าทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้วอย่างสิ้นเชิง แม้แต่เจ้าตัวเองก็ยังคาดไม่ถึงว่าเรื่องราวทั้งหมดจะกลับตาลปัตรไปหมด ไม่เหมือนที่คิดไว้เลย เพียงแค่จดหมายฉบับเดียว ผ่านสิบห้าบาท (เวลาสมัยก่อน 1 ชั่วโมงมี 10 บาท 5 คือครึ่งชั่วโมง 15 บาทเท่ากับ ชั่วโมงครึ่ง) เกลก็กลับมา พฤกษาเองก็แปลกใจที่เหตุใดบ่าวของตนจึ่งกลับมาเร็วเช่นนี้


"เหตุใดจึงกลับมาเร็วเช่นนี้เหล่า"


     "เอ่อ..คือ คือพบเทพแห่งแสงระหว่างทางเจ้าค่ะจึงได้กลับมาเร็ว คุณพฤกษ์มีอันใดให้ข้าช่วยอีกหรือเจ้าคะ" พฤกษาขมวดคิ้วกับท่าทีของเธอด้วยเธอกลับมาเร็วกว่าที่คิดเอาไว้ซ้ำยังมีท่าทีแปลกไปดูลุกลี้ลุกลนต่างจากเดิมแต่ก็มิได้ใส่ใจอันใด คิดไปว่าเธอคงกังวลเรื่องท่าทีของเทพแห่งแสงกระมัง ถึงแม้แท้จริงนั้นหาใช่เช่นนั้นมันเป็นกระไรที่มีผลกระทบมากกว่านั้นมาก


"เปล่าข้าเพียงเห็นเจ้ากลับมาเร็วจึงถาม เจ้าพึงทำเรื่องสำคัญมาไปพักผ่อนเถอะ" เขามองเธอที่มีท่าทีอิหลักอิเหลื่ออึดอัดไม่เป็นตัวเองเลยแม้แต่น้อย เขาก็ไม่อยากคิดว่าเกลเป็นสปายหรอกหากเป็นสปายจริงเธอคงกำจัดพฤกษาไปแต่แรกเพราะเธอเองก็มิใช่ว่าจะพึ่งอยู่กับเขาปีสองปีเสียที่ไหน ครอบครัวเธอรับใช้ผู้ปกครองฝืนป่ากี่รุ่นต่อกี่รุ่นเธอมิใช่สปายอย่างแน่นอนแต่เหตุอันใดทำให้เธอถึงเป็นเช่นนี้เธอไปเจออันใดมากันแน่


      "เจ้าคะ" เกลตอบรับอย่างว่าง่ายก่อนจักเดินไปบนห้องหลบไปพักผ่อนคล้ายกับเธอไม่กล้าสู้หน้าผู้เป็นนาย


ภายในห้องพักของเธอ


​​​​​​"คุณพฤกษ์ที่ข้าทำไปทั้งหมดเพื่อคุณพฤกษ์เท่านั้นเจ้าคะ" เธอพูดถึงการทำบางสิ่งบางอย่างของเธอเมื่อครู่ที่ผ่านมาแต่เธอไปทำอันใดมานั้นก็มิอาจรู้ได้แต่จะรู้เมื่อไหร่นั้นก็ยังคงเป็นปริศนาอยู่รู้เพียงแค่ว่าทุกอย่างที่เธอทำนั้นเพื่อคุณพฤกษ์ของเธอ และเป็นผลดีกับทุกท่านอย่างแน่นอน แต่..มันต้องแลกด้วยบางอย่างของใครบางคนเพียงเท่านั้นจึงจะเปลี่ยนชะตาได้