นี่คือโลกที่เหตุผีหลอกวิญญาณหลอนสามารถเกิดได้ทั่วไปมา 100 ปี และผู้ที่คอยช่วยเหลือผู้คนมาตลอดนั้นก็คือเหล่าจอมเวท แต่พวกเขาจะจัดการต้นตอของปัญหาแล้วทำให้โลกคนเป็นกับคนตายแยกจากกันอีกครั้งได้หรือไม่นะ

Haunting Wish ปรารถนามิลืมเลือน - บทที่ 2 รูมเมททั้งสอง (2/2) โดย Ringotea @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,ตะวันตก,รั้วโรงเรียน,พล็อตสร้างกระแส,fantasy,โรแมนซ์,ผี,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Haunting Wish ปรารถนามิลืมเลือน

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,ตะวันตก,รั้วโรงเรียน

แท็คที่เกี่ยวข้อง

พล็อตสร้างกระแส,fantasy,โรแมนซ์,ผี,แฟนตาซี

รายละเอียด

Haunting Wish ปรารถนามิลืมเลือน โดย Ringotea @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

นี่คือโลกที่เหตุผีหลอกวิญญาณหลอนสามารถเกิดได้ทั่วไปมา 100 ปี และผู้ที่คอยช่วยเหลือผู้คนมาตลอดนั้นก็คือเหล่าจอมเวท แต่พวกเขาจะจัดการต้นตอของปัญหาแล้วทำให้โลกคนเป็นกับคนตายแยกจากกันอีกครั้งได้หรือไม่นะ

ผู้แต่ง

Ringotea

เรื่องย่อ

ประตูที่เคยแบ่งภพคนเป็นกับคนตายได้เปิดออก โลกจึงตกอยู่ในความวุ่นวายมาตลอด 100 ปี


มนุษย์ถูกวิญญาณเล่นงาน ดูดกลืนพลังชีวิตเพื่อจะคงตัวตนให้อยู่ในโลกคนเป็นต่อไปได้ และเพื่อทำสิ่งที่เมื่อครั้งมีชีวิตไม่อาจทำได้


ผู้ที่สามารถจัดการกับเหตุเหนือธรรมชาติเหล่านั้นได้มีเพียงแค่จอมเวทผู้ครอบครองเวทมนตร์ หรือจอมเวทตำแหน่งมือปราบ "Mage Exorcist" พวกเขาต่างช่วยเหลือผู้คนและขบคิดหาวิธีจัดการกับประตูแบ่งแยกสองภพนั่นมาตลอด


ทว่าจนปัจจุบันก็ยังไม่อาจปิดประตูนั่นได้



ภาคที่ 1 เฟาส์วอเชียที่ซึ่งสหายไม่ทิ้งกัน


เอเดน บลายธ์เป็นเด็กหนุ่มธรรมดาที่อาศัยอยู่ในชนบท จนวันหนึ่งก็มีคนจากโรงเรียนเวทมนตร์ชื่อดัง 'เฟาส์วอเชีย' มาทาบทาม โดยบอกว่าเขามีพลังเวทมนตร์ซ่อนอยู่


เอเดนไม่เชื่อในคำพูดสวยหรูเหมือนตนเป็นผู้ถูกเลือก หรือเป็นตัวเอกในเรื่องราวอยู่แล้ว ทว่าเขาไม่อาจทนอยู่เฉยๆ ในชีวิตที่ต้องเจอแต่สายตาหวาดระแวงอีกต่อไป จึงคว้าโอกาสโดยไม่สนใจว่าตัวเองจะมีเวทมนตร์หรือจะใช้มันได้จริงหรือไม่



คุยกันก่อนเข้าเรื่อง


สวัสดีค่ะ ขอต้อนรับทุกคนสู่นิยายเรื่องนี้นะคะ!


เรื่องนี้จะลงแบบหั่นตอนเนื่องจากบางบทค่อนข้างยาว แต่จะลงตอนทั้งหมดเลย โดยหั่นเป็นกี่ตอนขึ้นอยู่กับความยาวเดิมค่ะ


คาดว่าจะมาอัพทุก 2 สัปดาห์ แต่เราจะแต่งจนจบแน่นอนค่ะ


สามารถติดตามเราได้ที่

Twitter: Appletea_c 

Facebook: Ringotea is ready

มีภาพประกอบเรื่อยๆ มาส่องได้นะคะ👌😌


#HauntingWish

สารบัญ

Haunting Wish ปรารถนามิลืมเลือน-Prologue The story of an ordinary boy,Haunting Wish ปรารถนามิลืมเลือน-บทที่ 1 สิ่งที่คนธรรมดาทำไม่ได้,Haunting Wish ปรารถนามิลืมเลือน-บทที่ 2 รูมเมททั้งสอง (1/2),Haunting Wish ปรารถนามิลืมเลือน-บทที่ 2 รูมเมททั้งสอง (2/2),Haunting Wish ปรารถนามิลืมเลือน-บทที่ 3 ห้องซ้อมที่พังราบคาบ (1/2),Haunting Wish ปรารถนามิลืมเลือน-บทที่ 3 ห้องซ้อมที่พังราบคาบ (2/2),Haunting Wish ปรารถนามิลืมเลือน-บทที่ 4 น้ำมันเย็นเฉียบ แต่ลมนั้นสดชื่น (1/2),Haunting Wish ปรารถนามิลืมเลือน-บทที่ 4 น้ำมันเย็นเฉียบ แต่ลมนั้นสดชื่น (2/2)

เนื้อหา

บทที่ 2 รูมเมททั้งสอง (2/2)

“เรามาถึงแล้ว” คำประกาศสั้นๆ ของคาแนตต์ทำให้เอเดนต้องเงยมองอาคารตรงหน้า

โรงเรียนเฟาส์วอเชียที่เลื่องลือกันนั้นเป็นคฤหาสน์กึ่งปราสาทที่มีความใหญ่โต โดยตัวอาคารหลักมีสามชั้นและหอคอยยื่นออกมาบริเวณด้านหลัง เสาทรงคอรินเธียนตั้งอยู่หน้าทางเข้าสร้างความยิ่งใหญ่หรูหรา แสงกระทบจากโคมไฟบริเวณลานด้านหน้าทำให้เห็นสีขาวของอาคารที่ดูเก่าแก่และมีมนต์ขลัง ส่วนรอบๆ โรงเรียนนั้นมีหย่อมพืชพรรณและป่าไม้ล้อมอยู่ ถึงเอเดนจะไม่สนใจเรื่องราวแฟนตาซีเลยก็ยังต้องทึ่งกับความอลังการของโรงเรียน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่านี่เป็นสถานที่ที่เหมาะกับคำว่าโรงเรียนเวทมนตร์ที่สุด

“อาคารหลักตอนนี้ปิดอยู่ เราต้องเข้าทางหอพัก” คาแนตต์บอกสั้นๆ แล้วนำทางเขาเดินอ้อมตัวอาคาร เอเดนจึงได้มองสังเกตตัวอาคารเรียนเพิ่มขึ้นพลางคิดว่าถ้าเดินเข้าทางประตูหลักคงเป็นการเข้าเรียนที่อลังการมากแน่

เอเดนหัวเราะให้กับความคิดของตัวเองในใจ คงเพราะนี่เป็นเวลากลางคืนที่ไม่มีคน เขาถึงคิดว่าการเข้าประตูใหญ่คงสุดยอดมาก แต่หากเป็นเวลากลางวันที่เหล่านักเรียนเดินพลุ่กพล่าน เขาไม่มีทางเดินเปิดตัวเหมือนในหนังวัยรุ่นไหวแน่ๆ

แต่จะว่าไปหอพักตอนนี้ก็คงมีคนอยู่ไม่ต่างกัน

ตอนนี้น่าจะเป็นเวลาราวสองทุ่มกว่า แถมโรงเรียนก็เปิดมาสองสัปดาห์แล้ว เด็กวัยรุ่นที่มีพลังเต็มเปี่ยมส่วนใหญ่คงไม่มีใครนอนในเวลานี้ และเอเดนเชื่อว่าถ้าโรงเรียนใหญ่ขนาดนี้ย่อมต้องมีห้องนั่งเล่นในหอพักแน่นอน ความหวั่นวิตกเริ่มเกาะกุมจิตใจของเอเดนอีกครั้ง แต่เขาก็รีบไล่มันอย่างรวดเร็วพลางเพ่งสมาธิไปกับเป้าหมายในการเอาความรู้จากที่นี่ไปต่อยอดตัวเองเหมือนอย่างที่ผ่านมา 

หลังจากปัดความคิดหม่นหมองไป พอรู้ตัวอีกทีเขาก็เดินผ่านเรือนกระจกที่อยู่ท้ายอาคารแล้วมาถึงประตูหอพักจนได้

คราวนี้คาแนตต์ก็ยังทำเหมือนเดิม คือโบกมือเบาๆ ไปที่ลูกบิดประตู มันส่งเสียงคลิกหนึ่งครั้งแล้วหมุนเปิดออกราวกับมีชีวิต ระบบประตูอัตโนมัตินี่ยังน่าพิศวงเหมือนเดิมจนเอเดนพึมพำออกมา “ที่นี่เขาไม่ใช้กุญแจกันเลยเหรอ…”

คงเพราะทั้งสองยืนใกล้กันคาแนตต์จึงได้ยินเข้า เขาไม่ได้ขบขันกับคำพูดเหมือนบ้านนอกเข้ากรุงของเอเดนแต่อธิบายเรียบๆ ราวกับไกด์ผู้ทำตามหน้าที่เท่านั้น

“หอพักมีเคอร์ฟิวห้ามออกหลังสองทุ่มน่ะ เวทมนตร์ที่ใช้ปลดเมื่อกี้เลยเป็นเหมือนรหัสที่ให้เฉพาะพรีเฟ็คเข้าออกได้ ส่วนห้องพักก็ใช้กุญแจตามปกตินั่นล่ะ ถึงจะมีคนสะดวกใช้เวทมนตร์บ้างก็เถอะ”

“อย่างนี้นี่เอง…”

เขากำลังคิดเลยว่าถ้าทุกคนใช้เวทปลดประตูจนไม่มีกุญแจแล้วจะทำยังไง

เมื่อก้าวข้ามธรณีประตู หอพักแห่งโรงเรียนเวทมนตร์ก็ปรากฎแก่สายตาอย่างชัดเจน สิ่งที่สัมผัสได้เป็นอย่างแรกคือความอบอุ่นกับบรรยากาศสบายๆ ซึ่งแผ่ซ่านออกมาจากผนังสีน้ำตาลเข้ม แสงไฟสีส้มอ่อน และเฟอร์นิเจอร์ไม้ตามมุมโถงทางเดิน โถงทางเดินแยกออกเป็นสองทางระหว่างทางตรงกับทางซ้ายซึ่งพอมองเข้าไปจะเห็นโรงอาหารกับห้องนั่งเล่น เหล่าเด็กรุ่นราวคราวเดียวกับเขาต่างนั่งคุยหรือนั่งทำงานกันอยู่ประปราย

คาแนตต์หันมาแล้วเริ่มอธิบายโครงสร้างของหอพักให้เขาฟัง “ทางตรงไปยังประตูนั่นคือทางเชื่อมกับอาคารเรียน ส่วนทางซ้ายเชื่อมไปโรงอาหารกับห้องนั่งเล่นหลัก หอพักชายอยู่ฝั่งนี่ส่วนหอพักหญิงอยู่ตรงข้าม ห้องของเราอยู่ชั้นสาม จะไปกันเลยไหม”

เอเดนกำลังจะตอบว่าไปเลยทว่าเสียงท้องร้องโครกครากก็ดังขึ้นซะก่อน เขายกมือกุมท้องด้วยความลนลานพลางนึกขึ้นได้ว่าตัวเองยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เที่ยง

คาแนตต์ก้มมองเงียบๆ

“จะหาอะไรกินก่อนไหม?”

“ก็ดี…” ตอนที่จะตกลงอีกครั้งก็มีเสียงใครพูดคุยแว่วมาให้ได้ยิน

“เฮ้ นั่นมันพรีเฟ็คนี่ ออกไปไหนมางั้นเหรอ”

“เหมือนก่อนหน้านี้จะออกจากหอไปนะ เป็นพรีเฟ็คนี่ดีจังแฮะ ไปไหนมาไหนได้ตามใจ”

“ก็ระดับอินคาเพียมนี่…ว่าแต่คนที่อยู่ด้วยนั่นใครน่ะ?”

“นั่นสิ ไม่คุ้นหน้าเลยแฮะ”

อุณหภูมิร่างกายพลันเย็นเฉียบทันที ตัวของเขาแข็งทื่อไม่ขยับไปไหน กระทั่งท้องที่ร้องเมื่อกี้ยังหยุดนิ่ง สายตาเขาค่อยๆ เลื่อนมองหาต้นเสียงโดยอัตโนมัติ

บทสนทนาที่ได้ยินนั้นมาจากกลุ่มเด็กผู้ชายที่นั่งหันหน้ามาทางประตูโรงอาหาร พวกเขาต่างมองมาทางเอเดนด้วยแววตาสงสัยใคร่รู้

“นักเรียนใหม่งั้นเหรอ เปิดเทอมมาตั้งสองอาทิตย์แล้วทำไมเพิ่งมาล่ะ”

“คิดว่ามาจากตระกูลดังรึเปล่า?”

“จะบ้าเหรอ แต่งตัวแบบนั้นเนี่ยนะ!”

เสียงหัวเราะคิกคักของเด็กกลุ่มนั้นช่างคล้ายคลึงกับเสียงเด็กวัยรุ่นที่เวลบลูม

มันต่างเต็มไปด้วยความดูถูกและเหยียดหยาม

เอเดนรีบก้มหน้าให้ผมและแว่นบดบังดวงตาทันที

‘อา…ที่นี่ก็ไม่ต่างกันเลยสินะ’

ความจริงข้อนั้นแผ่ซ่านภายในตัว ทำให้ร่างกายและใบหน้าแข็งเกร็งขึ้นมาด้วยความระแวดระวังตามปกติ

“ไปกันเลยเถอะ” เขากล่าวเสียงเย็นกับคาแนตต์ เด็กหนุ่มไม่พูดอะไรแล้วนำทางไปเงียบๆ

ระหว่างทางเอเดนยังได้ยินเสียงคนอื่นพูดคุยด้วยความสนใจอยู่บ้าง มีทั้งพวกที่สงสัยเฉยๆ กับพวกที่แฝงคำดูถูกมาด้วย แต่ตอนนี้ยังไม่มีใครยกเรื่องสีตาของเขามาพูด เพราะเอเดนก้มหน้าก้มตาเดินย่ำเท้าโดยไม่คิดเงยหน้าสักนิด

ในใจที่เคยตื่นเต้นกับการหนีจากชนบทที่มีแต่คนเดิมๆ พร้อมมุมมองคับแคบ ตอนนี้กลับกลายเป็นดั่งสนิมอันเย็นเฉียบอีกครั้ง

แม้จะพอคาดไว้บ้างก็เถอะ แต่การถูกดับความหวังไปจนหมดนี่มันก็ยังน่าเจ็บใจอยู่ดี

จะไม่มีที่ไหนยอมรับคนแบบเขาได้เลยรึไงนะ

‘ช่างมันเถอะ ยังไงเราก็แค่อยากได้โอกาสในการเรียนเท่านั้น’

จะตอนประถมหรือมัธยมต้นก็ใช่ว่าเขาต้องมีเพื่อนเพื่อจะอยู่รอดสักหน่อย

แค่ตั้งเป้าหมายกับการเรียนไปเหมือนเดิมก็พอ พลังเวทแค่ใช้ได้นิดหน่อยก็คงพอแล้ว

ถ้าผ่านที่นี่ไปได้เขาก็คงเจอที่ที่ดีกว่าเดิม

เอเดนใช้ชีวิตโดยคิดแบบนั้นมาตลอด

“ห้อง 307 ที่นี่ล่ะ”

เอเดนเงยมองประตูไม้เงาสีน้ำตาลเข้มที่มีเลขสีเงินติดไว้ แล้วรอจนคาแนตต์ใช้กุญแจเงินที่มีลวดลายสวยงามไขมันออกเพื่อเข้าห้องพักซึ่งจะเป็นที่อยู่หลังจากนี้ของเขา

ห้องพักที่เขาจะอยู่ไปจนกว่าจะทนเรียนจบไปได้

เอเดนคิดว่าตัวเองคงต้องทนเรียนโดยเจอกับอคติ ความกลัวและคำดูถูกไปเหมือนเดิม จนกระทั่งคาแนตต์เปิดประตูออกแล้วเสียงระเบิดประทัดก็ดังขึ้นพร้อมเศษกระดาษสีสันสดใสที่พุ่งเข้าใส่หน้า

หัวใจที่หล่นไปวูบนึงนั้นทำให้ความคิดในสมองเมื่อกี้ถูกเป่าหายไปหมด

สิ่งที่เห็นเป็นลำดับถัดมาต่อจากเศษกระดาษสีสันสดใสก็คือใบหน้ายิ้มแย้มของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง

“ยินดีต้อนรับเหล่ารูมเมทของฉัน!!”

เด็กหนุ่มตะโกนด้วยเสียงดังก้องกังวานจนเด็กนักเรียนห้องอื่นออกมาดู

เอเดนเบิกตาโตมองเขาด้วยความสับสน จนเผลอตัวสบตาด้วย ตอนที่คิดว่าแย่แล้วแน่ๆ เด็กหนุ่มก็ส่งยิ้มร่าเริงมาให้จนยิ่งหัวหมุนไปหมด

‘เมื่อกี้สบตาแล้วนี่นา’

มั่นใจว่าต้องเห็นดวงตาไปแล้ว แต่ทำไมกลับยิ้มให้ล่ะ

ปกติมันต้องตกใจ แล้วก็กลัว ไม่ก็รังเกียจไม่ใช่เหรอ

ระหว่างที่ความคิดยังตีกันอยู่นั้นเอง คาแนตต์ซึ่งยืนอยู่ข้างหน้าจนโดนกระดาษสีพุ่งใส่เต็มๆ ก็เอ่ยด้วยเสียงราบเรียบที่แฝงความหงุดหงิด

“ทำไมนายมาอยู่ที่นี่ได้ ไอน์ คีธ”

เด็กหนุ่มชื่อไอน์ไม่สะทกสะท้านต่อรังสีอำมหิตที่ค่อยๆ แผ่ออกมาจากตัวคาแนตต์สักนิด แถมยังยิ้มแป้นตอบด้วย

“ก็ต่อจากนี้ฉันจะเป็นรูมเมทอีกคนของพวกนายไง”

“ห้องของนายอยู่ชั้นสี่”

“อาจารย์ใหญ่ย้ายฉันมาอยู่ที่นี่แล้ว จะได้มีคนคอยช่วยเหลือเด็กใหม่เยอะๆ”

พอว่าจบไอน์ก็ชะโงกตัวหลบคาแนตต์พร้อมยื่นมือให้เขา

“ฉันชื่อไอน์ คีธ จากนี้ก็ฝากตัวด้วยนะ!”

“…เอเดน บลายธ์” เอเดนได้แต่ตอบห้วนสั้น พลางยื่นมือไปเขย่าด้วยอย่างงกๆ เงิ่นๆ ในขณะที่อีกฝ่ายก็จับมือเขาเขย่าเต็มแรงเหมือนดีใจที่ได้อยู่ตรงนี้สุดๆ

“นี่ อาจารย์ใหญ่ไม่เห็นบอกฉันเลยนะ”

“แหมๆ ไม่เอาน่าคาแนตต์ ทำหน้ามุ่ยแบบนั้นเขาก็รู้สิว่านายไม่ชอบฉัน!”

คาแนตต์ยิ่งขมวดคิ้วเป็นปมมากขึ้นไปอีก

“ก็อาจารย์ใหญ่กลัวว่านายจะงานเยอะเกินไปเลยให้ฉันที่สุดแสนจะเฟรนลี่คนนี้มาช่วยดูแลเอเดนไง อีกอย่างนะ…” ไอน์ลดเสียงลงพลางขยับมาใกล้หูเอเดนอย่างรวดเร็ว "ถ้าเป็นรูมเมทกับคาแนตต์จะอึดอัดเอาได้ใช่ไหมล่ะ เพราะเขาชอบทำหน้าบ่จอย”

“ฉันยืนหัวโด่อยู่นี่”

“ผมไม่ได้พูดอะไรเลยนะครับ!” ไอน์ยกมือขึ้นตะเบ๊ะเลียนแบบทหาร

เอเดนเหลือบมองสีหน้าบึ้งตึงของคาแนตต์ ท่าทางว่าเขาจะไม่ชอบไอน์จริงๆ เพราะใบหน้าเย็นชาสุขุมที่รักษามาตลอดทางจนถึงตอนนี้มลายหายไปหมดแล้ว พรีเฟ็คปีหนึ่งจ้องมองไอน์ที่ยืนนิ่งสวมบทบาทครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจ

“เข้าใจแล้ว ถ้างั้นก็ฝากเรื่องนักเรียนใหม่ไว้กับนายส่วนนึง”

“รับทราบครับ!”

คาแนตต์หันมาทางเอเดน “เข้าไปเถอะ พรุ่งนี้ต้องเข้าเรียนแต่เช้า นายควรจะรีบพักผ่อนนะ”

“อ่า อื้ม” เอเดนพยักหน้าแล้วเข้ามาในห้องพักขนาดกลางที่มีเฟอร์นิเจอร์สำหรับเด็กสามคนตั้งอยู่ตามมุมผนังแต่ละด้าน ทั้งโต๊ะ ตู้และเตียงครบครัน ทั้งยังพอเหลือที่ว่างให้เดินพอสมควร รวมถึงมีห้องน้ำในตัวด้วย ถือว่าเป็นห้องที่น่าอยู่ทีเดียว

“อ๊ะ เตียงของฉันกับคาแนตต์อยู่ฝั่งนี้นะ แต่ถ้าอยากสลับก็บอกมาเลยเอเดน” ไอน์เสนออย่างเป็นมิตรแต่เอเดนปฏิเสธอย่างมีมารยาท

 “ไม่เป็นไร ฉันนอนเตียงนี้ได้”

“โอเค งั้นให้ช่วยเอาของจากกระเป๋าไหม หรือว่าจัดของ หรืออยากให้เล่าเรื่องสนุกๆ ช่วงนี้ฉันกำลังรวบรวมแหล่งข่าวอยู่แต่ยังคัดกรองไม่ค่อยได้เลยอาจจะไม่ค่อยน่าเชื่อถือนะ”

“เอ่อ ไม่เป็นไร แต่ก็…ขอบใจนะ” เอเดนตอบด้วยความตั้งใจจะหลบเลี่ยงเด็กหนุ่มคนนี้

แม้จะอัธยาศัยดีและดูน่าคบหาแต่เอเดนไม่ชินกับการเข้าหาประเภทนี้ ส่วนใหญ่ถ้ามีคนบอกว่าจะช่วยหรือสนิทด้วย ก็มักจะมีเจตนาชั่วร้ายและแฝงการกลั่นแกล้งมามากกว่า

แน่นอนว่าไอน์ไม่ได้มีน้ำเสียงหรือท่าทางที่ล้อเลียนหรืออยากจะแกล้งอะไร แต่เอเดนก็ยังไม่เชื่อความจริงใจและเป็นกันเองที่เขาแสดงออกมาอยู่ดี

“ให้บลายธ์พักผ่อนไปเถอะ ทำตัวเงียบๆ ไว้หน่อยก็ดีเพราะฉันต้องทำงาน” คาแนตต์บอกพลางจัดเอกสารบนโต๊ะไปด้วย

“อืมม ช่วยไม่ได้แฮะ แต่ถ้ามีอะไรก็บอกได้เลยนะเอเดน!”

“อืม…” เอเดนผุดยิ้มเฝื่อน แล้วเริ่มเอาเสื้อผ้าอันน้อยนิดออกจากกระเป๋าใส่ตู้เสื้อผ้า วางของอีกนิดหน่อยลงบนโต๊ะของตนพลางหยิบหนังสือเรียนแต่ละเล่มขึ้นมาดู บนผนังเหนือโต๊ะมีบอร์ดที่ติดแผ่นตารางสอนอยู่ เอเดนมองรายวิชาต่างๆ พลางเปิดหนังสือสำรวจเนื้อหาไปด้วยว่าเกี่ยวกับอะไร

นอกจากวิชาทั่วไปอย่างคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาและสังคม ที่เหลือก็เป็นวิชาเวทที่ไม่คุ้นเคยทั้งนั้น นี่เขาจะตามทันเหล่าจอมเวทแต่กำเนิดที่เกิดมาก็ใช้เวทเป็นแถมเรียนมาทั้งชีวิตไหมเนี่ย

แม้จะกังวลแต่ผิวสัมผัสของหนังสือก็ยังให้ความรู้สึกดีเหมือนเดิม เอเดนกอดเก็บความรู้สึกที่ช่วยให้สบายใจนั่นไว้แล้วจัดกระเป๋าสำหรับวันพรุ่งนี้ เปลี่ยนเสื้อผ้าจากนั้นก็ค่อยๆ ผล็อยหลับไปบนเตียงด้วยความเหนื่อยล้า

น่าเศร้าที่สัมผัสของหนังสือไม่ช่วยให้เขาพ้นจากฝันร้าย