ความยุติธรรมเป็นคำที่สังคมศรัทธานับถือมาก แต่สังคมบางกลุ่มความยุติธรรมแค่คำที่ไม่มีความหมายสำหรับพวกเขาเลย
ชาย-ชาย,สืบสวนสอบสวน,สะท้อนปัญหาสังคม,ไทย,อาชญากรรม,Mpreg,นิยายวาย,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
สืบพิสดารความยุติธรรมเป็นคำที่สังคมศรัทธานับถือมาก แต่สังคมบางกลุ่มความยุติธรรมแค่คำที่ไม่มีความหมายสำหรับพวกเขาเลย
อากาศยามเช้าที่สดชื่นเต็มไปด้วยทุ่งนาสีเขียวขจี กลิ่นควันฟืนที่โดนลมพัดมาทำให้บรรยากาศนั้นบ่งบอกสัญลักษณ์ถึงต่างจังหวัดที่ไม่มีตึกรามบ้านช่องที่อยู่ด้วยกันจนแออัด ที่สำคัญอากาศก็เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่คนในเมืองต่างวาดฝันว่าถ้ามีเงินมากพอจะออกจากการใช้ชีวิตเมืองแล้วย้ายมาอยู่ต่างจังหวัดวิถีแบบ Slow Life ที่ทุกคนอยากมี คนในต่างจังหวัดก็เป็นมิตรกันทุกคนแต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะมิตรมีทั้งคนดีและไม่ดีปะปนกันไป ที่สำคัญถ้ามีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้นคนทั้งหมู่บ้านสามารถรับรู้ข่าวสารได้ทันที
เสียงรถจักรยานแล่นผ่านตามถนนของหมู่บ้าน เด็กสาวอายุประมาณสิบห้าปีปั่นจักรยานอย่างรวดเร็วเหมือนรีบไปที่บ้านของตน เด็กสาวเร่งปั่นไปถึงบ้านหลังหนึ่งที่ด้านล่างเป็นใต้ถุนบ้าน ส่วนด้านบนเป็นที่อยู่อาศัยเป็นบ้านไม้เกือบทั้งหมดถึงแม้ว่ารอบหมู่บ้านนั้นเป็นบ้านปูนเกือบหมดแล้ว พอปั่นจักรยานมาหน้าบ้านแล้วทิ้งจักรยานกองล้มไปกับพื้น เด็กสาวเร่งฝ่าเท้าขึ้นบ้านทำให้เสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นจนคนในบ้านออกมาอย่างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ทันใดนั้นหญิงสาววัยกลางคนเดินออกมาจากห้องนอนของตนที่กำลังถือไม้กวาดอยู่ทำให้เด็กสาวพูดขึ้นอย่างตะกุกตะกักไม่เป็นภาษา
“น้าพร!!!!” เด็กสาวผิวขาวเหมือนฝรั่งดาวตาออกสีน้ำตาล ผมสีบลอนออกน้ำตาลเดินขึ้นมาอย่างร้อนรนเหมือนมีเรื่องร้ายเกิดขึ้น
“ละ....ลินดา เป็นอะไรลูก” ผู้เป็นน้าเขย่าตัวเพื่อเรียกสติกลับมา
“พี่แคทตี้!!!!” เด็กสาวพยายามจะพูดแต่พูดไม่ออก
“แคทตี้! แคทตี้เป็นอะไรบอกน้ามา” หญิงสาวพยายามพูดอย่างใจเย็นเพื่อให้หลานของตนผ่อนคลาย
“หนูว่าน้าเปิดทีวีดูเถอะนะ” เด็กสาวพูดน้ำเสียงสั่นกับสายตาที่ดูเศร้า ทำให้ผู้เป็นน้ารู้สึกไม่เริ่มใจไม่ดีตาม
“ก็ได้ น้าจะลองเปิดดู” หญิงสาวหยิบรีโมททีวีขึ้นมาเปิดช่องข่าวที่เด็กสาวพูด
‘พบร่างหญิงสาวนอนเสียชีวิตอยู่บนกองลังกระดาษหลังร้านบันเทิงแห่งหนึ่ง ลักษณะมีบาดแผลตามลำตัวถูกแทงกว่าสิบแผลและยังมีรอยที่ถูกยิงบริเวณไหล่ซ้ายของเธอ ที่สำคัญผู้ต้องสงสัยเป็นชายวัยยี่สิบปีที่นอนอยู่กับศพทำให้ตำรวจต้องควบคุมตัวไปสอบปากคำและหาเบาะแสในการฆาตกรรมต่อไป ส่วนสาเหตุในการฆาตกรรมนั้นตำรวจสันนิษฐานว่าปมเรื่องชู้สาว’
หลังจากได้ยินเสียงประกาศข่าวจากโทรทัศน์แล้วทำให้ผู้เป็นน้าเข่าอ่อนสีหน้าแววตานั้นทำให้หญิงสาววัยกลางคนถึงกับพูดไม่ออกน้ำตาเริ่มไหลอาบบนแก้มทำให้รู้ว่าคนที่เป็นข่าวอยู่นั้นคือหลานสาวของเธอที่เสียชีวิตตามในข่าวที่เสียใจไปมากกว่านั้นชายที่เป็นผู้ต้องสงสัยนั้นเป็นคนทีทั้งหมู่บ้านรู้จักและเป็นที่ยอมรับของชาวบ้านในพื้นที่อีกด้วย เด็กสาวเดินเข้ามากอดผู้เป็นน้าที่กำลังร่ำไห้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งสองกอดกันแน่นเพื่อทำให้ทุกอย่างคิดว่าสิ่งที่รับรู้ว่าเป็นความฝันทั้งรู้ว่าคือความจริงที่ไม่สามารถจะได้เจอคนที่รักอีกต่อไป
“เราจะทำยังไงกันดีคะน้า” เด็กสาวปัดคราบน้ำตา
“น้าจะไปบอกคุณนภาว่ามันเกิดอะไรขึ้น” หญิงสาวจับมือแน่น
“น้าคิดว่าพี่เก่งเป็นคนฆ่าพี่แคทตี้เหรอ” เด็กสาวขมวดคิ้วอย่างสงสัย
“น้าไม่รู้หรอกว่าเหตุการณ์มันเกิดอะไรขึ้น แต่น้าต้องไปกรุงเทพเพื่อทำเรื่องศพของแคทตี้ ส่วนเรื่องคดีก็ให้เป็นไปตามกฎหมาย ส่วนแม่เธอนั้นยังไงก็ต้องให้รู้อยู่ดีเพราะเป็นของพวกเธอทั้งสอง” หญิงสาวผู้เป็นน้าพูดน้ำเสียงสั่นถึงแม้จะพยายามกั้นร้องก็ตาม
“ค่ะ” เด็กสาวพยักหน้าตอบ
“งั้นพวกเราไปบ้านคุณนภากันเลย” ทั้งคู่ลุกขึ้นแล้วลงบันไดมาจากชั้นบนเพื่อเตรียมรถมอเตอร์ไซค์เก่า ๆ คนเป็นน้าอาสาเป็นคนขับแล้วเด็กสาวเป็นซ้อนท้าย ฝีเท้าสตาร์ทเครื่องยนต์ให้ติดพอเสียงเริ่มได้เด็กสาวนั่งซ้อนท้ายมือเรียวบิดแฮนด์รถมอเตอร์ไซค์ออกจากบ้านทันที
ณ บ้านของเก่ง
หญิงสาววัยกลางคนที่นั่งฟังข่าวที่เปิดอยู่บนโทรทัศน์นั้นทำให้คนเป็นแม่ใจแตกสลายทันทีเพราะข่าวที่ออกนั้นเป็นลูกชายของตนเองแล้วมีหญิงสาวที่ตนรู้จักและคอยช่วยเหลือมาตลอดกลายเป็นศพที่ตกใจไปกว่านั้นลูกชายกลายเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรม ผู้เป็นแม่ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนอีกแล้วชื่อเสียงที่สร้างมาทั้งหมดนั้นแตกสลายเป็นผุยผง ทันใดนั้นเสียงแม่บ้านเรียกวิ่งมาหาหญิงสาวอย่างตื่นตระหนก
“คุณนายคะ แย่แล้วค่ะ!!!!” แม่บ้านพูดอย่างกระวนกระวาย
“มีอะไรเหรอ!?” หญิงทำหน้าอย่างุนงง
“เกิดเรื่องใหญ่แล้วค่ะ มีชาวบ้านมาที่บ้านเราเสียงดังเอะอะโวยวายมากเลยค่ะ” แม่บ้านทำหน้าเจื่อน ๆ
“ชาวบ้าน?” หญิงสาววัยกลางคนรู้สึกว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้น่าจะมีคนออกมาต่อว่าลูกชายของตนว่าแท้จริงแล้วนิสัยของลูกชายเป็นก้าวร้าวและคบเพื่อนอันธพาลเลยทำให้แคทตี้ต้องตายทำไมไม่สั่งสอนหรือดูแลลูกบ้างว่าเป็นยังไง หญิงสาวรีบเดินออกจากห้องแล้วไปหน้าบ้านทันทีพร้อมกับแม่บ้านที่เดินตามไปด้วย เสียงโวยวายหน้าบ้านดังชาวบ้านยืนอยู่ประมาณสิบกว่าคนที่ออกมาประท้วงและอยากรู้ความจริงว่าที่ทำไปเพราะผลประโยชน์ของตัวเองไม่ใช่ส่วนรวม
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน” นภาเดินออกมาจากในบ้านที่ประตูรั้วกั้นไหว้อยู่
“ก็ลูกชายคุณนายนะสิคะ! ไปก่อเรื่องเอาไว้แถมเป็นคนในหมู่บ้านเราอีกด้วย คุณนายสอนลูกยังไงกันเนี้ย!” ชาวบ้านคนหนึ่งตะโกนใส่นภาอย่างโกรธเคือง
“ใช่!!! พวกเรานับถือตระกูลพวกคุณมากเลยนะคะตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ของคุณนาย แต่พอรู้เรื่องลูกชายของคุณพวกเราเริ่มหมดศรัทธาแล้วค่ะ” ชาวบ้านคนที่สองพูดขึ้นต่อจากคนแรก
“เดี๋ยวก่อนนะ ตำรวจยังไม่ได้สอบสวนเลยอีกอย่างหลักฐานอะไรก็ยังไม่มี ฉันเป็นคนสั่งสอนลูกมาอย่างดีและเชื่อว่าเก่งไม่เคยทำแบบนั้น” นภาพยายามอธิบายให้ชาวบ้านเข้าใจถึงแม้ลูกชายของเธอเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรม
“หึ!!! ข่าวออกขนาดนี้แล้วยังจะปกป้องลูกคุณนายอีกเหรอ!?” ชายวัยสูงอายุเอ่ยขึ้นอย่างโกรธเคือง
“ถ้าลูกชายฉันทำจริง ๆ ก็ให้เป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย” นภาพูดอย่างใจเย็น
“ก็พูดไปงั้นแหละ คนรวยจะทำอะไรก็ได้เผลอ ๆ คงพ้นคุกได้ง่ายกว่าคนธรรมดาทั่วไปแล้ว” หญิงวัยสูงอายุขึ้นเสียง
“นี่พวกคุณเชื่อยังไม่มีหลักฐานมายืนยันเลยเหรอ” นภาพูดถอนหายใจอย่างแรง
“ยังไงพรุ่งนี้พวกเราจะไม่เช่าแผงตลาดคุณต่อไปแล้ว!!!!” ชาวบ้านตะโกนขึ้นแล้วเริ่มคุมสถานการณ์ไม่อยู่จนชาวบ้านปาเข้าของที่ตนขายใส่หน้าบ้านนภาพยายามตะโกนให้ชาวบ้านหยุดแต่เสียงตะโกนนั้นไม่สามารถที่จะหยุดชาวบ้านกลุ่มนี้ได้ จู่ ๆ มีเสียงรถมอเตอร์ไซค์ดังมาจอดที่หน้าบ้านของนภาชาวบ้านที่ปาของใส่กันอย่างไม่ระมัดระวังว่าจะเกิดอันตรายกับฝ่ายตรงข้ามไหมทำให้ทั้งสองที่นั่งรถมอเตอร์ไซค์วิ่งมาห้ามปรามชาวบ้านก่อนที่เหตุการณ์จะบานปลายไปกว่านี้
“ทุกคน!!!!! หยุดกันได้แล้ว!!!!” เสียงหญิงสาวตะโกนใส่ชาวบ้านเพื่อให้หยุดการกระทำดังกล่าว
“นี่เธอยังเข้าข้างคุณนายอีกเหรอยัยพร!!! หลานตัวเองเสียชีวิตเพราะลูกชายของคุณนายเหอะ” ชาวบ้านคนหนึ่งพูดใส่อย่างดูถูกเหยียดหยาม
“ฉันรู้!!!! เพราะฉันก็อยากเคลียร์กับคุณนายเหมือนกัน” พรพูดตะโกนใส่ชาวบ้านแล้วหันมามองนภาอย่างไม่พอใจ
“ฉันว่านะพร อย่าไปคุยกับคุณนายเขาเลยเผลอ ๆ นะได้เอาเงินฟาดหัวพวกเธอแน่” ชายวัยกลางคนพูดน้ำเสียงหนักแน่น
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวพวกน้าเลย!!! ถ้าจะมองว่าคุณนายสอนลูกไม่ดีหรือไม่อยากนับถืออะไรก็แล้วแต่มันคือเรื่องของน้า!!! พวกเราสองคนจะคุยกับคุณนายเอง” ลินดาพูดสวนขึ้นมาทันทีดูท่าทางแข็งกร้าวไม่ยำเกรงต่อสิ่งใด
ชาวบ้านยืนอึ้งไปกับคำพูดของเด็กอายุสิบห้าที่มีวุฒิภาวะมากกว่าผู้ใหญ่บางคนที่ไม่รู้สนรู้อะไรที่เป็นเหตุผลหรือต้องการหาความจริงบางอย่างโดยที่ไม่ได้ผ่านกรองข้อมูลแต่อย่างใดเลยทำให้ชาวบ้านตัดสินไปแบบนั้น พรพูดคุยเจรจาระหว่างชาวบ้านกับนภาที่จะไม่เช่าแผงในตลาดต่อไปเพราะเหตุการณ์ที่เก่งเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมต่อแคทตี้ พอเจรจากันเสร็จก็แยกย้ายกันไปทำงานของตนเองเหลือแค่ลินดากับพรที่ยังอยู่หน้าบ้านของนภาอยู่
“พวกเธอเข้ามาในบ้านสิ” นภาพูดอย่างใจเย็น
“ค่ะ!!!” ทั้งสองพยักหน้าตอบแล้วเข้าบ้านไปที่ห้องนั่งเล่นโดยทั้งสามคนก็นั่งบนลงโซฟาทีละฝั่งของตน บรรยากาศภายในห้องนั่งเล่นดูเงียบสนิทจนน่าอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก ต่างฝ่ายต่างไม่กล้าเปิดบทสนทนาก่อนกับเรื่องนี้จนเด็กสาวทนไม่ไหวเลยขอเปิดบทสนทนาอย่างไม่มีการคิดใด ๆ ทั้งสิ้น
“คุณนายจะอธิบายยังไงกับเรื่องนี้คะ” ลินดาพูดน้ำเสียงหนักแน่น
“เอ่อ.....น้าเองไม่รู้เหมือนกันว่าเก่งมีปัญหาอะไรกับแคทตี้แล้วอีกอย่างทำไมเก่งถึงทำแบบนั้น” นภาส่ายหน้าแล้วน้ำตาเริ่มไหลรินออกมา
“.........” ทั้งสองนิ่งเงียบถึงแม้พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล
“คุณนายลองคิดดูนะคะ.......ว่าคุณเก่งมีปัญหาอะไรกับเรื่องอื่น ๆ หรือเปล่า ฉันไม่อยากว่าร้ายลูกชายคุณนะคะที่ผ่านมาลูกชายของคุณเคยคบกับเพื่อนหรือเพื่อนที่ไม่ดีมาหรือเปล่า” พรพยายามพูดให้เป็นประโยคมีน้ำเสียงเนือย ๆ
“ฉันเองคุยปัญหาเรื่องนี้กับเก่งและบอยด้วยเห็นว่าเขาคบกับแก๊งเพื่อกลุ่มหนึ่งเหมือนจะเป็นเด็กของกลุ่มอิทธิพลดูลักษณะแล้วน่าจะมีความเป็นนักเลงพอสมควร” นภาพูดน้ำเสียงอ่อน
“Rrrr!!!!”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้นภาลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์แล้วคุยกับเสียงปลายสาย พอรู้ว่าเสียงปลายสายนั้นคือ “บอย” ทำให้นภาใจชื้นเป็นอย่างมากที่มีเพื่อนอีกคนอยู่กับลูกชาย นภาพูดอย่างตะกุกตะกักอย่างเป็นห่วงว่าลูกชายเป็นยังไงบ้าง
“บอย!!! บอยใช่ไหม!!!” เสียงหายใจอย่างไม่เป็นจังหวะ
“ใช่ครับ น้าภา ตอนนี้ผมอยู่สถานีตำรวจ ไม่สามารถพบเก่งได้เลยเพราะตำรวจต้องคุมตัวฝากขังในการสอบสวนคดีครับ” เสียงปลายตอบกลับอย่างรน ๆ
“โธ่!!! ลูก!!!” นภาเริ่มมีอาการหน้ามืด จนล้มลงไปกับโซฟาทำให้พรกับลินดาต้องรีบมาประคองตัว
“คะ.....คุณน้าครับ!!!! เป็นอะไรไหมครับ!?” เสียงปลายสายพูดอย่างร้อนรน
“บอย นี่น้าพรเอง ถ้ามีอะไรเดี๋ยวพวกน้าโทรกลับไปนะ” พรหยิบโทรศัพท์จากนภามาคุยกับบอย
“ป้าดา รีบไปเอายาดมมา” ลินดาหันมาบอกแม่บ้าน
“โอเค!!!!” แม่บ้านรีบวิ่งไปหายาดมแล้วเอายาดมให้ลินดา
เด็กสาวจ่อยาดมให้หญิงวัยกลางคนที่กำลังช็อกกับเหตุการณ์ที่บอยโทรมา นภาเสียใจมากเวรกรรมอะไรที่ทำให้เขาต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ตนองไม่เคยคิดจะทำร้ายใครพอได้สติหญิงสาววัยกลางคนขยับตัวนั่งบนโซฟา เสียงหายใจถี่ทำให้ทั้งสองตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคลายไม่ออกเลยทีเดียว
“คุณนายคะ ฉันว่ารีบไปกรุงเทพดีกว่าค่ะ” พรจับมือนภาแน่น
“แล้วพวกเธอละ!? นภาไม่สบายใจที่จะไปคนเดียว
“ไม่ต้องห่วงพวกเราหรอกค่ะ ฉันเชื่อว่าคุณสอนลูกชายมาอย่างดี” พรยิ้มและเชื่อใจนภาที่ไม่เคยคิดร้ายกับใคร
“แต่ลูกชายฉันเป็นผู้ต้องสงสัยนะ พวกเธอควรจะให้ตำรวจเป็นคนอธิบายในการฟ้องคดี” นภาส่ายหัวเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายต้องยอม
“ฉันเข้าใจค่ะ เรื่องคดีแต่ยังไงคุณนายต้องรีบไปกรุงเทพตอนนี้” พรพยักหน้าตอบรับ
“งั้นน้าพรก็ไปกรุงเทพกับคุณนายด้วยสิคะ ส่วนหนูจะไปบอกข่าวคุณแม่เอง” ลินดาพูดสวนขึ้น
“ไม่ได้!!! ยังไงก็ต้องไปกับน้าด้วย!!! น้าไม่ยอมให้เธออยู่คนเดียวหรอก” พรค้านไม่ให้ลินดาไปบอกแม่คนเดียว
“พร ฉันว่าให้ลินดาไปบอกแม่เถอะ” นภาพูดเสียงนุ่มนวลเพื่อให้พรใจเย็นกับลินดาถึงแม้นภาจะเป็นห่วงความปลอดภัยของลินดา
“แต่ฉันก็กลัวตาแก่เฒ่าหัวงูไอพลนะคะ” พรพูดน้ำเสียงอย่างร้อนรน
“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวจะจ้างคนให้มาดูแลลินดาอยู่ห่าง ๆ เอง” นภาเสนอที่จะช่วยความปลอดภัยของลินดา
“ไม่ดีกว่าค่ะ เอาอย่างงี้นะคะเดี๋ยวฉันกับลินดาจะไปบอกพี่เปิ้ลเอง ฉันหวังว่าเขายังมีความเป็นแม่อยู่นะคะ” พรลุกขึ้นเอ่ยปากว่าจะไปบอกเอง
“โอเค ถ้าสบายใจอย่างงั้น ฉันไปเตรียมของก่อนนะส่วนพวกเธอก็รีบมาด้วย” นภายอมรับความคิดเห็นแล้วให้ทั้งสองออกไปบอกข่าวและบอกให้เตรียมตัวไปกรุงเทพด้วยกัน
ทั้งสองตกลงรับปากแล้วเดินออกไปหน้าบ้านเพื่อขี่รถมอเตอร์ไซค์ที่จะบ้านของแม่แคทตี้และลินดาพอเริ่มสตาร์ทรถได้ก็ออกจากบ้านของแม่เก่งมุ่งหน้าไปสู่หมู่บ้านของตนทันที พอขี่ไปเรื่อย ๆ ทุ่งนาเต็มสองข้างทางที่ไม่บ้านคนแม้แต่หลังเดียว ฝุ่นคุ้งเต็มท้องถนนเพราะดินจากทุ่งนาที่รถไถ่นาวิ่งรวมถึงฝูงวัวควายที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้เพื่อจะไปกินหญ้าที่ป่าทุ่ง อีกประมาณห้าร้อยเมตรเห็นบ้านปูนสองชั้นที่ดูสวยหรู แต่พอไปถึงที่หมายกลับพบว่าสภาพบ้านนั้นดูโทรมเหมือนไม่ได้ทำความสะอาดมาเป็นเวลาหลายอาทิตย์ทำให้คนเป็นน้องสาวเหนื่อยหน่ายกับต้องมาเจอพี่สาวไม่เอาไหนแบบนี้ ทั้งคู่ลงมาจากรถมอเตอร์ไซค์แล้วตะโกนเรียกหาอย่างสุดเสียง พรเดินอยู่รอบบ้านส่วนลินดาเดินไปหลังบ้านเพื่อหาเจ้าของบ้านที่สองพี่น้องเคยอยู่อาศัยบ้านหลังนี้ด้วยกันตอนสมัยที่พ่อยังอยู่ก่อนที่จะเลิกลากันไป ทั้งคู่ตะโกนเรียกจนสุดเสียงหาจนทั่วรอบบ้านแล้วก็ไม่มีวี่แววที่เจ้าของบ้านจะออกมา จนเสียงตะโกนกลับมาด้วยความรำคาญทั้งคู่หันไปตามเสียงได้เห็นผู้หญิงวัยกลางคนที่ใส่เสื้อคลุมลายดอกและนุ่งผ้าถุงเดินมาจากหน้าที่ทั้งสองยืนอยู่พร้อมกับผู้ชายวัยกลางคนตัวสูงไว้หนวดหน้าตาเข้มเดินมาด้วย
“กว่าจะมาได้นะ” พรหงุดหงิด
“มีอะไร!!!” หญิงสาววัยกลางคนพูดห้วน
“ฉันมีข่าวร้ายจะมาบอกพี่ว่าลูกสาวของพี่เสียแล้วนะ” พรพูดน้ำเสียงอย่างจริงจังเพื่อให้คนเป็นแม่ได้รู้
“อะไรนะ!!!! แคทตี้เสียแล้วเหรอ!?” คนเป็นแม่อึ้งและช็อกกับพรที่พูดถึงลูกสาวของตน
“ใช่!!! แคทตี้เสียแล้ว!!! แคทตี้ถูกฆาตกรรมไม่รู้ว่าใครเป็นคนฆ่า!!!!! ตอนนี้ฉันกับนภากำลังจะกรุงเทพวันนี้” พรเริ่มกลับมาน้ำตาคลออีกครั้ง
“แล้วนภาเกี่ยวอะไรด้วย” หญิงสาวทำหน้างง
“ก็พี่เก่งตกเป็นผู้ต้องสงสัยในการฆ่าพี่ไงแม่!!! หนูถึงได้มาบอกข่าวนี่ไง” ลินดาพูดสวนอย่างทันควัน
“ว่าไงนะ!? ไอลูกคุณนายมันฆ่าเหรอ” หญิงสาววัยกลางคนยิ่งช็อกมากขึ้น
“ตอนนี้ตำรวจควบคุมตัวอยู่ยังหาหลักฐานและแรงจูใจไม่ได้อีกอย่างเรื่องนี้เป็นข่าวด้วย” พรพูดถอนหายใจ
“ฉันจะไปตบยัยคุณนายนั่น!!!” หญิงสาวเดินออกจากบ้านแล้วกำมือแน่น
“เดี๋ยวก่อนพี่เปิ้ล!!!!” พรรั้งไม่ให้อีกฝ่ายไปหาเรื่อง
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!!!!” หญิงสาวสะบัดตัวให้หลุดจากอ้อมแขน
“ปล่อยเปิ้ลเดี๋ยวนี้นะ!!!” ชายวัยกลางคนพยายามแกะแขนออก
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับน้าพลหรอก!!!” ลินดาพยายามผลักอีกคน
“พวกเธอมันบ้าไปแล้ว!!!! เธอยังเข้าข้างฆาตกรเหรอ!?” เปิ้ลขึ้นเสียงตวาดใส่
“ตอนนี้ไม่ใครเข้าข้างใครทั้งนะแหละ!!! เพราะฉันก็อยากรู้ความจริงเหมือนกัน!!!” พรพูดสวนอย่างจัง
“ฉันขอฝากอย่างหนึ่งนะ เธอควรใส่ใจลูกบ้างไม่ใช่หลงผัวใหม่จนไม่รู้ว่าผัวใหม่เธอไปทำวีรกรรมอะไรบ้าง” พรพูดเหยียดกับความคิดของเปิ้ลที่ไม่สนใจลูกของตนเองเลย
“ไปเถอะลินดา รีบกลับไปเตรียมของเข้ากรุงเทพ” พรจูงมือลินดาแล้วขึ้นมอเตอร์ไซค์ออกไปจากบ้านแล้วทิ้งเปิ้ลกับพลที่ทำหน้าเหวอไปกันทั้งคู่ ทำให้เปิ้ลโววายกลับไปโดยไม่สนใจทั้งสองว่าจะฟังในสิ่งที่เธอพูดหรือเปล่า พลเดินมาห้ามให้หยุดแต่เปิ้ลยังคงตะโกนว่าต่อไปจนพลเริ่มทนไม่ไหวเลยตะโกนกลับบอกให้ ‘หุบปาก!!!’ เปิ้ลจึงสงบสติอารมณ์ได้อย่างทันควัน
ณ สถานีตำรวจ
บรรยากาศในห้องขังที่เงียบสนิทโดยไม่มีเสียงรบกวนอะไรเลย ชายหนุ่มที่ยังอยู่ในห้องขังยังมีอาการช็อกจากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่ทำให้เห็นภาพติดตาอยู่ตัวเขาสั่นกับอาการความกลัวเกิดขึ้น ทันใดนั้นเสียงเปิดประตูดังขึ้นเห็นตำรวจนายหนึ่งกำลังเดินมาที่ห้องขังของตน ร่างสูงจึงลุกขึ้นมือหนาเกาะกรงขังอย่างกลัวจนตัวสั่น
“ได้เวลาแล้วคุณ” ตำรวจเปิดกรงขังให้อีกฝ่ายออกมา
“ผม.....ผมกลัวครับ ผมไม่ได้เป็นคนฆ่าแคทตี้นะครับ” เก่งพูดเสียงสั่น
“ไม่ต้องกลัวพ่อหนุ่ม เล่าเหตุการณ์ให้ตำรวจฟังนี่แหละอีกอย่างหนุ่มสามารถสู้คดีได้นะ” ตำรวจพูดปลอบใจเพื่อให้อีกฝ่ายใจเย็น
เก่งไม่ได้พูดอะไรเดินตามตำรวจที่เปิดห้องขังเพื่อไปสอบปากคำกับคดีฆาตกรรมในครั้งนี้ในใจเขาคิดว่าคงหมดอนาคตและทำให้คนในครอบครัวต้องเสียใจรวมถึงเพื่อนสนิทของตนต้องมารับกรรมกับเขาด้วย พอมาถึงห้องสอบสวนที่มีตำรวจหนุ่มกำลังนั่งดูหลักฐานในรูปอย่างขะมักเขม้นเก่งนั่งบนเก้าฝั่งตรงข้ามตำรวจหนุ่ม ทำให้วินเงยหน้ามองเก่งทำให้รู้เลยว่าอีกฝ่ายเป็นคนดูลักษณะเป็นมิตรกับทุกคน ดูสุภาพเรียบร้อยดี แต่ทำไมถึงต้องมาฆ่าคน ๆ หนึ่งด้วย เก่งนั่งเกร็งทำตัวไม่ถูกจนวินต้องเปิดบทสนทนาเพื่อละลายพฤติกรรมให้อีฝ่ายผ่อนคลาย
“ดูท่าของคุณแล้ว.......คุณเป็นคนดีนะ” วินพูดยิ้มให้
“เอ่อ.....ครับผม” เก่งยิ้มตอบ
“แล้วคุณรู้จักกับผู้หญิงคนในรูปตั้งแต่เมื่อไร ขอโทษนะครับที่ถามเรื่องส่วนตัวของคุณ” วินยื่นรูปที่ให้เก่งดูสภาพศพแคทตี้
“ตั้งแต่เด็กแล้วครับ ผมรู้จักเธอเพราะคนในหมู่บ้านเล่ากันมาครับจนผมมาเจอตัวจริงของเธอทำให้ผมได้รู้จักกับแคทตี้และยังเรียนด้วยกันตั้งแต่อนุบาลจนถึงมอปลายแล้วหลังจากนั้นก็ไม่ได้เจอเธอเลยมาหนึ่งปีเต็ม แต่ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีของผมไหมนะที่ได้มาเจอเธออีกครั้งในรอบหนึ่งปี ผมเองดีใจนะที่เธอมาเรียนต่อมหาลัยสิ่งที่ผมรู้สึกว่า.........ผมไม่สามารถช่วยอะไรเธอได้เลย ผมมารู้ว่าเธอทำงานเป็นเด็กเอนใจก็ตกลงไปตาตุ่มแล้ว พอมาฟังเหตุผลเข้าใจได้ที่เธอต้องทำงานแบบเพื่อจะส่งน้องสาวเรียนที่ดี ๆ แล้วตนเองจะได้หนีออกจากขุมนรกนั่น” เก่งเล่าทั้งน้ำตาที่ไม่สามารถบอกอะไรกับแคทตี้ได้เลย
“จ่า!!! ไปเอาทิชชูมาหน่อย” วินบอกตำรวจที่อยู่ด้านข้างให้ไปเอาทิชชูมาให้
“ครับผม” ตำรวจเดินออกไปหาทิชชูมาให้จนได้ทิชชูมาแล้วยื่นให้เก่ง
“ฮึก!!! ขอบคุณครับ” เก่งหยิบทิชชูแล้วมาเช็ดน้ำตา
“ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณแล้ว แต่ยังไงผมต้องทำตามหน้าที่คุณเองก็มีสิทธิ์ที่แก้ตัวในชั้นศาลเพื่อให้ความเป็นธรรมกับคนรักของคุณ” วินถอนหายใจในสิ่งที่เก่งเล่าและเข้าใจในมุมของอีกฝ่าย
“นอกเรื่องมามากพอแล้ว คุณช่วยเล่าเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นให้ผมฟังหน่อยครับ” วินมีสีหน้าจริงจังพร้อมเริ่มทำการสอบสวน
“ได้ครับ เมื่อคืนผมกับเพื่อนได้ไปเที่ยวผับที่ใกล้มหาลัยครับ แล้วเพื่อนผมคนหนึ่งได้จ้างเด็กเอนมาหนึ่งในนั้นเป็นเพื่อนสนิทผมที่เสียชีวิตไปครับ” เก่งนึกเหตุการณ์เมื่อคืน
“คุณมากับเพื่อนกี่คนครับ” วินจดรายละเอียด
“รวมผมแล้วสี่คนครับ” เก่งพยักหน้าตอบ
“แล้วเพื่อนสี่คนนี้เขาได้เห็นคุณกับผู้ตายอยู่ในเหตุการณ์ไหมครับ” วินพยักหน้าแล้วเก่งเล่าเหตุการณ์ที่อยู่ในผับห้องVIP เก่งเล่าอย่างละเอียดทุกอย่างพอมาถึงเหตุการณ์ที่ตามหาแคทตี้นั้นทำให้วินเริ่มฉุดคิดขึ้นมาเรื่องที่เก่งตามหาแคทตี้
“ตอนแรกคุณบอกให้ผู้ตายกลับคอนโดของคุณ คุณไม่ได้เอะใจอะไรเลย ตัดสินใจลองเช็คกับเพื่อนของคุณที่อยู่คอนโดว่าได้กลับมาไหม สุดท้ายผู้ตายไม่ได้กลับบ้านคุณจึงตามหา” วินกำลังเรียบเรียงเหตุการณ์ที่เก่งเล่า
“ครับ ตอนแรกผมเองก็อาสาพาไปเข้าห้องน้ำด้วยถ้าเธอไม่สบายผมจะไปส่งที่ห้อง แต่แคทตี้ปฏิเสธครับ” เก่งน้ำเสียงเหนื่อย ๆ
“ตอนนั้นคุณดื่มหนักมากไหมครับ” วินนั่งจดต่อ
“ผมดื่มหนักอยู่ครับ แล้วผมก็คอแข็งด้วยเลยสามารถประคองสติได้ครับ” เก่งพยักหน้ายอมรับ
“เรื่องดื่มนั้นผมยังให้น้ำหนักห้าสิบห้าสิบอยู่นะครับ ถึงจะประคองสติได้แต่ไม่ได้ว่าคุณจะพ้นนะครับ มีอะไรจะเล่าต่อไหม” วินนั่งกอดอกแล้วจ้องมาที่เก่งสงสัยว่าจะเป็นคนร้ายจริง ๆ หรือเปล่า
“มีครับ ตอนที่ผมรู้ว่าแคทตี้ยังไม่ได้กลับคอนโด ผมรู้สึกเป็นห่วงเธอว่าจะเป็นอันตรายเลยบอกเพื่อนของผมให้ตามหาแคทตี้ ผมกับเพื่อนตามหาแทบทั้งร้านก็ไม่เจอเธอเลยแล้วผมลองถามบอดี้การด์ที่ร้านก็ไม่เจอตัวแคทตี้เลยครับจนผมเลยไปหลังร้าน.......” เก่งมึนหัวจากการทุบตี
“หลังร้าน......ยังไงครับ” วินขมวดคิ้วแล้วเค้นถาม
“ตอนผมเข้าไปหลังร้าน ผมรู้สึกว่าที่นั่นมันเปลี่ยวมากแล้วทางลึกลับซับซ้อนเหมือนมีห้องซ้อนอยู่อย่างนั้น ผมกำลังจะหันหลังมีผู้ชายคนหนึ่งไม่เห็นหน้าใส่เสื้อฮู้ดสีดำเอาไม้เบสบอลมาฝาดที่หัวผม จากนั้นผมก็สลบไปจนมาตื่นมาอีกทีก็แคทตี้นอนตายอยู่ข้างผม
“แปลกมากเลย จากการสอบปากคำของคุณแล้วไม่มีแรงจูงในฆาตกรรมเลย แล้วเพื่อนคุณละได้ตามมาด้วยกับคุณไหม” วินเอะใจกับคำให้การของเก่ง แต่เก็บความสงสัยไว้
“ไม่ได้ตามมาเลยครับ พวกผมแยกกันตามหาครับ” เก่งส่ายหน้า
“โอเค”
วินถอนหายใจเฮือกใหญ่ที่ไม่สามารถประกอบในการทำสำนวนได้เลย จู่ ๆ มีเสียงจากข้างนอกห้องทำให้ทั้งคู่หันไปมองเสียงตามดังขึ้นปรากฏว่าเป็นหญิงสาววัยกลางคนมีท่าทางร้อนรนและมีชายหนุ่มอีกคนที่ตามมาด้วย ทำให้เก่งเบิกตาลุกวาวรู้เลยว่าเป็นแม่ของตนและเพื่อนสนิทน้ำตาของเก่งไหลลงอาบแก้ของเขาด้วยความดีใจ ด้านนอกตำรวจนายหนึ่งก็ผ่ายมือเป็นการห้ามเข้าไปในห้องสอบสวนใจของคนเป็นแม่แตกสลายที่ลูกกลายเป็นผู้ต้องหา
“เก่ง!!!! เก่งเป็นไงบ้างลูก” นภาเรียกทั้งน้ำตา
“น้าภาครับ ใจเย็นก่อนนะครับ” บอยรั้งแขนอีกฝ่ายเอาไว้
“คุณแม่ใจเย็นก่อนนะครับ”
ตำรวจเดินมาขวางนภาและบอยที่อยู่หน้าห้องสอบสวน เก่งตะโกนเรียกทั้งสองสีหน้าของเขาอ้อนวอนให้ทั้งสองช่วยเหลือ วินเห็นภาพที่แม่เสียใจกับลูกเขาเข้าใจดีเพราะตนก็เจอเหตุการณ์แบบนี้มาเยอะ นภาคุยกับตำรวจหน้าห้องเพื่อจะขอประกันตัวลูกชายของตน
“คุณตำรวจคะ ดิฉันขอประกันตัวลูกได้ไหมคะ”
นภาพูดเสียงสั่นส่งสายตาอ้อนวอนเพื่อที่จะช่วยเหลือลูกชายตนเอง ตำรวจที่อยู่ด้านหน้าได้หันไปหาวินแล้ววินพยักหน้าส่งสัญญาณแปลว่าสามารถให้นภาสามารถร้องขอยื่นประกันตัวเก่งได้ ตำรวจเลยให้นภาเชิญนั่งรอไปก่อน
“แม่ของคุณคงรักคุณมากเลยนะที่ยอมแลกอะไรได้ทุกอย่างเพื่อลูก” วินยิ้มให้เก่ง
“ครับ แม่รักผมมาก” เก่งพยักหน้า
“เรื่องการสอบสวนยังไงผมอาจจะให้เพื่อนมาสอบปากคำด้วยเพื่อเป็นพยานหลักฐานในการส่งสำนวนให้อัยการสั่งฟ้อง” วินรวบรวมเอกสารหลักฐานไว้ในมือ
“ครับผม”
วินเชิญเก่งออกจากห้องสอบสวนแล้วนภาเข้ามากอดลูกอย่างดีใจที่ลูกชายไม่ได้เป็นอะไรมาก จากนั้นนภาทำเรื่องประกันตัวให้เก่งเพื่อจะสู้คดีในศาล พอทำภารกิจเสร็จสิ้นแล้วนภากับบอยถามกลับว่าเกิดอะไรขึ้นแคทตี้ทำให้เกิดเรื่องใหญ่ เก่งมีสีหน้าที่เคร่งเครียดเอ่ยว่าเรื่องมันค่อนข้างยาวให้กลับไปที่คอนโด นภาบอกว่าครอบครัวของแคทตี้มาด้วยเก่งพยักหน้ารับทราบทุกอย่าง
“แม่ว่าเรื่องนี้ต้องคุยกันยาวหน่อยนะ”
“ครับผม”
“ไม่ต้องมามองฉันเลยนะ ฉันไม่สามารถช่วยนายได้”
เก่งรู้สึกอึดอัดในใจที่ไม่ได้บอกแม่ตรง ๆ เรื่องสภาพความเป็นอยู่ของตนเองและรู้สึกผิดต่อครอบครัวของแคทตี้เป็นอย่างมากที่ไม่สามารถปกป้องเธอได้และได้ยินมาจากนภาว่าชาวบ้านที่เช่าแผงตลาดมาว่าแม่ของตนถึงหน้าบ้านอีก ทำให้เก่งตอนนี้มืดทั้งแปดด้านน้ำตาคลอกลับมาครั้งจนบอยต้องปลอบใจเพื่อให้กำลังใจที่จสู้ต่อไป