ความยุติธรรมเป็นคำที่สังคมศรัทธานับถือมาก แต่สังคมบางกลุ่มความยุติธรรมแค่คำที่ไม่มีความหมายสำหรับพวกเขาเลย
ชาย-ชาย,สืบสวนสอบสวน,สะท้อนปัญหาสังคม,ไทย,อาชญากรรม,Mpreg,นิยายวาย,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
สืบพิสดารความยุติธรรมเป็นคำที่สังคมศรัทธานับถือมาก แต่สังคมบางกลุ่มความยุติธรรมแค่คำที่ไม่มีความหมายสำหรับพวกเขาเลย
ช่วงยามสายอากาศภายนอกนั้นร้อนระอุทำให้นักศึกษาต้องกางร่มเดินฝ่ากลางแดดบางคนถึงขั้นใส่เสื้อแขนยาวเดินมาเรียนหนังสือแถมบางกลุ่มยังต้องวิ่งหาที่ร่มเพื่อจะหลบแดดเหมือนแวมไพร์ที่แพ้แสงแดดเวลาโดนผิวหนังทั้งสอง และของกินที่จะไปรับประทานในโรงอาหาร
“ทำไมอากาศมันร้อนอย่างนี้เนี่ย!!!” ชายหนุ่มที่กำลังเดินมองถนนที่จะข้ามไปยังอีกฝั่ง
“นายไม่ไปกับเก่งเองนิ นายจะบ่นทำไม” หญิงสาวพูดน้ำเสียงกึ่งแซว
“ไม่อะ เดี๋ยวเก่งต้องไปรับพวกนั้นอีก” ชายหนุ่มสายหัวอย่างแรง
“เห็นเก่งบอกว่ามีคนในแก๊งนั้นชอบนายเหรอ?” แคทตี้พูดยิ้มกรุ่ม ๆ
“โอ้ย!!!!! ฉันไม่เอาหรอกต่อให้มาก้มกราบเท้านะ ฉันไม่เอามาทำเป็นสามีเด็ดขาด!!!” บอยพูดน้ำเสียงอย่างแข็งกระด้าง
“แค่แซวไหม? แต่ระวังไว้เถอะปากเกลียดยังไงก็ได้อยากนั้นนะจ๊ะ” แคทตี้หัวเราะ
“เออ!!! ยังไงฉันก็ไม่เอาคนแบบนั้นหรอก” บอยมีสีหน้าอย่างหงุดหงิด
“แล้วจะซื้ออะไรเพิ่มอีกไหม” บอยหันกลับไปถามอีกฝ่าย
“ซื้อแค่ชาเย็นสักแก้วก็พอแล้ว ร่างกายอยากเติมน้ำตาล” แคทตี้ยิ้ม
“โอเค งั้นรีบไปจองโต๊ะกันดีกว่า”
บอยเดินไปจองโต๊ะแล้วเอาของที่เตรียมมาไว้บนโต๊ะที่เต็มไปด้วยแท็ปแล็ตที่ใช้จดเล็คเชอร์แล้วนั่งรออีกฝ่ายเพื่อที่จะรอทานข้าวพร้อมกันจนหญิงสาวมาพร้อมกับถือแก้วชาเย็นมาสองแก้ว บอยทำหน้าขมวดคิ้วอย่างเล็กน้อย
“นี่ จะซื้ออีกแก้วมาทำไม” บอยทำหน้างง ๆ
“เอ้า! เพื่อเป็นการขอบคุณที่นายคอยช่วยเหลือฉันไง” แคทตี้พูดน้ำเสียงที่นุ่มนวลและมีความสุข
“โอ้ย!!! เรื่องแค่นี้จิ๊บ ๆ เธอขอบคุณฉันตั้งหลายครั้งแล้วนะ จริง ๆ เธอน่าจะขอบคุณเก่งมากกว่าเพราะเขาให้ที่อยู่อาศัยที่สำคัญเลี้ยงกับข้าวให้อีก ส่วนฉันก็แค่ลูกแม่บ้านที่ทำงานจนสนิทกับเก่งมัน” บอยหยิบกล่องข้าวออกมาสองกล่องแล้วยื่นให้แคทตี้
“ไม่ต้องน้อยใจไปหรอกนะ พวกนายเป็นคนช่วยเหลือฉันตั้งแต่ยังอยู่ประถมจนมัธยมเลยนี่หน่า” แคทตี้ทำปากจู๋ใส่
“จริง ๆ ฉันก็ไม่ได้อยากอยู่บ้านเก่งนานไปจนตายหรอก ที่ฉันยอมเรียนมหาลัยเพื่ออนาคตที่ดีกว่าตอนแรกฉันอยากเรียนไปด้วยทำงานไปด้วยนะ แต่คุณนายขอไว้เลยต้องได้เรียนอย่างเดียว” บอยมีสีหน้าที่เรียบนิ่ง
“เอาเถอะ ฉันว่าคุณนภาเขาอยากให้นายใช้ชีวิตแบบวัยรุ่นให้เต็มที่แหละ เพราะโลกความเป็นจริงมันโหดร้ายมากเลยนะ” แคทตี้มีสีหน้าที่ดูหดหู่กับชีวิตจนทำให้บอยรู้สึกไม่สบายใจเลยพูดตัดบททำลายบรรยากาศ
“พอ ๆ กินข้าวได้แล้วเดี๋ยวไปเรียนไม่ทันหรอก” บอยเปิดข้าวกล่องแล้วค่อยทานข้าว
“อืม” แคทตี้อมยิ้ม
ทั้งคู่กำลังทานข้าวอยู่แล้วพูดคุยสัพเหระต่าง ๆ ที่ตนชอบ ทันใดนั้นมีเสียงดังแว่ว ๆ มาแต่ไกลคนทั้งโรงอาหารหันมามองต้นเสียงแล้วเห็นแก๊งผู้ชายกลุ่มหนึ่งเดินพูดคุยกันอย่างสนุกสนานโดยไม่แคร์สายตาคนที่อยู่โรงอาหารเลยแม้แต่น้อยซึ่งก็ทำให้บอกกับแคทตี้หันตามเสียงที่ได้ยิน เสียงถอนหายใจบ่งบอกถึงความไม่สบายใจที่อยู่ตรงนี้แถมหนึ่งในแก๊งนั้นก็เป็นเพื่อนสนิทของตนที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก จู่ๆ หนึ่งในสมาชิกเห็นพวกบอยกำลังจ้องมาที่กลุ่มของตนเลยเดินไปที่โต๊ะของทั้งสองทำให้บอกกับแคทตี้รีบหันกลับทันทีโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“มีอะไรหรือเปล่า” ชายหนุ่มเดินมาถาม
“กะ เก่ง!!” ทั้งสองตกใจเล็กน้อยนึกว่าเป็นคนในแก๊งที่ดูห่าม ๆ หน่อย
“มะ ไม่มีอะไรหรอก เห็นว่าเสียงดังมาจากไหน ที่แท้ก็พวกนายเอง” บอยปัดตอบแบบลวก ๆ
“นี่เก่ง นั่นเพื่อนนายเหรอทำไมดูอันธพาลจัง” แคทตี้ถอดสีหน้าอย่างไม่สบายใจ
“ใช่!!! เพื่อนฉันเองแต่ไม่เป็นไรหรอก ถ้าพวกนี้มีเรื่องเดี๋ยวฉันจัดการเอง” เก่งพยักหน้าตอบ
“ไม่เป็นไรกับผีสิไม่ว่า อะไร ๆ ก็หาเรื่องไปทั่วจนคนในมหาลัยเข้ารู้เชื่อเสียงเรียงนามกันหมดแล้ว” บอยพูดสวนอย่างทันควัน
“มีอะไรกันเหรอ?” เพชรเดินเข้ามาที่โต๊ะแล้วเห็นบอยกับแคทตี้นั่งอยู่
“เปล่า แค่เดินมาทักทายเฉย ๆ ” เก่งส่ายหน้าแล้วยิ้มตอบ
“แล้วไปอยู่อะไรตรงนั้นเพื่อน” บาสกับจินเข้ามาด้วยแล้วหันไปทางแคทตี้
“ไง น้องสาวมีแฟนหรือยังจ๊ะ” บาสพูดแซวอย่างเสียงแจ๋น
“เอ่อ....ยะ ยังเลย” แคทตี้ตอบอย่างตะกุกตะกัก
“ส่วนนายคือเบ้ไอเก่งใช่ไหม” บาสถามอย่างกวน ๆ
“นี่!!!” บอยเริ่มอารมรณ์ไม่ค่อยดี
“พอเลยไอบาส” เก่งรั้งมือห้ามไว้
“นายรู้จักผู้หญิงคนนี้ด้วยเหรอ” เพชรถามอย่างสงสัย
“รู้จักสิ! นี่แคทตี้นะทุกคนเป็นเพื่อนสนิทของฉันเอง” เก่งแนะนำแคทตี้ให้รู้จัก
“หวัดดี ยินดีที่ได้รู้จักนะ” แคทตี้ยิ้ม
“เราชื่อเพชรนะ ส่วนนี่ไอบาสกับจิน” เพรชยิ้มตอบแล้วแนะนำเพื่อนของตนเอง
“ยินที่ได้รู้จักนะ” จินยิ้มตอบ
“ยินดีที่ได้รู้จักครับคนสวย” บาสทำท่าจุ๊บปากใส่แล้วคว้ามืออีกคนมาหอม
“เอ่อ.....” แคทตี้รู้สึกกระอักกระอ่วนใจ
“พอเลยไอบาส!!! ให้เกียรติผู้หญิงหน่อย” เพชรเขกหัวบาสจนทำให้อีกฝ่ายร้องโอ้ยขึ้นมาทันที
“โอ้ยยย!!! เจ็บนะ” บาสลูบหัวตัวเอง
“ขอโทษนะแคทตี้อย่าถือสาไอบาสมันเลยนะ” เก่งขอโทษแทน
“ไม่เป็นไรหรอก” แคทตี้ส่ายหน้า
“เซ็ง” บอยมองบนใส่
“เป็นอะไรไม่สบอารมณ์เลยนะ” จินหันไปถามบอยอย่างกวน ๆ
“ไม่ใช่เรื่องของนายไหม” บอยกรอกตาใส่อย่างไม่พอใจ
“เฮ้ย!!! ไอจินเดี๋ยวนี้หันมากินของป่าแล้วเหรอ” บาสมองสายตาบอยอย่างเหยียดหยาม
“มันจะมากไปแล้วนะ” บอยลุกขึ้นจะมาท้ายต่อย
“เดี๋ยว ๆ พอเลยทั้งคู่ ไอบาสมึงก็ให้เกียรติเพื่อนบ้างดิวะ” เพชรขวางตัวมาห้าม
“ฝากเพื่อนนายให้สงบปากสงบคำหน่อยนะ ทางที่ดีควรสอนเรื่องมารยาทพื้นฐานด้วยซ้ำ” บอยขึ้นเสียงใส่แล้วชี้หน้าต่อว่าบาสอย่างดุเดือด
“หนอย!! ไอ้ขี้ข้า!!!” บาสจะชกต่อกับบอยแต่เก่งรั้งตัวห้ามไว้ก่อน
“มาสิ!!! เห็นอย่างนี้เทควันโดสายดำนะจะบอกให้” บอยขึ้นเสียงใส่แล้วจินมารั้งห้ามไว้้“ไอบาส หยุดเลย”
เพชรพูดสั่งให้บาสหยุดการกระทำดังกล่าว
“ไอเพชรมันด่ากูก่อนนะ” บาสขมวดคิ้ว
“กูบอกให้หยุด!” เพชรหันมาขึ้นเสียงใส่
ทุกคนอยู่ในสถานการณ์ที่วุ่นวายทำให้คนในโรงอาหารหันมามองด้วยสายตาที่งุนงงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นบอยบอกให้แคทตี้ลุกออกจากที่นั่งแล้วเก็บข้าวของที่อยู่บนโต๊ะให้เสร็จทั้งคู่เดินออกจากโต๊ะทันทีและไม่แคร์สายตาที่มองด้วย ทำให้พวกเพชรต้องยืนงง ๆ กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไม่รู้จะแก้ปัญหายังไง เก่งเลยเสนอคุยเรื่องที่จะไปเที่ยวกันเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเพื่อทำลายบรรยากาศที่ดูตรึงเครียดก่อนหน้านั้น
“เออ พวกเรามาคุยเรื่องจะไปเที่ยวคืนนี้กันไม่ใช่เหรอ” เก่งเริ่มบทสนสนาขึ้นมา
“นี่ ก่อนจะเข้าเรื่อง แกฝากสั่งสอนไอขี้ข้าของนายหน่อยนะ” บาสพูดอย่างหัวเสีย
“โอเค เดี๋ยวฉันจะบอกให้แล้วกัน” เก่งพยักหน้าตอบ
“ถ้านายไม่กวนประสาทก่อนป่านนี้คงได้คุยกับเพื่อนสาวของเก่งมันแล้ว” จินหัวเราะแห้ง
“ว่าแต่ผู้หญิงคนนั้นหน้าคุ้น ๆ หว่ะ เหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อนนะ” เพชรเริ่มสงสัยในตัวแคทตี้
“คุ้นหน้ายังไงเหรอ” เก่งพูดอย่างเจื่อน ๆ
“แบบว่าฉันเคยเห็นไปร้านอาหารกับผู้ชายอะ” เพชรพยายามนึกเหตุการณ์ที่ตนเจอ
“จะว่าไปเห็นว่าข่าวลือเป็นเด็กเอ็นนะเว้ย” จินพูดแทรกขึ้น
“เฮ้ย!! ฉันว่าเขาจะทำอะไรมันก็เรื่องของเขาไหมอะ” เก่งพยายามอธิบายแก้ต่างในตัวแคทตี้
“ทำไมนายดูปกป้องจังเลย” บาสถามอย่างสงสัย
“ฉันไม่ได้ปกป้อง ฉันแค่พยายามจะอธิบายให้พวกนายว่า.........” เก่งกำลังจะพูดแต่โดนบาสพูดแทรกใส่โดยไม่ได้ตั้งตัว
“ว่านายแอบชอบผู้หญิงคนนั้นเหรอ” บาสพูดสวนขึ้นแล้วยกยิ้มอย่างเลิศนัย
“จะบ้าเหรอ!!! ฉันจะไปแอบชอบเพื่อนสนิทได้ยังไง” เก่งตะโกนใส่หน้าบาส
“ไอบาส มึงหยุดเลย คนบ้าไรจะชอบเพื่อนสนิทขนาดนั้นวะ” เพชรทำหน้าเซ็ง
“เมื่อไรจะไหร่จะได้เข้าเรื่องกันซะที สรุปจะไปเที่ยวร้านไหนกัน” จินเริ่มถอนหายใจ
“เออ!!! เห็นว่ามีร้านเปิดใหม่ใกล้มหาลัยเราเลย พวกเอ็งสนใจไหม” บาสเบิกตากว้างและนึกขึ้นได้ว่ามีร้านเปิดใหม่
“ร้านซอยข้าง ๆ อะนะ” เพชรเอ่ยขึ้น
“ใช่ เห็นว่าร้านดีและที่สำคัญมีโซนVIPด้วย พวกเราจะได้ไปตี้กันแบบสุดเหวี่ยงไปเลย แถมใกล้ที่พักไอเก่งอีก” บาสพูดเสียงเร้าใจเพื่อให้เกิดความอยากลอง
“มึงเห็นห้องกูเป็นอะไรวะเนี่ย” เก่งพูดเสียงเหนื่อยหน่ายใจ
“แต่เห็นคนดราม่ากันเยอะมากเลยนะ อีกอย่างบริการดีหรือเปล่ายังไม่รู้เลย” เพชรส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อใจ
“เพชร! มึงก็ลองดูก่อนก็ได้มันไม่ได้เสียหายอะไรนิ ถ้ามันไม่เวิรค์ก็ไปร้านประจำของเราแค่นั้นเอง” จินตบบ่าอีกฝ่ายเพื่อให้เกิดความสบายใจ
“อย่างมึงเหมาะกับไปบาร์โฮสต์” บาสพูดแซว
“ไอบาส เดี๋ยวมึงได้โดนอีกหรอก” จินเตรียมทำท่าพร้อมจะต่อย
“เอาก็ได้วะ ถือว่าลองหาประสบการณ์ใหม่ ๆ แล้วกัน” เพชรตอบตกลง
“เย้!!! เดี๋ยวกูหาสาวสวย ๆ มาให้พวกมึง เดี๋ยวกูดูให้เลย” บาสหยิบโทรศัพท์ขึ้นเพื่อจะหาผู้หญิงมาเอ็นเตอร์เทนให้
“มึงเลือกดี ๆ ด้วย” เพรชหันไปบอกบาส
ณ ห้างใจกลางเมือง
ช่วงเวลาประมาณบ่ายสามโมงกว่าเป็นเวลาที่ผู้คนนั้นเริ่มเอื่อยเฉื่อยกับการทำงานและการเรียนดวยทำให้ผู้คนเริ่มออกมาเที่ยวในห้างกันก่อนเวลาเลิกงาน ส่วนนักเรียนนักศึกษานั้นมีมากขึ้นเพราะถึงเวลาใกล้เลิกเรียนแล้ว อากาศภายนอกที่ร้อนแล้วพอมาเข้าห้างก็ทำให้รู้สึกถึงความเย็นของแอร์ที่พัดผ่านตัวเข้ามา ทั้งสองคนหนุ่มสาวเดินเข้ามาในห้างอย่างสบายใจที่ได้พักผ่อนจากเหตุการณ์ที่ทำให้หัวเสียเมื่อตอนสายของวัน
“พวกเราไม่ได้มาเดินเล่นแบบนี้กันเลยนะ” บอยมีสีหน้าที่ดูสดใจ
“ใช่!!! อยู่บ้านไม่ได้ไปไหนเลย แค่ไปในตัวอำเภอยังแทบจะไม่ได้ไปเลย” แคทตี้ยิ้มตอบ
“เออ! แล้วน้องสาวเธอเป็นไงบ้าง” บอยหันมาถาม
“สบายดี เห็นว่าจะเรียนจบม.3แล้ว ฉันเลยส่งเงินให้น้าพรไปจ่ายค่าเทอมถือว่าโชคดีนะที่น้าพรยังคอยซับพอร์ตฉันกับลินดาอยู่” แคทตี้มีสีหน้าอย่างดีใจ
“ดีแล้ว น้องสาวจะเรียนต่อไหนเหรอ” บอยเดินแอบใกล้กับอีกฝ่าย
“เห็นว่าจะไม่เรียนต่อนะ แต่ฉันให้น้าพรคุยเรื่องเรียนต่อเพื่อให้น้องเรียนต่ออนาคตข้างหน้าจะได้สบายไม่ต้องมาลำบากเหมือนฉัน” แคทตี้พูดน้ำเสียงอ่อน
“ฉันเข้าใจแกเลย เอาเป็นว่าถ้าลินดามีโอกาสเรียนเมื่อไรเป็นไปได้ ฉันอยากให้น้องเธอมาเรียนที่กรุงเทพนะอีกอย่างจะได้พ้นจากความลำบากแถมจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องพ่อเลี้ยงด้วย” บอยพูดให้กำลังใจ
ทั้งคู่เดินเข้าไปในร้านเสื้อผ้าแบรนด์หรูแคทตี้บอกบอยว่าจะเลือกเสื้อผ้านานหน่อย บอยพยักหน้าตอบแล้วยืนรอให้อีกฝ่ายเลือกเสื้อผ้า ในขณะที่แคทตี้เลือกเสื้อผ้าอยู่นั้นบอยเดินดูเสื้อผ้าที่แขวนอยู่บนราวตากผ้ามือบางจับเสื้อทำให้รู้สึกถึงเนื้อผ้าที่ดีแถมดีไซต์สวย แต่พอเห็นราคาเสื้อแล้วรู้สึกแทบจะวางมือไม่ทันเพราะราคาที่ติดป้ายนั้นค่อนข้างที่จะมีราคาสูงพอสมควร ทันใดนั้นก็มีพนักงานเข้ามาหาบอยด้วยท่าทางที่ไม่พอใจแถมการกระทำคำพูดที่แสดงไม่ค่อยอัธยาศัยเท่าไร
“คุณลูกค้าอย่าแตะเสื้อผ้าบ่อยนะคะ เดี๋ยวมันจะเป็นรอยเอา” พนักงานพูดน้ำเสียงอย่างกระแทก
“ครับผม” บอยพยักหน้าตอบอย่างเกร็ง จนเริ่มไปหาแคทตี้ที่กำลังเลือกเสื้อผ้าอยู่
“แคทตี้ เลือกเสร็จแล้วพวกเรารีบออกไปกันเถอะ” บอยเริ่มมีสีหน้าอย่างเซ็ง
“ทำไมอะ! ฉันยังเลือกไม่เสร็จเลย” แคทตี้หันถามอย่างสงสัย
“เอาเถอะนะ รีบเลือกเสร็จแล้วรีบไป” บอยบิดตัวเหมือนลูกแมวน้อยที่อยู่ในกำมือของศัตรู
แคทตี้หันไปมองรอบร้านแล้วเห็นพนักงานที่กำลังซุบซิบนินทากันถึงแม้จะไม่ได้ยินเสียงเรื่องที่คุยกัน แต่หญิงสาวสัมผัสบรรยากาศร้านได้เลยว่าเป็นบรรยากาศที่ไม่เป็นมิตรกับพวกเขาเลย หญิงสาวได้หยิบชุดที่เลือกนั้นแล้วเดินมาที่เคาน์เตอร์คิดเงินแล้วล้วงกระเป๋าสะพายเพื่อหยิบกระเป๋าตังออกมามือเรียวรูดซิปกระเป๋าและยื่นบัตรเครดิตให้กับพนักงานทันที
“นี่ค่ะ” แคทตี้ยื่นบัตรเครดิตให้
“เอ่อ......น้องคะ มีบัตรอื่นไหมคะ” พนักงานยิ้มออกไปทางเหยียด
“พี่ลองรูดก่อนก็ได้ค่ะ ถ้าไม่ได้หนูให้อีกใบรูด” แคทตี้พูดน้ำเสียงนุ่มนวล
“แต่ว่าพี่กลัวว่าน้องจะถือบัตรปลอมค่ะ จ่ายเป็นแบบอื่นได้ไหมคะ” พนักงานพูดปัดเพื่อไม่ให้แคทตี้ซื้อ
“พี่ลองรูดก่อนค่ะ ว่าจริงหรือปลอมถ้ารูดได้ก็ถือว่าบัตรที่หนูถือเป็นของจริง” แคทตี้เริ่มเอ็ดเสียงขึ้นในลำคอ
“กะ ก็ได้ค่ะ” พนักงานยิ้มเจื่อน ๆ แล้วรูดบัตรตามที่แคทตี้สั่งจนเครื่องรูดบัตรปรากฏหน้าจอขึ้นมาบ่งบอกถึงว่าบัตรนั้นเป็นของจริงและสามารถรูดได้ตามวงเงินในบัตรที่มีอยู่ จนทำให้พนักงานหน้าหงายไปเลยทีเดียว แม้แต่บอยเองก็ไม่เคยเห็นมุมนี้ที่หญิงสาวฟาดกลับคนอื่นมาก่อน
“รูดได้ค่ะ ใส่รหัสได้เลยค่ะ” พนักงานเปลี่ยนอารมณ์เป็นรอยยิ้มให้ทันที
“ค่ะ” แคทตี้ยิ้มอย่างมีชัยแล้วกดรหัสในเครื่องรูดบัตร จากนั้นพนักงานก็ยื่นใบเสร็จให้เซ็นแล้วจัดการเสื้อผ้าใส่ถุงช็อปให้
“เรียบร้อยแล้วค่ะ” พนักงานยื่นถุงเสื้อผ้ามาให้
“ขอบคุณค่ะ” แคทตี้รับถุงเสื้อผ้า
“ไปกันเถอะบอย” แคทตี้เรียกอีกบอยแล้วบอยก็เดินตามแบบไม่มีไม่มีขลุ่ย ทันใดนั้นเองร่างเพียวก้หยุดเดินจนทำให้บอยมองหน้าอย่างงง ๆ ว่ามีอะไรหรือแล้วหญิงสาวก็เอ่ยขึ้น
“ถ้ายังอยากจะทำงานอยู่ ช่วยกรุณาบริการลูกค้าทุกคนไม่ว่าเขาจะแต่งตัวแบบไหนหรืออาชีพอะไรคุณก็ควรบริการลูกค้าให้ดี ถ้าแค่นี้ยังทำไม่ได้ก็ลาออกไปนอนอยู่บ้านนะคะ” แคทตี้พูดตอกใส่พนักงานที่ดูถูกตัวเองและเพื่อนแล้วแคทตี้กับบอยเดินออกจากร้านไป
“นี่เธอไปฝึกสกิลนี้มาจากไหน” บอยหันมาถามอย่างสงสัย
“ก็ตั้งแต่มาทำงานอะไรแบบนี้ ฉันก็ต้องปกป้องสิทธิของตัวเองไหม” แคทตี้พูดเสียงแข็ง
“เข้าใจ แต่เธอก็ต้องระวังตัวด้วยนะ” บอยรู้สึกเป็นห่วง
“อืม ฉันก็คอยระวังเรื่องโรคติดต่ออะไรพวกนี้ด้วย อีกอย่างฉันเองก็ไม่ได้ภูมิใจกับอาชีพนี้หรอก” แคทตี้ถอนหายใจอย่างแรง
“เอาเถอะ ถ้าเธอหางานดี ๆ ได้เมื่อไร ฉันว่าชีวิตเธอคงดีขึ้นแน่นอน” บอยจับมืออีกฝ่ายเพื่อให้กำลังใจ
“ฉันว่า.......ถ้าพอมีเงินเก็บฉันอยากจะทำธุรกิจเสื้อผ้าเป็นของตัวเองแล้วเขียนหนังสือชีวประวัติของฉันเพื่อให้ทุกคนที่กำลังท้อมีแรงผลักดันขึ้นมา” แคทตี้พูดยิ้มร่ากับความฝันที่ตนวางแผนเอาไว้
“ฉันเชื่อว่าเธอทำได้” บอยยิ้มอย่างดีใจที่เพื่อนของตนนั้นมีความฝัน
ทันใดนั้นเองหญิงสาวก็รู้สึกเหมือนอาการวูบออกมาจากหัวใจจนทำให้ชายหนุ่มสังเกตอาการของหล่อนที่กำลังเดินโซเซอยู่เลยเอ่ยถามขึ้นมาว่าเป็นอะไรมากไหมหรือมีอาการเจ็บป่วยอะไรมากหรือเปล่า พอเห็นสีหน้าของหญิงสาวแล้วกับทำให้ชายหนุ่มตกใจเล็กน้อยเมื่อน้ำตาเริ่มไหลอาบแก้มเนียน สีหน้าดวงตานั้นบ่งบอกถึงความโศกเศร้าที่ไม่ได้บอกใครมาก่อน
“แคทตี้ เธอเป็นอะไรไหมทำไมดูเศร้าจัง” บอยเป็นห่วงหญิงสาวว่ามีอะไรที่ร้อนทุกข์ใจมากน้อยขนาดไหน
“ไม่รู้สิ ทำไมความรู้สึกนี้เหมือนฉันกำลังจะจากโลกนี้ไปเลย” แคทตี้พูดน้ำเสียงสั่น ๆ
“ใจเย็น ๆ มีอะไรค่อย ๆ พูด” บอยลูบหลังพยายามคอยปลอบให้อีกฝ่ายใจเย็นขึ้น
“คือว่า......ฉันมีลางสังหรณ์แปลก ๆ เข้ามาในหัวอย่างบอกไม่ถูก บอยฉันฝากอะไรอย่างหนึ่งหน่อยสิ” แคทตี้หันมาบอยแล้วจับมืออีกอย่างอย่างแน่น
“ว่ามาสิ” บอยพยักหน้าตอบ
“ฉันอยากให้นายช่วยลินดาห่างออกจากแม่และไอ้ตาพลนั่นให้ได้มากที่สุดแล้วถ้าเป็นไปได้ ฉันอยากให้น้าพรติดต่อพ่อให้มารับลินดาไปอยู่ด้วย เผื่อฉันเป็นอะไรไปขึ้นมาอย่างน้อยก็ยังคนดูแล” แคทตี้สะอึกสะอื้น
“ได้สิ ฉันยินดีช่วยเสมอ อีกอย่างอย่าพูดอะไรที่มันไม่เป็นมงคลได้ไหม” บอยพูดน้ำเสียงอย่างนิ่มนวล
“ขอโทษนะที่ทำให้นายเป็นห่วง” แคทตี้ยิ้มตอบ
“ติ้ง!!!!”
เสียงข้อความดังขึ้นมาทุกคนหยิบโทรศัพท์ของตนเอง ชายหนุ่มเปิดหน้าจอมาไม่ได้มีการแจ้งเตือนอะไรเข้ามา แต่ปรากฏว่าเป็นเสียงโทรศัพท์ของแคทตี้ทำให้บอยเก็บโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกง แคทตี้เปิดอ่านข้อความที่ส่งมาในแชทกลุ่มซึ่งเป็นกลุ่มที่รับงานเอ็นเตอร์เทรนแล้วดูรายละเอียดงานต่าง ๆ ทำให้แคทตี้อึ้งไปสักพักเพราะสถานที่ที่จะต้องไปนั้นเป็นสถานบันเทิงที่อยู่ใกล้มหาวิทยาลัยของตน
“แคทตี้!!!!” บอยขึ้นเสียงใส่แคทตี้เพื่อให้แคทตี้หลุดจากภวังค์
“ปะ....เปล่า แค่มีงานเข้าเฉย ๆ ”แคทตี้ส่ายหน้า
“ถ้าไม่ไหวจริง ๆ อย่าฝืนเลย” บอยพูดปลอบ
“แต่งานนี้เขาให้เงินเป็นจำนวนมากเลยนะและสามารถส่งน้องสาวได้ถึงมอหกเลย”แคทตี้พูดจาตะกุกตะกัก
“เรื่องเงินเข้าใจ แต่สภาพร่างกายจิตใจแกก็ไม่ไหวแล้วไหม” บอยพูดน้ำเสียงถอนหายใจ
“ฉัน......” แคทตี้พยายามจะพูดหาเหตุผล
“เอาละ ฉันจะให้เธอเป็นคนตัดสินใจเองแล้วกัน แต่อย่าลืมดูแลสุขภาพตัวเองให้มาก ๆ ละ” บอยสูดลมหายใจเฮือกใหญ่เพราะไม่อยากจะพูดอะไรมากความ
“บอย ฉันไปก่อนนะ พอดีต้องรีบไปทำงาน” แคทตี้สะกิดตัวบอย
“งานที่เธอดูในแชทใช่ไหม” บอยถาม
“ใช่!!! ฉันตอบตกลงไปแล้ว” แคทตี้พยักหน้าตอบ
“โอเค ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากลให้รีบออกห่างทันทีนะ” บอยแสดงออกสีหน้าที่จริงจังให้แคทตี้ระวังตัว
“ได้ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นฉันจะรีบตีตัวออกห่างทันที” แคทตี้ยิ้ม
ทั้งคู่ได้แยกย้ายต่างคนต่างกลับไป ส่วนบอยนั้นไม่ได้มีอะไรที่เร่งรีบอยู่แล้วจึงไปเดินเล่นต่อเพื่อความสบายใจของตนเอง ส่วนแคทตี้ก็เดินทางกลับคอนโดที่บอยกับเก่งอยู่ถึงแม้ตนจะมีหอพักแต่เก่งอยากให้แคทตี้อยู่ที่คอนโดเพราะจะได้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายที่หนักหนาสาหัสมากอย่างน้อยก็จะสามารถส่งเงินให้น้องสาวของตนได้เหลือเฟือ แคทตี้เองก็ไม่อยากรบกวนสองคนมากเท่าไรจึงไปเอาของบางส่วนที่คอนโดกลับมาที่หอพักของตนอาศัยอยู่
พอมาถึงหอพักแล้ว บรรยากาศห้องดูอึมครึมเหมือนไม่มีคนอยู่มาเป็นสิบกว่าวันแล้ว น้ำไฟก็สามารถใช้ได้ตามปกติ หญิงสาวเริ่มเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปอาบน้ำทันที เสียงน้ำไหลจากฝักบัวไหลลงบนเรือนร่างของเธอที่มีสีหน้าดูเศร้าสร้อย มือเรียวจัดการรวบผมที่เปียกน้ำแล้วกดยาสระผมใส่ในฝ่ามือเล็ก ๆ จนมีฟองปนมาบ้าง มือเล็กจัดการบรรจงยาสระผมที่อยู่บนมือค่อย ๆ ขยี้ไปบนหัวเบา ๆ จนเกิดฟองที่เพิ่มมากขึ้นจนมาทั่วเส้นผมที่ยาวตามมาแล้วค่อย ๆ ล้างออกให้สะอาด พอหลังจากอาบน้ำจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ได้ทำการเป่าผมที่กำลังเปียกอยู่นั้นให้แห้งจนสนิทแล้วจัดการแต่งตัวทันที
ณ ผับใกล้มหาวิทยาลัย
บรรยากาศภายในผับนั้นมืดสลัวที่เต็มไปด้วยแสงสีเสียงบรรยากาศผู้คนต่างสนุกสนานต่างคนต่างเต้นไปตามจังหวะเพลงที่ดีเจเปิด แสงที่ดูส่องไฟไปมาจนมั่วไปหมดจนไม่รู้ว่าใครทำอะไรบ้าง พอเสียงเพลงดังขึ้นเป็นจังหวะHip-Hopนั้น ทุกคนที่เต้นอยู่นั้นกลับกรีดร้องอย่างเร้าใจ แต่ก็มีกลุ่มคนที่ไม่ได้อินกับเพลงที่เปิดด้วยยังมีโต๊ะบาร์ไว้สำหรับคนที่ชอบนั่งคนเดียวถือซะว่าฟังเพลงไปในตัวจิบเครื่องดื่มอย่างชิว ๆ
ทั้งสี่หนุ่มได้เดินเข้ามาในร้านแล้วมองรอบ ๆ บรรยากาศของร้านที่ดูแล้วถือว่าเป็นร้านที่สามารถเข้ามาเที่ยวดื่มได้เพราะราคาเป็นมิตรสำหรับนักศึกษา เพชรได้หันไปคุยกับบาสอย่างเอ่ยชมว่าร้านดูดีเลยทีเดียว ทันใดนั้นมีบริกรมาต้อนรับสี่หนุ่ม
“ยินดีต้อนรับครับ” บริกรเดิรมาต้อนรับ
“เอ่อ.....พวกเราได้จองห้องVIPไว้” เพชรเอ่ยขึ้น
“ขอรายชื่อที่จองหน่อยครับ” บริกรเช็ครายชื่อจากสมุด
“ชื่อเพชร” เพชรตอบเสียงเรียบ
“โอเคครับ เชิญทางนี้ครับ” บริกรยิ้มแล้วเดินนำไปที่ห้องVIP
ทั้งสี่หนุ่มเดินตามบริกรไปห้องVIPที่จองไว้ทางเดินนั้นค่อนข้างจะลึกลับมากไม่มีกล้องวงจรปิดที่คอยสอดส่องในเรื่องของความปลอดภัยเลย บริกรหนุ่มเปิดห้องVIPที่ได้จองไว้แล้วอธิบายวิธีการสั่งเครื่องดื่มต่าง ๆ ให้ทั้งสี่หนุ่มแล้วเข้าไปที่ห้องได้เลยทันที ภายในห้องVIPนั้นซึ่งภายในห้องมีแสงไฟประดับห้องเป็นไฟเส้นLED ที่ทำให้บรรยากาศดูทำให้อยู่ในผับข้างนอกแต่มีความเป็นส่วนตัวและกำแพงห้องหนาทึบจนแทบไม่ได้ยินเสียงจากข้างนอกและข้างในเลย
“เป็นไงบ้าง ที่กูเลือกมาโอเคไหมวะ” บาสเอ่ยถามแล้วกระโดดนั่งบนโซฟา
“โอเคดีนะ แต่แปลกอย่างหนึ่ง” เพชรพยักหน้าแล้วมองไปรอบห้อง
“แปลกเรื่องอะไร ไม่เห็นมีอะไรแปลกเลย” บาสขมวดคิ้ว
“ทำไมทางเข้าแม่งดูลึกลับจังวะแถมไม่มีทางหนีไฟหรือกล้องวงจรปิดอีก” เพชรดูเหมือนจะไม่ค่อยชอบเท่าไร
“เออ! กูสังเกตมาสักพักละทางข้างหน้าก็ไม่มีทางหนีไฟไม่รู้ว่าจะโดนไฟคอกเมื่อไร” จินส่ายหน้าอย่างกลัว
“จริง! พามาที่แบบนี้นะ ฉันขอผ่าน” เก่งพูดน้พเสียงเกร็ง ๆ
“อย่าซีเรียสกันสิ! มาเที่ยวสนุก ๆ นะเว้ย” บาสพยายามกล่อมเพื่อนให้ใจเย็น
“ก็ได้ถือว่าเห็นใจนายที่พามาแล้วกัน” เพชรพูดปัดจบเพราะไม่อยากจะเซ้าซี้มาก
“เออ! กูได้เรียกสาว ๆ มาเอนเตอร์เทรนพวกเรา แต่ละคนนะแจ่ม ๆ ทั้งนั้นเลย” บาสยิ้มอย่างตื่นเต้น
"แล้วจะมาอีกเมื่อไรละ” เพชรหันมาถาม
“น่าจะไม่เกิน15นาทีมั้ง เดี๋ยวกูตามอีกที” บาสหยิบโทรศัพท์เพื่อที่จะโทรหาคนรับงาน
“งั้นเดี๋ยวพวกฉันสั่งเครื่องดื่มก่อนนะ” เก่งสะกิดเพชร
เก่งกับจินก็ได้สั่งอาหารและเครื่องดื่มมาที่ห้อง ส่วนเพชรกับบาสก็นั่งเลือกเมนูว่าจะสั่งอะไรเพิ่มเติมอีกไหม จากนั้นกดกริ่งเรียกพนักงานมารับออเดอร์จนพนักงานผู้ชายเดินมารับออเดอร์ไปทั้งสี่หนุ่มก็ได้ให้ทิปกับพนักงานไป ตอนแรกบาสปฏิเสธว่าแทนที่จะให้ตอนเลิกแต่เพชรยืนยันคำขาดว่าจะให้ตอนนี้เพราะตอนหลังจากนี้ทุกคนจะมีสติหลงเหลืออยู่ไหมบาสเลยตามน้ำไปกับเพชร ทั้งสี่คนนั่งไปตามมุมโซฟาที่ตนจองไว้แล้วเผื่อที่นั่งที่ผู้หญิงจ้างมาดูแลอีกด้วย ทันใดนั้นอาหารและเครื่องดื่มมาเสริฟ์ไว้ที่โต๊ะจินเป็นคนเริ่มเปิดทานอาหารก่อนเพราะตนนั้นหิวจัดจนพวกเพชรแซวว่าไม่มีคนทำอาหารให้ทาน จินใช้เท้าสะกิดขาเพชรเบา ๆ เพื่อให้อีกฝ่ายหยุดแซว
“เก่ง!!! ช่วยฉันหน่อย” จินขยับตัวไปที่ตัวเก่ง
“ไม่อะ นายเป็นคนเริ่มไปแซวบอยเองนี่นะ” เก่งอมยิ้ม
“ไอจิน กูว่าอย่าไปสนใจขี้ข้าเลย มาสนใจพวกสาว ๆ ที่กูเรียกมาเถอะ” บาสเบ้ปากใส่
“ไม่อะ กูหาคนที่อยากดูแลชีวิตกู” จินส่ายหน้าจนผมที่เซ็ตมาเริ่มยุ่ง
“โรแมนติกจะอ้วกตายห่า” เพชรทำหน้าเจื่อนแล้วเอามือปิดปากทำท่าเหมือนจะอาเจียน
“เว่อร์แล้วไอเพชร!!!” จินยูหน้าใส่อย่างไม่สงบสุขที่เพื่อนชอบล้อเลียน
“กริ้ง!!!!!!” เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ทุกคนหยุดชะงักดูว่าเสียงโทรศัพท์ของใครดังจนบาสยกโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วบอกว่าเป็นของตนจึงรับสายปลายทางที่โทรมา บาสขอเดินออกไปคุยหน้าห้องก่อนส่วนพวกเพชรก็นั่งดื่มกินตามปกติ บาสที่ออกไปคุยโทรศัพท์เดินเข้ามาแล้วยิ้มกรุ้มกริมมาที่นั่งของตน
“ไอบาส! มึงยิ้มอะไรของมึงวะ” เพชรมองอย่างสงสัย
“เอ้า! ก็พวกผู้หญิงกำลังจะมาถึงห้องพวกเราแล้ว!!!” บาสพูดเบิกตากว้างเล็กน้อย
“ใจเย็นไอบาส มึงอย่าเพิ่งออกอาการ” จินตบไหล่บาสเบา ๆ
“มาแล้วค่ะ” เสียงหญิงสาวเอ่ยขึ้นมาแล้วเดินมาที่ห้องของสี่หนุ่มที่เรียกมา หญิงสาวที่มาด้วยกันนั้นมีทั้งหมดสี่คนแต่ทำให้ทั้งสี่หนุ่มตกใจมากไปกว่าเดิมเพราะว่าหนึ่งในผู้หญิงที่มาด้วยนั้นเป็นผู้หญิงที่เพิ่งได้เจอกันเมื่อตอนเช้าที่สำคัญเก่งรู้จักผู้หญิงคนนั้นเป็นอย่างดีคือ“แคทตี้” หญิงสาวเองก็รู้สึกอึดอัดใจที่ได้มาเจอคนที่เขารู้จักและเพื่อนของเขาด้วย เก่งอดใจไม่ได้จึงลุกไปกระชากคอเสื้อของบาสทำให้อารมณ์ของเก่งพุ่งปรี๊ดขึ้นจากความโกรธที่เพื่อนของตนนั้นไม่คัดกรองมาก่อน เพชรกับจินพยายามแยกตัวเก่งกับบาสและห้ามปรามไว้แต่ไม่สำเร็จ เก่งจึงผลักตัวเพชรอย่างแรงจนตัวเพชรกระเด็นไปที่โซฟาแล้วเงื้อมัดชกหน้าบาสอย่างจัง แคทตี้รวมถึงหญิงสาวคนอื่นก็ตกใจกับเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าไปด้วย แคทตี้เลยวิ่งเข้ามาห้ามเก่งไว้
“เก่ง!!!! พอได้แล้ว!!!!” แคทตี้กอดรั้งเก่งเอาไว้
“ใครจะไปรู้ว่าแม่นี่มันมาวะ” บาสชี้หน้าใส่แคทตี้
“เก่ง! พอแล้ว! ฉันเป็นคนตกลงงานนี้เอง ไม่มีใครบังคับมาทั้งนั้น” แคทตี้ส่ายหน้าแล้วเริ่มมีเสียงสะอึกสะอึ้นเหมือจะร้องไห้
“แคทตี้ เธอทำงานแบบนี้ด้วยเหรอ” จินยืนอึ้ง
“ชะ....ใช่! ฉันทำงานนี้เองอีกอย่างที่ฉันทำเพื่อความจำเป็นทั้งนั้น” แคทตี้พยักหน้าอย่างเกร็ง ๆ
“โธ่!!! ก็แค่เด็กเอนเอง แล้วจะอะไรหนักหนาอาชีพก็ไม่ต่างจากกระ........” บาสพูดจาใส่แคทตี้อย่างเหยียดหยาม จนเพชรมาห้ามเอาไว้
“ไอบาส! พอก่อน!!!” เพชรพูดห้ามปรามใส่บาส
“ก็จริงไหมละ!” บาสโวยวาย
“เอาหมัดของกูเพิ่มไหม” เพชรมองบาสสายตาอาฆาตแล้ววอร์มกำมือของตน จนบาสเริ่มสงบสติอารมณ์เพราะไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดให้มาก อีกอย่างเพชรตัวใหญ่กว่าเขาถ้าชกหน้าทีกระเด็นไปตรงประตูได้เลย
“ไอเก่ง” เพชรล้วงกระเป๋าสตางค์แล้วหยิบเงินมาออกมาได้หลายหมื่นบาท
“นี่ เอาไว้ให้ผู้หญิงของนาย ส่วนเธอถ้าเริ่มรู้สึกไม่หรืออะไรก็แล้วแต่ ควรพาเก่งไปด้วยนะแล้วถ้าจะกลับบ้านสามารถบอกเก่งได้เลย” เพชรยื่นเงินมาให้แคทตี้
“อืม” แคทตี้พยักหน้าแล้วหยิบเงินที่เพชรให้มา
“ไม่เป็นไรเพชร เดี๋ยวเราจัดการเอง” เก่งส่ายหน้าบอกว่าไม่เป็นไรแล้วโอบเอวแคทตี้ให้ไปที่นั่งของตน
“สาว ๆ ครับ ไม่ต้องกลัวไปนะแล้วก็ขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนะครับ ขอให้ทุกคนสนุกอย่างเต็มที่ ถ้าดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี เดี๋ยวจะให้ทิปแบบจัดหนักจัดเต็มเลย” เพชรพูดแก้สถานการณ์เพื่อทำลายบรรยากาศความตึงเครียดให้กลับมาสนุกสนานอีกครั้ง
“ขอบคุณค่ะ” พวกสาว ๆ ก็ยิ้มอย่างดีใจเพราะอย่างน้อยถือว่าทิปหนัก สาว ๆ เลยเลือกไปหาสามหนุ่มที่ตนอยากเอนเตอร์เทรนให้
“คุณพี่ขา......สนใจรับเครื่องดื่มอะไรเพิ่มไหมคะ” หญิงสาวนั่งเอี้ยวตัวไปหาจินแล้วปัดผมที่ยาวดัดลอนไว้ข้างหลังเพื่อให้ได้เห็นเนินหน้าอก
“ ไม่ต้องมาใกล้ตัวฉัน เกะกะ!! แค่นั่งดื่มเฉย ๆ ก็พอแล้ว” จินเมินหน้าหนีแล้วให้หญิงสาวถอยห่างจากตัวเขาจนหญิงสาวนั่งหุบยิ้มทันที
ส่วนเก่งกับแคทตี้นั่งกันอยู่นานแล้วไม่ได้มีการตอบโต้แต่อย่างใดถึงแม้ทุกคนที่อยู่ในห้องกลับสังสรรค์กันอย่างปกติสุข ทั้งอาหารและเครื่องดื่มที่สั่งมานั้นแทบจะทานอะไรไม่ลงแล้วจนแคทตี้เริ่มอึดอัดเลยเป็นฝ่ายเปิดบทสนทนาก่อน
“นายยังโกรธฉันอยู่อีกเหรอ” แคทตี้หันถามอย่างเกร็ง ๆ
“อืม ทำไมเธอถึงทำอะไรโดยไม่คิดหน้าคิดหลังเลย” เก่งหันหน้ามาหาแคทตี้แล้วมีสีหน้าที่นิ่ง
“ฉันมีความจำเป็นที่จะต้องส่งเงินให้ลินดาเพราะจะได้เก็บเงินเป็นทุนการศึกษา เลยเห็นงานนี้แล้ว.....ฉันก็เลยรับ” แคทตี้เม้มปากมีสายตาที่ดูเศร้า
“เธอไม่จำเป็นต้องคิดว่าคนอื่นลำบากเลยนี่!!! อีกอย่างลินดาก็อยู่กับน้าพรแล้วไม่ใช่เหรอ” เก่งส่ายหน้าที่แคทตี้มีความคิดแบบนี้ถึงแม้จะดูเห็นแก่ตัวก็ตาม
“ฉันก็อยากให้น้องมีอนาคตทีดีไหม อีกอย่างคนอย่างนายจะไปเข้าใจอะไรกับครอบครัวที่ไม่พร้อมแล้วไม่เคยซับพอร์ตแบบนายนี่” แคทตี้เริ่มมีอารมณ์โกรธขึ้นหน้า
“ฉันไม่ได้ว่าไม่ได้เห็นใจเธอนะ แต่เธอต้องมีสติก่อนที่จะคิดทำอะไรแบบนี้ งานที่เธอทำอาจจะเยอะก็จริงแต่คนรอบข้างเขาจะคิดยังไง ถึงแม้เธอจะเลิกอาชีพนี้ไป แต่คนที่เข้ามาหาเธอเคยเห็นที่ทำอาชีพนี้เขาก็จะมองเธอที่เป็นอดีตเท่านั้น” เก่งพูดถอนหายใจแล้วลูบไหล่แคทตี้เพื่อให้แคทตี้ได้ทบทวนในสิ่งที่ตนทำ
“เก่ง ฉันไม่รู้จะพูดยังไงดี” แคทตี้ส่ายหน้าจนเริ่มน้ำตาคลอ
“ฉันรู้ว่าเธอลำบาก แต่ก็มีงานอื่นที่ทำแล้วก็ได้เงินถึงอาจจะไม่ได้มากมายอะไรอย่างน้อยเธอจะได้ไม่มีใครมาลดทอนคุณค่าในตัวเธอได้” เก่งยิ้มให้กำลังใจแคทตี้ที่ตกระกำลำบากอยู่
“ขอบใจนะ แต่ฉันจะกลับขอคิดนะว่าจะเอายังต่อกับชีวิต” แคทตี้เริ่มใจชื้นขึ้นมาแล้วปัดคราบน้ำตาที่ไหลอาบลงแก้ม
“โอเค เดี๋ยวทานอาหารก่อนแล้วกัน ถ้าเธออยากกลับบ้านบอกฉันแล้วกันนะ” เก่งให้แคทตี้ทานอาหารลองท้องไปก่อน
แคทตี้นั่งรับประทานอาหารบนโต๊ะที่สั่งไว้ก่อนหน้านั้นแล้วทุกคนเริ่มสนุกสนานอย่างเต็มที่แล้วได้สั่งเครื่องดื่มกับอาหารมาเพิ่มดูเหมือนว่าจะได้ไปต่อกันยาว เพชรเริ่มเล่นเกมท้ายทายฉบับคนแฮงค์เอ้าท์กันทุกคนในห้องก็รับคำท้ากันเพื่อดื่มเครื่องดื่มที่เป็นแก้วซ็อตถ้าใครแพ้ให้ดื่มช็อตนั้นให้หมดเวียนไปมาจนเริ่มได้ที่ต่างคนก็ต่างเริ่มมึนหัวจากการดื่มแอลกอฮอล์ แคทตี้เริ่มรู้สึกไม่ดีเหมือนกำลังจะอาเจียนเลยบอกเก่งว่าตนจะไปเข้าห้องน้ำ เก่งถามว่าไปไหวไหมแคทตี้พยักหน้าเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงความสบายว่าตนนั้นไม่ได้เมามาก เก่งยังพูดย้ำว่าถ้าเธอไม่สบายเมื่อไรให้เธอกลับบ้านได้เลยทันที เก่งเลยให้แคทตี้ไปเข้าห้องน้ำคนเดียว หลังจากนั้นเวลาผ่านไปประมาณสามสิบเกือบสี่สิบนาทีแคทตี้ก็ไม่ได้กลับมาที่ห้องVIPมาสักพักหนึ่งแล้ว เก่งเริ่มสงสัยว่าแคทตี้นั้นหายไปไหนทำไมถึงไปเข้าห้องน้ำนานจัง ทันใดนั้นในหัวสมองนึกขึ้นมาได้ว่าตนเองได้พูดกับแคทตี้ไว้ว่าถ้ารู้สึกไม่สบายตัวก็ให้กลับบ้านไปได้เลย เก่งจึงไม่ได้คิดอะไรที่เป็นอันตรายเลย พอสักหนึ่งถึงสองชั่วโมงเขาเองก็จะโทรเช็คกับบอยไว้ว่าแคทตี้กลับมาอย่างปลอดภัยไหม
จนเวลาเริ่มผ่านไปเป็นเที่ยงคืนคนข้างนอกก็เริ่มที่จะกลับกันบ้านแล้ว แต่ก็มีคนบางกลุ่มที่นั่งดื่มกินกันยังร้านปิด พวกเพชรเองก็เริ่มเมาไม่เป็นผู้เป็นคนมากเท่าตอนเข้าร้านแล้ว ส่วนจินกับบาสก็ยังพอมีสติอยู่บ้างแต่สติก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวมากหนัก เก่งจึงบอกเพชรว่าขอไปคุยโทรศัพท์ข้างนอกเพชรก็ตอบเสียงยาน ๆ ว่าตนรับทราบแล้ว เก่งออกมาโทรศัพท์ข้างนอกห้องที่ตนดื่มแล้วเริ่มโทรหาบอยทันที
“เออ บอย” เก่งเรียกเสียงปลายสาย
“ว่าไง” บอยตอบอย่างงัวเงีย
“แคทตี้กลับมาที่คอนโดหรือยัง” เก่งพยายามคุมสติเพื่อให้ได้คุยรู้เรื่อง
“ยังเลย!!! นายอยู่ไหน” บอยพูดเสียงสูงใส่
“เอ้า! ยังไม่กลับมาอีกเหรอ!” เก่งเริ่มมีสติมากขึ้นเพราะแคทตี้ยังไม่ได้กลับคอนโดของตนเลย
“แล้วนายอยู่ไหน” บอยซักถามอย่างจริงจัง
“ผับใกล้ ๆ มหาลัยเรานี่แหละ” เก่งตอบเสียงอ่อน ๆ
“ห๊ะ!!! อะไรนะ!!!! ผับใกล้ามหาลัยแล้วนายเจอแคทตี้ครั้งสุดท้ายเมื่อไร” บอยตะโกนใส่
“ครั้งสุดท้ายก็ตอนที่แคทตี้ไปเข้าห้องน้ำนี่แหละ” เก่งเริ่มกลัวว่าแคทตี้จะเกิดอันตรายขึ้น
“นี่นาย!!!! ไม่ระวังตัวเลยนะ รีบไปตามหาแคทตี้ด่วนเลยนะไม่รู้ว่าแคทตี้ตกอยู่ในอันตรายหรือเปล่า แล้วควรบอกพวกเพื่อนนายด้วย” บอยดุเก่งอย่างแรงแล้วให้รีบไปตามตัวแคทตี้อย่างไว
“เออ ๆ ฉันบอกเพื่อนฉันแล้วจะรีบหาแคทตี้เลย” เก่งวางสายแล้วรีบไปบอกเพื่อนที่อยู่ในห้อง
“พวกนาย!!!! แคทตี้หายตัวไป!!!” วิ่งมาบอกทุกคน
“อะไรนะ” เพชรพูดไม่ได้สติ
“แคทตี้หายตัวไป!!!! ตอนที่ฉันโทรหาเพื่อนฉันว่าแคทตี้กลับมาไหม เพื่อนฉันบอกว่าแคทตี้ยังไม่กลับมาเลย” เก่งพูดตะโกนเสียงดังเพื่อให้ทุกคนได้สติกันมากขึ้น
“ล่าสุดแคทตี้ไปไหน” จินถาม
“ล่าสุดเห็นบอกว่าจะไปเข้าห้องน้ำแล้วฉันก็บอกว่าถ้าเธอไม่สบายตัวหรืออะไรก็ให้กลับบ้านไปเลย” เก่งพยายามนึกเหตุการณ์ที่คุยกัน
“เอางี้นะ ทุกคนรีบไปตามแคทตี้ก่อนเถอะว่าอยู่ที่ไหน เผื่อแคทตี้อาจจะนอนเมาอยู่แถว ๆ ร้านก็ได้” บาสลุกขึ้นเพื่อที่จะเตรียมตัวตามหา
“โอเค งั้นทุกคนรีบไปตามหากันเลย” ทั้งสี่หนุ่มเดินออกจากห้องแล้วทิ้งสาว ๆ ที่นั่งงง ๆ อยู่ในห้องเก่งเดินตามหาในร้านว่าเห็นแคทตี้อยู่ตรงไหนของโต๊ะเผื่อเธออาจจะนอนฝุบอยู่บนโต๊ะเลยเดินตามทุกโต๊ะทั้งโต๊ะกลุ่มและที่นั่งบาร์ไม่เห็นวี่แววของแคทตี้แม้แต่น้อย
จนเก่งรีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำโชคยังดีที่คนไม่มีใครมาเข้าห้องน้ำเลยจึงถือวิสาสะเข้าห้องน้ำหญิงเผื่อเจอแคทตี้นั่งฝุบหมดสติไปในห้องน้ำ เก่งทำการเปิดประตูห้องน้ำจนครบทุกห้องแล้วไม่มีร่างของหญิงสาวที่ตัวเองรู้จักนั้นแม้แต่น้อย เก่งเริ่มรู้สึกไม่ดีแล้วว่าแคทตี้น่าจะไม่ปลอดภัยแล้วจึงรีบเข้าไปดูห้องน้ำชายแล้วเปิดประตูห้องทุกห้องจนครบก็ไม่เจอแคทตี้เช่นกัน เก่งรีบไปบอกบอดี้การ์ดที่อยู่หน้าร้านแล้วอธิบายรูปร่างสัณฐานว่าได้เจอผู้หญิงลักษณะสูงประมาณ170เซ็นติเมตร หน้าตาลูกครึ่งไทย-ฝรั่ง ใส่ชุดเดรสสั้นสีแดง บอดี้การ์ดส่ายหน้าว่าตนไม่ได้เห็นจริง ๆ เก่งยิ่งกังวลใจกว่าเดิมจึงเดินไปยังหน้าร้านแล้วหาตามซอกซอยต่าง ๆ แต่ก็ไม่พบเจอหญิงสาวเลย จนในที่สุดก็เลือกที่จะไปหลังร้านแต่ทางเข้าหลังร้านนั้นแปลกไปมากเพราะมีประตูออกเชื่อมกันหลายทางแถมไฟที่สาดส่องมานั้นสลัวแทบจะไม่ได้เห็นวิวทางอะไรเลย
เก่งพยายามเดินตามทางที่เต็มไปด้วยกองขยะและกองลังกระดาษวางกระจัดกระจายไม่เป็นระเบียบ ร่างสูงเหงื่อแตกเหมือนคนเพิ่งออกกำลังกายมาเสียงหายใจอย่างหอบกระหาย เก่งพยายามเรียกชื่อหญิงสาวอย่างดังเผื่ออีกฝ่ายจะได้ยินเสียงของตัวเองบ้าง แต่เรียกเท่าไรแล้วเสียงการตอบกลับมาก็ยังเงียบเช่นเดิม เก่งวิ่งตามทางแล้วหันไปไหนก็มีแต่กองขยะกองลังกระดาษที่ไม่รู้เลยว่าเป็นอะไรสถานที่ไหน ทันใดนั้นมีชายหนุ่มใส่ชุดเสื้อฮู้ดสีดำสนิทแล้วคลุมหน้าด้วยผ้าคลุมไหมพรมที่ปิดทั้งหัวกำลังเดินมาทางด้สนหลังของเก่งทำให้เก่งรู้สึกได้ว่ามีคนกำลังยืนอยู่ข้างหลังของตน เก่งค่อย ๆ หันมาจนเกือบจะเต็มตัวแล้วชายคนดังกล่าวก็ได้ฟาดหัวเก่งด้วยไม้เบสบอลเข้าไปอย่างจัง ทำให้เก่งสลบไปในทันทีชายปริศนาก็ได้ยืนดูร่างที่หมดสติว่าจะกลับมาฟื้นอีกไหม
เช้าวันต่อมาร่างสูงค่อย ๆ ขยับเนื้อขยับตัวขึ้นแล้วค่อย ๆ ลืมตาขึ้นแสงสว่างส่องแยงมาที่ตาทำให้ร่างสูงนั้นหลับตาปี๋เพราะแสบตา จากนั้นค่อย ๆ ลุกขึ้นมือหนาลูบหัวเบา ๆ เพราะเมื่อคืนตนได้โดนทุบตีอย่างหนักจนไม่ได้สติจากนั้นค่อย ๆ ลืมตาปรากฏว่าตนนั้นอยู่หลังร้านเหล้าที่ห่างไม่ไกลจากที่ตัวเองอยู่แล้วมือที่ลูบนั้นมีน้ำสีแดงไหลออกมาพอสมควร พอมองรอบ ๆ เป็นป่าหลังร้านที่ไม่ค่อยมีคนเข้ามาเท่าไร
จู่ ๆ มีอีกร่างหนึ่งที่นอนแนบนิ่งอยู่บนกองขยะ สายตาค่อย ๆ หันมาแล้วสิ่งที่ทำให้ร่างสูงตกใจเป็นอย่างมากเพราะตัวเองนั้นได้เห็นร่างที่นอนแนบนิ่งไปที่ทำให้ช็อกยิ่งไปกว่านั้นคือร่างของหญิงสาวที่ตามหามาเมื่อคืนแถมร่างที่นอนอยู่เต็มไปด้วยคราบเลือดที่อยู่ตามร่างกายทำให้รู้ได้ว่าหญิงสาวนั้นโดนแทงด้วยคมมีดไปหลายแผลและยังโดนยิ่งที่แขนข้างซ้ายของเธออีกด้วย ร่างสูงเริ่มสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้วว่าหญิงที่ตนรู้จักนั้นได้เป็นร่างไร้วิญญาณไปแล้ว ทันใดนั้นร่างสูงก็กรีดร้องอย่างดังจนชาวบ้านแถวนั้นเริ่มมาได้ยินเข้าแล้วมาตามเสียงว่าเกิดอะไรขึ้นจนได้เห็นร่างสูงนั่งขยับหนีกับศพและยืนมุงดูอย่างน่าเวทนาแถมชาวบ้านยังคิดว่าตนนั้นคือคนที่ฆ่าหญิงสาวแน่นอนจึงรุมกันจับร่างสูงเพื่อไม่ให้หนีไปได้แล้วจึงเรียกตำรวจมาทันที