คู่โชคชะตาของฉันคือคนที่ฆ่าพ่อแม่ของฉัน ทำไมถึงต้องเป็นแบบนี้ ทำไมต้องเป็นแก — ริช ภวินท์ อาร์เจนตัม
แอคชั่น,ไซไฟ,แฟนตาซี,ผจญภัย,ชาย-ชาย,ComingOfAge,เรื่องยาว,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Code He(a)vn; ตราบนานชั่วนิรันดร์คู่โชคชะตาของฉันคือคนที่ฆ่าพ่อแม่ของฉัน ทำไมถึงต้องเป็นแบบนี้ ทำไมต้องเป็นแก — ริช ภวินท์ อาร์เจนตัม
Genre : Fantasy • Sci-fi • NanoPunk • Action • Coming of age • Adventure
เนื้อหานิยายเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้เขียนเท่านั้น ทั้งเนื้อหา การบรรยาย และการกระทำของตัวละครล้วนไม่เหมาะสมด้านพฤติกรรม เพศ และความรุนแรง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน ผู้อ่านที่อายุต่ำกว่า 18 ปี ควรได้รับคำแนะนำ
ริช ภวินท์ อาร์เจนตัม เด็กชายที่สูญเสียพ่อแม่ไปด้วยเหตุหมู่บ้านโลหิตซากเกลือนเมื่อ 20 ปีก่อน
เขารอดมาได้ด้วยความตั้งใจของ มาลิก โฮเนอร์ คนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคู่โชคชะตาของเขา
สวัสดีค่ะ ขอฝากนิยายเรื่องนี้ด้วยนะคะ พึ่งเขียนแนวออริจินัลครั้งแรกเลย แถมเป็นแฟนตาซี ไซไฟ ซะด้วย!?! ถ้าชอบก็คอมเม้นกดเลิฟเรื่องนี้ได้นะคะ ขออนุญาตฝากแท็ก #ตราบนานชั่วนิรันดร์ #CodeHeavn ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ
ช่องทางการติดตามทั้งหมด
วันที่ 16 มกราคม ในปีพุทธศักราช 3562 หรือ คริสต์ศักราช 3019
ณ ประเทศไทย จังหวัดกรุงเทพมหานคร เขตสุขาภิบาล 5 หมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง ที่บ้านหลังเล็กๆและอยู่ในสุดของหมู่บ้านแห่งนี้ มีครอบครัวชาวต่างชาติและภรรยาคนไทยได้อาศัยพร้อมกับลูกชายตัวน้อยหนึ่งคนในวัย 4 ขวบ
หลายคนในระแวดใกล้เคียงมักจะชอบเรียกลูกชายของบ้านหลังนี้ว่า ‘เจ้าหนูตาสวย’ เพราะลูกชายของบ้านหลังนี้เป็นลูกครึ่งไทย-อิตาลี ที่มีนัยน์ตาสีเฮเซลนัทแกมเขียวข้างซ้ายและสีเฮเซลนัทแกมฟ้าข้างขวาคนละข้างได้อย่างเด่นชัด แม้จะอยู่ในที่แสงปกติก็ยังสามารถเห็นสีของดวงตาได้อย่างชัดเจน
ถ้ามองผ่าน ๆ เด็กชายคนนี้ผิดพ่อผิดแม่ไปเยอะมากแต่เขาเป็นลูกของทั้งสองคนจริง ๆ มีสิ่งเดียวที่เหมือนคือผมสีดำสนิทแวววับสวยดั่งหินเฮมาไทด์ ที่ได้มาจากแม่ของเขา ทว่ามันก็พิเศษกว่าอีกอยู่ดีเพราะมันเป็นสีดำที่ไม่เหมือนคนทั่วไป
และเด็กคนนี้เป็น อัลฟ่า
ยิ่งทำให้เขาโดดเด่นและเป็นที่พูดถึงทุกครั้ง แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครรู้ว่าริช ภวินท์ อาร์เจนตัมเป็นอัลฟ่าเลย เพราะว่าลูกบ้านนี้ไม่ยอมออกมาไปเที่ยวข้างนอกหรือแม้แต่จะมาเล่นหน้าบ้าน ทุกคนจึงเข้าใจว่าเขานั้นอาจจะมีปัญหาสุขภาพ คงไม่พ้นการที่ใครๆก็มองว่าเป็นโอเมก้าเสียมากกว่า
ทั้งหมดเกี่ยวกับเจ้าหนูตาสวยคนนี้ เป็นเพียงการโดนเจอแค่ครั้งเดียวของคนที่เดินผ่านเท่านั้น
“ริช หนูดูอะไรอยู่เหรอ?”
วิไลลักษณ์ อาร์เจนตัม เจ้าของเรือนผมสีดำยาวมัดหางม้าผู้เป็นมารดาที่มีเชื้อสายคนไทยของเด็กชายเจ้าของนัยน์ตาสีเฮเซลนัทแกมเขียวฟ้าคนละข้างอันแสนสวยนี้
“ผมกำลังดูการ์ตูนอยู่”
“งั้นเหรอ ถ้าหนูว่างมาช่วยแม่หยิบขนมที่พ่อซื้อมาให้ในครัวหน่อยสิลูก”
“ได้ครับ”
ริช ภวินท์ อาร์เจนตัม ลูกครึ่งไทย-อิตาลีที่เป็นแก้วตาดวงใจของพ่อแม่ แม้เขาจะเกิดมามีลักษณะเด่นคือสีตาที่ไม่เหมือนทั้งพ่อและแม่ แต่นั่นไม่เคยเป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตอะไร เพราะริชมักจะได้ทุกอย่างที่ต้องการเสมอ ถ้าพ่อกับแม่ยินดีมอบให้
'อยากไปเล่นบอลจัง’
นี่คือความต้องการเด็กน้อยที่ไม่สามารถเอ่ยขอกับพ่อแม่เขาได้ ส่วนสาเหตุที่ทำไม่ได้นั้นตัวริชเองก็ไม่เข้าใจรู้แค่ว่า
ริชเป็นเด็กไม่เหมือนคนอื่นกลัวจะถูกรังแก
เขาได้ยินแบบนี้เสมอ...
“อยู่ไหนนะ ใช่อันนี้รึเปล่า?”
และเขาเป็นเด็กที่ร่าเริงสดใสและชอบกินขนมเหมือนดั่งของเป็นโปรดที่สุดเลย ยิ่งแม่ของเขาให้ไปเอาขนมแบบนี้แล้ว ริชจะดีดตัวเองอย่างไวเลยในเรื่องพวกนี้ ขนมที่วางอยู่บนชั้นของเคาน์เตอร์ครัวถึงส่วนสูงนั้นจะไม่มากสำหรับเด็ก
แต่เด็กชายวัย 4 ขวบ ที่มีดวงตาสีเฮเซลนัทแกมเขียวฟ้าคนละข้างได้มองไปยังขนมนั้นแล้วตาของเขาได้ประกายแสงสวยตามสีตาแต่ละข้าง ขนมที่วางอยู่บนชั้นเคานต์เตอร์ไม่ไกลได้ลอยมาหาเขาจนถึงมืออย่างไร้รอยขีดข่วน
“ขนมคุ้กกี้ถ้วยแดงนี่น่า”
มันคือของโปรดของเด็กน้อยคนนี้เลย ไม่รอช้าเขาก็ไปหาแม่ที่กำลังวางจานบนโต๊ะเรียบร้อย นัยน์ตาของริชได้ส่องประกายอีกครั้งแล้วฝาขนมแดงได้เปิดออกเอง ขนมคุ้กกี้ได้ลอยออกมาเรียงวางจานบนโต๊ะ
วิไลลักษณ์ถึงกับถอนหายใจให้กับลูกชายของเธอที่ใช้พลังวิเศษตามใจตัวเองอีกแล้ว
“ริช แม่บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าใช้พลังมั่วซั่ว หากไม่จำเป็น”
“ขอโทษครับ ผมแค่อยากให้มันวางสวย ๆ น่ะ”
“ลูกอย่าลืม ลูกไม่เหมือนคนอื่นหากใครมาเห็นเขาจะทำร้ายลูกได้”
“ครับแม่ ผมขอโทษครับ”
เด็กชายไม่อยากให้แม่เสียใจ เขารีบขอโทษทันทีแล้วมือเล็ก ๆ ก็หยิบขนมคุ้กกี้เข้าปากแล้วกินคำเล็ก ๆ อย่างน้อยการกินขนมก็เป็นช่วงเวลาที่ริชมีความสุขกับการอยู่บ้านเฉย ๆ เขาเป็นคนที่ไม่คิดอะไรมากนับว่าเป็นข้อดีของเด็กน้อยคนนี้
ด้วยความที่ริชเป็นลูกคนเดียว พ่อแม่ของเขามักจะมอบทุกสิ่งทุกอย่างที่ร้องขอโดยไม่มีอะไรขาดเหลือแม้แต่นิดเดียว เลยมีของเล่นเต็มบ้านแล้วก็หนังสือนิทานมากมายนับถึงกมากกว่า 100 เล่มได้
แต่ห้ามออกไปข้างนอก..
นี่คือคำเด็ดขาดที่พ่อแม่ให้เขาไว้ ซึ่งเด็กชายริช ภวินท์ อาร์เจนตัมนั้นเชื่อฟังเป็นอย่างดี
เพราะถ้าไม่ทำตามแล้วล่ะก็ เขาจะถูกขังในห้องเก็บของใต้บันไดแทน...
มันทำให้เด็กน้อยกลัวมาก ๆ ถ้าหากมันเกิดขึ้นอีก ระหว่างนั้นเสียงโทรศัพท์ของวิไลลักษณ์ดังขึ้นเจ้าตัวรับสายแนบหูทันที
“ค่ะ ของมาส่งเหรอคะ”
ระหว่างที่แม่คุยกับคนส่งของ เด็กชายตัวน้อยก็เดินไปที่ห้องนั่งเล่นที่มีโซฟาอยู่แล้วหยิบรีโมตเปิด TV แล้วเลือกการ์ตูนที่อยากดูเหมือนเคย
“ริช ไปข้างในนะลูกเดี๋ยวพี่ขนส่งเขาจะมาแล้ว”
“ตอนนี้เลยเหรอครับ?”
ริชทำหน้าเสียดายเพราะเขาอยากดูการ์ตูนมากกว่า
“ใช่ ไปข้างในนะ ในนั้นมีของเล่นเยอะมาก ๆ ลูกเล่นได้ตามใจเลย”
“ผมเล่นหมดแล้วครับ มีของใหม่ไหม?”
“ไม่มี ไว้วันหลังแม่จะซื้อเพิ่มให้นะ ไปได้แล้ว”
แม่ของเขากระดิกนิ้วแล้วตัวเด็กชายก็ลอยไปที่ห้องข้างในที่มีแต่ของเล่นและเต็นท์เด็กที่สามารถนอนเล่นได้ในนั้น วิไลลักษณ์ก็เป็นคนที่มีพลังวิเศษเช่นเดียวกัน
พลังที่ริชเห็นส่วนมากจะเป็นทำให้เสียงเงียบหรือไม่ก็เลือกสิ่งของให้ลอยได้ตามใจ ซึ่งริชคิดว่าการที่เขาทำให้ของลอยได้อย่างใจนึกคงเป็นเพราะได้พลังแม่มาถึงเขา
“จะเล่นอะไรดี…”
ริชได้ลอยลงพื้นอย่างปลอดภัยพร้อมกับประตูที่ปิดให้สนิท และได้ล็อกจากด้านนอกเป็นที่เรียบร้อย
“วันนี้ก็ล็อคงั้นเหรอ จะได้ออกไปตอนไหนนะ?”
เพราะว่าการที่เด็กชายอยู่ในห้องนี้ คือต้องเล่นของเล่นที่มันเดิม ๆ ซ้ำ ๆ ด้วยตัวคนเดียวโดย ซึ่งตอนที่จะออกไปได้ต้องรอพ่อกลับมาหรือไม่ก็ริชที่เล่นจนเหนื่อยแล้วหลับในเต็นท์นั่นเอง
แต่เพราะห้องนี้ไม่มีหน้าต่าง เสียงรบกวนไม่มี
ริช ภวินท์ อาร์เจนตัมจะได้เจอเพื่อนคนหนึ่งที่เป็นผู้หญิงที่ตัวสูงกว่าเขา มีผมสีดำยาวถึงกลางหลังและไม่เห็นใบหน้าของเธอเลย อีกทั้งเธอยังสวมชุดนอนสีขาวกระโปรงยาวเลยเข่า บรรยากาศรอบตัวเธอก็เย็นมาก ๆ
“พี่นาตาชา วันนี้รอผมมาที่นี่เหรอ?”
ริช วิ่งไปหาเธอที่ยืนอยู่มุมห้องคนเดียว บรรยากาศยังคงเหมือนเดิมเลยสำหรับเขา เงียบเหงาและเศร้าโศก
“วันนี้พี่ขนส่งจะมา แม่ให้ผมมาอยู่ห้องนี้น่ะ ของเล่นก็เล่นหมดแล้ว น่าเบื่อ…”
“...”
“พี่นาตาชา เราจะเล่นอะไรกันดี?”
“...”
“พี่นาตาชาครับ…เราเล่นต่อจิ๊กซอว์ด้วยกันไหม”
ท่าทางเธอนิ่งเงียบใส่ ปกติแล้วเธอจะตอบบ้างแต่นี่ไม่เลย ริชที่เป็นห่วงพี่สาวตรงหน้าก็ได้เข้าไปหาเธอที่นั่งเงียบ ๆ เด็กชายก็สวมกอดนาตาชาพร้อมกับมองเธอที่แม้ผมจะยาวปิดหน้าและตัวเธอเย็นชืดก็ตาม
“ไม่สบายเหรอวันนี้?”
“...”
“บอกผมได้นะ เผื่อขอแม่ให้เอายามาให้ได้”
ริชเป็นห่วงนาตาชา แต่เขาก็หยิบดินสอสีและสมุดภาพมาวางกางตรงหน้า มือน้อย ๆก็จับปลายแขนเสื้อนาตาชาซึ่งเธอก็หันมาอย่างช้า ๆ
“วาดรูปกันเถอะนะ”
“...”
“เมื่อคืนริชฝันแปลก ๆ ด้วยล่ะฝันว่าตัวเองเห็นท้องฟ้าสีส้มแบบนี้เลย และมีดวงอาทิตย์อยู่ตรงกลางเหมือนเขากำลังร้องไห้เลย ทะเลก็เป็นสีส้ม อ๋อท้องฟ้ามันเป็นกลางคืนแต่ก็มีสีส้มด้วย”
ริชอธิบายภาพและวาดไปพร้อมกัน ซึ่งภาพก็เป็นเพียงแค่ลายเส้นขีดเขียนของเด็กน้อยเท่านั้น หญิงสาวที่เห็นภาพนั้นเอามือมาลูบหัวเด็กชายตัวน้อยของเขาอย่างเอ็นดู
“ไป..ข..ข้างนอก..กัน”
นาตาชาได้พูดขึ้นมาสั้น ๆ แถมเสียงยังพูดตกหายและไม่ชัดเท่าไหร่นัก หญิงสาวได้ลุกขึ้นเต็มส่วนสูง แล้วยกแขนขาวซีดขึ้นมาไปที่ประตูแล้วมันก็เปิดออกมาเอง เด็กชายที่เห็นผลลัพธ์ก็ตกใจไม่น้อยเขาตาค้างอ้าปากเหวอเมื่อเห็นแบบนี้
ที่สำคัญคือประตูมันล็อคจากด้านนอก
ถึงอย่างไรถ้าเกิดแม่มาเห็น คงโดนดุหนักแน่ ๆ แล้วเขาก็นึกถึงตัวเองที่อยู่ในที่มืด ๆ จากการถูกลงโทษที่จะตามมาทีหลัง
“พี่นาตาชา ทำไม–”
“ข้างนอก..รอเรา…อยู่”
“รอเราเหรอ?”
เท้าน้อย ๆ ได้เดินออกไปด้วยเสียงที่เบาที่สุดพร้อมกับปิดประตูล็อคไว้ด้วย เขาเดินเลยมาห้องโถงทางเดินระหว่างบันไดก็เห็นแม่ของเขาที่อยู่ชั้นพักเท้าและคุยโทรศัพท์คนเดียว ริชหยุดเดินและซ่อนตัว นาทีนี้หัวใจเขาเต้นไม่หยุดเลย
ไม่เข้าใจเลยทำไมเขาต้องซ่อนตัวจากแม่ตัวเองด้วย
ริชได้แต่สงสัยในสิ่งที่ตัวเองทำเป็นอย่างมาก แถมพี่นาตาชาคนนั้นก็ยืนตรงบันไดชั้นพักเท้าแล้วมองแม่โดยไม่กลัวจะถูกจับได้เลยแม้แต่นิดเดียว
“พี่นาตาชา…เดี๋ยวแม่ก็เห็นหรอก”
เด็กชายกระซิบเตือนพี่นาตาชาแต่เธอดูไม่สนใจเลย
“ริช…”
“ครับ?” ริชเอียงคอ
“ไปแล้ว…เรา..ข้างนอก”
จากนั้นร่างกายหญิงสาวในชุดขาวก็จางหายไป แล้วไฟตรงทางเดินมันก็ติด ๆ ดับ ๆ
“พี่นาตาชา…”
พอเห็นว่าร่างได้เรือนหายไป ซึ่งมันเป็นแบบนี้ประจำอยู่แล้ว เขาพอจับใจความได้ว่าพี่สาวคนนี้เขาพูดอะไรออกมา เด็กชายได้เลิกซ่อนตัวและมองไปที่ชั้นพักบันไดที่ไม่เจอแม่ตัวเองแล้ว
‘ขึ้นไปแล้ว’
เมื่อรู้สึกมั่นใจเขาได้รีบไปหน้าบ้านแล้วเปิดประตูออกมาพร้อมกับหัวใจที่เต้นรัวไปหลากหลายความรู้สึก
เด็กชายริช ภวินท์ อาร์เจนตัมไม่เคยได้ออกไปไหนเลย อยู่แต่ในบ้านมาตลอดแม้กระทั้งหน้าบ้านก็เช่นกัน ครั้งสุดท้ายที่เขาจำได้คือตอนย้ายเข้ามาที่นี่ใหม่ ๆ เท่านั้น
เท้าน้อย ๆ ได้สัมผัสพื้นดินด้วยเท้าเปล่า สิ่งที่ต้อนรับเขาคือลมเย็น ๆ ที่พัดโชยมาหาเด็กน้อย ผมสีดำดั่งหินเฮมาไทด์ปลิวไสวไปกับสายลม นัยน์ตาสองสีเฮเซลนัทฟ้าเขียวคนละข้างได้ประกายวาววับ รอยยิ้มอันแสนชอบใจได้เผยขึ้นมาบนใบหน้า
ข้างนอกที่เขาอยากเห็นมานาน ทุกคำสั่งสอนและข้อห้ามที่พูดกรอกหูทุกวันนั้น มันแทบหายไปหมดจนเหลือแต่ความอยากรู้อยากเห็นทั้งสิ้น
เพียงแค่ก้าวเท้าออกไปจากพ้นประตูด้วยเท้าเปล่าที่สัมผัสพื้นดิน หัวใจเขาก็เต้นรัวเป็นอย่างมาก เขาจะได้เห็นโลกภายนอกก็ต่อเมื่อผ่านประตูบานนี้เท่านั้น จังหวะที่ก้าวเท้าออกไปเรื่อย ๆ เสียงหัวใจก็ไม่ลดละ เขาได้ยินมันทุกอย่างเหมือนหัวใจนั้นได้สั่งเขาให้ทำมัน
ในตอนนี้ริช ภวินท์ อาร์เจนตัมไม่สามารถห้ามให้เขาหยุดความอยากรู้อยากเห็นได้เลย
ทั้งชีวิตตั้งแต่เกิดมาริชจะเห็นโลกภายนอกผ่านกระจกประตูหน้าบ้านเท่านั้น แม้ตอนย้ายบ้านริชก็ไม่ได้เห็นโลกภายนอกอะไร รู้อีกทีคือเขาก็มาอยู่ที่ใหม่โดยที่ตัวเองนั้นโดนปิดตาหรือไม่ก็…ให้ทานอะไรบางอย่างที่เด็กชายตัวน้อยนอนนานกว่าปกติ
ไม่เหมือนลมในบ้านที่มาจากพัดลม
มันมีกลิ่นบางอย่างที่เด็กชายน้อยคนนี้ไม่เข้าใจ
ทั้งอบอุ่นและหอมอย่างน่าอัศจรรย์
ริชชอบมันโดยไม่ต้องหาเหตุผล
ความรู้สึกนี้มันได้สร้างรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของเขา เจ้าของนัยน์ตาเฮเซลนัทสองสีฟ้าและเขียวได้ประกายส่องแสงแวววับเห็นถึงความสุข มันแปลกมากสำหรับเด็กชายจนเท้าน้อย ๆ ได้เดินออกไป พื้นปูนซีเมนต์ที่เขาไม่เคยได้เหยียบ ณ ตอนนี้มันสัมผัสมาที่เนื้อเท้าเปล่าเต็ม ๆ เขากลั้นรอยยิ้มชอบใจนี้ไม่อยู่
“พื้นอะไร แปลกจัง…”
ริชไม่รู้จักเลยพื้นที่เขาเหยียบช่างต่างในบ้าน เด็กชายมองไปรอบๆก็เจอรั้วประตูที่เหมือนนิทานที่เขาเคยอ่านว่ามันมีไว้กันขโมย แต่นั่นก็เป็นทางเดียวที่เขาจะได้เจออะไรที่ตื่นเต้นมากกว่านี้
ไม่รอช้าเด็กชายไปตรงนั้นและริชก็ได้ใช้พลังตัวเองที่ดวงตาสองสีจะส่องประกายแวววับจากนั้นมันก็ให้เขาลอยเหนือพื้นข้ามพ้นรั้วออกไปได้
“พื้นตรงนี้ก็แปลก”
เด็กน้อยพูดอย่างตื่นเต้นแต่มันก็ร้อนเท้าขึ้นมาเสียอย่างน้ัน ริชตกใจจนใช้พลังอีกครั้งแล้วตาสองสีของเขาก็ประกายส่องแสงทำให้เท้าตัวเองเย็นพอที่ไม่รู้สึกร้อนได้
“ดีขึ้นแล้ว…”
ริชยิ้มกับผลลัพธ์นี้ และเขาก็เงยหน้ามองท้องฟ้าที่มืดครึ้มฟ้าครึ้มฝนจนมีแสงสว่างได้มาสาดส่องมาที่ตัวเด็กน้อยจนเขาหลับตาแน่นด้วยเหตุว่าเขาแสบตา
ยิ่งไปกว่านั้นทุกอย่างมันเหมือนนิทานที่เขาเคยอ่านเป็นสมุดภาพที่เด็กชายคนนี้จำได้ว่าสิ่งนี้คือ…
“แสงแดด แสงอาทิตย์ มันเป็นแบบนี้เองเหรอ”
พอเห็นแสงส่องสว่างแล้วเด็กชายตัวน้อยวิ่งไปตามแสงนั้นโดยเอามือคว้าสูงไปเพื่อที่จะได้ไปจับมันด้วยความรู้สึกที่ตื่นเต้นแต่มันก็ร้อนและแสบตาจนริชหลับตาอีกครั้ง
เด็กชายตัวน้อยหยุดวิ่งแล้วให้ดวงตาปรับการมอง
“ตื่นเต้นจัง ว่าแต่…ฉันอยู่ที่ไหนเนี่ย”
ริชมองไปรอบ ๆ ก็เจอแต่บ้านรูปร่างทรงคล้าย ๆ กันเต็มไปหมด เด็กชายน้อยเริ่มใจหล่นมาหน่อยหนึ่งเพราะรอบด้านเหมือนกันไปหมด
ทว่าสายลมก็ได้มีพัดแรงให้เขารู้สึกสดชื่นอีกครั้งและเหมือนมีบางอย่างที่เด็กน้อยสัมผัสได้ คือสายลมที่พัดบอกทางให้กับริช
“คุณสายลมจะพาผมไปไหนเหรอ?”
เขาถามอย่างตื่นเต้นและสายลมก็พัดทิศทางให้อย่างที่ถามจริง ๆ ริชไม่รอช้าก็เดินตามสายลมที่โหมพัดมา โดยนั้นไม่รู้ว่าจะพาไปที่ไหนถึงอย่างนั้นเขาก็อยากออกไป อยากตามหาบางสิ่งที่เด็กน้อยนั้นไม่เข้าใจว่าทำไมเหมือนกัน