รัก,ชาย-ชาย,ไทย,ลึกลับ,พล็อตสร้างกระแส,feel good,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี,  นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
        
        
      
          "ฉันจะเตือนอีกครั้งนะ พวกนายไม่ควรทำแบบนั้นที่มหาวิทยาลัย"  หลินซีเอ่ยด้วยสีหน้าราบเรียบ "โดยเฉพาะอย่างยิ่งในห้องเรียน" 
 "ทำไม?" คุณใสวางช้อนในมือเสียงดังตึง "ที่หน้าห้องก็ไม่เห็นมีติดว่าห้ามจูบกันซะหน่อย กล้องวงจรปิดอะไรนั่นก็ใช้ได้แค่ตรงทางเดินเท่านั้นแหละ แล้วพวกฉันก็ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนด้วย..."
 
 ฉันไงคนเดือดร้อนดูต้นทางให้
 
 ใบหน้าราบเรียบของหลินซีเหมือนจะสื่อเช่นนั้น
 
 "อย่างน้อย นายก็ควรถามความรู้สึกของน้ำมนต์บ้างไม่ใช่หรือไง?"
 
 "น้ำมนต์ทำไม?" คุณใสดึงคนตัวเล็กที่ถูกกล่าวถึงมาไว้ในอ้อมกอดโดยไม่สนใจสายตาคนรอบข้าง "เจ้าตัวเล็กนี่ต้องให้ฉันคอยช่วย แตะนิดแตะหน่อยทำไมจะไม่ได้"
 
 "คุกคามทางเพศ" หลินซีสรุป
 
 ใช่...น้ำมนต์เห็นด้วย
 
 "คุกคงคุกคามอะไร คงไม่คิดว่าฉันคุกคามนายอย่างที่ยัยนั่นพูดจริงๆ หรอกใช่ไหมหืม...?"
 
 คุณใสบีบแก้มของน้ำมนต์เพื่อรีดเค้นเอาคำตอบ
 
 "นอกจากคุกคามแล้วยังข่มขู่ด้วย"
 
 ในขณะที่เพื่อนทั้งสองเขม่นใส่กันตาแทบถลน น้ำมนต์กลับต้องใช้ความพยายามอย่างหนักที่จะดิ้นให้หลุดจากมือปลาหมึกของคุณใส
 
 เป็นเวลากว่าครึ่งปีแล้วที่น้ำมนต์กับคุณใสทำข้อตกลงดังกล่าว แม้มันจะดูแปลกไปบ้าง แต่น้ำมนต์ก็พยายามจะคิดว่ามันเป็นเพียงหนึ่งในวิธีกลั่นแกล้งของคุณใส ถ้าถามว่าทำไมน้ำมนต์ไม่รู้จักขัดขืนหรือปฏิเสธ นั่นเพราะคุณใสเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของเขา ทั้งสองสนิทกันไม่ต่างจากคนในครอบครัว
 
 "ยังไง?" คุณใสจับใบหน้าของน้ำมนต์ให้หันมาสบตา
 
 "ยังไงอะไรเหรอ?"
 
 "นายยังไม่ตอบเลย" คุณใสทวนคำถาม "ฉันไม่ได้คุกคามนายใช่ไหม?"
 
 สายตาคาดคั้นของเพื่อนทั้งสองทำให้คนที่อยู่ตรงกลางถึงกับเหงื่อตก
 
 "เออ...บางทีนายก็ดูคุกคามอยู่บ้าง" น้ำมนต์พูดตะกุกตะกัก
 
 โดยเฉพาะเวลาที่คุณใสสอดลิ้นเข้ามา และลูบคลำไปทั่วโดยไม่จำเป็น
 
 หลินซียิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ ส่วนคุณใสก็ช็อกจนตัวแข็งทื่อเป็นหุ่นปูนปั้นไปเลย
 
 ชายขี้งอนหันไปนั่งกอดเข่า ทำปากขมุบขมิบพึมพำตัดพ้ออยู่คนเดียว ท้ายที่สุดก็จบที่น้ำมนต์ต้องเอาอาหารไปง้อเหมือนทุกที
 
 ในตอนนั้นเอง ร่างหนึ่งก็เดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ข้างโต๊ะอาหาร
 
 "ทำไมทำหน้ายู่แบบนั้นล่ะ"
 
 ชายผู้มาใหม่พูดกับคนที่กำลังงอน เขาสวมเสื้อคณะศิลปศาสตร์ เส้นผมสั้นเรียบตรงสีดำสนิท ทั้งดวงตา สันจมูกและริมฝีปาก ช่วยทำให้ใบหน้าของเขาดูอ่อนเยาว์ราวกับเด็กมัธยม ต้น ท่าทางและการแต่งตัวเรียบร้อยทุกระเบียบนิ้ว ทำเอาน้ำมนต์ต้องก้มลงจัดเสื้อผ้าตัวเองที่ยับยู่ยี่หลังจากถูกคุณใสกอดรัดฟัดเหวี่ยง
 
 ดวงตาของคุณใสเบิกกว้าง
 
 "เอ้า!...ไอ้ยู! ไหนบอกลงเรียนภาควันอาทิตย์ไง?"
 
 "อืม ตอนแรกก็คิดว่าเรียนแค่วันอาทิตย์มันจะดีอะนะ วันที่เหลือจะได้มีเวลาทำงาน สุดท้ายถึงได้รู้ว่าระยะเวลาเรียนแต่ละวิชาค่อนข้างเร็ว แป๊บๆ ก็สอบ คนหัวช้าอย่างฉันตามไม่ทัน...ก็เลยต้องขอย้ายกลับมาเรียนภาคปกติน่ะ"
 
 "เฮ้ย! ดีเลย งั้นก็รวมกลุ่มกับพวกเราดิ แบบนี้ฉันจะได้มีพวกเพิ่มขึ้นหน่อย" คุณใสรีบดึงเพื่อนใหม่ให้นั่งลงข้างๆ ก่อนหันไปเขม่นใส่หลินซี
 
 น้ำมนต์ได้แต่นั่งมองความสนิทสนมของเพื่อนสองคน แวบหนึ่งเขาเกือบจะรู้สึกว่าตนเองเป็นคนนอกไปเสียแล้ว
 
 "เอ่อ..." น้ำมนต์ดึงแขนเสื้อคุณใส "คนนี้คือ?"
 
 "อ้อ ญาติฝั่งแม่ฉันน่ะ เป็นลูกชายของป้าฉันเอง ชื่อยูเร...เรียกไอ้ยูก็ได้"
 
 ยูเรตีแขนคุณใสดังเพี้ยะ
 
 "ยูก็พอไหม!...ไม่ต้องเติม ไอ้ มาด้วย!"
 
 คุณใสหัวเราะชอบใจ
 
 ที่ผ่านมาคุณใสไม่เคยพูดถึงยูเรมาก่อน น้ำมนต์จึงค่อนข้างประหลาดใจเมื่อชายคนนี้ปรากฏตัว
 
 หลังจากแนะนำตัวเพื่อนใหม่เรียบร้อยน้ำมนต์ก็สังเกตเห็นว่ากำลังจะหมดเวลาพักแล้ว
 
 "เรารีบกินกันเถอะ จะได้รีบขึ้นเรียน"
 
 ทุกคนพยักหน้ารับและสวาปามอาหารตรงหน้า มีเพียงคุณใสที่ยังคงนั่งกอดอกและทำเสียงฮึดฮัดออกหน้าออกตาราวกับต้องการให้คู่กรณีรับรู้ว่าตนกำลังไม่พอใจ
 
 "รู้แล้วๆ นายเองก็รีบกินเถอะนะ" น้ำมนต์ตักข้าวป้อนคนขี้งอน ซึ่งคุณใสก็อ้าปากกินข้าวและเคี้ยวตุ้ยๆ พออกพอใจ
 
 ยูเรที่เห็นพฤติกรรมของญาติถึงกับนั่งอึ้งไปชั่วขณะหนึ่ง
 
 "เรื่องปกติของสองคนนี้แหละ" หลินซีอธิบาย "อยู่ๆ ไปเดี๋ยวก็ชินเอง"
 
 ยูเรพยักหน้า ทว่าสายตายังคงจับจ้องน้ำมนต์และคุณใสที่ทำตัวแนบชิดติดกันจนแทบจะเกินสถานะเพื่อน
 
 
 
 คาบเรียนเลคเชอร์เริ่มขึ้น
 
 โชคดีของพวกเขา ที่น้ำมนต์สามารถยัดอาหารกลางวันเข้าปากคุณใสได้ทันเวลาพอดิบพอดี กลุ่มเพื่อนสี่คนจึงขึ้นห้องเรียนได้ตรงเวลา
 
 พวกเขาพากันนั่งหืดหอบในห้องที่ว่างเปล่า มีเพียงเก้าอี้นั่งที่วางกระจัดกระจาย หน้าจอโปรเจคเตอร์ที่เปิดค้างเอาไว้และอุปกรณ์การสอนของอาจารย์ ทว่าไร้ซึ่งมนุษย์คนอื่นภายในห้อง
 
 "นี่ ยัยคนฉลาด! ไหนเธอบอกว่าเราสายแล้วไง" คุณใสโวยวายเมื่อรู้ว่าถูกหลอก "ยังไม่เห็นมีใครมาเลยสักคน!"
 
 "อาจารย์ก็มาแล้วไง เห็นไหม โปรเจคเตอร์เปิดอยู่"
 
 คุณใสทำท่าเหมือนจะพุ่งไปหยุมหัวเพื่อนสาว น้ำมนต์จึงต้องห้ามศึกเอาไว้
 
 "เอาเถอะๆ มาถึงก่อนก็ดีแล้วนะ"
 
 คุณใสทำเสียงชิชะ ถึงกระนั้นก็ยอมนั่งลงแต่โดยดี
 
 สายตาของยูเรจ้องมองมายังน้ำมนต์และคุณใสอย่างสนอกสนใจ
 
 "พวกนายสองคน ดูสนิทกันจังเลยนะ" ยูเรทักขึ้น ทำเอาสองคนที่ถูกพูดถึงหยุดชะงัก
 
 คำพูดนั้นโดนใจคุณใสเป็นที่สุด เขาวาดแขนไปโอบรอบตัวน้ำมนต์ และดึงคนตัวเล็กมาไว้ในอ้อมกอดพร้อมฉีกยิ้มร่า
 
 "ฉันกับหมอนี่มันเกินคำว่าสนิทไปแล้ว"
 
 ถ้าไม่บังเอิญว่ากล้ามเนื้อแสดงความรู้สึกบนใบหน้าของหลินซีมันตายด้าน เธอคงได้เบะปากมองบนกับคำพูดของคุณใสไปแล้ว อย่าว่าแต่สนิทเลย การแสดงความรักแบบไม่อายฟ้าอายดินของสองคนนี้มักจะทำให้เธอกุมขมับอยู่เสมอ
 
 น้ำมนต์พยายามดิ้นหนีจากแขนแกร่งของคุณใส ส่วนเจ้ามนุษย์ปลาหมึกก็เอาแต่หัวเราะชอบใจ
 
 หลินซีอยู่กับสองคนนี้มาครึ่งปี เธอคุ้นชินกับการแสดงออกของเพื่อนทั้งสอง แต่เธอไม่คิดว่าคนมาใหม่อย่างยูเรจะรับพฤติกรรมเหล่านี้ได้ เธอจึงพยายามช่วยอธิบาย
 
 ทว่าเมื่อหญิงสาวหันไป เธอกลับได้พบใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มอ่อนๆ ของยูเร
 
 "อย่างนี้นี่เอง..." ยูเรดูเหมือนจะเข้าใจความสัมพันธ์ของเพื่อนสอนคนได้อย่างรวดเร็ว
 
 หลินซีรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เธอตบบ่าเพื่อนใหม่ เพราะรู้ว่าหลังจากนี้เขาจะต้องเป็นหนึ่งในพยานรักของสองคนนั้นไม่ต่างจากเธอแล้ว
 
 ความรู้สึกของเพื่อนทั้งสองค่อนข้างที่จะชัดเจน ในสายตาของหลินซี แม้คุณใสจะชอบกลั่นแกล้งน้ำมนต์ แต่เธอก็สัมผัสได้ถึงความเอาใจใส่ และความต้องการที่จะปกป้องของเขา ส่วนน้ำมนต์เองถึงแม้จะโดนแกล้ง แต่เขาไม่เคยแสดงท่าทีรังเกียจ กลับกันความเขินอายที่แสดงออกบนใบหน้านั้น ต่อให้มองลงมาจากชั้นบนสุดของตึกเรียน ก็ยังดูออกว่าพวกเขาสองคนมีความรู้สึกที่พิเศษต่อกัน
 
 ไม่นานมานี้ น้ำมนต์เปิดใจเล่าเรื่องความสามารถพิเศษในการมองเห็นสิ่งเหนือธรรมชาติของเขาให้เธอฟัง หลินซีไม่ค่อยเข้าใจปัญหาของน้ำมนต์เนื่องจากเธอไม่ได้ประสบพบเจอด้วยตัวเอง ถึงกระนั้นเธอก็ไม่คิดว่าเพื่อนของเธอโกหก เพราะทุกครั้งที่น้ำมนต์พบเจอสิ่งเหล่านั้น เขาจะแสดงอาการอย่างชัดเจน และคนเดียวที่สามารถช่วยเขาได้ก็คือคุณใส
 
 ในเมื่อทั้งสองต่างต้องพึ่งพาซึ่งกันและกัน มันก็เกิดคำถามขึ้นในหัวของเพื่อนสาวที่รู้เห็นทุกอย่างในมุมมองของบุคคลที่สามอย่างเธอว่า
 
 "ทำไมพวกนายไม่คบกันซะทีนะ?"