ในที่สุด เมื่อถึงเวลาดอกพุดซ้อนก็จะเบ่งบานในได้เชยชม

พุดซ้อนหวนรัก #whatproject​​ - บทที่ 2 วันสำคัญ​ ต่าง​ยุค​ rewrite​ โดย k.n. star​ light​ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,รัก,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,พล็อตหาเรื่อง,พล็อตหาเรื่องครั้งที่1,ความรัก,แฟนตาซี,ดราม่า,นิยายรัก,นิยายวาย,boylove ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

พุดซ้อนหวนรัก #whatproject​​

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,รัก,แฟนตาซี

แท็คที่เกี่ยวข้อง

พล็อตสร้างกระแส,พล็อตหาเรื่อง,พล็อตหาเรื่องครั้งที่1,ความรัก,แฟนตาซี,ดราม่า,นิยายรัก,นิยายวาย,boylove

รายละเอียด

พุดซ้อนหวนรัก #whatproject​​ โดย k.n. star​ light​ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ในที่สุด เมื่อถึงเวลาดอกพุดซ้อนก็จะเบ่งบานในได้เชยชม

ผู้แต่ง

k.n. star​ light​

เรื่องย่อ

เรื่องย่อๆ

พุด เด็กหนุ่ม​15 ในปี 2567 เกิดประสบอุบัติเหตุ​ถูกรถชนจนอาการโคม่า​อย่างหนัก ซึ่งอีกที่ในวันและเวลาเดียวกันในปี 2510 เต็มไปด้วยบรรยากาศ​มื่นชื่นงานแต่งงานของพิกุลและยงค์ แต่หลังจากงานมงคลจบลง พิกุลตัดสินใจจบชีวิตตัวเองเป็นจังหวะเวลาเดียวกันกับที่ดวงจิตที่หลงทางของพุดได้พบทางออก แต่มันดันเป็นร่างของพิกุล


สารบัญ

พุดซ้อนหวนรัก #whatproject​​-บทนำ บทนำ,พุดซ้อนหวนรัก #whatproject​​-บทที่ 0 ดอกพุดซ้อน,พุดซ้อนหวนรัก #whatproject​​-บทที่ 1 ต่างจิต ต่างเวลา,พุดซ้อนหวนรัก #whatproject​​-บทที่ 2 วันสำคัญ​ต่างยุค,พุดซ้อนหวนรัก #whatproject​​-บทที่ 3 หลงทาง,พุดซ้อนหวนรัก #whatproject​​-บทที่ 4 การจากไป,พุดซ้อนหวนรัก #whatproject​​-บทที่ 1 ต่างจิต ต่างเวลา rewrite ,พุดซ้อนหวนรัก #whatproject​​-บทที่ 2 วันสำคัญ​ ต่าง​ยุค​ rewrite​

เนื้อหา

บทที่ 2 วันสำคัญ​ ต่าง​ยุค​ rewrite​

บทที่ 2 วันสำคัญ ต่างยุค



วันพุธที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2567


“อย่ามานอนแบบนี้สิ่ ไปอาบน้ำไปลูก จะได้ตื่น”


“ครับ”


“แล้วต้าล่ะลูก”


“กลับไปแล้วครับ เฆ้นว่ามีธุระ”


“อ้าวเสียดายจังจะชวนมากินข้าวเช้าด้วยกันสักหน่อย”


ผมลุกขึ้นจากโซฟาเดินกลับขึ้นไปที่ห้องนอน ผมพุ่งตัวไปหยิบชุดพละจากตู้ก่อนที่จะเดินเข้าห้องอาบน้ำ ผมยืนอยู่ที่หน้ากระจกในห้องน้ำ มือจับแตะไปตามรอยช้ำบนร่างกายที่เกิดจากแรงจูบของพี่ต้า ผมได้แต่เริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่าสิ่งที่ทำไปเมื่อคืนมันถูกมั้ย “เอาเถอะ คืนนี้ค่อยลองใหม่ แต่มันจะไม่เร็วไปหรอพุด ไม่หรอก ยังไงก็วันเกิด คิดซะว่าเป็นอะไรใหม่แล้วกันเนอะ” ผมได้แต่บ่นกับตัวเอง


ตอนนี้เกือบจะหกโมงเช้าแล้ว ผมเตรียมตัวทุกอย่างเสร็จจนหมด ผมใส่ชุดพละสีชมพูที่เป็นเครื่องแบบของโรงเรียน แต่เลือกที่จะไม่ใส่เสื้อกล้ามซับข้างใน เพราะเสื้อตัวนอกค่อนข้างบางถ้าเปียกน้ำอาจจะเห็นทะลุเข้ามาได้ แล้วใส่เสื้อคลุมอีกตัวเพิ่มแทน “เฮ้อใส่แบบนี้พี่ต้า คง… จะชอบ… มั้งนะ….” ผมบอกตัวเอง ก่อนที่จะเดินไปหยิบกระเป๋าแล้วลงไปข้างล่างเพื่อกินข้าว แต่ไม่รู้ทำไม


“วันนี้พุดไม่ค่อยหิวข้าวเลยครับแม่”


“แต่ก็ต้องกินอะไรสักหน่อยนะ เอานี้น้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋กินหน่อยลูก”


“ก็ได้ครับ” ผมกินมันเข้าไปได้นิดหน่อยก่อนจะลุกขึ้นจากโต๊ะอาหาร


“อ้าวพุด อิ่มแล้วหรอลูก”


“ครับ พุดไปนั่งรอรถรับส่งหน้าบ้านนะครับ”


“จ๊ะๆ” แม่ตอบกลับ


ผมเดินออกมานั่งอยู่ที่หน้าบ้านสักพักพร้อมคิดในหัวว่าจะพูดอะไรกับพี่ต้าดี ผมคิดเพลินจนเวลาที่ต้องขึ้นรับส่งมาถึงอย่างรวดเร็ว ผมเดินไปที่รถอย่างตื่นเต้นก่อนที่จะไม่พบพี่ต้าบนรถ ผมได้แต่มองด้วยสีหน้าสงสัย


“พี่ฝ้าย พี่ต้าไม่ขึ้นรถหรอทำไมไมเฆนบอกมาในแชทกลุ่มเลยอ่ะ”


“อือ มันทักมาบอกพี่ว่าไม่ขึ้นรถ แล้วก็หายไปเลย”


“หรอครับ”


“ทำไมหรอ มีอะไรรึเปล่า”


“ไม่มีครับ ผมแค่สงสัยเฉยๆ”


ผมไม่ได้ถามอไรต่อไปมากมาย เพราะรู้สึกอยากอยู่เงียบๆ มากกว่า ผมหลับตาลงแต่คงเพราะเสียงลมและรถที่วิ่งผ่านสวนกันไปมา ฟังไปฟังมาก็ดูสบายหูแปลกๆ จนผมเผลอหลับไป แทบไม่รู้ตัวเองว่าหลับหรือตื่นอยู่ เสียงที่ได้ยินกับภาพที่เห็นตรงหน้าช่างไม่สอดคล้องกันเลย พื้นที่มือมีเพียงแสงสปรอตไลท์ท่ส่องลงมาเป็นวงกว้าง ชายหนุ่มหย้าตาดีคนนั้นเขาคือใคร แต่งตัวเหมือนจะทันสมัยแต่ก็ยังมองว่าเก่าได้อยู่ดี แต่ก็ดูดีเลยทีเดียว ผมมองไปที่เขาอย่างไม่ลดละคงเพราะเหมือนโดยสะกด หรือเพราะความอยากรู้อยากเห็นของผมก็ไม่รู้ ก่อนที่ตัวผมโยกอย่างแรง พร้อมกันกับที่ผู้ชายคนนั้นพุ่งตัวเข้ามาคว้าผมได้ทันก่อนจะล้มลงไป แค่ความรู้สึกเพียงเสี่ยววิน้ำเย็นๆ หยดลงบนแก้มของผม


“พุด พุด ถึงโรงเรียนแล้วนะ”


“ครับ”


“เป็นไรทำไมสะดุ้งขนาดนั้นล่ะ”


“เปล่าครับ”


“ร้องไห้หรอ”


“เปล่านะครับ”


ผมแตะไปที่แก้มและรู้สึกได้ถึงความเปียกนิดๆ “ของจริงหรอเนี้ย” ผมพูดกับตัวเอง ก่อนจะรีบลุกลงจากรถรับส่ง เพื่อเดินเข้าโรเรียน


“แฮปปี้เบิร์ดเดย์นะพุด”


“ไอ้กันต์ตกจหมดเลย ทำแบบนี้อีกแล้ว” ผมตีไปที่ไหล่ของกันต์


“เอานี่เค้กช็อกโกแลต” กันต์ยื่นถุงที่ด้านในมีเค้กช็อกโกแลตชิ้นกำลังดีหนึ่งอิ่มให้ผม


“ขอบใจนะ”


“ทำไมทำหน้าเศร้าเป็นหมาถูกทิ้งแบบนั้นล่ะ” กันต์ถามผม คงเพราะสีหน้าผมอาจจะชัดเจนไปหน่อย


“ก็โดนทิ้งจริงๆ น่ะสิ”


“แล้วไปทำยังไงให้โดนทิ้งล่ะ” กันต์พูดแบบติดตลก


“อย่าขำสิ ก็แบบว่า..... มันก็...” ผมกระซิบเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้กันต์ฟัง


“ก็บอกแล้วพี่เขาดูอยากได้พุด”


“แต่พี่เขาดูโกรธพุดอ่ะ”


“แค่ไม่ให้มีเซ็กส์อะน่ะ” กันต์พูดออกมาด้วยเสียงค่อนข้างดัง


“อย่าดังสิกันต์”


กันต์ยิ้มมุมปากแล้วพูดว่า “งั้นก็.... ใช้มือ ใช้ปากแทนสิ จะได้ไม่เจ็ยตัวด้วยไง”


“ไอ้กันต์!!” ผมกำลังจะตีลงไปที่ไหล่กันต์ แต่รอบนี้กันต์ไหวตัวทันแล้ววิ่งเข้าไปในดรงเรียนก่อนอย่างรวดเร็ว


“รอด้วยกันต์!!!”


ผมเดินก้าวเร็วตามเข้าไป จนถึงที่นั่งประจำที่สวนป่า พวกเรานั่งลงทำอย่างที่เคยทำตลอดแต่ผมก็ไม่ลืมที่จะตีไปที่ไหล่ของกันต์ก่อนที่จะได้นั่ง สรุปอย่างวนเวียนไปตามแบบแผนเดิมๆ ในแต่ละวัน ไม่รู้ว่าเพราะความเคยชิน หรือเพราะว่าไม่มีอะไรจะทำแล้วจริงๆ ถึงทำให้พวกเราไม่ได้มีปัญหากันการทำอะไรซ้ำไปซ้ำมาเลย


“พุดเดี๋ยวมานะ ไป”


“ไปห้องน้ำ”


“นั้นแหละ แปบนะ”


กันต์วิ่งไปที่ห้องน้ำอย่างรวดเร็วทิ้งให้ผมนั่งรออยู่ที่สวนป่าคนเดียวอยู่พักใหญ่ ก่อนที่จะกลับมาพร้อมแบกเอาสีหน้าแปลกๆ กลับมาด้วย


“ทำไมไปเจออะไรมาหรอ”


“เปล่าไม่มีอะไรหรอก” กันต์พูดด้วยเสียงนิ่งๆ “ไปเตรียมตัวเข้าแถวกันเถอะเนอะ”


“ทำไมรีบอ่ะ อีกตั้งสิบห้านาทีนะกันนนต์!!!” กันต์ดึงตัวผมไปอย่างรวดเร็ว ราวกับกำลังหนีอะไรบางอย่าง


ผมไม่ได้ถามอะไรมาก คงเพราะยังคาใจเรื่องของพี่ต้าอยู่ด้วยที่ก็หายไปเลย พี่เขาคงจะโกรธผมอยู่ก็ได้ แต่เรื่องนี้ก็ทำเอาผมเรียนไม่รู้เรื่องแทบทั้งวัน เพราะมั่วแต่คิดเหตุผลร้อยแปดที่พี่ต้าโกรธ ทั้งยังเอาแต่คิดว่าต้องทำยังไงพี่ต้าถึงจะหายโกรธ ผมคิดวนไปวนมาจะใกล้ถึงเวลากลับบ้าน


“ไม่เจอพี่ต้าทั้งวันเลยอ่ะ กันต์”


“ไม่มารึเปล่า”


“จะใช่หรอ”


“ไม่ลองถามพี่เขาดูล่ะ มามั่วคิดเองอยู่ทำไม”


“ไม่รู้อ่ะ รู้สึกว่ายังไม่ควรทักไปอ่ะ”


ขณะที่ผมกำลังจะหยิบมือถือขึ้นมา สายตาก็เหลือบไปเห็นพี่ต้ากำลังวิ่งขึ้นตึกภาษาไทยไป ผมรีบวิ่งตามไปด้วยความสงสัย อีกทั้งตอนนี้ก็ใกล้เวลาที่จะต้องกลับบ้านแล้ว ยิ่งทำให้ผมอยากคลายข้อสงสัยมากขึ้นไปอีก


“พุดไปไหน”


“เดี๋ยวมานะ”


รีบเดินตามขึ้นไป “วันนี้อาจารย์ไปประชุมหรอเนี้ย” ผมพูดกับตัวเองเพราะไม่เห็นอาจารย์ที่ปกติจะอยู่ในห้องกระจกตรงข้ามกับบันไดเลยสักคน


“ต้าจะมีคนเห็นมั้ย”


“ใครจะเห็นอาจารย์ประชุมหมวดอยู่อาคารห้าสิบปีนู้น”


“ไปห้องน้ำมั้ย”


“ห้องนี้แหละ สนุกดี”


เสียงชายหญิงพูดคุยกันด้วยน้ำเสียงชวนน่าสงสัย ผมยื่นอยู่ที่หน้าประตูห้องที่เสียงดังออกมา ตามมาด้วยเสียงหอบของคนทั้งสอง ถึงจะไม่เห็นแต่ก็คิดเป็นอย่างอื่นแทบไม่ได้เลย ผมตัดสินใจชะโงกหน้าเข้าไปเล็กน้อย เป็นอย่างที่คิดถึงเสื้อผ้าของทั้งสองคนจะอยู่ครบ แต่อะไรที่ไม่ถูกไม่ควรก็กำลังเกิดขึ้นอยู่ ภาพที่เรียกได้ว่าบาดตาทำให้ผมทนดูไม่ได้ แต่ก็เป็นกิจกรรมที่ผมไม่ได้อยากจะเห็นสักเท่าไหร่ ผมกำลังที่จะก้าวขาถอยหลังด้วยความซุ้มซ้ามของตังเองเท้าผมกระแทกเข้ากับประตูพร้อมๆ กับเสียงกริ่งเลิกเรียนที่ดังขึ้นมาพอดี


“ใครน่ะ!!!” เสียงผู้หญิงคนนั้นที่หันมาทางประตูพอดีตะโกนออกมาเสียงดัง


ผมตัดสินใจรีบวิ่งลงบันไดมาจนเจอกับกันต์ที่สวนทางขึ้นมาแล้วคว้าตัวผมไว้ น้ำตาผมไหลออกมาจากตาจนรู้สึกว่ามันแสบไปหมด


“พุดเป็นอะไร ร้องไห้ทำไม” กันต์ถามผมด้วยน้ำเสียงตกใจ


“ไม่อ่ะ พุดอยากกลับบ้านแล้ว ไปก่อนนะ” ผมตอบเสร็จเดินสวนขึ้นไปจากนั้นผมกูไม่รู้อะไรอีก


“พุด พุด เดี๋ยว” เสียงพี่ต้าดังขึ้นตามหลังผม


“พุดกำลังจะกลับหรอ พี่ถือกระเป๋าให้นะ”


“ไม่ต้องพุดถือเองได้”


“พุดเป็นอะไรรึเปล่า ร้องไห้ทำไม ใครทำอะไรพุด”


“ไม่มีครับ” ผมตอบทั้งที่รู้ว่าคำพูดของเขามันน่าขยะแขยงแค่ไหน


“พี่ทำอะไรก็น่าจะรู้นะครับพี่ต้า” เสียงกันต์พูด


“พี่ไปทำอะไร” พี่ต้าหันไปตอบกลับ


“พี่ผู้หญิงข้างบน เขารอพี่กลับไปต่ออยู่นะครับ ช่วยไปไกลๆ เพื่อนผมได้แล้วครับ” กันต์เดินเข้ามาดึงผมออกไปจากพี่ต้า


ผมหันไปเห็นว่าพี่เขาเดินกลับขึ้นไปอย่างรีบร้อน แต่ก็ไม่รู้หรอกนะครับว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ “ขอโทษนะ พุดที่กันต์ไม่เล่าอ่ะ” หูผมหันมาโฟกัสที่เสียงของกันต์เมื่อกี้นี้


“กันต์จะขอโทษเราทำไม”


“เมื่อเช้ากันต์เห็นพี่ต้ากับพี่คนนั้นเดินจับมือกันอยู่ แต่กันต์ไม่กล้าบอกพุด กันต์ไม่คิดว่ามันจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นวันนี้เลยด้วยซ้ำ ถ้ากันต์บอก พุดอาจจะไม่ต้องเห็นอะไรแบบนั้นเองคนเดียว”


“เห็นหรอ.....” ผมกำลังจะถามออกไป


“กันต์รู้ว่าพุดไปเห็นอะไรมา กันต์เห็นสภาพพี่คนนั้นตอนเดินขึ้นไปก็รู้แล้ว ไม่เป็นไรนะพุด”


กันต์เดินพาผมมาที่ ที่จอดรถของโรงเรียน


“เดี๋ยววันนี้กันต์ไป ส่งพุดที่บ้านนะ”


“อือ รีบกลับเถอะ เดี๋ยวพี่ต้าจะมา”


“ขนาดนี้เขายังไม่คิดจะตามมาอธิบายอะไรเลยอ่ะ เหี้ยเกินไปมั้ยว่ะ”


“ช่างเขาเถอะกันต์”


“วันนี้วันเกิดพุดนะ พี่เขาทำแบบนี้มันยิ่งเหี้ยเลยนะ”


ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไปแต่ กันต์ก็คงรับรู้ถึงอารมณ์ความรู้สึกของผมได้ เราสองคนไม่ได้พูดอะไรกันอีกต่อจากนั้น ส่วนโทรศัพท์ผมก็ปิดเอาไว้ เพราะกลัวที่จะต้องให้เห็นข้อความที่พี่ต้าอาจจะส่งมาให้ ผมกลัวใจตัวเอง ผมก็แอบกลัวว่าผมจะใจอ่อนให้เขา


“พุดทำหน้าดีๆ เข้าบ้านนะ เดี๋ยวกันต์เข้าไปด้วย ยังไงก็วันเกิด วันนี้กินข้าวบ้านพุดแล้วกัน แม่จะได้ห่วงนะ”


กันต์พูดปนตลกให้ผมอารมณ์ดีขึ้น และยิ้มได้นิดหน่อย ก่อนที่เราทั้งสองคนจะเดินเข้าบ้านไปพร้อมๆ กัน


“อ้าวพุดลูกทำไมกลับมาเร็วจัง ยังเตรียมอะไรไม่เสร็จเลยลูก”


“แม่ครับ ป้าเดือนสวัสดีครับ” ผมกับกันต์พูดออกมาพร้อมกัน


“อ้าวหวัดดีลูก”


“วันนี้กันต์มาส่งพุดครับแม่ อยากมากินข้าวบ้านแม่อีก”


“ได้สิลูกวันนี้มีเค้กด้วยนะ แล้วเจ้าของวันเกิดทำไมดูไม่ดีใจเลยล่ะ” แม่หันมาถามผม


“พุดปวดหัวครับแม่”


“อ้าวหรอ แล้วจะกินข้าวอะไรไหวมั้ยลูก” แม่เดินมาแตะหัวของผม


“พุดไหวแม่ วันเกิดยังไงก็ต้องได้กินเค้ก” ผมตอบกลับไปด้วยหน้าตายิ้มแย้ม


“งั้นเดี๋ยวนั่งรอกันก่อนนะลูก”


“ให้กันต์ช่วยมั้ยครับแม่”


“ไม่ต้องหรอก นั่งดูทีวีกันไปเถอะลูก”


“ครับ” กันต์ตอบกลับแม่ผม


เราสองคนนั่งเล่นกันอยู่ที่โซฟาสักพัก ก่อนที่แม่จะเลี้ยงเราไปที่โต๊ะอาหาร ของกินมากมายวางอยู่เต็มโต๊ะไปหมด ถึงมีหลายอย่าง แต่ว่าแต่ละอย่างก็ทำให้ปริมาณทีี่ไม่เยอะเกินไปเพื่อความหลากหลาย แล้วเพราะวันนี้เป็นวันเกิดของผมแม่เลยไม่ลืมที่จะทำของโปรดของผม อย่างเช่น ต้มเค็ม หมูหวาน แล้วก็ข้าวคลุกปลาทู ที่ผมชอบมากๆ พวกเราทุกคนนั่งกินไป พูดคุยเรื่องต่างๆ กันไปอย่างสนุกสนาน บางช่วงก็ทำให้ผมลืมเรื่องนั้นไปได้บ้าง บางช่วงก็ทำให้นึกถึง มีบางจังหวะที่แม่ถามถึงพี่ต้า แต่กันต์ก็คอยช่วยผมอยู่ เวลาผ่านไปจนถึงเวลาประมาณ สองทุ่มครึ่ง เสียงบีมแตรรถที่ผมคุ้นเคยดังขึ้นที่หน้าบ้าน


“พี่ต้า” ผู้ชายคนนั้น เขามาที่บ้านของผม


“พุดไปกับพี่แปบนึงได้มั้ย พี่มีเรื่องอยากคุยด้วย”


“มีอะไรก็คุยตรงนี้สิพี่” กันต์ที่ออกมาจากบ้านกับผมทักขึ้น


“น้องอย่ายุ่งเรื่องคนอื่นได้มั้ย”


“นี่เพื่อนผมนะ ไม่ใช่คนอื่น”


“พอกันทั้งคู่แหละ ผมจะไปกับพี่ต้าครับ”


“พุด!!” กันต์พูดดังขึ้น


“พุดจะไปจบ แล้วกลับมา กันต์ไปรอในบ้านนะ”


“แน่นะ”


“อือ” ผมพยักหน้าตอบกลับไป


ผมเดินไปขึ้นรถไปกับพี่ต้า เขาไม่ได้ขับรถเร็วมากเท่าไหร่ เพื่อนที่จะคุยกับผมระหว่างนั้นไปด้วย


“พุดพี่…”


“เลิกกันเถอะครับ”


“ทำไมล่ะพุด”


“พี่ยังกล้าถามอีกหรอ ว่าทำไม พี่ทำอะไรไว้พี่ก็น่าจะรู้อ่ะ จะต้องให้พุดพูดมั้ยล่ะ ว่าท่าไหนกันอ่ะ พี่คิดว่าพุดเป็นอะไร ที่แก้เบื่อหรอ”


“พี่เลิกยุ่งกับเขาแล้ว”


“มันไม่ทันแล้วครับพี่ต้า พี่ทำแบบนี้พี่มันโคตรเหี้ย ไอ้เหี้ย!!”


“เห้ย!, พุด พี่เป็นพี่นะพุด”


“ถ้าคนที่เรียกตัวเองว่าพี่ แต่ทำตัวแบบนี้ก็อย่าหวังเลยว่าผมจะพูดดีด้วย”


พี่ต้าไม่ได้ตอบอะไรกลับแต่เริ่มเร่งเครื่องขับให้เร็วขึ้น ก่อนจะถอดแล้วโยนหมวกกันน็อคบนตัวตัวเองออกแล้วโยนทิ้ง ด้วยความเร็วและความเเรงในการโยน หมวกที่โยนไปตกจนเห็นว่าเกิดความเสียหายมากแค่ไหน รถค่อยๆ เร็วขึ้นจนน่ากลัว


“พี่ต้า!! หยุดนะ อยากตายรึไง”


“ก็ดี ตายก็จะได้ตายด้วยกันไปเลยไม่ได้รึไง!!!”


พี่ต้าค่อยๆ ชะลอลงนิดหน่อย ก่อนที่จะเบรกแบบเต็มแรง พร้อมกันเสียงตะโกนโว้ยวายของเราทั้งคู่ ผมรู้ได้เลย่าตัวเองลอยออกไปจากรถ ผมกลิ้งไปอยู่แปบนึง ก่อนที่จะไม่รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น




วันอาทิตย์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2510


เมื่อค่ำคืนที่มืดมิดมาถึง ความคิดและการกระทำฟุ้งซ่านมากมายเกิดขึ้น การแก้ปัญหาที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น หญิงสาวยื่นอยู่กลางบ้านมืดๆ คนเดียวโดยมีเสียงเพลงจากบ้านงานที่อยู่ออกไปไม่ไกลมากดังคลออยู่ตลอด หญิงสาวก้าวเท้ายกโย่ยตัวของตนขึ้นไปอยู่บนเก้าอีก ก่อนที่ในอีกไม่นานเธอจะเป็นคนที่เตะเก้าอี้ตัวนั้นทิ้ง ขาของเธอแกว่งไปแกว่งมาเสียงกระอักกระอ่วนดังขึ้น ก่อนที่ไม่นานมันจะหยุดลง แขนทั้งสองข้างทิ้งลงแนบลำตัว หญิงสาวนิ่งไป


ช่วงเวลาเดียวกันกับเหตุการณ์นั้น ในด้านของงานที่เต็มไปด้วยเสียงเพลง และเสียงพูดคุยของผู้คนมากมาย


“พ่อยงค์ลูก นี่พ่อยงค์ ช่วยไปตามพิกุลที่บ้านให้แม่ทีไป” นางแย้มพูดขึ้นกับประยงค์


“จะดีหรอแม่แย้ม” นางปีบทักขึ้น


“ดีสิ แม่ปีบ”


“ไม่ต้องให้เจ้าสาวเก็บตัวหรอวันคืนนี้”


“โอ้ยยย แม่ปีบฉันมันไม่ใช่คนถือหัวโบราณหรอกจ๊ะ ไปตามน้องให้แม่หน่อยนะ”


“ครับ”


ชายหนุ่มลุกยืนขึ้น ก่อนจะเดินออกไปจากงาน แล้วตรงไปที่บ้านของหญิงสาวผู้ที่ซึ่งเป็นคู่แต่งงานของตัวเอง พื้นที่เปียกเพราะฝนตก ทำให้รองเท้าของเขาเปื้อนเลอะโคลนไปเต็มไปหมด จนเท้าเริ่มหนักขึ้นกว่าเดิมเลยด้วยซ้ำ ยิ่งใกล้ถึงเท่าไหร่ท่าเดินยิ่งเก้งก้างขึ้น เพราะโคลนที่ติดรองเท้า


ที่บ้านของหญิงสาว เชือกที่ไม่แข็งแรงพอจะรับน้ำหนักไปไหวเริ่มฉีกขาด ก่อนที่ร่างของหญิงสาวจะร่วงหล่นลงกันพื้นบ้านเป็นเสียงตึง ไม่หญิงสาวที่น่าจะสิ้นลมไปแล้วเริ่มขยับตัวและตกใจกับเชือกที่คอ เธอเริ่มดึงเชือกนั้นออกไปจากคอ พร้มอๆ กับการมาถึงของประยงค์ด้วยหน้าตาแยกตื่น และยกใจกับเชือกที่เห็นผ่านเเสงที่ส่องเข้ามาจากทางประตู เชือกที่ห้อยลงมาจากขื่อนั่น ทำเอาคิดอย่างอื่นไม่ได้เลย ก่อนที่หญิงสาวจะค่อยๆ คล้านขยับตัวออกจากจุดมืดเข้าสู้แสงสว่างเพียงเล็กน้อย คอที่มีแต่รอยแดงทำเอาประยงค์ตกใจแล้วพุ่งตัวเข้าไปโดยไม่คิดทันที


“พิกุลเป็นอะไรมากมั้ย เธอทำอะไรหรอ” ประยงค์


“เอ่อออ…คือ”


“ไปโรงพยาบาลกันก่อนเถอะ”ประยงค์พยายามประคองตัวพิกุลขึ้น


“ไม่ไป”


“จะไม่ไปได้ยังไง คอเธอแดงขนาดนี้”


“ไม่”


“ว่าแต่เธอออ….”


“อยากนอน”


“ได้ ได้สิ แต่จะไม่ไปหาหมอจริงๆ หรอ”


“ไม่ไป”


“เดี๋ยวพี่ไปบอกแม่ให้นะ”


“ไม่ต้อง”


“งั้น….”


“พาไปนอน”


ประยงค์ประคองพิกุลไปที่ ที่นอน ก่อนที่จะเดินออกมาพร้อมกับเก็บเชือกพวกนั้นออกไปทิ้งจนหมด ราวกับเขาคิดว่าเป็นสิ่งที่ควรทำ เพราะพิกุลดูไม่อยากในใครรับรู้เรื่องนี้ แต่ในใจก็คิดอยู่่ตลอดว่าสิ่งที่ทำไปมันดีแล้วจริงๆ ใช่มั้ย ชายหนุ่มเดินจนกลับมาถึงที่งาน


“พ่อยงค์ ไหนพิกุลล่ะ” นางแย้มถามเพราะเห็นเพียงประยงค์ที่เดินมา


“เขาบอกว่าอยากนอนครับ ผมเลยให้เขานอน” ประยงค์กล่าวตอบ


“ดีแล้วแหละลูกปล่อยน้องนอนไปเถอะ นะแม่แย้มนะ” นางปีบกล่าว แล้วหันไปตบไหล่ของนางแย้มเบาๆ




วันพุธที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2567


ผมตื่นขึ้นมาด้วยอาการไร้ความรู้ และรู้สึกเบาไปหมดทั้งตัว ผมมองไปรอบๆ ได้แต่สงสัยว่าทำไมถึงไม่รู้สึกอะไรเลยทั้งๆ ที่พึ่งรถล้มไปอย่างเเรง ผมมองไปรอบๆ เห็นพี่ต้านอนนิ่งอยู่ ไม่ไกลจากรถมอเตอร์ไซค์ที่ล้มอยู่ ทั้งบรรยายโดยรอบก็ดูช้าไปหมดผ่านสายตาของผม ผมรีบลุกยืนขึ้นแล้ววิ่งไปที่พี่ต้า แต่ระหว่างที่กำลังจะก้มตัวเพื่อดันตัวขึ้น สิ่งที่ผมเห็นคือตัวเองที่นอนนิ่งอยู่กับต้นไม้ข้างทาง ทุกอย่างมันน่าสับสนจนทำอะไรแทบไม่ถูก แค่นิดเดียว แค่นิดเดียวเท่านั้นความรู้สึกเจ็บแปลบพุ่งขึ้นจากเท้าตรงถึงหัว จนทำให้ผมทรุดลงไปกับร่างตัวเอง ลมแรงพัดมากระทบผมแต่แปลกที่ต้นไม้โดยรอบยังคงนิ่งสงัดราวกับว่าลมแรงที่พัดมาเมื่อกี้มีแค่ผมที่รู้สึก ตามมาด้วยแรงสั่นสะเทือนที่แรงมาก พื้นใต้ตัวแตกและเริ่มร่วงหล่นลงไปสู้ความมืดมิด ผพยายามลุกขึ้นและวิ่งหนีออกไปให้ไกลที่สุด แต่ราวกับถูกกลั่นแกล้งหนึ่งในรอยแตกพุ่งตรงมาที่ผมก่อนที่ผมจะตกลงสู่ความมืดมิด  




วัน???ที่ ? ????? พ.ศ. ????


ราวกับการร่วงหล่น ผู้เหมือนตกลงไปในหลุดลึกไร้ที่สิ้นสุด ผมดำดิ่งอยู่อย่างนั้นสักพักใหญ่ก่อนที่ผมจะหยุดอย่างช้าๆ แล้วเริ่มลอยตัวเหมือนกับกำลังอยู่ในน้ำ ก่อนที่ผมจะสังเกตุเห็นอะไรบางอย่าง ผมพยายามว่ายถีบตัวเองเข้าไปให้ใกล้มากที่สุด ยิ่งใกล้ยิ่งเห็นเป็นรูปเป็นร่าง ร่างของผู้หญิงคนหนึ่งลอยเท่งเต้งอยู่อย่างนั้น ผมลอยยื่นมือเข้าไปใกล้ๆ ตัวเธอมากขึ้น


“คุณครับ คุณครับ!” เธอไม่ได้ตอบอะไร


ก่อนที่อยู่ดีๆ ตัวของเธอจะพุ่งลงไปลึกกว่าเดิมอย่างลวดเร็ว ตอนนี้ผมรู้สึกไร้ความหวังยิ่งกว่าคนที่ติดอยู่อวกาศเสียอีก “เรียกง่ายๆ เราคง ตายแล้วถูกม่ะ” ผมรู้สึกสิ้นหวังเป็นอย่างมากก่อนที่ผมจะเริ่มรู้สึกถึงความอึดอัดแปลกๆ ที่คอ เหมือนกับคนกำลังขาดอากาศหายใจมันทั้งทรมานและรู้สึกทุรนทุรายเหมือนจะตายอีกรอบ ในตอนนั้นสายตาของผมเหลือบไปเห็นแสงสว่างที่ส่องลงมา สิ่งที่ิดได้อย่างเดียวก็ตรงไปที่แสงนั้น แต่ยิ่งเข้าไปความทรมานยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้น ก่อนที่ผมจะรู้สึกว่าตัวเองตกกระแทกลงกับพื้น


ผมรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่คอจึงรีบจับมาดู เชือกเส้นหนึ่งติดอยู่ที่คอของผม ไม่รู้สิแต่ต้องเอามันออกจากคอตอนนั้นเลย พร้อมๆ กับผลักตัวเองถอยหลัง ก่อนที่ไม่นานจะมีผู้ชายคนหนึ่งเปิดประตูเข้ามาอย่างแรงด้วยสีหน้าท่าทางที่ดูตกใจมาก ผมงงและสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาก แต่สิ่งหนึ่งที่ผุดขึ้นมาในหัวเลยคือ เขาเป็นผู้ชายที่ดูหน้าตาดีมากจนชวนสะกด เขายืนมองผู้อยู่แค่แปบเดียวเท่านั้นก่อนจะรีบพุ่งตัวเข้ามาหาผม


“พิกุลเป็นอะไรมากมั้ย เธอทำอะไรหรอ” เขากล่าวถาม


“เอ่อออ…คือ”


“ไปโรงพยาบาลกันก่อนเถอะ”เขาพยายามประคองตัวผมขึ้น


“ไม่ไป”


“จะไม่ไปได้ยังไง คอเธอแดงขนาดนี้”


“ไม่”


“ว่าแต่เธอออ….”


“อยากนอน”


“ได้ ได้สิ แต่จะไม่ไปหาหมอจริงๆ หรอ”


“ไม่ไป”


“เดี๋ยวพี่ไปบอกแม่ให้นะ”


“ไม่ต้อง”


“งั้น….”


“พาไปนอน”


เขาไม่ได้ถามอะไรอีก แต่รีบพาผมไปที่ ที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นที่นอน ผมนอนลงไปก่อนที่เขาจะเดินออกไปหลังจากที่ดูว่าผมโอเคแล้ว แต่ก็ทิ้งข้อสงสัยใหัผมไว้หลายเรื่องเหมือนกันโดยเฉพาะ ใครคือ พิกุล




วันพุธที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2567


“แม่ครับ กันต์ออกไปดูพุดก่อนนะครับ”


“เขาคงไปสวีตกันล่ะมั้งลูก คนเป็นแฟนกัน”


“แม่รู้”


“ป้าก็รู้ ลูก ดูออกง่ายขนาดนั้น แต่พี่ว่าให้หนูกันต์ไปดูหน่อยก็ดีนะแก้วดึกแล้วด้วย”


“งั้นเดี๋ยวกันต์รีบไปดูให้นะ”


กันต์ไม่พูดอะไรต่อ หยิบกุญแจรถในกระเป๋านักเรียน แล้วรีบวิ่งออกไปที่รถมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่หน้าบ้าน รีบขับออกไปอย่างรวดเร็ว เด็กหนุ่มขับไปตามทางอย่างเร่งรีบ ก่อนจะพบเข้ากับแสงจากรถกู้ภัยที่ขว้างทางอยู่ จนทำให้ต้องชะลอความเร็วลงอีกนิด ทำให้ได้เห็นรายละเอียดต่างๆ มากขึ้น รถมอเตอร์ไซค์ที่รู้สึกคุ้นเคย เสียงร้องไห้คร่ำครวญของชายหนุ่ม กันต์ตัดสินใจจอดรถ แล้วหันมองไปตามเสียงร้องนั้น


“พุดพี่ขอโทษ~~”


“ได้พี่ต้าหรอ”


กันต์พุ่งตัวเข้าไปหาต้าที่อยู่บนเตียง


“น้องๆ อย่าเข้ามา” เสียงกู้ภัยพูดขึ้น พร้อมกับกันตัวกันต์ไม่ให้เข้าไปใกล้ๆ คนเจ็บ


“ทำไมสภาพพี่เป็นแบบนี้ล่ะ แล้วพุดอยู่ไหน”


“น้องเป็นใครกับคนชื่อพุดหรอครับ”


“ผมเป็นเพื่อนเขาครับ”


“ตอนนี้เขาอยู่โรงบาลนะครับ เพื่อนพี่อีกคันเอาตัวไปส่งได้สักพักแล้วนะ”


“เพื่อนผมเป็นอะไรครับพี่”


“เพื่อนน้องรถล้มแล้วน่าจะกลิ้งไปกระแทกต้นไม้ ตอนนี้ยังไมไ่ด้สติเลยครับ”


“รถล้ม”


“น้องคนขับเขาเบรกกระทันหันน่ะ รถมันเลยเสียหลักล้ม”


“ไอ้เหี้ยต้า” กันต์ตะโกนออกมาแล้วพยายามพุ่งตัวใส่ต้า พร้อมๆ กับพวกกู้ภัยที่เข้ามาห้ามไว้ แล้วรีบพาต้าไปส่งโรงพยาบาลและมีบางส่วนรอพบตำรวจเพื่อแจงรายละเอียดให้ตำรวจทราบ


“เดี๋ยวน้องก็รออยู่ด้วยนะ อ้าว!”


ไม่ทันที่กู้ภัยจะพูดจบ กันต์รีบขับรถไปที่โรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว ผ่านไปสักพักใหญ่ด้วยระยะ ทางที่ค่อนข้างไกลกันต์มาจนถึงโรงพยาบาล แล้วรีบพุ่งตัวเข้าไปติดต่อที่เคาน์เตอร์หน้าสุดของโรงพยาบาล


“ขอโทษนะครับ คนป่วยชื่อ นายอินถวา ภารักษ์ อยู่ไหนครับ”


“สักครู่นะคะ”


“เร็วหน่อยนะครับ”


“ตอนนี้ยัง อยู่ในห้องฉุกเฉินนะคะ”


“แล้ว…คือ…”


“ก็คง ต้องรอต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าคุณจะออกมาอัพเตดแหละค่ะ เพราะว่าผู้ป่วยมาด้วยอาการสาหัส จะว่าไปคุณ….”


“ผมเป็น เพื่อนสนิทเขาคับ”


“พอจะช่วยติดต่อญาติหรือผู้ปกครองของเขาได้มั้ยค่ะ”


“ครับ ได้ครับ”


กันต์เดินไปนัั่งที่ ที่นั่งรอหน้าห้องฉุกเฉิน กันต์ยกโทรศัพท์ขึ้นมา ก่อนที่จะนำไปแนบหูของตนเอง


“แม่ครับ ตอนนี้กันต์อยู่โรงบาลนะครับ”


“พุดอยู่ห้องฉุกเฉินครับ”


“พุดรถล้มครับแม่”


“ครับ”


กันต์ลุกขึ้นเดินไปที่เคาน์เตอร์ “คุณแม่ของเขากำลังจะมานะครับ”


“ได้ค่ะ”


กันต์นั่งรออยู่ที่ใกล้ๆ หน้าห้องฉุกเฉิน เพียงไม่นานไปหลังจากโทรศัพท์นางแก้วกับป้าเดือนก็มาถึงที่โรงพยาบาลด้วยหน้าตาแตกตื่น


“พุดๆ”


“แม่ครับ”


“กันต์พุด เป็นยังไงบ้างลูก”


“กันต์ก็รออยู่เหมือนกันครับแม่”


ทั้งสามคนนั่งรออยู่อย่างมีความหวัง ไม่ว่าจะดึกแค่ไหนสีหน้าของทุกคนต่างไม่มีความรู้สึกง่วงออกมาเลย


“ญาติคุณอินถวา ภารักษ์ คุณหมอเชิญให้เข้าไปพูดคุยกันนะคะ” นางพยาบาลคนหนึ่งเดินเข้ามาพาทั้งสามคนเข้าไปที่ห้อง ที่มีคุณหมอนั่งรออยู่ ป้าดวงเดือนกับแม่แก้ว นั่งลงตรงเก้าอี้ข้างหน้าคุณหมอส่วนกันต์ยืนอยู่ข้างหลังทั้งสองคน


“คุณแม่ใช่มั้ยครับ”


“ใช่ค่ะ ฉันเป็นแม่ค่ะ”


“เอ่อ คือผู้ป่วยเนี้ยได้รับการกระทบกระเทือนที่รุนแรงมากเลยนะครับคุณแม่ แต่ตอนนี้ทางหมอเนี้ย ก็ช่วยไว้อย่างเต็มที่แล้ว แต่น้องก็ยังไม่ได้มีการตอบสนองอะไรกลับมาอ่ะนะครับ แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นที่เรียกว่าเสียชีวิตนะครับ หัวใจของผู้ป่วยเนี้ยยังเต้นอยู่ ตอนนี้หมอก็มีการใส่สายออกซิเจนช่วยในการหายใจอยู่นะครับ”


“ลูกฉันรอดจริงๆ ใช่มั้ยคะ คุณหมอ ลูกฉันจะไม่เป็นอะไรใช่มั้ยคะ”


“แม่ใจเย็นๆ นะครับ น้องจะยังไม่เสียชีวิตนะครับ แต่จากที่ดูน้องก็คงจะเข้าอาการสภาวะไร้สติ หรือก็โคมา นั่นแหละครับ แต่ตอนนี้ยังต้องอยู่ดูอาการอีกสักระยะหนึ่งที่ไอซียูนะครับ แล้วก็ศีรษะมีการกระทบกระเทือนอาจจะต้องผ่าตัดเพื่อช่วยให้การรักษาด้วยนะครับคุณแม่”


“ได้ค่ะ ทำยังไงก็ได้ให้ฉันไม่ตายนะคะคุณหมอ”


“ได้ครับ หมอจะช่วยอย่างเต็มที่นะครับ ไม่ต้องห่วงนะคุณแม่”




วัน???ที่ ? ????? พ.ศ. ????


“พิกุล พิกุล! นางพิกุล!”


ผมสะดุ้งตื่นขึ้นเพราะเสียงของใครบางคนที่ตะโกนเสียงดังโวยวาย ก่อนที่เสียงนั้นจะดังขึ้นและเข้ามาใกล้ขึ้น


“อ่ะ ตื่นสักทีนะพิกุล ไปอาบน้ำ เเล้วจะได้มาเเต่งตัว”


“ฮ่ะ อะไรนะ”


“รีบๆ ไป พิกุลเดี๋ยวมันจะช้าไปหมดให้เสร็จก่อนตีห้านะ เร็ว”


เชาพูดจบแล้วก็เดินจากไป ทิ้งให้ผมงงว่าเกิดอะไรขึ้น “นี่มันฝันหรอเนี้ย” ถ้าแบบนั้นทำไมทุกอย่างมันถูกจริงไปหมด พร้อมกับทิ้งความสงสัยให้ผมอีกรอบว่าใครคือพิกุล


ผมตบหน้าตัวเองเบาๆ ทั้งสองข้างพร้อมกัน “ตื่นสิพุด ตื่นๆ”


ทิ้งตัวลงนอนแล้วหลับตาลงอีกรอบก่อนที่ผมจะต้องตื่นขึ้นมาอีก


“นางพิกุล ตื่นสิ”


“ของจริงหรอเนี้ย”


“แกเป็นอะไรรีบไปอาบน้ำได้แล้วพิกุล”


“พิกุล” ผมทำหน้าสงสัยแล้วชี้นิ้วเข้าตัวเอง


“รีบเร็วนางพิกุล”


“ครับๆ” ผมรีบพุ่งตัวไปที่ห้องน้ำแต่ “ไปทางไหนหรอครับ”


“แกเป็นบ้าไปแล้วหรอพิกุล ข้างบ้านนั่นไง รีบ พูดดีๆ หน่อย แกอย่าประชดประชัดฉันให้มันมาก”


ผมรีบวิ่งลงไปที่ ที่เขาบอกว่าเป็นห้องน้ำ เป็นห้องสี่เหลี่ยมที่ทำจากสังกะสีทุกด้านมีโครงเป็นไม้ คล้ายๆ ห้องน้ำสมัยก่อน ผมเปิดประตูออกมาแล้วเข้าไปข้างใน ผมเห็นลายละเอียดทุกอย่างชัดเจนเพราะตะเกียงไฟที่วางอยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง โอ่งใบไม่ใหญ่มาก ตั้งอยู่ตั้งข้าม มองตรงเข้าไปคือกระจก เงาร่างรางๆ ที่ผมมองเข้าไปมันดูไม่เหมือนตัวผมเอง คนในกระจก ผู้หญิงคนนั้นที่ผมเห็น ตอนนี้เธออยู่ที่หน้ากระจก แต่ถ้าให้พูดจริงๆ อีกรอบก็ ผมกลายเป็นเธอ









*********************************************


🌟🌟 นิยายเรื่องนี้อยู่ภายใต้นามปากกา k.n. star light เนื้อเรื่องทั้งหมดจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่แต่งภายใต้นามปากกา k.n.star light 🌟🌟


public : 2024/04/30