ในที่สุด เมื่อถึงเวลาดอกพุดซ้อนก็จะเบ่งบานในได้เชยชม

พุดซ้อนหวนรัก #whatproject​​ - บทที่ 1 ต่างจิต ต่างเวลา rewrite โดย k.n. star​ light​ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,รัก,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,พล็อตหาเรื่อง,พล็อตหาเรื่องครั้งที่1,ความรัก,แฟนตาซี,ดราม่า,นิยายรัก,นิยายวาย,boylove ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

พุดซ้อนหวนรัก #whatproject​​

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,รัก,แฟนตาซี

แท็คที่เกี่ยวข้อง

พล็อตสร้างกระแส,พล็อตหาเรื่อง,พล็อตหาเรื่องครั้งที่1,ความรัก,แฟนตาซี,ดราม่า,นิยายรัก,นิยายวาย,boylove

รายละเอียด

พุดซ้อนหวนรัก #whatproject​​ โดย k.n. star​ light​ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ในที่สุด เมื่อถึงเวลาดอกพุดซ้อนก็จะเบ่งบานในได้เชยชม

ผู้แต่ง

k.n. star​ light​

เรื่องย่อ

เรื่องย่อๆ

พุด เด็กหนุ่ม​15 ในปี 2567 เกิดประสบอุบัติเหตุ​ถูกรถชนจนอาการโคม่า​อย่างหนัก ซึ่งอีกที่ในวันและเวลาเดียวกันในปี 2510 เต็มไปด้วยบรรยากาศ​มื่นชื่นงานแต่งงานของพิกุลและยงค์ แต่หลังจากงานมงคลจบลง พิกุลตัดสินใจจบชีวิตตัวเองเป็นจังหวะเวลาเดียวกันกับที่ดวงจิตที่หลงทางของพุดได้พบทางออก แต่มันดันเป็นร่างของพิกุล


สารบัญ

พุดซ้อนหวนรัก #whatproject​​-บทนำ บทนำ,พุดซ้อนหวนรัก #whatproject​​-บทที่ 0 ดอกพุดซ้อน,พุดซ้อนหวนรัก #whatproject​​-บทที่ 1 ต่างจิต ต่างเวลา,พุดซ้อนหวนรัก #whatproject​​-บทที่ 2 วันสำคัญ​ต่างยุค,พุดซ้อนหวนรัก #whatproject​​-บทที่ 3 หลงทาง,พุดซ้อนหวนรัก #whatproject​​-บทที่ 4 การจากไป,พุดซ้อนหวนรัก #whatproject​​-บทที่ 1 ต่างจิต ต่างเวลา rewrite ,พุดซ้อนหวนรัก #whatproject​​-บทที่ 2 วันสำคัญ​ ต่าง​ยุค​ rewrite​

เนื้อหา

บทที่ 1 ต่างจิต ต่างเวลา rewrite

บทที่ 1 ต่างจิต ต่างเวลา



วันอังคารที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2567


ยามเช้าที่แสนสดใส ภายในสวนดอกไม้เล็กๆ ที่หลังบ้านของผม ตอนนี้ต้นไม้มากมายกำลังพากันออกดอกเต็มไปหมดโดยเฉพาะดอกพุดซ้อน ดอกไม้ที่ผมชอบมากที่สุดถ้าถามว่าเพราะอะไรอะหรอครับ เพราะมันเป็นชื่อของผมหนะครับ จริงสิไงครับผมชื่อพุดครับตอนนี้ผมขึ้นชั้มม.ปลยแล้ว มีแต่เรื่องน่าตื่นเต้นเกิดขึ้นนะครับ แล้วอีกอย่างพรุ่งนี้ก็เป็นวันสำคัญมากสำหรับผมมันเป็นวัน..


“พุด รถโรงเรียนมาแล้วลูก”


“ฮ่ะ ครับพุดกำลังไปครับ”


สิ้นเสียงตะโกนของแม่ผมรีบวิ่งผ่านสวนเล็กๆ ออกไปจนชุดนักเรียนสีขาวถึงกับมีรอยเปื้อนน้ำ ผมวิ่งมาหยุดที่ประตูก่อนจะเข้าไปในบ้านรองเท้าแตะหลุดออกอย่างรวดเร็ว ผมวิ่งต่อไปจนถึงหน้าบ้านที่มีแม่ยืนรออยู่พร้อมกับกระเป๋าและฮูดดี้ อีกทั้งผมยังต้องคว้าเอารองเท้านักเรียนอีกด้วย ผมรีบยัดเท้าเข้าไปในรองเท้าผ้าใบแบบเหยียบส้นแล้วรับเอาของทั้งสองอย่างจากมือแม่มาไว้ที่ตัวเองอย่างรวดเร็ว “สวัสดีครับแม่ พุดไปแล้วนะครับ” ผมกล่าวทักทายแม่ก่อนที่จะรีบวิ่งไปพร้อมกับเสียงของแม่ที่ตามมาว่า “ดีๆ นะพุด”


ขึ้นถึงรถผมหันไปโบกมือให้แม่ก่อนที่จะรีบนั่งลง “อ่า... ดีนะที่ทัน” ผมพูดออกมาหลังจากที่นั่งลงแล้ว


“เอ่อ มองกันใหญ่เลย พุดขอโทษครับ” ผมมองไปที่พี่ๆ บนรถ


แต่สิ่งที่เห็นคือหน้าตาไม่สบอารมณ์ของทุกคน ทำเอาผมหน้าถอดสีปรับอารมณ์แทบไม่ทัน ก่อนที่จะมีเสียงหัวเรอะเล็กๆ ดังขึ้น ก่อนที่เสียงหัวเรอะจะดังขึ้นจากพี่ๆ คนอื่น “นี่ พวกพี่แกล้งผมอีกแล้วนะครับ” ผมพองแก้มกอดแล้วหยิบเสื้อกับกระเป๋าที่วางอยู่ข้างๆ ขึ้นมาวางไว้บนตักของตัวเอง


“พี่ขอโทษนะน้องพุด” เสียงของพี่ฝ้าย เจ้ใหญ่ประจำรถพูดขึ้นพร้อมกับโน้มตัวจากฝั่งตรงข้ามเพื่อจะจับแก้มของผม ก่อนที่จะมีมือหนาๆ ยื่นเข้ามากันเอาไว้ก่อนที่มือของหญิงสาวจะมาถึงแก้มของผม พี่ฝ้ายดึงมือกลับไปก่อนที่จะพูดบ่นเจ้าของมือนั้น


 


“โอ้ย ไอ้ต้าห่วงหรอ” คำพูดเชิงหลอกเชิงล้อดังออกมาจากปากของพี่ฝ้าย


“ก็ใช่ไงแล้วแกมีปัญหากับฉันหรอว่ะ ฝ้าย”


“ไม่อยากจะมีหรอก เฮ้อเบื่อคนมีความรัก”


ผมได้แต่นั่งฟังพี่ๆ ทั้งสองคนพูดโต้กันไปมาในประเด็นทีเกี่ยวกับตัวผมเองอย่างเงียบเชียบ ก่อนที่มือหนาๆ นั้นจะยื่นมาและจับมาที่แก้มของผมความร้อนจากมือแพร่กระจายไปทั่วใบหน้าของผมจนตอนนี้มันแดงฉ่าไปหมด จนผมเองก็สงสัยว่าเพราะอาการเขินอายหรือเพราะความร้อนจากมือหนากันแน่ มือทั้งสองข้างของพี่ต้าเริ่มบีบกดแด้มผมอย่างทะนุถนอม ผมมองไปที่หน้าของพี่ต้าที่ตรงตามสเปคของผมเป็นที่สุด เขาไม่ใช้คนที่หล่อที่สุดแต่มีอะไรบางอย่างทำให้ผมรู้สึกดีกับเขา


“พี่ต้าครับ เอ่ออ” เสีนงกระอักกระอ่วงของผมดังขึ้น


“พี่ขอโทษ พี่จับแรงไปหรอ หน้าเราแดงไปหมดแล้ว” พี่ต้าพูดพร้อมดึงมือออกจากแก้มของผม


“ไม่ครับ ผมแค่ตกใจนิดหน่อยครับ”


พี่ต้าไม่ได้พูดอะไรกลับมามีเพียงแต่รอยยิ้มเล็กๆ ที่แทบทำใจผมละลาย จนผมต้องต้องหันมาตั้งสติอยู่กันตัวเองด้วยการหลับตาลงแล้วพยายามทำให้สติของตัวเองกลับมาเป็นปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้เสียงรถที่เกิดเพราะความเร็วของรถดังเข้ามาให้หูของผมฟังๆ ดูก็น่ารำคาญ แต่พอฟังไปเรื่อยๆ กลับกลายเป็นรู้สึกผ่อนคลายซะได้


เวลาผ่านไปตามปกติในที่สุดผมก็มาถึงที่โรงเรียนจนได้ เสียงของนักเรียนคนอื่นๆ พูดคุยกัน ก่อนที่ผมจะลุกขึ้นเพื่อลงจากรถผมก็สวมเสื้อกันหนาวในเรียบร้อย แต่ตอนที่ผมกำลังก้าวลงจากรถด้วยความซุ้มซ้ามของตัวเองก็ทำผมสะดุดขาตัวเองจนเกือบล้มหน้าทิ่มลงไปกับพื้นโลกแต่เพราะโชคดีที่แขนของผมโดนคว้าไว้ทันก่อน


“ระตัวหน่อยสิครับ อย่าให้ผิวนิ่มๆ ต้องมีแผลนะ” พี่ต้าจับผมแล้วดึงขึ้นไปใกล้ตัวเขา


“ขอบคุณนะครับพี่ต้า” ผมขอบคุณพี่ต้าก่อนที่จะเดินลงรถมาพร้อมกับความรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั่วใบหน้า


ผมที่ลงรถมาแล้วเลยมองหันกลับไปพร้อมกับพี่ต้าที่โบกมือมาให้ผม ยิ่งทำให้ผมเขินขึ้นไปอีก ผมรีบเร่งฝีเท้าเพื่อเข้าไปในโรงเรียนพร้อมใบหน้าที่แดงอย่างเห็นได้ชัดจนอาจารย์ที่เฝ้าประตูทักผมขึ้นมาก่อนที่ผมจะยิ้มเยอะๆ กลับไปแล้วรีบเดินต่อไป


ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อเช็ตข้อความที่อาจจะถูกส่งเข้ามาจากเพื่อนของผมซึ่งก็จริงนะมีข้อความที่ถูกส่งมาจากกันต์เพื่อนของผมเมื่อสิบนาทีที่แล้วนัดให้ผมไปเจอที่ ที่นั่งของโรงเรียนที่เรียกว่าสวนป่าคือมันมีต้นไม้รวมกันกับโต๊ะม้าหินอยู่เยอะๆ มันเลยชื่อสวนป่า เอาเป็นว่าหลังจากอ่านเสร็จผมก็กดไลค์ข้อความกลับไปแล้วเริ่มเดินต่อไป จนมาถึงที่ทางเข้าที่ทำให้ผมต้องหยุดเดินชั่วขณะเพื่อเก็บดอกปีบที่ร่วงอยู่กับทางเดินหินขึ้นมาสักสอง สาม ดอก กลิ่นของมันทำเอาผมตกอยู่ในภวังค์ถึงจะเคยได้ยินว่าบางคนจะไม่ชอบกลิ่นของมันอย่างมาก


“พุด” กันต์โพล่มาจากข้างหลังตะโกนเสียงดังข้างหูของผมพร้อมกันแตะมาที่ไหล่อย่างแรงจนทำให้ผมตกใจอย่างสุดขีด


“ไอ้กันต์ บ้ารึเปล่าเนี้ย มันตกใจนะ” ผมหันไปตบที่อกของกันต์อย่างแรง


“โห้พุด กันต์เจ็บนะเนี้ย”


“สมควรแล้ว”


“พองแก้มอีกแล้ว กันต์ขอโทษนะพุด” กันต์ยื่นนิ้วก้อยมาที่หน้าของผม


“พุดต้องยอมถูกมั้ยเนี้ย” ผมถามกันต์ด้วยหน้านิ่งๆ ก่อนที่กันต์จะพยักหน้ากลับมาเบาๆ


“เออๆ ก็ได้” ผมยื่นนิ้วก้อยของตัวเองออกไปเกี่ยวกับของกันต์


ก่อนที่กันต์จะเอาแขนอีกข้างมาโอบล็อกคอผมไว้แล้วลากผมที่โวยวายเขาไปตลอดทางจนถึงโต๊ะที่เขาวางของเอาไว้ กันต์กดผมลงกับที่นั่งก่อนที่ตนเองจะไปนั่งอยู่ที่ฝั่งตรงข้ามและด้วยความที่ตอนนี้เป็นตอนเช้าพวกเราเลยไม่ได้ทำอไรมากมาย มีเพียงแค่กันต์ที่กำลังกินข้าวเช้าส่วนผมกำลังเช็กงานต่างๆ เพื่อความเรียบร้อย


“เอามั้ยพุด” กันต์ยื่นแซนวิตอีกชิ้นให้กล่องให้ผม


“ไม่เอาอ่ะ พุดยังไม่หิวอะ” ผมตอบกลับพร้อมส่ายหัวไปมา


พวกเรานั่งกันอยู่สักพักใหญ่จนในที่สุดเสียงกริ๊งที่ได้ยินในเวลาเดิมของทุกวันก็ดังขึ้นเป็นสัญญาณว่าถึงเวลาเข้าแถวแล้ว กิจกรรมทุอย่างดำเนินไปตามที่เคยเกิดขึ้นถึงวันรวมทั้งการเรียนให้แต่ละวันของผมก็เช่นกันไม่มีเรื่องอะไรที่ทำให้มันโดดเด่นออกมาจากวันอื่นๆ ที่ผ่านๆ มา แต่ก็คงมีช่วงพักกลางวันที่ผมเจอกันพี่ต้าที่โรงอาหารของโรงเรียน คงเพราะความบังเอิญที่เกิดขึ้นในทุกวันเราทั้งคู่มีคาบเรียนที่ต้องเดินจากโรงอาหารมาที่ตึกเดียวกันพอดีก็เลยเดินมาด้วยกันแต่ที่พิเศษสำหรับวันนี้คือพี่ต้าดึงกระเป๋าของผมไปถือให้ทั้งๆ ที่เขาก็มีกระเป๋าของตัวเองอยู่อีกใบ


“พี่ต้าไม่หนักหรอ” ผมหันไปถามพี่ต้า


“ไม่ครับ เดินไปเถอะ” ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับได้แต่พยักหน้ากลับเพราะหน้าที่จริงจังของเขาทำให้ผมปฏิเสธยากขึ้นอีก


ผมได้แต่นิ่งเงียบเพราะความเขินจนมาถึงห้องเรียนของตัวเองเราทั้งคู่จึงแยกกันไปเรียนห้องเรียนของผมอยู่ชั้นที่สามส่วนของพี่ต้าอยู่ชั้นที่สี่พี่เขาเลยแวะที่ห้องผมเพื่อเอากระเป๋ามาว่างให้ถึงที่โต๊ะ แต่เราทั้งคู่ก๊ไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากเพราะจะถึงเวลาเข้าเรียนแล้วเลยต้องรีบแยกย้ายกัน


“พี่เขาดูอยากได้พุดนะ” กันต์ที่นั่งข้างผมพูดขึ้น


“อยากได้ ได้อะไร กันต์หมายถึงอะไร” ผมหันไปถาม


“ไม่รู้ รอดูต่อไปแล้วกัน”


คำพูดของกันต์ทำผมคิดเรื่องที่ทุกคนคิด แต่ผมก็พยายามที่จะไม่คิดแบบนั้นนะพี่เขาคงแค่ทำดีด้วยเพราะผมเป็นรุ่นน้อง แล้วที่สำคัญพี่ต้าก็ดูเป็นผู้ชายทั้งแท่งด้วยคงไม่ ก่อนที่ผมเลิกคิดเรื่องฟุ้งซ่านแล้วหันมาโฟกัสเรื่องการเรียนแบบที่ควรทำ ช่วงเวลาผ่านล่วงเลยไปจนถึงเวลาเลิกเรียนผมเดินลงมาจากอาคารเรียนพร้อมกับความง่วงนอนที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้นมาตั้งแต่เริ่มเรียนมาได้สักสองคาบเรียน


“พุดไหวมั้ยเนี้ย” กันต์ตบไหล่ผม


“ไหวสิ ง่วงนิดหน่อยเฉยๆ “ ผมตอบ


“เอ๊ะ พี่ต้า มีเรียนคาบเก้าอาคารหกหรอครับ” ผมถามอย่างสงสัย


“เปล่า พี่ ไม่มีเรียนคาบเก้าหรอก” พี่ต้าตอบอย่างตะกุตะกัก พร้อมด้วยเพื่อนๆ ของพี่ต้าที่คอยดันตัวพี่ต้ามาทางผม


“มากับพี่หน่อยได้มั้ย” พี่ต้ายื่นมือออกมา


“ได้ครับ ไปไหนหรอครับ”


“ไปก่อนเถอะ นะ”


“ก็ได้ครับ” ผมตอบพร้อมๆ กับยื่นมือออกไป


พี่ต้าจับมือของผมไว้แน่น เขาจูงมือผมให้เดินตามเขาไปตามที่ต้องการเราทั้งคู่เดินมาไม่ไกลมากแล้วเดินต่อเข้าไปในทางเล็กๆ ที่เชื่อมกับแปลงเกษตรของโรงเรียนพ้นจากสายตาของผู้คน ก่อนที่พี่ต้าจะหยุเดินแล้วหันมาจับมือของผมไว้ทั้งสองข้าง


“พุด พี่มีเรื่องจะบอก พี่ว่าเราไม่ควรอยู่กันแบบนี้ต่อไปแล้ว” พี่ต้าจะว่าผมหรอผมได้แต่คิดในใจกับประโยคนี้ของพี่ต้า


“พี่ต้าหมายถึงอะ...” ก่อนที่ผมจะพูดจบ


“เป็นแฟนกันนะครับ”


“ฮ่ะ”


“เป็นแฟนพี่นะพุด”


“พี่จะไม่จบพุดก่อนหรอ” ผมถามไปด้วยอาการตกใจ


“แล้วที่ผ่านมา พี่ไม่ได้จีบพุดอยู่หรอ” ผมคิดตามคำพูดนี้ของพี่ต้า


“พุดก็ คิดว่าพี่แค่เห็นพุดเป็นน้องพี่เฉยๆ นี่”


“พี่ที่ไหนจะทำแบบนี้กับน้องล่ะ” พี่ต้าตอบพร้อมสายตาเจ้าเล่ห์


ว่าจบพี่ต้าโอบเอวของผมด้วยแขนข้างเดียวจนแน่นและติดกับตัวของพี่ต้า ส่วนมือข้างขวาที่ยังว่างอยู่ค่อยๆ ยกสูงขึ้นมาจับที่คางของผมพร้อมใช้นิ้วโป้งกดลูบลงบนริมฝีปากของผมด้วยส่วนสูงของพี่ต้าที่สูงกว่าผมค่อนข้างมาก คางของผมในมือพี่ต้าถูกเชิดขึ้นในองศาที่เหมาะสมและขนานกับหน้าของพี่ต้าที่โน้มลงมาหาผม ราวกับเวลาหยุดไหลหัวใจเต้นแรงเพราะเลือดถูกสูบฉีดอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของเราทั้งคู่เริ่มใกล้กันมากขึ้นเรื่อยๆ ปากของพี่ต้าเปิดออกเล็กน้อยพร้อมกับตาผมที่เบิกกว้างเพราะความตื่นเต้น


“พี่ต้า” ผมพูดก่อนที่เรื่องราวจะเลยเถิด ผมพลักตัวพี่ต้าออกไปเพื่อหยุดเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้น


“ผมเป็นแฟนพี่ต้าแล้วนะครับ” ผมพูดไปด้วยอาการเขินอายสุดขีด


“จริงนะพุด จริงนะ”


“จริงสิครับ พี่ต้าทำผมเขินนะเนี้ย”


“พี่ก็เขิน”


เราทั้งคู่เดินจับมือกันออกมาจากทางเล็กๆ นั้น เดินตรงต่อไปยังสวนป่า ไปที่โต๊ะซึ่งมีกันต์นั่งรออยู่และมองมาทางเราทั้งสองคนคงเพราะความที่เราเป็นเพื่อนกันมานานเพียงแค่หันมามองหน้ากันก็แทบทำให้รู้แล้วว่าเดินเรื่องอะไรขึ้น ผมกับพี่ต้าไม่ได้พูดอะไรมากพวกเราเพียงแค่เดินไปนั่งด้วยกันแบบปกติแล้วพูดคุยกันแบบปกติอย่างทุกวันที่เคยเป็นๆ มา จนถึงเวลาที่เสียงกริ่งกลับบ้านดังขึ้นมาผ่านลำโพงทั่วทั้งโรงเรียน หลายๆ คนในโรงเรียนต่างพากันเดินออกจากโรงเรียนรวมถึงพวกเราด้วย


“พุด วันนี้พี่ไปหาที่บ้านนะ” พี่ต้าหันมาถามผม


“เอ่อ ก็ได้ครับ พี่ต้ามากินข้าวเย็นที่บ้านพุดมั้ย”


“น่าจะไม่ได้นะ พอดีที่บ้านพี่นัดเอาไว้น่ะ”


“ได้ครับ”


เวลาผ่านบนรถรับส่งผ่านไปอย่างรวดเร็วกว่าทุกวันคงเพราะว่าได้อยู่กับสิ่งที่ทำให้มีความสุข จนทำให้ผมหลงลืมเวลาไปเลยก็อาจเป็นได้ ในที่สุดผมก็มาถึงบ้านจนได้มือที่กุมกันมาตลอดทางถูกปล่อยออกเพราะเราต้องแยกจากกันสักพัก เอาตรงๆ ผมไม่อยากที่จะปล่อยมันเลยแต่ก็นะเดี๋ยวคืนนี้ผมกับพี่ต้าก็ได้เจอกันแล้ว ผมเดินเข้าบ้านด้วยหน้าตาที่มีความสุขเป็นอย่างมาก


“หนูพุดยิ้มอะไรหรอคะ” ป้าดวงเดือนที่รอรับอยู่ที่หน้าบ้านทักผมขึ้นมาก่อนที่ผมจะได้กล่าวทักทายด้วยซ้ำ


“สวัสดีครับป้าเดือน คือ ก็ ไม่มีอะไรหรอกครับ พุดเข้าบ้านก่อนนะ”


พูดจบผมรีบเดินเข้าบ้านไป พร้อมกับไปทักทายแม่ที่กำลังจะทำข้าวเย็นอยู่ที่ครัว


“แม่ สวัสดีครับ”


“เหนื่อยมั้ยวันนี้”


“ไม่เลยครับ”


“ไปเปลี่ยนชุดไปลูก”


“ครับ เดี๋ยวพุดลงมาช่วยนะครับ”


ผมเดินออกมาจากครัวก่อนที่จะหันหลังกลับมาบอกเรื่องพี่ต้าก่อนที่แม่จนตกใจว่าคืนนี้จะมีคนมา


“แม่วันนี้พี่ต้าจะมานะครับ พุดว่าจะขอให้พี่ต้าค้างด้วยได้มั้ยครับ”


“ต้าน่ะหรอ ได้สิ”


แม่ไม่ได้ตกใจเรื่องที่พี่ต้าจะค้างด้วย คงเพราะพี่ต้ามาที่บ้านบ่อยๆ อยู่แล้วด้วย การมาค้างรอบแรกในครั้งนี้เลยเป็นเรื่องที่แม่จะไม่แปลกใจสักเท่าไหร่ ผมรีบขึ้นห้องไปเพื่อเปลี่ยนชุดแล้วลงมาช่วยแม่ตามที่ได้บอกไปก่อนหน้านี้ ทุกสิ่จงอย่างดำเนินไปตามปกติ หลังจากที่แม่รู้ว่าพี่ต้าจะมาที่บ้านตั้งใจะทำกับข้าวเพิ่ม แต่ดีที่ผมห้ามไว้ก่อนพร้อมๆ กับบอกว่าพี่ต้าจะมาหลังจากกินข้าว ไม่อย่างงั้นกับข้าวคงเยอะจนกินไม่หมดแน่นอน


หลังจากที่ทำไปสักพักป้าดวงเดือนก็เข้ามาที่ครัวเพื่อช่วยแม่


“ป้าเดือนไปนั่งพักเถอะ พุดช่วยแม่เองแถมพึ่งกวาดใบไม้ไปด้วย เหนื่อยๆ”


“ใบไม้แค่ไม่กี่สิบใบเอง หนูพุดไปนั่งเถอะ”


“แต่พุดอยากทำอะครั โอ้ย.. เจ็บๆ” ผมอุทานออกมาดังเพราะมือไปโดนกับฝาหม้อร้อนๆ ก่อนที่ผมจะรีบเอาตัวไปที่ซิงค์แล้วเปิดน้ำอย่างรวดเร็ว


“นั้นไงคะ”


“ไปพักเถอะลูก ป่ะ เดี๋ยวจะหนักกว่าเดิมนะ” แม่หันมาพูดกับผม


“งั้นพุดไปดูสวนนะ อยู่เฉยๆ แล้วพุดเบื่ออะครับ”


แม่ตอบรับด้วยการพยักหน้า จากนั้นรีบพุ่งตัวออกไปที่สวนของบ้านเป็นที่ ที่ผมชอบที่สุดในบ้านเลย แถมยังเป็นที่ ที่จะทำให้ผมหายเศร้าได้ด้วย ทั้งยังทำให้รู้สึกเหมือนได้อยู่กับพ่อด้วย คือมันเป็นสวนที่พ่อทำไว้ช่วงที่แม่ท้องผม ตั้งใจว่าจะเป็นที่พักผ่อนของพวกเราทั้งครอบครัว แต่ก็ไม่มีโอกาส แต่ก็นั้นแหละครับ ผมจะไม่ทำให้ตัวเองเศร้าเวลาที่อยู่ในสวนหรอกครับ


เวลาผ่านไปไว้เหมือนโกหก ตอนนี้แม่ทำทุกสิ่งอย่างเรียบร้อยแล้ว


“หนูพุด มากินข้าวนะคะ”


“ครับ ป้าเดือนเดี๋ยวพุดไปนะ”


ผมเดินออกมาจากสวน แล้วล้างมือที่ก๊อกน้ำใกล้ๆ ก่อนที่จะเดินเข้าไปในบ้านพร้อมกับที่เจออาหารหลายอย่าง ที่ทำไว้อย่างละนิดอย่างละหน่อย ผมนั่งลงที่จุดประจำของตัวเองพร้อมๆ กับที่ป้าดวงเดือนตักข้าวลงจานให้ทั้งผมและแม่ ก่อนที่ป้าดวงเดือนจะไปนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับผมโดยมีแม่เป็นหัวโต๊ะ


ข้ามผ่านมาที่ช่วงสองทุ่มกว่าๆ เสียงรถมอเตอร์ไซค์ที่คุ้นเคยมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้าน ผมรีบเดินออกไปที่หน้าบ้านจนได้เจอกับพี่ต้าที่พึ่งมาถึง


“ไงพุด พี่มาดึกไปมั้ย”


“ไม่หรอกยังไงคืนนี้พี่ก็ค้างนี่”


“ก็จริงเนอะ”


“มาๆ เข้าบ้านดีกว่าครับ”


ผมเดินนำหน้าพี่ต้าเข้ามาให้บ้าน “แม่สวัสดีครับ ป้าเดือนสวัสดีครับ” พี่ต้าพูดทักทายแม่กับป้าดวงเดือนหลังจากเข้ามาให้บ้านแล้ว


“วันนี้มาค้างกับน้องใช่มั้ยลูก”


“ครับ”


“ป่ะๆ ไปเล่นกันที่ห้องน้องนั้นแหละไปลูก”


“เล่นอะไรล่ะแม่ ผมโตแล้วนะ มาใช่คำว่าเล่น เหมือนเด็กเลย” ผมพูดไปที่แม่


เราทั้งคู่เดินขึ้นมาจนถึงห้องของผม ประตูห้องถูกปิดแล้วลงกลอนจนสนิทก่อนที่พี่ต้าจะเริ่มบรรเลงเพลงจูบที่รุนแรงใส่เข้ามาที่ปากของผมจนไม่ทันได้ตั้งตัว ลิ้นร้อนของพี่ต้าที่สอดใส่เข้ามาในปากของผมมันทำให้ผมรู้สึกแน่นจนหายใจลำบาก ก่อนที่มือซนของพี่ต้าจะเริ่มลูบไล้ไปที่ท้องของผมไล่ขึ้นมาที่อก พร้อมนิ้วพี่ต้าที่เขี่ยตรงจุดนั้นเล่นย้ำๆ ซ้ำๆ ไม่ยอมหยุด ในไม่ช้าผมก็ถูกร่างหน้าใหญ่ยกตัวสูงขึ้นจากพื้น แต่ปากของพี่ต้ายังจูบผมไม่ยอมหยุด ก่อนที่จะค่อยๆ ไล่ลงมาดูดที่คอผมอย่างสนุกปาก พี่ต้าอุ้มผมมาวางลงที่เตียงพร้อมๆ กับขาผมที่ ลอยยกสูงขึ้นจนมาเกาะค้างอยู่ที่ไหล่ของพี่ต้า เสื้อของผมถูกดึงขึ้นจนถึงอก จากนั้นพี่ต้าก็โน้มตัวลงมาเพื่อจะจูบไปที่จุดต่างๆ บนตัวของผม


“พี่ต้าผมว่า” พี่ต้าไม่ฟังคำของผม แต่หลังจากที่ได้ยินคำพูดของผมมือหนาก็ดึงเอามือของผมไปจับเข้ากับจุดนั้นของพี่ต้าที่มันตื่นตัวจนพร้อมใช้งาน ผมตกใจเป็นอย่างมากก่อนที่จะพยายามดิ้นตัวเพื่อหยุดการกระทำของพี่ต้าลง


“พี่ต้าผมไม่พร้อม ขอโทษนะครับ” ผมใช้มือทั้งสองข้างผลักตัวพี่ต้าออกไป สีหน้าขอพี่ต้าจากสายตาของผมก็ดูว่าพี่เขาจะผิดหวังอยู่พอสมควร


“งั้นพี่ว่า พี่กลับดีกว่า กลัวจะห้ามตัวเองไม่ได้” พี่พูดก่อนจะจัดระเบียบชุดและผมของตัวเอง


“ผมลงไปส่งนะ” ผมเดินลงมาส่งพี่ต้าที่หน้าบ้าน ตอนนี้แม่กับป้าดวงเดือนหลับไปแล้ว ผมยืนอยู่หน้ามองพี่ต้าที่ขับรถมอเตอร์ไซค์ออกไปจนสุดสายตาแล้วจึงเดินกลับเข้าบ้านแล้วตรงไปที่ครัวเพราะความรู้สึกกระหายน้ำ ก่อนที่สายตาซุกซนของผมจะหันไปมองทางหน้าต่างที่ปิดเพียงมุ้งลวดเอาไว้ สายตาผมมองลอดไปจนถึงสวนจนพบเจอกับเงาสีดำกำลังยืนอยู่ แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าเงานั้นกำลังมองไปทางไหน ยอมรับว่าแอบกลัวนิดๆ แต่ผมรีบเดินแบบเงียบเสียงที่สุดเพื่อไม่ให้เงาดำรู้ตัวว่าผมเห็น แล้วไปที่ประตูหลังบ้านที่เชื่อมตรงออกไปที่สวน ผมเปิดไฟประดับที่สวนจนสวนสว่างขึ้น ประตูไม้บานใหญ่ถูกผมแง้มเปิด แต่สิ่งที่พบมีเพียงความว่างเปล่า


ทุกอย่างกลับเข้าสู่ความปกติ ไม่มีใครหรืออะไรอยู่ที่สวนเหมือนตอนที่มองจากครัว คำถามเกิดขึ้นในหัวผมเต็มไปหมด บางที่ผมอาจจะตาฝาดไปเอง ผมอยากออกไปเช็กเพืีอความแน่ใจ แต่ความรู้สึกกลัวดันพุ่งสูงกว่าความอยากรู้อยากเห็น จนทำให้ผมตัดสินใจปิดประตูกลับเข้ามาแล้ว ปิดไฟที่สวนก่อนที่จะรีบวิ่งขึ้นไปที่ห้องนอนของตัวเองอย่างรวดเร็ว


ผมล้มตัวลงนอนที่เตียง หลับตา พลางคิดถึงเรื่ิองราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในวันนี้ พร้อมทั้งจินตนาการว่าถ้าผมเลือกที่จะทำอีกแบบผลลัพธ์มันจะออกมาเป็นยังไง มันจะดีกว่าเดิม หรือมันจะแย่ลงยิ่งกว่าเดิม ผมได้แต่คิดแบบนี้กับเรื่องต่างๆ ซ้ำวนไปมา


ผมนอนคิดมากอยู่กับตัวเองนานสองนานก่อนที่หางตาผมจะเห็นแสงที่ส่องมาจากสวน ครั้งนี้ผมรวบรวมความกล้าที่มีอยู่น้อยนิด จากนั้นลุกขึ้นแล้วเดินตรงไปที่ระเบียงห้องที่หันไปทางสวน ผมมองลงไปพร้อมกับตาที่เห็นเข้ากับใครบางคน ที่กำลังยืนส่งไฟมาที่หน้าของผมจนทำให้ผมแทบมองไม่เห็นตัวคนที่ยืนอยู่ ก่อนที่แสงไฟจะดับลงพร้อมกับสายตาขอวผมที่ไม่ชินกับความมืดจนทำให้มองอะไรไม่เห็น แต่กลับมีความรู้สึกแปลกๆ เกิดขึ้นอยู่ใกล้ตัว อยู่ผมก็ร่วงตกจากระเบียง


ทุกอย่างราวกับถูกทำให้ช้าลง ผมตกกระแทกลงกับพื้นอย่างแรง ก่อนที่จะสะดุ้งตื่นอยู่บนเตียงของตัวเอง แน่นอนว่ามันเป็นแค่ความฝัน ผมตื่นพร้อมกับอาการหายใจแรง หัวใจเต้นแรง น้ำตาไหลออกมาจากตาโดยไม่รู้สาเหตุผมตอบอะไรไม่ได้ ในหัวผมมีแต่ความสงสัยเต็มไปหมด ความรู้สึกแปลกๆ เริ่มก่อตัวขึ้น ผมไม่รู้แล้วว่าจะจัดการกับความรู้สึกนี้ยังไงดี มันสับสนไปหมด ผมพยายามหลับตาลงเพื่อที่จะได้นอนพักผ่อน แต่ผมกลับไม่สามารถนอนหลับลงได้ในทันทีเพราะยังคงคิดมากเรื่องที่พึ่งเกิดขึ้นอยู่


 


วันพุธที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2567


ผมลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนเช้าที่มืดครึ้มราวกับว่าจะมีฝนตกลงมาซึ่งแทบจะไม่ต่างกับความรูัสึกของผมตอนนี้เลย ผมเดินลงจากห้องในชุดนอนลงมาที่โซฟาที่ชั้นล่างของบ้าน ก่อนที่จะทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง “พุดตื่นแล้วหรอลูก” เสียงแม่ตะโกนถามมาจากข้างในครัว ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไปยังคงนิ่งเงียบอยู่ต่อไปอย่างนั้น


 


“พุด” แม่แตะมาที่หลังของผม


“ครับ”


“อย่ามานอนแบบนี้สิ่ ไปอาบน้ำไปลูก จะได้ตื่น”


“ครับ”


ผมลุกขึ้นจากโซฟาเดินกลับขึ้นไปที่ห้องนอน ผมพุ่งตัวไปหยิบชุดพละจากตู้ก่อนที่จะเดินเข้าห้องอาบน้ำ ผมยืนอยู่ที่หน้ากระจกในห้องน้ำ มือจับแตะไปตามรอยช้ำบนร่างกายที่เกิดจากแรงจูบของพี่ต้า ผมได้แต่เริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่าสิ่งที่ทำไปเมื่อคืนมันถูกมั้ย “เอาเถอะ คืนนี้ค่อยลองใหม่ แต่มันจะไม่เร็วไปหรอพุด ไม่หรอก ยังไงก็วันเกิด คิดซะว่าเป็นอะไรใหม่แล้วกันเนอะ” ผมได้แต่บ่นกับตัวเอง


 


วันอาทิตย์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2510


ในหมู่บ้านที่ต่างจังหวัด ทิวทัศน์โดยรอบเต็มไปด้วยทุ่งนาและริบตาไปคือป่า หญิงสาวคนหนึ่งกำลังเดินตามทางเดินตรงไปยังบ้านหลังหนึ่ง บ้านไม้แบบที่คือนิยมสรัางกัน ที่ใน้ถุนบ้านมีวัวควายที่เลี้ยงไว้อยู่ในคอก หญิงสาวเดินมาอยู่ที่ด้านล่างของบ้าน ที่ตรงกับระเบียงบ้าน


“ตัวๆ พิกุลๆ” เสียงหญิงสาวคนหนึ่งตะโกนเรียก คน คนหนึ่งที่ชื่อพิกุล


“ว่าไงดาวเรือง” หญิงสาวอีกคนที่น่าจะใช่พิกุล เดินออกมาจากข้างในบ้านแล้วหยุดอยู่ตรงที่ระเบียง


“ป้าแย้มให้ฉันมาตามเธอ” ดาวเรืองพูด


“เฮ้อ อะไรก็ไม่รู้ จะยุ่งกับฉันทำไมก็ไม่รู้”


“นี่งานแต่งเธอนะพิกุล”


พิกุลเดินลงมาจากบ้าน “แต่ฉันไม่ได้อยากแต่งนิดาวเรือง”


พิกุลทำหน้าบูดแล้วเดินไปพร้อมๆ กับดาวเรือง จนมาถึงบ้านหลังหนึ่งที่มีคนเยอะแยะมากมายอยู่เต็มไปหมดทั่วทั้งบริเวณบ้าน “แม่ฉันอยู่ไหนล่ะ” พิกุลหันมาถามดาวเรือง


“บนบ้านน่ะ ฉันไปช่วยในครัวดีกว่า”


พิกุลเดินขึ้นไปบนบ้าน “แม่มีอะไรจ๊ะ”


“นี่ไงพ่อยงค์ พิกุลมาแล้ว” เสียงนางแย้มแม่ของพิกุล พูดกับใครคนหนึ่ง


“เอ้าพิกุลมานี้มา มาสวัสดี​ป้าปีบกับพ่อประยงค์​เขา” นางแย้มกวักมือ​เรียกลูกสาวของตัวเองให้เดินเข้ามาหา


“สวัสดีค่ะ ป้าปีบ สวัสดีค่ะ คือหนูคงไม่ได้อยู่คุยด้วยมากนะคะ หนูปวดหัวค่ะ มาสวัสดีแล้วคงต้องขอกลับไปพักก่อน ขอตัวนะคะคุณ​ป้า” พิกุลกล่าว แล้วยกมือไหว้อีกครั้ง ก่อนหันหลังแล้วเดินลงไปจากบ้าน


“เดี๋ยวฉันขอไปดูนังพิกุลมันก่อนนะแม่ปีบ”


“ไปดูน้องเถอะครับ ป้าแย้ม” ประยงค์กล่าวเสริม


นางแย้มยิ้มเจื่อนๆ ก่อนจะรีบเดินตามพิกุลออกไป อย่างรวดเร็วด้วยท่าทางรีบร้อน


“พิกุล พิกุล! นังพิกุล!!”


เสียงของนางแย้มทำให้ พิกุลต้องจำยอมหยุดเดินแล้วหันหลังกลับมาที่นางแย้ม ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์​ ปะทะกับใบหน้าปนความโกรธ​


“แกทำแบบนี้ทำไมพิกุล” 


“ฉันทำอะไรหรอแม่”


“ฉันให้แกมาเจอเขา มาพูดมาคุย ไม่ใช่ว่ามาสวัสดีแล้วก็กลับ นั้นผัว กับ แม่ผัวแกนะ”


“แต่ฉันไม่ได้อยากแต่งนิแม่” 


“มันจาอะไรนักหนา ฉันหาคนดีๆ มาแต่งแก คนที่จะดูแลแกได้”


“ฉันไม่ได้ขอนะแม่” 


“ที่ฉันทำเนี้ย เพราะฉันอยากเห็นแกมีชีวิตที่ดี กับคนดีๆ” 


“ฉันคงมีความสุข ตอนฉันตายจากเขาไปนั้นแหละ​แม่”


“ปากแกนี่นะ ไป กลับบ้านไปนอนซะไป พรุ่งนี้แกต้องตื่นแต่เช้า” 


พูดจบนางแยัมเดินกลับเขาไปอย่างหัวเสีย ก่อนที่พิกุลจะถอนหายใจ​อย่างแรงแล้วเดินตรงกับไปทางเดิม เพื่อที่จะกลับไปที่บ้านของตัวเอง ในขณะที่ก้าว​เดินลมเย็นพัดมาแรงขึ้นท้องฟ้าสลัว หยดน้ำ​ใสตกลงมาจากฟ้าถึงพื้นดิน จากเบาๆ เริ่มแรงขึ้นภายในเวลาเพียงชั่วครู่​ พิกุลเดินไปด้วยความเร็วเท่าเดิมราวกับคนเหม่อลอย​แต่สีหน้ากับดูเหมือนคนที่คิดอะไรอยู่ตลอดเวลา


พิกุลค่อยเดินมาจนถึงที่บ้าน “พิกุล” เสียงชายหนุ่มคนหนึ่งดังออกมาจากใต้ถุนบ้าน


“พี่ชาติ มีอะไร”


“พี่แค่อยากถามว่าพิกุลจะแต่งงานกับไอ้หนุ่มนั้นจริงๆ หรอ” 


“หน้าฉันเหมือนคนอยากแต่งงานหรอพี่”


“งั้นพิกุลหนีไปกับพี่มั้ย” ชาติมือของพิกุลขึ้น


“แล้วทำไมฉันต้องหนีไปกับพี่ ขอนะพี่ชาติเลิกคิดว่าฉันรักชอบพี่เถอะ ถึงฉันจะไม่ได้รักกับเขา แต่ฉันก็ไม่ได้รักพี่เหมือนกัน พี่เลิกคิดเถอะ ฉันรู้ว่าพี่คิดยังไงกับฉันพอเถอะ”


“พี่คิดไว้แล้วแหละว่าพิกุลต้องตอบแบบนี้ พี่ยอมรับนะว่าเสียใจมาก”


“เอาเถอะ พี่กลับไปก่อนเถอะฉันไม่อยากเจอใครอีกแล้ว” 


จบบทสนทนา​พิกุลเดินขึ้นบ้านโดนทิ้งชาติเอาไว้แบบนั้น ก่อนที่ชายหนุ่มจะวิ่งตากฝนกลับไปทางบ้านของตนซึ่งต้องผ่านบ้านที่ซึ่งเป็นที่จัดงานแต่งของประยงค์​กับพิกุล




*********************************************


🌟🌟 นิยายเรื่องนี้อยู่ภายใต้นามปากกา k.n. star light เนื้อเรื่องทั้งหมดจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่แต่งภายใต้นามปากกา k.n.star light 🌟🌟


public : 2024/04/24