ผมนากิ แมวขาวสุดเจ๋งแจ๋วที่ถูกแม่เลี้ยงใจร้ายถีบออกจากบ้านเด็กกำพร้า อะไรนะ?! ให้ฉันไปหาเงินในสภาพแบบนี้เนี่ยนะ?!! จริง ๆ มันก็ไม่ยากหรอก~ แต่ทำไม...ฉันต้องลงดันเจี้ยนกับไอ้จิ้งจอกขี้เก๊กนี่ด้วย!!!
        ดราม่า,แอคชั่น,ตลก,แฟนตาซี,ชาย-ชาย,โลกครึ่งสัตว์,เวทมนตร์,หวาน,อาณาจักร,นักผจญภัย,ดันเจี้ยน,โรงเรียนเวทมนตร์,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี,  นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
        
        
      
          
            
        
          
              ผมนากิ แมวขาวสุดเจ๋งแจ๋วที่ถูกแม่เลี้ยงใจร้ายถีบออกจากบ้านเด็กกำพร้า อะไรนะ?! ให้ฉันไปหาเงินในสภาพแบบนี้เนี่ยนะ?!! จริง ๆ มันก็ไม่ยากหรอก~ แต่ทำไม...ฉันต้องลงดันเจี้ยนกับไอ้จิ้งจอกขี้เก๊กนี่ด้วย!!!
          
          ผู้แต่ง
          YANI
          เรื่องย่อ
          
              
“หลบไปซะไอ้จิ้งจอกสมองกล้าม ฉันจะจัดการมันเอง” ผมพูดอย่างเย้ยหยันกับชายร่างสูงข้าง ๆ และเดินไปหาเจ้าแมงมุมยักษ์เบื้องหน้าอย่างขึงขังมั่นใจ
กะอีแค่แมงมุมยักษ์ฉันไม่ต้องพึ่งหมานั่นหรอก~
ผมกำมือเดินไปหาเจ้าแมงมุมร้ายอย่างท้าทาย ดวงตาของมันแดงก่ำ มีฟันใหญ่แหลมคม และตัวใหญ่มาก ๆ ... ใหญ่เกือบเท่าบ้านหลังย่อมเลยนะนั่น แต่กลัวซะที่ไหน!
“แกตัวเท่ามดจะไปทำอะไรมันได้?” ผมชะงัก ไอ้หมาจิ้งจอกข้างหลังมันพูดจาถากถางพลางกอดอกด้วยท่าทีดูถูก แถมยังชายตามองผมอย่างกับเห็นแมลง วิ่งกลับไปต่อยสักทีดีไหมเนี่ย!
“เงียบไปเลย! เก็บปากไว้กินหญ้าเถอะ! ฉันไม่ต้องการให้หมาจิ้งจอกอย่างแกช่วย!!” ผมชี้หน้าด่าชายร่างสูงอย่างฉุนเฉียว หูและหางพลันก็ตั้งขึ้นตามอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน
“ก็ถ้าโดนมันเล่นงานขึ้นมาก็อย่าขอให้ฉันช่วยก็แล้วกันไอ้แมวเด็ก!!”
เจ้าจิ้งจอกนั่นมันตะคอกกลับมาด้วยความโกรธเกรี้ยวยิ่งกว่าเก่า แต่แมวแกร่งอย่างผมสนใจพวกสมองกล้ามซะที่ไหน!
“คอยดูเถอะ!!”
หลังจากดูเชิงได้พักนึง ผมโก่งตัวกระโจนใส่เจ้าแมงมุมยักษ์ตรงหน้าหวังจะใช้กรงเล็บเฉือนตามัน
แต่มันกลับพ่นใยมาพันตัวผมจนเหลือแต่หัวโผล่ออกมา อะไรเนี่ย! ใยเหนียวชะมัด! ผมตกลงพื้นแข็ง ๆ และพยายามดิ้นสุดแรง
แต่เจ้าแมงมุมน่าเกลียดนั่นมันใช้ขาหน้าดึงร่างของผมที่ถูกห่อใยขึ้นไปห้อยต่องแต่งอยู่เหนือหัวมัน ก่อนที่ปากอันใหญ่โตของมันจะอ้าออกเผยให้เห็นฟันคมกริบนับไม่ถ้วน กลิ่นโคตรเหม็นคาวเลย!
แต่อะไรเนี่ย นี่ฉันต้องตายตั้งแต่เริ่มเลยเหรอ! ไม่ได้นะ ยังไม่ทันได้เงินสักแดงแถมฉันยังมีน้องที่ต้องกลับไปหาอีกนะ! ถึงจะไม่อยากพูดก็เถอะแต่...
“ช่วยด้วยไอ้หมาสมองกล้าม!!!” ผมตะโกนสุดเสียงจนแสบคอไปหมด แต่ก็เหลือบไปมองเจ้าหมานั่นหวังได้รับคำตอบที่ดี
“เฮ้อ... ฉันบอกแกแล้วใช่ไหมไอ้แมวเด็ก” เจ้าจิ้งจอกถอนหายใจหน้าตายและมองดูผมห้อยต่องแต่งอย่างไร้ทางหนี
อยู่ ๆ จากที่กำลังโดนหย่อน ตัวผมกลับโดนเหวี่ยงเป็นวงกลมเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ไอ้แมงมุมเวรนี่ทำอย่างกับฉันเป็นของเล่นเลย!
มันเหวี่ยงตัวผมไปมาจนเริ่มเวียนหัวแต่เจ้าหมานั่นก็ยังยืนกอดอกดูอยู่แบบนั้น
“ช่วยทีเถอะ! ฉันยังมีน้องที่ต้องกลับไปหานะ! เวียนหัวจะแย่อยู่แล้ว~!!”
เพราะโดนเหวี่ยงจนมึนทำให้เห็นแต่โลกที่หมุนไปมาผมเลยไม่รู้ว่าเจ้าหมานั่นรับคำขอหรือเปล่า
แต่ในตอนนั้นจู่ ๆ จากที่โดนเหวี่ยงไปมาผมก็รู้สึกเหมือนกำลังร่วงอีกครั้ง
“ว้าก!!” ถึงจะมึนจนไม่รู้เรื่องแต่ผมก็ร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนก ตกลงข้างล่างทั้งที่มีปากแมงมุมรออยู่ฉันก็ตายน่ะสิ!!
แต่ตอนที่ร่างของผมกำลังร่วงหล่นอย่างไม่มีอะไรฉุดรั้ง ทันใดนั้นผมก็รู้สึกเหมือนมีอะไรมาประคองร่างที่ห่อใยของผมเอาไว้ สิ่งนั้นวางผมลงกับพื้นหินขรุขระ
“เฮ้! ไหวหรือเปล่าไอ้แมวเด็ก!!” ผมได้ยินเสียงเจ้าหมานั่นอยู่ใกล้ ๆ อาการมึนของผมเริ่มหายไป
ในที่สุดสายตาเจ้ากรรมก็กลับมามองเห็นอีกครั้ง สิ่งที่ผมเห็นคือโยชิโระที่ดูผมเหมือนเอ่อ...กังวลเหรอ ไม่สิ น่าจะแค่สงสัยมากกว่า
“โอย...อยากอ้วกแต่ไม่มีอะไรอยู่ในท้องด้วยซ้ำ...” ผมโอดครวญและพึมพำด้วยสีหน้าที่ซีดเซียว ไม่เอาแบบนั้นอีกแล้วนะขอร้อง...
          
       
      
          - นากิ - 
 “ก็บอกว่าไม่เป็นไรไงเล่า!!” ผมโวยวายเสียงดังบนเตียงในห้องผู้ป่วย ท่ามกลางคนไข้มากมายที่มองดูผมอย่างหนักใจ ไอ้หมอคนนี้มันเรื่องมากชะมัด!
 
 “จะไม่เป็นไรได้ยังไงกันล่ะ?!! เธอพึ่งหายจากพิษมาหมาด ๆ นะ!!”
 
 เหมือนคุณหมอจะหัวร้อนในความดื้อดึงของผม โยชิโระอยู่ในห้องนั้นด้วยแต่เขายืนกอดอกดูอยู่ห่าง ๆ ด้วยสีหน้าเอือมระอา
 
 “ก็ถ้าไม่สบายแล้วจะมานั่งเถียงหมอแบบนี้ได้เหรอ?!!” ผมตวาดกลับไปอย่างฉุนเฉียว
 
 คุณหมอเหมือนจะยัวะกว่าเดิม เขากำหนัดและกัดฟันแน่น น่าจะพยายามใจเย็น...ล่ะมั้ง
 
 “แล้วเอาเหตุผลแบบนั้นมาเถียงคนเป็นหมอเนี่ยนะ?! ช่างเถอะ! ยังไงเธอก็ต้องพักที่โรงพยาบาลก่อน!”
 
 “ไม่เอา!!” ผมกอดอกและทำหน้ามุ่ยหันไปทางอื่นอย่างดื้อรั้น คุณหมอกระต่ายถึงกับหัวเสีย ผมแอบได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ จากคนไข้รอบข้าง ถึงจะไม่ใส่ใจก็เถอะ...
 
 “เฮ้อ ทำตัวดื้อเป็นเด็กไปได้นะ... เอางั้นก็ได้ หมอจะอนุญาตให้เธอออกจากโรงพยาบาลแต่เธอต้องอย่าหักโหมและดูแลสุขภาพด้วย”
 
 ผมตอบตกลง ในที่สุดผมก็ได้ออกจากโรงพยาบาลพร้อมกับชุดเอ่อ... นี่มันชุดบ้าอะไรเนี่ย?
 
 “ทำไมเสื้อที่ฉันใส่มันต้องตัวใหญ่แบบนี้ทุกที...” ผมบ่นด้วยความเซ็งข้างเจ้าหมาที่เดินมาด้วยกัน
 
 ไอ้เสื้อเวรที่ผมใส่นี่เป็นเสื้อยืดแขนยาวตัวใหญ่ ชายเสื้อยาวเลยเอวไปต้นขา จะยกมือแต่ละทีแขนเสื้อมันก็ห้อยต่องแต่งเพราะความยาวของมัน เอาซะน่าเอ็นดูเลย...
 
 สภาพเหมือนตอนใส่เสื้อของเจ้าหมาไม่มีผิด... ถ้าไม่มีผ้าคลุมปิดไว้ฉันคงดูน่าตลกแหง ๆ ดีแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ขำ
 
 “ไม่แย่เท่าไม่มีอะไรใส่หรอก ยังดีที่มีคนบริจาคให้ เห็นหมอบอกว่าคนบริจาคเป็นคุณลุงเผ่ากระทิงตัวใหญ่ ๆ น่ะ”
 
 แล้วจะบอกเพื่อ? คำปลอบของเจ้าหมาไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นสักเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยเสื้อผ้านี่ก็ไม่ได้เหม็นล่ะนะ อีกอย่างกางเกงก็ไม่ได้ใหญ่เกินไป สงสัยคนบริจาคเป็นคนละคน...
 
 อ้อ! แล้วฉันก็ใส่รองเท้าหนังเก่า ๆ นี่ด้วย! ก็...มีคนบริจาคให้อีกนั่นแหละ มันน่าภูมิใจไหมเนี่ย...
 
 ผมชายตามองเจ้าหมาด้วยความสงสัยและแอบเคืองหน่อย ๆ เขาเดินอย่างเรียบนิ่งไม่มีความกังวลแต่อย่างใด
 
 “ว่าแต่นายเถอะ ทำไมนายถึงไม่เล่าเรื่องที่เดิมพันกับพ่ออะไรนั่นให้หมอฟังล่ะ? ทำไมต้องให้ฉันเถียงกับเขาด้วย?” ผมเอ่ยถามอย่างสงสัย
 
 เจ้าหมาเหลือบมองผมเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับ “นั่นมันเป็นเรื่องของตระกูลฉันจะเอาไปเล่าให้ใครต่อใครฟังได้ยังไงล่ะ? อีกอย่างดูนายเถียงกับหมอก็...น่ารักดี”
 
 “ห้ะ?”
 
 เขาพูดอย่างหลังเบาจนผมได้ยินไม่ชัด แถมเขายังเอามือกุมปากและเบือนหน้าหนีซะงั้น ทำอะไรล่ะนั่น?
 
 “ปะ เปล่า...ฉันไม่ได้พูดอะไร เรารีบไปที่กิลด์ดีกว่า” เจ้าหมาพูดและเดินนำผมไปอย่างเร่งรีบ เปลี่ยนเรื่องซะงั้น...
 
 “เอาเถอะ” ผมตัดสินใจไม่ซักไซ้และเดินตามเขาไป เรากลับมายังกิลด์นักผจญภัยอีกครั้งหลังจากที่หายไปหนึ่งวัน
 
 ทันทีที่เราเข้าไป ทุกสายตาก็จับจ้องมาหาอย่างน่าประหลาด เหมือนพวกเขาจะตกใจที่เห็นเรา ก็แหม~ คนอุส่าไปลุยที่ดันเจี้ยนแมงมุมยักษ์มาแต่รอดมาได้นี่นะ สรรเสริญซะสิไอ้พวกกล้ามโตเอ้ย!
 
 ผมเดินยืดอกอย่างมั่นอกมั่นใจไปพร้อมกับโยชิโระผ่านสายตาของทุกคนในกิลด์
 
 เมื่อไปถึงเคาเตอร์โยชิโระก็หยิบเอาการ์ดเก็บไอเทมออกมา
 
 “ฉันมีของมาขาย”
 
 เขายื่นการ์ดให้คนตรงหน้า เจ้าพนักงานดูตกใจยิ่งกว่าใคร มันรับไว้ด้วยความสงสัยและตรวจเช็คของในระหว่างที่เรากำลังรออยู่อย่างใจจดใจจ่อ
 
 “นะ นี่มันอะไรกัน?!! เขี้ยวกับดวงตาของแมงมุมยักษ์จำนวนขนาดนี้เชียวเหรอ?!”
 
 “ห้ะ?!! อะไรนะ?!!” เหล่าสมาชิกกิลด์ต่างอุทานด้วยความตกใจ
 
 ผมกอดอกและยิ้มอย่างภูมิใจส่วนเจ้าหมาก็นิ่งเฉยไม่แสดงท่าทีอะไร รู้สึกเหมือนได้ตอกหน้าไอ้พวกนี้เลยแฮะ แต่ยังหรอก! รอฆ่าไอ้บอสเวรนั่นก่อนเดี๋ยวจะกลับมาเยอะเย้ยให้!
 
 “ขายได้เท่าไหร่?” โยชิโระถามอย่างจริงจัง ไม่รู้ว่าเขาโมโหมาจากไหน เมื่อกี้ก็ยังปกติอยู่เลยไม่ใช่เหรอ..?
 
 พนักงานนั่นตกใจจนสติแทบหลุด มันรีบถามทันที “แต่ได้ยังไงน่ะ?! พวกนายสองคนรอดมาจากที่นั่นแล้วเอาชิ้นส่วนแมงมุมมาเยอะขนาดนี้ได้ยังไง?!”
 
 ผมและเจ้าหมามองหน้ากันราวกับจะถามว่าควรบอกเขาไหม?
 
 พอตัดสินใจได้โยชิโระก็บอกมันอย่างไม่สบอารมณ์ “เรื่องนั้นเดี๋ยวฉันบอกหัวหน้ากิลด์เอง ตอนนี้ราต้องการเงิน สรุปว่าทั้งหมดนั่นขายได้เท่าไหร่?”
 
 ไอ้พนักงานพยายามใจเย็นและเพ่งดูการ์ดอีกครั้งก่อนจะตอบ “ก็...ของจากดันเจี้ยนแมงมุมยักษ์เป็นอะไรที่หายากมากในเวลานี้ แถมส่วนที่เอามาขายยังมีค่ามาก... ทางกิลด์ประเมินค่าได้เท่านี้”
 
 เจ้าพนักงานหยิบเงินถุงใหญ่ออกมาหนึ่งถุงวางบนเคาเตอร์ ผมตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ เยอะโคตร!!
 
 เราตกลงขายให้ทางกิลด์ด้วยราคาย่อมเยาโดยใช้วิธีโอนไอเทมระหว่างการ์ดของเจ้าหมาและการ์ดของพนักงาน
 
 ผมเดินออกมาจากเคาเตอร์อย่างอารมณ์ดีพลางทำหน้าล้อเลียนพวกคนในกิลด์ที่หัวเราะเยาะผม ทำให้พวกมันหงุดหงิดสักหน่อยฮ่าฮ่า! ในที่สุดก็ได้เงินมาแล้ว!
 
 พอเราออกมาจากิลด์เจ้าหมาก็เอ่ยถาม “เราหาซื้ออะไรกินก่อนไหม? นายไม่ได้กินอะไรมาตั้งนานนี่...”
 
 เจ้าหมาเสนอทางที่ดีให้ผมอย่างเป็นห่วง ผมหันหลังกลับไปหาโยชิโระ เขาถือถุงเงินเดินมาหาผมเพื่อรอคำตอบ
 
 ผมคิดครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับ “ไม่เป็นไรฉันไม่รู้สึกหิวแล้วล่ะ เห็นหมอบอกว่าคงเป็นเพราะเวทของผู้นำศาสนจักรอะไรนั่น... ถึงจะไม่แน่ใจว่าเวทอะไรแต่นั่นทำให้ฉันไม่หิวและกลับมาแข็งแรงแล้วล่ะ!”
 
 ผมพูดและชูมือขึ้นมาตรงหน้าก่อนจะใช้เวทสร้างกรงเล็บลมให้เจ้าหมาดู
 
 แต่มันไม่เหมือนครั้งแรกที่กิลด์ เพราะพลังที่เต็มเปี่ยมเลยทำให้ผมสามารถสร้างกรงเล็บได้ใหญ่เท่ากับพวกเผ่าหมีเลยล่ะ! ไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานานแล้วแฮะ!
 
 “ถ้างั้นก็ดีแล้ว” โยชิโระพูดหน้าตายแต่น้ำเสียงออกจะโล่งอกนิดหน่อย...มั้งนะ บางครั้งผมก็เดาอารมณ์ของหมอนี่ไม่ออกเหมือนกัน
 
 “แล้วนายจะเอาเงินนี่ไปทำอะไรล่ะ?” โยชิโระถามอีกครั้งพร้อมมองถุงเงินอย่างสงสัย
 
 ก็นะ...คนบ้านรวยอย่างเขาไม่อยากได้เงินแค่นั้นอยู่แล้ว แต่...ฉันก็ยังไม่ต้องรีบเอามันกลับบ้านเหมือนกันนี่สิ... เพราะแค่นั้นมันน้อยเกินกว่าที่ผมตั้งใจ
 
 ผมจับปลายคางและยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ รู้แล้วล่ะว่าจะเอาเงินไปใช้ทำอะไร~
 
 “ฉันพูดแล้วว่าเราจะไปฆ่าไอ้บอสแมงมุมนั่นกัน และฉันจะไม่ผิดสัญญาแน่นอน~ เพราะงั้นเราไปซื้อของกันดีกว่า~”
 
 ///
 
 ในถ้ำมืด ๆ ของดันเจี้ยนแมงมุมยักษ์ที่ชวนให้รู้สึกขนลุก ผมและโยชิโระกลับมาที่นี่อีกครั้งในชุดผ้าคลุมที่ปกปิดร่างกายและคลุมหัวมิดชิด
 
 ที่นี่ยังคงมีแต่หินงอกหินย้อยเช่นเดิม มีใยแมงมุมอยู่ตามผนังและเพดานเหมือนเดิม
 
 เท้าของเราย่ำเดินไปบนพื้นหินอย่างสม่ำเสมอส่งเสียงไปทั่วบริเวณ ท่ามกลางความเงียบของถ้ำที่สงบอย่างบอกไม่ถูก เกือบลืมไปเลยว่าที่นี่คือดันเจี้ยน...
 
 เราเดินตามทางเดิมมาเรื่อย ๆ จนกลับมาโผล่ที่โถงถ้ำขนาดใหญ่อีกครั้ง น่าประหลาด...คราวนี้เราไม่เห็นแมงมุมยักษ์เลยสักตัว
 
 พวกเราเดินลึกเข้าไปจนถึงบริเวณตรงกลาง ทันใดนั้นเสียงฝีเท้านับร้อยที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น พวกเรายืนนิ่งด้วยความฉงน จากนั้นแมงมุมยักษ์ขนดำที่คุ้นเคยก็โดดลงมาอยู่ตรงหน้าของเราและคำรามอย่างเดือดพล่าน
 
 ต่อเนื่องกัน แมงมุมยักษ์นับสิบโดดลงมาจากเพดานและในพริบตาพวกมันก็ล้อมเราไว้หมดทุกทิศ พวกเราไม่ได้แสดงท่าทีอะไร แต่ไม่รู้ว่าไปโกรธแค้นกันมาจากไหนเพราะพวกมันรุมพ่นพิษใส่ผมอย่างไม่ปรานี
 
 ในตอนที่ผมยังไม่ทันตั้งตัวสายน้ำสีม่วงก็พุ่งเข้ามาจากทุกสารทิศ แค่เสี้ยววิทั่วทั้งตัวของผมก็ถูกชโลมไปด้วยพิษ ผมกรีดร้องเสียงดังด้วยความเจ็บปวดและล้มไปดิ้นกับพื้น
 
 “โยชิโระช่วยฉันด้วย!!!” ถึงจะตะโกนไปแบบนั้นเจ้าหมาก็ไม่สนใจและมองผมอย่างเย็นชา
 
 ทำไมนายถึงทำแบบนี้?! ทำไม?! ทำไมนายถึง...ไม่เล่นกับฉันเลยล่ะ?!!
 
 “โธ่เอ้ย... เจ้าหมาขี้เก๊กอย่างนายนี่ไม่มีอารมณ์ขันเลยนะ” ผมพูดก่อนจะลุกขึ้นด้วยความเซ็งหน่อย ๆ อุส่าลงทุนแสดงละครซะแนบเนียน แย่จัง~
 
 พิษที่ติดผ้าคลุมสลายหายไปหมด พวกแมงมุมหยุดชะงักเหมือนจะงงกับสิ่งที่เห็น ก็แน่สิคราวนี้ฉันเตรียมตัวมาดี~
 
 ผมดึงฮูดคลุมหัวของตัวเองออกเผยให้เห็นรอยยิ้มและสีหน้าที่มั่นใจสุด ๆ
 
 “ไงล่ะไอ้พวกแมงมุมน่ารังเกียจ! ใช้ดวงตาแปดดวงของพวกแกดูซะ! นี่น่ะเป็นผ้าคลุมป้องกันพิษที่ซื้อมาจากร้านค้าเวทมนตร์! พ่นพิษโง่ ๆ นั่นมาก็ไม่มีประโยชน์หรอก!!”
 
 ผมโอ้อวดของที่มีอย่างมั่นหน้าแต่ไอ้พวกอัปลักษณ์มันไม่รีรอ พวกมันรุมพ่นใยใส่ผมจากทุกทางจนขยับไม่ได้ เจ้าหมาก็ยังยืนดูอยู่เฉย ๆ
 
 พวกแมงมุมแสดงท่าทีดุร้ายเหมือนจะเข้ามารุมขย้ำแต่ทันใดนั้นใยแมงมุมที่ห่อตัวผมก็ถูกอาบด้วยเปลวเพลิงอันร้อนระอุ พวกแมงมุมต่างก็สะดุ้งตกใจ
 
 ผมย่างก้าวออกมาจากกองเพลิงด้วยรอยยิ้มสุดแสนมั่นใจ มือทั้งสองข้างของผมเต็มไปด้วยเปลวไฟส่องสว่าง พวกแมงมุมยักษ์ส่งเสียงแมลงน่าขนลุกราวกับจะข่มขวัญผม เหอะ! กลัวล่ะสิไอ้พวกแมลงน่ารังเกียจเอ้ย!!
 
 “งงใช่ไหมล่ะว่าทำไมฉันถึงใช้เวทไฟได้~? ดูให้เต็มตาซะ!” ผมพูดและเอาสร้อยศิลาหินออกมาจากใต้ผ้าคลุมให้ไอ้พวกแมงมุมได้เห็นชัด ๆ
 
 “นี่คือสร้อยศิลาเพลิง! ฉันซื้อมาจากร้านค้าเวทมนตร์ ตราบใดที่ฉันยังสวมสร้อยนี่อยู่ฉันจะใช้เวทไฟเท่าไหร่ก็ได้! แต่...ถ้าจะใช้แค่ไฟเฉย ๆ อาจจะยังไม่แรงพอ ฉันเลยจะใช้ไอ้นี่ด้วย~”
 
 ผมพูดพลางยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และชูมือทั้งสองข้างขึ้นมาตรงหน้า ข้างหนึ่งมีเวทไฟ อีกข้างหนึ่งมีเวทลม ผมเอามือมาประกบกันเป็นการผสานพลังเวท
 
 จากนั้นผมก็เผ่งสายตาและยื่นมือไปหาเจ้าแมงมุมยักษ์ตัวหนึ่ง
 
 “เพลิงยักษ์!!” ทันทีหลังจากร่ายคาถาเปลวไฟขนาดมหึมาก็พุ่งออกไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว มันกลืนกินเจ้าแมงมุมยักษ์ผู้โชคร้ายตัวนัันเข้าไปราวกับอสูรกระหายเลือด และไม่ต้องสืบ มันไหม้เกรียมตายคาที่ทันที
 
 ผมยิ้มเยาะอย่างพึงพอใจก่อนจะพูดอย่างดุดัน “เข้ามาเลยไอ้พวกอัปลักษณ์ฉันจะเผาพวกแกเอง!!!”
 
 หลังจากเสียงดังกึกก้องของผมสิ้นสุด ความเงียบก็เข้าปกคลุมชั่วขณะ ทันใดนั้นสิ่งที่ผมไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
 
 แทนที่จะรุมกันเข้ามาพวกแมงมุมกลับหันหลังวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
 
 “คิดจะหนีเหรอ?! กำแพงเพลิง!!” ผมร่ายเวทก่อนจะยิงลูกไฟไปที่ทางออกทั้งสองด้าน เกิดเป็นม่านเพลิงขนาดใหญ่ขึ้นมาปิดทาง
 
 “พวกแกห้ามไปไหนทั้งนั้น!!! วันนี้ฉันจะเผาพวกแกให้หมดทั้งดันเจี้ยนเลย!!!”
 
 ผมประกาศกร้าวก่อนจะเริ่มทำการสังหารหมู่พวกแมงมุมยักษ์ทันที ผมใช้เวทไฟสุดบ้าระห่ำไล่เผาพวกมันอย่างไร้ปรานี ส่วนเจ้าหมายืนดูอยู่เฉย ๆ
 
 เพราะแรงที่มีเหลือล้น ผมเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วไล่ฆ่าพวกมันไม่เว้นช่วง แต่ก็ไม่ใช่ว่าพวกมันจะขี้ขลาดซะทีเดียว
 
 “!” หนึ่งในพวกแมงมุมยักษ์คิดจะสู้กับผม มันคำรามและพ่นพิษใส่ราวกับจะท้าทายแมวแกร่งผู้นี้
 
 ซึ่งแน่นอนว่าพิษมันทำอะไรผมไม่ได้ ด้วยความหงุดหงิดผมมุ่งเป้าไปที่ไอ้แมงมุมยักษ์ตัวนั้นอย่างไม่ลังเล
 
 “อยากตายนักใช่ไหมไอ้อัปลักษณ์!!!” ผมพุ่งตัวไปหามันอย่างรวดเร็ว
 
 ไอ้แมงมุมนั่นมันพ่นทั้งพิษและใยสวนกลับมา แต่ด้วยความเร็วในตอนนี้ทำให้ผมสามารถเบี่ยงหลบมาได้อย่างง่ายดาย
 
 ผมสร้างเวทเป็นกรงเล็บไฟขึ้นมาที่มือและกระโจนใส่หน้าเจ้าแมงมุมยักษ์อย่างไร้ความกลัว
 
 “กรงเล็บอัคคี!!” ผมเหวี่ยงแขนอย่างรวดเร็วโจมตีเข้าที่ตาของมัน แต่เพราะพลังเวทที่มหาศาล แทนที่จะสร้างแค่แผลเล็ก ๆ มันกลับเฉือนหัวของแมงมุมยักษ์ออกเป็นส่วน ๆ พร้อมเผาทั้งร่างของมันในพริบตา
 
 “นี่คือข้อหาที่พวกแกทำให้ฉันดูแย่ต่อหน้าเจ้าหมา!!”
 
 โยชิโระเอียงคอเหมือนจะสงสัยกับคำพูดเมื่อกี้ ผมกลับไปหาเขาอย่างรีบร้อนเพราะใช้พลังเวทไปเยอะ
 
 “ขอขวดนามาหน่อย” ผมยื่นมือไปหาเขาอย่างไม่คิดอะไร โยชิโระชะงักเล็กน้อยก่อนจะหยิบการ์ดไอเทมและเอาขวดมานาออกมาให้
 
 ผมรับขวดแก้วขนาดเล็กมาไว้ในมือ ข้างในมีของเหลวสีฟ้าที่เรียกว่ามานา - ก็ซื้อมาจากร้านค้าเวทมนตร์อีกนั่นแหละ... - ผมกระดกขวดดื่มของเหลวนั้นหมดในรวดเดียว ทำให้พลังกลับมาเต็มอีกครั้ง
 
 ผมสร้างเวทผสานและกลับไปไล่เผาไอ้พวกแมงมุมยักษ์ที่เหลือ ราวกับได้ปลดปล่อยความแค้นเคืองในใจ
 
 “ฮ่าฮ่าฮ่า!!! ตายให้หมด!!!” ผมหัวเราะออกมาราวกับคนบ้าด้วยความสะใจ แค่ไม่กี่วิพื้นที่ส่วนใหญ่ในโถงถ้ำก็ถูกปกคลุมไปด้วยทะเลเพลิง
 
 “ชักเริ่มกลัวแล้วสิ... คิดถูกใช่ไหมเนี่ยที่ช่วยนาย”
 
 “นายว่าอะไรนะ?”
 
 โยชิโระพึมพำอะไรสักอย่างผมเลยกลับมาถามเขา แต่เจ้าหมาก็ทำเป็นไม่รู้เรื่องและปล่อยให้ผมไปฆ่าพวกแมงมุมต่อ
 
 ไม่นานพวกมันทุกตัวก็กลายเป็นซากที่ไหม้เกรียม พอไฟทั้งหมดในโถงถ้ำมอดลงผมก็กอดอกภูมิใจในผลงานของตัวเอง
 
 “มาทำให้ฉันแค้นสภาพก็จะเป็นแบบนี้แหละ~” เจ้าหมาเดินมาหาผมพลางมองไปรอบ ๆ ด้วยความทึ่ง
 
 “นายบอกว่าพึ่งเคยใช้เวทไฟแบบจริง ๆ จัง ๆ ครั้งแรก... แต่นายใช้ได้คล่องเลยนะ แถมใช้เวทผสานได้ด้วย รู้ไหมว่าพวกชนชั้นสูงก็ทำไม่ได้ง่าย ๆ หรอก ฉันพูดตรง ๆ นะ...พอนายอยู่ในสภาพสมบูรณก็เก่งใช่ย่อยเลยนะเนี่ย”
 
 ผมนิ่งอึ้งไป เจ้าหมาก็เหมือนจะพูดแบบไม่ได้คิดอะไรนะแต่ผมกลับดีใจอย่างบอกไม่ถูก
 
 โยชิโระที่เป็นคนจากตระกูลใหญ่แถมเก่งขนาดนี้เอ่ยปากชมเชียวนะ! คิดแล้วหางแมวของผมก็ส่ายไปมาอย่างควบคุมไม่ได้ หยุดน่า~!
 
 “กะ ก็ฉันฝึกมาเยอะ! มันไม่ได้แปลกอะไรหรอก!” ผมพูดและเบือนหน้าหนีแบบเก็บทรงหน่อย ๆ ไม่ได้ดีใจที่ชมหรอกนะ!
 
 “ไปกันต่อเถอะ”
 
 เจ้าหมาดูแผนที่เดินนำผมออกจากโถงถ้ำผ่านซากน่าอนาถของพวกแมงมุม เราตัดสินใจไปทางเดิมที่เจอเจ้าบอสแมงมุมน่ารังเกียจนั่น
 
 ระหว่างทางเบื่อ ๆ ไม่มีอะไรทำ เดินย่ำไปบนพื้นหินในถ้ำมืดไม่ต่างจากคราวก่อน แค่รอบนี้ผมมากับการเตรียมพร้อมที่มากกว่าเดิม จู่ ๆ ผมก็หวนนึกถึงเรื่องก่อนหน้าและเกิดข้อสงสัยขึ้น
 
 “นี่โยชิโระ...นายช่วยเล่าเกี่ยวกับสามนักเวทผู้ยิ่งใหญ่อะไรนั่นให้ฉันฟังหน่อยสิ”
 
 เจ้าหมาเหลือบมามองผมเล็กน้อยก่อนจะพูด “...นายคงสงสัยเพราะคนที่รักษานายสินะ... ได้ฉันจะเล่าให้ฟัง”
 
 เขาเว้นช่วงเล็กน้อยก่อนจะเริ่มเล่า “สามนักเวทผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุคโบราณคือเหล่าผู้ที่ถูกขนานนามว่าเป็นนักเวทที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก พวกเขามีพรสวรรค์ มีความสามารถ และมากประสบการณ์ที่มากเหลือล้น ได้ยินมาว่าคนคนเดียวสามารถทำลายทั้งอาณาจักรได้เลยล่ะ”
 
 ผมฟังด้วยความตกตะลึงไม่น้อยจนดวงตาเบิกกว้าง คนที่เก่งระดับนั้นมีถึงสามคนเลยเหรอ? น่ากลัวจังแฮะ โยชิโระอธิบายต่อ
 
 “ก่อนอื่นนายต้องรู้ก่อนว่าบนโลกครึ่งสัตว์ของเรามีทั้งหมดสี่อาณาจักร ซึ่งนักเวทผู้ยิ่งใหญ่แต่ละคนก็ไม่ได้มาจากอาณาจักรเดียวกัน ฉันจะบอกเท่าที่รู้ก็แล้วกัน”
 
 ผมรอฟังอย่างเรียบนิ่งพลางเดินต่อไป เจ้าหมาเว้นช่วงไม่นานก็จะพูดอีกครั้ง
 
 “คนแรกคือศาสดาสึรุ เขาเป็นเผ่าแกะที่อยู่ในอาณาจักรปฐพีคือซึ่งเป็นอาณาจักรที่เราอยู่ คนที่สองคือสึชิมะ เขาเป็นเผ่าฟีนิกซ์ที่อยู่ในอาณาจักรเวหา คนที่สามคือโชโจอุเมะ เธอเป็นเผ่าผีเสื้อที่อยู่ในอาณาจักรแมลง ส่วนที่สุดท้ายคืออาณาจักรสมุทร ที่นั่นไม่มีนักเวทผู้ยิ่งใหญ่”
 
 พอฟังมาถึงตรงนี้ผมก็เอะใจนิดหน่อย เซ็นของผมบอกว่ามีบางอย่างแปลก ๆ ในเรื่องเล่าของเขา แต่ยังไม่ทันคิดอะไรเจ้าหมาก็หยุดเดินเหมือนเจออะไรบางอย่าง ผมก็หยุดเดินอย่างสงสัย
 
 “เรามาถึงแล้วล่ะ...หลุมที่ลงไปเจอห้องบอสน่ะ”