ชเว ยุน" อดีตนักฆ่ามือพระกาฬ หวังจะใช้ชีวิตวัยรุ่นอย่างสงบสุขในฐานะนักเรียนฮันเตอร์แรงค์กากๆ แต่โชคชะตากลับเล่นตลก เมื่อเขาต้องมานั่งข้าง "ยูจองฮา" สาวน้อยจูนิเบียวที่วันๆ เอาแต่พร่ำเพ้อเรื่อง"ราชินีทมิฬ" และ "องค์กรชั่วร้าย" เรื่องคงจะจบแค่ความรำคาญ... ถ้าไอ้ "องค์กรชั่วร้าย" ที่เธอพูดถึงดันไม่มีตัวตนอยู่จริง! เพื่อปกป้องความฝัน (และชีวิต) ของเธอ เขาจึงต้องสวมบท "องครักษ์เงา" จำเป็น เบื้องหน้าคือสหายผู้ร่วมเล่นตามบทบาท... แต่เบื้องหลังคือมัจจุราชที่เก็บกวาดศัตรูจนเหี้ยน! "เอาน่า...แค่เล่นละครตบตานิดหน่อย แลกกับความสงบสุข...แต่ทำไมเธอถึงหน้าแดงเวลาผมจับมือล่ะเนี่ย?
แอคชั่น,รัก,แฟนตาซี,วัยว้าวุ่น,รั้วโรงเรียน,รั้วโรงเรียน,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ชีวิตสถาบันของนายจืดกับยัยจูนิเบียวชเว ยุน" อดีตนักฆ่ามือพระกาฬ หวังจะใช้ชีวิตวัยรุ่นอย่างสงบสุขในฐานะนักเรียนฮันเตอร์แรงค์กากๆ แต่โชคชะตากลับเล่นตลก เมื่อเขาต้องมานั่งข้าง "ยูจองฮา" สาวน้อยจูนิเบียวที่วันๆ เอาแต่พร่ำเพ้อเรื่อง"ราชินีทมิฬ" และ "องค์กรชั่วร้าย" เรื่องคงจะจบแค่ความรำคาญ... ถ้าไอ้ "องค์กรชั่วร้าย" ที่เธอพูดถึงดันไม่มีตัวตนอยู่จริง! เพื่อปกป้องความฝัน (และชีวิต) ของเธอ เขาจึงต้องสวมบท "องครักษ์เงา" จำเป็น เบื้องหน้าคือสหายผู้ร่วมเล่นตามบทบาท... แต่เบื้องหลังคือมัจจุราชที่เก็บกวาดศัตรูจนเหี้ยน! "เอาน่า...แค่เล่นละครตบตานิดหน่อย แลกกับความสงบสุข...แต่ทำไมเธอถึงหน้าแดงเวลาผมจับมือล่ะเนี่ย?
บทที่ 1: ตัวประกอบในหอประชุมใหญ่
สถานที่: หอประชุมใหญ่ สถาบันนักล่าแห่งชาติโซล
เวลา: 09:00 น.
แสงไฟจากโคมระย้าเวทมนตร์สาดส่องลงมายังที่นั่งกำมะหยี่สีแดงนับพันตัว บรรยากาศในหอประชุมเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและเสียงจอแจของเหล่านักเรียนใหม่ที่เพิ่งผ่านการคัดเลือก—เหล่าหัวกะทิ ผู้ถูกเลือก และว่าที่ฮีโร่ในอนาคต
แต่สำหรับ ชเว ยุน... นี่มันก็แค่ที่ที่มีแอร์เย็นๆ และที่นั่งแคบๆ เท่านั้น
เขานั้นนั่งอยู่ตรงโซนกลางๆ ค่อนไปทางหลังถูกขนาบข้างด้วยนักเรียนสายต่อสู้ร่างยักษ์ที่กินที่วางแขนมาฝั่งเขาจนเกือบหมด ส่วนทางขวามือคือเพื่อนสนิทสมัยเด็กของเขา
"อึก...!!"
ยูจองฮา กุมแขนขวาของตัวเองแน่น ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด (ที่ปรุงแต่งขึ้นมาเอง) เธอก้มหน้าลงต่ำ พึมพำเสียงลอดไรฟันให้พอได้ยินกันแค่สองคน
"แย่จริง... พลังเวทในหอประชุมนี้มันเข้มข้นเกินไป... ผนึกแห่งทาร์ทารัส ที่แขนขวาฉันมันกำลังตอบสนอง... ถ้าฉันเผลอปลดปล่อยมันออกมาที่นี่ สถาบันนี้ได้กลายเป็นจุลแน่..."
เธอกระซิบบอกยุนด้วยสีหน้าจริงจังสุดขีด ทั้งที่ในมืออีกข้างยังกำพัดลมมือถือรูปการ์ตูนเอาไว้แน่น
บนเวที แสงไฟสปอตไลท์สาดส่องไปที่ชายหนุ่มผมสีเงินผู้สง่างาม คังจีฮยอก ตัวแทนนักเรียนใหม่กำลังเดินขึ้นไปกล่าวสุนทรพจน์ เสียงกรี๊ดของนักเรียนหญิงดังกระหึ่มจนหูอื้อ
ตัดกลับมาที่ ยุน ที่ตักของเขามีกระเป๋าเป้ใบใหญ่สองใบซ้อนทับกัน แน่นอนว่าอันนึงของยุนส่วนอีกอันก็ของยัยเพื่อนจูนิเบียวของเขา
ยุนหันไปมองบนเวทีด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ ราวกับกำลังมองดูรายการทีวีที่ฉายซ้ำเป็นรอบที่ร้อย แสงสปอตไลท์จับจ้องไปที่ร่างของ คังจีฮยอก ที่ยืนอยู่หน้าโพเดียม เขาขยับไมโครโฟนเล็กน้อยด้วยท่วงท่าที่ดูดีทุกองศา ก่อนจะเริ่มเอ่ยปาก น้ำเสียงของเขาทุ้ม นุ่มลึก และก้องกังวานไปทั่วหอประชุมโดยไม่ต้องตะโกน
นี่คือสิ่งที่เขาพูด... ถ้อยคำที่ถูกคัดสรรมาอย่างประดิษฐ์ประดอยสมกับเป็นตัวเอกของเรื่อง
"สวัสดีครับ เพื่อนนักเรียนที่เคารพ และคณาจารย์ผู้ทรงเกียรติทุกท่าน..."
คังจีฮยอกกวาดสายตามองไปรอบๆ ราวกับสบตากับทุกคนในหอประชุมพร้อมกัน
"ผม คังจีฮยอก ยืนอยู่ตรงนี้ ไม่ใช่ในฐานะผู้ที่อยู่เหนือกว่า แต่ในฐานะเพื่อนร่วมชะตากรรม... หลายสิบปีที่ผ่านมา โลกของเราถูกปกคลุมด้วยเงามืดของ 'เกต' และความหวาดกลัวต่อสิ่งที่เราไม่รู้จัก ผู้คนข้างนอกกำแพงสถาบันต่างมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความหวาดระแวง ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่หายนะจะมาเยือนหน้าประตูบ้านของพวกเขา"
เขาเว้นจังหวะเล็กน้อย ให้ความเงียบทำงาน นักเรียนหญิงแถวหน้าเริ่มกุมมือกันแน่น บางคนน้ำตาคลอ
"พลังที่พวกเราได้รับมา... การปลุกพลังที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเรา มันไม่ใช่ของขวัญเพื่อให้เราเสวยสุข หรือเครื่องมือเพื่อแสวงหาอำนาจ แต่มันคือ 'คำสัญญา' ครับ... คำสัญญาที่เรามีต่อผู้คนที่ไร้พลัง ว่าเราจะเป็นโล่ที่แข็งแกร่งที่สุด และเป็นดาบที่คมกล้าที่สุด เพื่อปกป้องรอยยิ้มของพวกเขาเอาไว้"
เขายกมือขวาขึ้นทาบหน้าอก แสงไฟสะท้อนเรือนผมสีเงินจนดูเหมือนมีออร่าศักดิ์สิทธิ์เปล่งออกมา
"หนทางข้างหน้าอาจเต็มไปด้วยขวากหนาม เราอาจต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายที่มาจากขุมนรก หรือความสิ้นหวังที่กัดกินจิตใจ แต่ขอให้จำไว้ว่า... ตราบใดที่เรายังยืนเคียงข้างกัน แสงสว่างแห่งความหวังจะไม่มีวันมอดดับ"
"ผมขอสาบานตรงนี้ ว่าผมจะก้าวเดินนำหน้าพวกคุณ ไม่ใช่เพื่อทิ้งใครไว้ข้างหลัง แต่เพื่อรับคมเขี้ยวแรกของการต่อสู้แทนทุกคน... มาสร้างตำนานบทใหม่ไปด้วยกันเถอะครับ เพื่ออนาคตของมนุษยชาติ!"
"กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด!!"
"ท่านคังจีฮยอก! เท่ที่สุดเลยค่าาาา!!"
"สุดยอด! ฉันจะติดตามลูกพี่ไปจนวันตายเลย!"
ทันทีที่เขาพูดจบ เสียงปรบมือก็ดังสนั่นหวั่นไหวราวกับหอประชุมจะถล่ม เสียงกรีดร้องด้วยความปลาบปลื้มดังระงมไปทั่ว นักเรียนบางคนถึงกับลุกขึ้นยืนปรบมือทั้งน้ำตา
ตัดภาพมาที่ยุน :
เขามองภาพนั้นด้วยสายตาว่างเปล่า มือข้างหนึ่งยังคงประคองถุงพลาสติกใส่ขนมปังที่ยูจองฮาซื้อมาเมื่อเช้าไม่ให้โดนเบียดแบน
ในหัวของเขามีความคิดเดียวผุดขึ้นมา: 'พูดยาวชะมัด... นี่มันบทพูดพระเอกการ์ตูนโชเน็นยุค 90 ชัดๆ คนเรามันพูดจาเลี่ยนๆ แบบนี้หน้าตาเฉยได้ยังไงกันนะ?'
ข้างๆเขา ยูจองฮา แค่นเสียง "หึ" ในลำคอ เธอขยับแว่นตา (ที่ไม่มีเลนส์) ให้เข้าที่
"พูดได้ดีนี่ เจ้าผู้ใช้แสง... แต่หารู้ไม่ว่าแสงสว่างที่เจิดจ้า ย่อมสร้างเงาที่มืดมิดที่สุด... และเงานั้นก็คือข้าคนนี้!" เธอพึมพำอย่างพอใจ เหมือนจะยอมรับคังจีฮยอกเป็นคู่แข่ง(ในจินตนาการ) อย่างเป็นทางการ
ทันใดนั้น รุ่นพี่สตาฟ ที่เดินตรวจตราความเรียบร้อยก็เดินมาหยุดที่แถวของยุน เขาดูหงุดหงิดกับเสียงพึมพำของจองฮา และหันมาเห็นยุนที่นั่งหน้าตายอยู่
"เฮ้ย! พวกปี 1 ตรงนั้นน่ะ! คนอื่นเขาลุกขึ้นปรบมือให้เกียรติตัวแทนรุ่นกันหมดแล้ว พวกนายมัวนั่งบื้อทำอะไรอยู่? ลุกขึ้นสิเว้ย!"
รุ่นพี่ตะคอกใส่ยุน เพราะยุนดูเป็นเป้าหมายที่ "จืดจาง" และ "เล่นงานง่ายที่สุด" ในกลุ่มนี้
แล้วยุนก็ได้ขยับมือสองข้างมาประกบกันช้าๆ เกิดเสียงดัง แปะ... แปะ... ที่เบาหวิวและแห้งแล้งราวกับเสียงใบไม้แห้งร่วงหล่นลงพื้น
"ว้าว... สุดยอดมาก... ตัวแทนรุ่น..."
เขาพูดด้วยน้ำเสียงโมโนโทน ราบเรียบเป็นเส้นตรง ไม่มีคลื่นอารมณ์ใดๆ เจือปน ใบหน้ายังคงนิ่งสนิท ดวงตาเหม่อลอยมองไปที่เวทีเหมือนเดิม
ผลลัพธ์จากคุณสมบัติเฉพาะตัว: [คนธรรมดา]
รุ่นพี่สตาฟขมวดคิ้ว มองการกระทำของยุนด้วยความรู้สึกขัดใจเล็กน้อย เหมือนเห็นผักที่ต้มจนจืดชืดในจานอาหารที่รสจัดจ้าน แต่ในเมื่อยุน "ตบมือ" แล้ว (แม้จะดูไร้วิญญาณก็ตาม) และปากก็พูดชม (แม้จะฟังดูเหมือนหุ่นยนต์) เขาก็หาเรื่องด่าต่อไม่ได้
สมองของรุ่นพี่ทำการประมวลผลทันทีว่า 'ไอ้หมอนี่มันน่าเบื่อชะมัด ไม่มีค่าพอให้เสียเวลาด่า'
"เออ... ก็แค่นั้นแหละ หัดกระตือรือร้นซะบ้าง!" รุ่นพี่บ่นพึมพำแล้วสะบัดหน้าหนี เตรียมจะเดินผ่านไป แต่สายตาดันไปสะดุดเข้ากับ ยูจองฮา ที่นั่งข้างๆยุนแทน
จองฮายังคงนั่งกอดอกเชิดหน้า หลับตาพริ้ม ไม่ยอมปรบมือ
"แล้วเธอล่ะ! ยัยแว่น! ทำไมไม่ลุกขึ้นปรบมือ!" รุ่นพี่เปลี่ยนเป้าหมายทันที
"หึ..." จองฮาลืมตาข้างหนึ่งขึ้นมา มุมปากกระตุกยิ้มเยาะ "การที่ข้าไม่ทำลายพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์นี้ด้วยเพลิงทมิฬ ก็ถือเป็นการให้เกียรติมากพอแล้ว... เจ้ามดปลวกเอ๋ย จงอย่าได้เรียกร้องอะไรไปมากกว่านี้"
"หา!? พูดบ้าอะไรของเธอวะ!?" รุ่นพี่เริ่มหน้าแดงด้วยความโกรธ
ในขณะที่สถานการณ์ข้างๆตัวยุนกำลังเริ่มเดือดดาล... ยุนกลับปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ เขาค่อยๆ ไหลตัวลงกับพนักเก้าอี้ กลับสู่โหมดประหยัดพลังงาน และกลายเป็นอากาศธาตุอีกครั้ง ท่ามกลางเสียงด่าทอระหว่างรุ่นพี่กับเพื่อนจูนิเบียวของคุณ
1 ชั่วโมงต่อมา: การแบ่งกลุ่มทดสอบ
พิธีปฐมนิเทศจบลงด้วยดี (สำหรับคนอื่น) ตอนนี้ถึงเวลาของจริง
นักเรียนปี 1 ทั้งหมดถูกต้อนไปยัง "ลานฝึกซ้อมจำลอง" ขนาดมหึมา เพื่อทำการทดสอบวัดระดับและแบ่งห้องเรียน
เสียงประกาศจากลำโพงดังขึ้น:
"ให้นักเรียนทุกคนจับกลุ่ม กลุ่มละ 5 คน เพื่อทำการทดสอบ 'การเอาตัวรอดขั้นพื้นฐาน' ใครที่ไม่สามารถหากลุ่มได้ภายใน 10 นาที จะถูกหักคะแนนความร่วมมือ!"
ทันทีที่สิ้นเสียงประกาศ ความวุ่นวายก็เกิดขึ้น
ทุกคนต่างวิ่งกรูกันไปหาคนเก่งๆ
• "เฮ้ย! นั่น โซเฟีย จากตระกูลอัศวิน! ขออยู่ด้วยคนครับ!"
• "คังจีฮยอก คะ! กลุ่มเราขาดอีกคนพอดี!"
• "ใครก็ได้ที่เล่น Tank มาทางนี้หน่อย!"
ชเว ยุน ยืนเคว้งอยู่ท่ามกลางฝูงชนที่วิ่งพล่าน แน่นอนว่าไม่มีใครวิ่งมาหาเขา
ข้างๆเขาคือ ยูจองฮา ที่ยืนโพสท่าเท่ๆ อยู่คนเดียว (ไม่มีใครมาชวนเหมือนกัน เพราะดูเพี้ยนเกินไป)
ตอนนี้กลุ่มของเขามีสมาชิก:
1. ชเว ยุน (คนแบกของ / คนธรรมดา)
2. ยูจองฮา (จอมเวท... ที่ยังไม่รู้ว่าเก่งจริงไหม / จูนิเบียว)
ขาดอีก 3 คน และเวลาเริ่มนับถอยหลัง...
แน่นอนว่า ก็คงไม่มีใครอยากจะคู่กับคนกากและหญิงเพี้ยนแน่ๆ ชเว ยุน จึงหันมองว่ายังพอมีคนเหลือพอจะจับคู่ได้อยู่ไหม
จะเรียกว่าโชคดี หรือโชคร้ายกันนะ มีอยู่3คนพอดีเลยที่ยังไม่มีกลุ่ม
โคลอี้ คนแรกเป็นมนุษย์สัตว์เจ้าขนปุยสีชมพูกำลังนอนขดตัวอยู่บนม้าหินอ่อน คงจะหลับลึกยาวจนสอบเสร็จแน่ๆ
ส่วนคนที่สองเหมือนจะเป็นเผ่าวิญญาณหรือภูตละมั้ง
เป็นโรคแพนิคสังคมค่อนข้างจะหนักเอาการถ้าลากเข้ากลุ่มมีหวังได้สติแตกกันพอดี ชื่อของเธอคือมีอา
ส่วนคนสุดท้ายดูมีแววว่าจะเก่งมากแต่หน้าตาดุเหมือนหมาเลย อ้อก็เป็นหมาจริงๆนั่นเผ่ามนุษย์หมาป่า ลูน่า
ตอนนี้ไม่มีใครเข้าใกล้ลูน่าเลยละนะ
ยูจองฮา ที่ยืนข้างยุนมองตามสายตายุนไป แล้วแสยะยิ้มมุมปาก
"หึ... ดูเหมือนชะตากรรมจะชักนำเหล่าผู้ถูกทอดทิ้งมาเจอกันสินะ... แมวปีศาจนิทรา, ภูตไร้เงา, และ อสูรหมาป่าเดียวดาย... ช่างเป็นปาร์ตี้ที่เหมาะกับจอมมารอย่างข้ายิ่งนัก!"
ค่อนข้างน่าปวดหัวมากกว่าน่ะสิ…