เมื่อข้าตามร้องขอความรักจากท่านจนเหนื่อยใจ ข้าหว่านถิงจะยอมปล่อยท่านไปเอง

หมดแรงรัก - บทที่2 น้ำตาของสตรีร้ายกาจ โดย ปกแดง @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ดราม่า,จีน,ชาย-หญิง,ย้อนยุค,ผู้ใหญ่,โรมานซ์,นิยายรักจีนโบราณ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

หมดแรงรัก

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ดราม่า,จีน,ชาย-หญิง,ย้อนยุค,ผู้ใหญ่

แท็คที่เกี่ยวข้อง

โรมานซ์,นิยายรักจีนโบราณ

รายละเอียด

หมดแรงรัก โดย ปกแดง @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เมื่อข้าตามร้องขอความรักจากท่านจนเหนื่อยใจ ข้าหว่านถิงจะยอมปล่อยท่านไปเอง

ผู้แต่ง

ปกแดง

เรื่องย่อ

สารบัญ

หมดแรงรัก-บทที่1 ท่านหญิงจางหว่านถิงผู้ร้ายกาจ,หมดแรงรัก-บทที่2 น้ำตาของสตรีร้ายกาจ,หมดแรงรัก-บทที่3 อิจฉา,หมดแรงรัก-บทที่4 เสียใจครั้งแล้วครั้งเล่า

เนื้อหา

บทที่2 น้ำตาของสตรีร้ายกาจ

ท่านแม่ทัพเทียนเฉิงเดินถือกระบอกน้ำเดินมาตามทางที่จื่อลั่วรอเขาอยู่ด้วยรอยยิ้ม แต่เมื่อเขายิ่งเดินเข้าไปใกล้ สถานการณ์กับดูน่าเป็นห่วงมากขึ้นเมื่อผู้คนต่างมุ่งดูพุ่งเป้าไปที่สระน้ำใจกลางเมืองหลวง


เทียนเฉิงที่เห็นเช่นนั้นในใจของเขากระตุกวูบขึ้นมาเพราะความเป็นห่วงจื่อลั่ว ร่างสูงเผลอทิ้งกระบอกน้ำในมือลงพื้นทันที และรีบวิ่งฝ่าฝูงชนเข้าไปดูให้แน่ใจว่าจื่อลั่วจะไม่เป็นอะไรไป


“จื่อลั่ว…..”


แต่ภาพที่เทียนเฉิงเห็นมันคือสตรีสองคนที่ยื้อยุดชุดกระชากกันอยู่ในสระน้ำ เขาไม่รอช้ารีบกระโดดลงไปคว้าตัวจื่อลั่วขึ้นมาจากน้ำทันที ตูม!!!!….


ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่พวกเขาในสระน้ำด้วยความสนใจ มีใครบ้างในเมืองหลวงจะไม่รู้ถึงความสัมพันธ์อันยุ่งเหยิงของพวกเขาทั้งสามคน


“เฮือก……”


หว่านถิงกลับมาโผล่หัวพ้นน้ำหายใจได้สะดวกขึ้น เมื่อครู่นี้นางเกือบจะแบกรับตัวของจื่อลั่วไม่ไหวอยู่แล้ว


แต่สายตาของหว่านถิงกลับยิ่งต้องสั่นไหวมากขึ้นเมื่อนางเห็นว่าบุรุษที่นางหลงรักรีบเข้าช่วยเหลือแค่จื่อลั่วเพียงคนเดียว นางต้องทนเห็นว่าเขาเอาใจใส่แค่เพียงจื่อลั่ว สายตาคู่สวยหลั่งน้ำตามองตามแผ่นหลังอันองอาจของเทียนเฉิงที่กำลังพาจื่อลั่วขึ้นฝั่งโดยที่ไม่หันหลังมาสนใจนางสักนิด


“จื่อลั่ว”


“แคร่กๆๆๆ อึก….ท่านแม่ทัพรีบไปช่วยท่านหญิงก่อน”


เทียนเฉิงหัวเสียขึ้นมาทันทีเมื่อจื่อลั่วยังคิดที่จะออกตัวแทนสตรีที่ร้ายกาจคิดทำร้ายนางเช่นท่านหญิงหว่านถิงแบบนี้ สายตาคมเริ่มแข็งกร้าวขึ้นมาเพราะความไม่พอใจทันที


เขาไม่สนใจคำพูดของจื่อลั่วและรีบหยิบเอาเสื้อคลุมมาจากคนของเขายื่นส่งมาให้ทันที เพื่อใส่คลุมให้กับจื่อลั่ว


“ช่างนางสิ ในเมื่อเป็นนางใช่หรือไม่ที่คิดหาเรื่องเจ้าจนต้องพลัดตกน้ำไปทั้งสองคนเช่นนี้”


“ไม่ใช่ข้าจะตกไปในสระน้ำ ท่านหญิงต่างหากที่ยื่นมือเข้าช่วยข้า”


“สตรีเช่นนางน่ะหรือที่คิดจะหาเรื่องเจ้าจะใจดียื่นมือเข้าช่วยเหลือเจ้า จื่อลั่วเลิกพูดแทนนางสักทีมีข้าอยู่ใยต้องกลัวนางด้วยข้าจะปกป้องเจ้าเอง”


“ท่านหญิงของข้าต่างหากที่ช่วยคุณหนูไป๋จากการจมน้ำ ทุกคนในที่นี้ต่างก็เห็นกันทั้งนั้น”


ลู่จินที่ทนฟังคำพูดไร้เยื่อใยจากท่านแม่ทัพเทียนเฉิงไม่ไหว รีบพูดขึ้นมาทันทีนางรีบเข้าไปยื่นมือให้ท่านหญิงของนางจับมือเพื่อขึ้นมาจากสระน้ำด้วยความเป็นห่วง


“ท่านหญิง ดีที่สวรรค์คุ้มครองท่านให้ปลอดภัย บ่าวผิดเองที่ว่ายน้ำไม่เป็นช่วยท่านหญิงก็ไม่ได้”


“ช่างมันเถอะลู่จิน เรากลับกันเถอะ”


“หยุดอยู่ตรงนั้น ท่านคิดว่าจะเข้ามาหาเรื่องจื่อลั่วได้ตามใจชอบแล้วคิดจะเดินหนีกันไปดื้อๆ เช่นนี้ได้หรือท่านหญิงจางหว่านถิง ท่านต้องขอโทษนางเดี๋ยวนี้”


“ท่านแม่ทัพเจ้าคะ มันไม่ใช่เช่นนั้นท่านใจเย็นๆ ก่อนเจ้าค่ะ”


“อย่าห้ามข้าจื่อลั่วข้าทนให้นางรังแกเจ้ามาหลายครั้งเกินไปแล้ว”


จื่อลั่วหันไปมองดูใบหน้างามของท่านหญิงหว่านถิง ที่เอาแต่มองมาที่นางกับท่านแม่ทัพนิ่งๆ ไร้ซึ่งคำพูดใดๆ จากนางยิ่งทำให้จื่อลั่วยิ่งรู้สึกผิดหากไม่ใช่ท่านหญิงหว่านถิงรีบฉุดดึงตัวนางขึ้นมาพ้นเหนือน้ำป่านนี้นางคงสำลักน้ำตายไปแล้ว


ส่วนหว่านถิงนั้นรีบสลัดมือของลู่จินออกไปเมื่อนางเอาแต่ดึงรั้งแขนของนางเอาไว้เช่นนี้ ร่างอันบอบบางที่เนื้อตัวเปียกโชกจนเผยให้เห็นเสื้อผ้าอันบอบบางข้างในของตนเอง เดินเข้าไปเผชิญหน้ากับบุรุษที่นางรักตรงๆ อย่างไม่คิดถอย


“ใช่เป็นข้าที่คิดเข้ามหาเรื่องนาง แต่ข้าไม่ได้ทำให้นางตกน้ำ เมื่อครู่นี้ท่านตาบอดหรือใจกันแน่ที่มัดมืดบอด มองไม่เห็นหรือว่าข้าถูกจื่อลั่วกดหัวเพื่อให้ตัวเองหายใจได้จนข้าจะขาดอากาศหายใจตายอยู่แล้ว และเพราะเหตุใดที่ข้าจะต้องขอโทษนาง เพราะข้าต่างหากที่ช่วยนาง”


“แต่ท่านก็เข้ามาหาเรื่องนาง จื่อลั่วถึงต้องตกน้ำสตรีใจร้ายใจดำข้าเกลียดท่าน เมื่อไหร่สตรีที่ทุเรศเช่นท่านจะไปจากข้าสักทีข้าไม่เคยรักท่าน ออกไปซะท่านหญิงแล้วอย่ามาหาเรื่องจื่อลั่วขอข้าอีก”


หว่านถิงได้แต่ยืนกำหมัดจนแน่น นางมองดูแม่ทัพเทียนเฉิงโอบประคองจื่อลั่วเดินจากนางไปอย่างไร้เยื่อใยอีกตามเคย นางไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าน้ำตาของนางมันไหลลงมาตั้งแต่ตอนไหน


ฟึ่บ…..ใบหน้างามที่เศร้าเสียใจหลั่งน้ำตาอยู่ รีบหันหน้ามาทางด้านหลังของนางเมื่อจู่ๆ ก็มีเสื้อคลุมผ้าไหมปักลายมังกรถูกใส่คลุมให้กับนางแบบนี้


“องค์ชายเจ็ด”


“ใส่ไว้เถอะ ข้าอุจาดตาของข้าเสียจริง เสื้อของเจ้าเปียกจนเห็นไปถึงไหนต่อไหนหมดแล้วหว่านถิง”


หว่านถิงเอาแต่นิ่งเงียบมองดูใบหน้าอันหล่อเหลาที่เย็นชาเบื่อโลกขององค์ชายเจ็ดนิ่งๆ แต่เหตุใดเมื่อนางมีภัยมักจะมีเขาคอยปรากฏยื่นมือช่วยเหลือนางด้วยนะ


“มองอะไรอย่าทำเป็นซึ้งใจใส่ข้าเช่นนี้น่าขนลุก และเลิกร้องไห้ได้แล้ว เจ้าร้องไห้ทีไรน่าเกลียดที่สุดหว่านถิง”


“อึก….ฮึก…ฮือ…”


“เอายังจะร้องอีกเงียบสิ”


หว่านถิงที่อยู่ในอารมณ์อ่อนไหวร้องไห้ออกมาทันที เมื่อองค์ชายเจ็ดพูดกับนางเช่นนี้ ถึงจะปากจัดชอบจิกกัดนางมากกว่าใคร แต่กลับเป็นเขาที่อยู่ข้างนางมากกว่าคนที่นางรักเสียอีก


“เลิกโง่สักทีสิหว่านถิง บนโลกใบนี้มีบุรุษเพียงแค่คนเดียวหรืออย่างไรมานี่ข้าจะพาเจ้ากลับจวนเอง”


หมับ….หว่านถิงเพียงมองดูฝ่ามือหนาขององค์ชายเจ็ดที่เอาแต่จับจูงมือของนางเดินไปพร้อมกันอย่างไม่เข้าใจ ว่าเขาจะดีกับนางหรือร้ายใส่นางกันแน่


ส่วนองค์ชายเจ็ดเฉินหยวนซินนั้นแอบเผยแววตาอันสั่นไหวของเขาที่มีต่อหว่านถิงออกมาครู่หนึ่ง ก่อนจะเก็บความรู้สึกรักและเป็นห่วงนางเอาไว้ให้ลึกสุดใจของเขา


เพราะเหตุใดหว่านถิงถึงยังเอาแต่ตามรักตามง้อเจ้าแม่ทัพเทียนเฉิงผู้คนเพียงคนเดียวมาตลอดสามปีเช่นนี้ให้ตัวเองดูไร้ค่าด้วย ทั้งที่ยังมีบุรุษสูงศักดิ์อีกมากที่ชอบนางและรับตัวตนที่นางเป็นอยู่ได้


และหนึ่งในนั้นมันคือเขา นางถูกนำตัวเข้ามาที่วังหลวงในฐานะพระธิดาบุญธรรมของเสด็จพ่อและเสด็จแม่ของเขาก็คอยเลี้ยงดูนางคู่กับเขามาตลอดร่วมถึงเสด็จพี่องค์รัชทายาทอีกคน


ทั้งที่เขาเติบโตมาพร้อมกันกับนาง เหตุใดตลอดระยะเวลาสิบปีที่ผ่านมาหว่านถิงใยไม่เห็นว่าที่แท้จริงเขานั้นคิดกับนางมากกว่าน้องสาวสักที


หว่านถิงนั่งเงียบแม้จะอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวกับองค์ชายเจ็ดภายในรถม้าอันหรูหราของเขา แต่นางที่ยังจมอยู่กับความเสียใจก็ยังคงนั่งเหม่อลอยอย่างไร้จุดหมายเช่นเดิม


สายตาคมขององค์ชายเจ็ดมองดูหว่านถิงด้วยความอ่อนโยน และมักจะแปลเปลี่ยนเป็นสายตาอันเย็นชาเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกที่มีในใจต่อหว่านถิงเช่นนี้ตลอด


“เลิกรักคนที่เขาไม่เห็นค่าในตัวเจ้าสักทีหว่านถิง เจ้าจะด้อยค่าในตนเองเช่นนี้ไปถึงเมื่อไหร่ตอบข้ามาสิ”


ควับ…..หว่านถิงตวัดสายตาที่นิ่งเรียบของนางมองสบตากับองค์ชายเจ็ดนิ่งๆ แต่ความเสียใจในแววตาของนางก็บ่งบอกถึงความรู้สึกในใจของนางได้เป็นอย่างดี


“ข้าโง่เองแล้วท่านจะตามมาเดือดร้อนไปกับข้าทำไมกันองค์ชายเจ็ด”


“ที่ข้าทำไปก็เพราะว่า…..”


ทั้งคู่เผลอมองสบตากันนิ่งๆ หว่านถิงก็เจ็บปวดเพราะความรักที่ไม่สมหวัง องค์ชายเจ็ดก็ไม่ต่างกันเพราะเขาก็ปวดใจที่ต้องเห็นว่านางเอาแต่ตามรักแค่เทียนเฉิงผู้เดียว


“เพราะอะไรท่านก็พูดออกมาสิ ท่านเองก็เลิกต่อว่าข้าสักทีข้ารู้ว่าข้ามันโง่ ก็คนมันรักไปแล้วนี่ตัดใจยากจะตายอึก….ฮึกๆ”


“ช่างเถอะกลับจวนไปรีบอาบน้ำอุ่นเปลี่ยนเสื้อผ้าหนาๆ หน่อยก็พออย่าลืมให้ลู่จินต้มยาแก้ไข้ให้ดื่มด้วยเล่า”


หมับ…..องค์ชายเจ็ดรีบคว้าร่างอันบอบบางที่เริ่มสั่นระริกเพราะความหนาวของหว่านถิงเข้ามาโอบกอดเอาไว้ และนางก็ตกใจหันกลับไปมองหน้าของเขาที่ทำเป็นนิ่งไม่สนใจนางอย่างที่ทำอะไรไม่ได้เพราะเขาไม่ยอมปล่อยตัวนางเลย


หว่านถิงจึงปล่อยเลยตามเลยไปแบบนั้นเพราะนางกับเขาก็คุ้นเคยเพราะถูกฮองเฮาเลี้ยงดูมาพร้อมกับองค์ชายเจ็ดและองค์รัชทายาทตั้งแต่ยังเด็กๆ แล้ว