คู่หนึ่งอยู่ด้วยกันจนเกิดรัก... คู่หนึ่งตกหลุมรักแต่ไม่บอก... คู่หนึ่งเคยถูกรักแล้วถูกหลอก... คู่หนึ่งบอกว่ารักกันตรงตรง...

โรมีโด้ โรงเรียนนี้มีแต่รัก - บทที่1 รักแรกพบกับพรหมลิขิต โดย Tricolorcat @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ตลก,รัก,รั้วโรงเรียน,ไทย,เรื่องสั้น,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

โรมีโด้ โรงเรียนนี้มีแต่รัก

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ตลก,รัก,รั้วโรงเรียน,ไทย,เรื่องสั้น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

โรมีโด้ โรงเรียนนี้มีแต่รัก โดย Tricolorcat @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

คู่หนึ่งอยู่ด้วยกันจนเกิดรัก... คู่หนึ่งตกหลุมรักแต่ไม่บอก... คู่หนึ่งเคยถูกรักแล้วถูกหลอก... คู่หนึ่งบอกว่ารักกันตรงตรง...

ผู้แต่ง

Tricolorcat

เรื่องย่อ

สารบัญ

โรมีโด้ โรงเรียนนี้มีแต่รัก-บทที่1 รักแรกพบกับพรหมลิขิต

เนื้อหา

บทที่1 รักแรกพบกับพรหมลิขิต

รักแรกพบกับพรหมลิขิต 

   นิยามของคำว่า 'รักแรกพบ' คือ รักที่บริสุทธิ์เป็นไปตามธรรมชาติ ความรักที่ไร้เดียงสาเรียบง่าย เป็นตัวของตัวเอง รักแรกทำให้เรานึกถึงอีกฝ่าย ไม่ว่าจะทำอะไรก็จะคิดถึงอีกฝ่ายเสมอ

     ส่วน 'พรหมลิขิต' เชื่อว่าคือโชคชะตาที่ลิขิตไว้ให้ใครสองคนมาครองคู่กัน พจนานุกรมให้ความหมายไว้ว่า 'อำนาจที่กำหนดความเป็นไปของชีวิต' บางฉบับหมายถึงโชคชะตา หรือบุญกรรมเรื่องความรัก

               "เห้ย! วันนี้ยีราฟขี้บ่นมาช้าแฮะ ปกติมาตอนหกโมงครึ่งนี่" เด็กชายร่างอ้วนคนหนึ่งร้องทักขึ้น


"นี่ถ้าว่างมากก็กินขนมที่กองอยู่บนโต๊ะไป ปากจะได้ไม่ว่าง" เด็กสาวสูงโปร่ง ผมสีดำยาวประบ่า ตากลมโตเป็นประกายสีดำตอบกลับ พร้อมเดินไปทักเพื่อนที่นั่งอยู่แถวที่สี่โต๊ะสอง


"หวัดดีต้นน้ำ ขาวขึ้นอีกแล้วนะเนี่ยไปทำไรมาอะ"


"ก็อยู่บ้านปกติไม่ได้ทำอะไร เราว่าข้าวหอมขาวกว่าอีกนะ"เด็กชายโชว์แขนสีขาวนวลขึ้นเทียบแขนของข้าวหอม ทั้งที่สองคนนี้เป็นคนผิวขาวเหลืองเหมือนกัน แต่คนรอบตัวมักจะทักว่าผิวของต้นน้ำขาวขึ้นอยู่เสมอ


ต้นน้ำขยับแว่นเล็กน้อยพลางเอาหูฟังครอบหัวอีกครั้ง แต่ก็โดนข้าวหอมปรามเสียก่อน


"ต้นน้ำรู้ยังว่าห้องเรามีเด็กเข้ามาใหม่ด้วยนะ เราเห็นยืนกับครูเกื้ออยู่ตึกสำนักงาน"


"ก็ไม่น่าแปลกนะ เพราะเห็นครูซันเปรย ๆ ไว้ตั้งแต่ก่อนปิดเทอมแล้วว่าขึ้นม.5 น่าจะมีเด็กใหม่เข้ามาแทนริน" เสียงถอนหายใจดังขึ้นพร้อมกับใบหน้าที่ดูหดหู่ของข้าวหอม


"เอาเป็นว่าช่างมันเถอะ แล้วเด็กใหม่เป็นผู้ชายหรือผู้หญิงหรอ?" ต้นน้ำรีบเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว เพราะไม่อยากทำให้บรรยากาศตอนเปิดเทอมหม่นหมอง


"เป็นผู้ชายสูง ขาว หนุ่มตี๋ใส่แว่นกลม นี่เราเดินมาเร็วไปเลยไม่ได้สังเกตว่าใส่แว่นสีอะไร" น้ำเสียงของข้าวหอมเปลี่ยนเป็นสดใสขึ้น พร้อมกับรอยยิ้มที่ฉีกกว้างอย่างมีความสุข


"แหมพอเป็นเรื่องผู้ชายนี่ดี๊ด๊าเลยน้า" ต้นน้ำแซวพร้อมส่ายหัวเล็กน้อย


"คุยอะไรกันหรอ?" เสียงพูดเบา ๆ แทรกขึ้นมาระหว่างบทสนทนาของทั้งสอง


     เจ้าของเสียงคือเด็กสาวผมดำปลายผมมีประกายสีทอง และผิวที่ขาวอมชมพูซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเธอ เธอมีชื่อว่า สายไหม


"อ้าว! สายไหมมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ยอย่าบอกนะว่าจะมานั่งข้าง ๆ ต้นน้ำเหมือนปีก่อนน่ะ" ข้าวหอมโอบเอวของสายไหมไว้ ก่อนจะปล่อยมือแล้วไปนั่งข้างหลังของสายไหม


"มาเร็วกันจัง" เสียงอันทรงพลังของเด็กผู้หญิงผมหยักศกสีน้ำตาลเข้มร่างอวบ ลอยมาแต่ไกลเธอคือใบเตยเพื่อนสนิทของข้าวหอม


     ใบเตยเดินเข้าห้องมา ทักทายคนโน่นคนนี้ก่อนจะเดินมานั่งข้าง ๆ ข้าวหอม "รู้เรื่องเด็กใหม่ยัง" ประโยคแรกที่ใบเตยทักข้าวหอมก็เป็นเรื่องเด็กใหม่เลย


"รู้แล้ว แล้วแกเห็นเด็กใหม่ยังอย่างหล่ออะ" ข้าวหอมยังคงใช้เสียงดี๊ด๊าเหมือนเดิมเพียงแต่คราวนี้ลดเสียงให้เบาลง


และแล้วเสียงเพลงประจำโรงเรียนก็ดังขึ้น เป็นสัญญาณว่าถึงเวลาเคารพธงชาติแล้ว


11:03 น. ณ โรงอาหาร


     เสียงเจี๊ยวจ๊าวดังไปทั่วโรงอาหาร ในวันเปิดเทอมครึ่งวันแรกจะเป็นการปฐมนิเทศ และครึ่งวันหลังจะเป็นชั่วโมงผ่อนคลายจนกว่าจะเลิกเรียนต้นน้ำ สายไหม ข้าวหอม และใบเตยนั่งเกาะกลุ่มกันอยู่ที่โต๊ะไม้ยาวตัวหนึ่งอันเป็นที่ประจำของทั้งสี่คน


"ยังห่อข้าวมากินเหมือนเดิมหรอ? เอาอะไรมากินล่ะวันเนี่ย" ใบเตยทักต้นน้ำที่กำลังแกะกล่องข้าวของตัวเอง


"วันนี้ทำผัดไทยใส่ไส้กรอก แต่ข้าวโรงเรียนวันแรกก็ไม่ธรรมดานะ ยำขนมจีนของโปรดใบเตยเลยหนิ"


"ถือว่าเปิดเทอมด้วยดี มีอาหารที่ชอบ" ใบเตยพูดพลางฉีกยิ้มแสดงความพึงพอใจ แต่ก่อนที่ทั้งสี่จะกินใบเตยก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สงสัยสุดขีด


"ทุกคนตอนปฐมนิเทศพวกแกเห็นเด็กใหม่กันมั้ย เราเห็นครูเกื้อแต่ไม่เห็นเขาพาเด็กใหม่มาด้วยเลย" สีหน้าของใบเตยเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม และความงุนงง


"ครูเกื้อคงพามาแนะนำตอนขึ้นห้องมั้ง ตอนที่เราปฐมนิเทศครูที่ตึกสำนักงานคงพาเด็กใหม่เดินดูรอบ ๆ อย่าลืมสิเขาเข้ามาตอนม.5 นะ ดีไม่เข้ามาตอนเทอมสอง" ข้าวหอมตอบพร้อมกับตักยำขนมจีนเข้าปากเคี้ยวตุ่ย ๆ


"หือเผ็ดนะเนี่ย! เขาทำพริกป่นหกใส่หรอเนี่ยอย่างเผ็ดเลย" ข้าวหอมรีบคว้าน้ำขึ้นมาดื่มอย่างรวดเร็ว


     เวลาก็ล่วงเลยไปจนถึงเวลาขึ้นห้อง ต้นน้ำแยกตัวกับกลุ่มเพื่อนขึ้นมาบนห้องก่อน ขณะนั้นบนตึกยังไม่ค่อยมีคน เขาเดินมาจนถึงห้องของตัวเอง พอมองเข้าไปในห้องก็เห็นครูเกื้อนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่


ต้นน้ำค่อย ๆ เดินเข้าไปพลันสายตาก็เหลือบไปเห็นเด็กผู้ชายนอนฟุบอยู่บนโต๊ะแถวริมหน้าต่างโต๊ะตัวที่สาม


"อ๋อนั่นเพื่อนใหม่พวกเราน่ะ" ครูเกื้อเหลือบมองต้นน้ำแล้วพูดขึ้น ฝ่ายต้นน้ำก็พยักหน้ารับแล้วเดินไปที่โต๊ะ


ราว ๆ สิบนาทีเพื่อนทุกคนในห้องก็ขึ้นมากันหมด ครูเกื้อเลยถือโอกาสให้เพื่อนใหม่แนะนำตัว


"สวัสดีครับผมชื่อนายจิระพล รุ่งเรืองสาย ชื่อเล่นลมเหนือนะครับ" เด็กชายแว่นกลมสีทองนัยต์ตาสีดำ ผมสีดำตรงตัวสูงใหญ่ ใบหน้าของเขาช่างเหมือนภาพวาดที่ประณีตและบรรจงจนได้สัดส่วนที่สวยงามและมีเสน่ห์ เมื่อแนะนำตัวเสร็จก็กลับไปนั่งที่


     หลังจากที่ลมเหนือแนะนำตัวเสร็จ ครูเกื้อก็ได้ให้ทุกคนโหวตหัวหน้าห้อง รองหัวหน้าห้องและเหรัญญิก ทุกคนในห้องล้วนเคยเป็นเพื่อนกันมาก่อนก็จะพอรู้นิสัยกันและกัน จึงโหวตให้ต้นน้ำเป็นหัวหน้าห้อง ข้าวหอมเป็นเหรัญญิก และเพื่อนผู้หญิงอีกคนเป็นรองหัวหน้าห้อง


"เอาล่ะเรื่องสุดท้ายที่ครูจะพูดคือเรื่องของลมเหนือ เขาเพิ่งย้ายมาเรียนกับเราเทอมแรกอาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจเนื้อหาเท่าไหร่ฝากกลุ่มของหัวหน้าห้องดูแลด้วยนะ" พูดจบครูเกื้อก็ปล่อยให้เด็ก ๆ คุยเล่นกัน


"นี่ลมเหนือแกมาจากโรงเรียนอะไรหรอ?" ข้าวหอมเดินมาทักลมเหนือที่นั่งเล่นซุโดคุอยู่


"พรีเมียมอินเตอร์" ลมเหนือตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ตาจ้องเกมซุโดคุในโทรศัพท์


"พรีเมียมอินเตอร์! เรียนอย่างหรูแล้วทำไมถึงย้ายโรงเรียนมาล่ะ อยากเปลี่ยนบรรยากาศหรอ?"


"อืม" คำตอบสั้น ๆ ที่ทำเอาอีกฝ่ายชะงัก ข้าวหอมถอนหายใจพลางเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะ


"คนอะไรหยิ่งจัง" ข้าวหอมบ่นพึมพัมพลางเอามือเสยผมที่ปิดหน้าขึ้น


ในขณะเดียวกันฝ่ายลมเหนือก็รู้สึกเหมือนมีคนจ้อง จึงละสายตาจากเกมไปมองก็พบว่าต้นน้ำกำลังหันหลังมามองตัวเองอยู่


"มีอะไรรึเปล่า" ลมเหมือถามเสียงเรียบ ดวงตาของเขานิ่งและเฉียบคมจนดูไม่ออกว่ารู้สึกอะไรอยู่


"เราแค่รู้สึกว่า.. นายเล่นซุโดคุเก่งจัง" ต้นน้ำเมื่อถูกทักก็ได้เอียงตัวมาคุยกับลมเหนือ


"ปกติไม่ค่อยเห็นใครสนใจซุโดคุ อยากลองเล่นมั้ย?" ลมเหนือเอ่ยชวนพร้อมกับยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์


"เราเล่นไม่เก่งน่ะ..กลัวจะทำกระดานนายเสีย" ต้นน้ำตอบอย่างเกรงใจ


"เดี๋ยวสอน" เมื่อได้ยินอย่างนั้นต้นน้ำก็เดินยกเก้าอี้ของตัวเองไปนั่งข้าง ๆ ลมเหนือ


"ดูนายจะเป็นที่สนใจของเพื่อน ๆ นะเพราะตั้งแต่ที่พวกนายเข้ามาก็มีแต่คนเรียกนาย" ลมเหนือพูดในขณะที่ต้นน้ำกำลังแก้โจทย์ซุโดคุในระดับยากอยู่


"ไม่ขนาดนั้นหรอก คงเป็นเพราะว่าเรามักจะส่งงานครบแล้วก็ตรงเวลา เวลาปลายเทอมเพื่อนเลยชอบเอาของเราไปลอก" ต้นน้ำพูดพลางแก้โจทย์ไป ไม่นานก็สามารถเรียงตัวเลขได้หนึ่งแถวแบบไม่ผิดเลย


"เก่งเหมือนกันนะแป๊บเดียวก็แก้ได้หนึ่งแถวแล้ว" ลมเหนือเอ่ยชม


"แล้วนายถนัดวิชาอะไรล่ะ" ลมเหนือถามขึ้นพร้อมกับกดตัวเลขลงไปในกระดานซุโดคุ


"ถ้าถามว่าถนัดอะไรเราก็ได้หมดนะ แต่ถ้าชอบวิชาอะไรล่ะก็เราชอบภาษาไทย สังคมแล้วก็ประวัติ" พูดจบลมเหนือก็สามารถแก้โจทย์ไปได้เกินครึ่งแล้ว ในเกมเหลือเพียงอีกสามแถวที่ยังไม่ได้แก้


"โหไวจัง นายเล่นเก่งหรือเราพูดเยอะเนี่ย" ต้นน้ำตะลึงในความเก่งและรวดเร็วของลมเหนือ


"มีเพื่อนใหม่ละลืมเพื่อนเก่าเลยนะหัวหน้า~" ใบเตยพูดขึ้นทำให้ต้นน้ำหันกลับไปมองกลุ่มเพื่อนของตัวเอง ที่บัดนี้จับกลุ่มกันมองที่ต้นน้ำกับลมเหนือ


"จริงด้วยครูเกื้อบอกว่าให้กลุ่มเราดูแลนาย งั้นเราจะพาไปทำความรู้จัก" ต้นน้ำพูดพลางยืนขึ้นแล้วจับแขนลมเหนือพาไปยังกลุ่มเพื่อน


"คนนี้ชื่อสายไหมเก่งวิทย์มาก ส่วนคนนี้ใบเตยลายมือสวยแล้วก็วาดรูปสวยมากด้วย แล้วก็ข้าวหอมเก่งภาษาอังกฤษ" ต้นน้ำผายมือไปยังเพื่อนทีละคน แล้วทั้งสี่ก็เริ่มจับกลุ่มคุยกัน


"ทำไมนายถึงได้ย้ายมากลางปีแบบนี้ล่ะ?" ใบเตยเปิดประเด็นถามคนคนแรก


"พ่อกับแม่เราต้องตรวจสอบงานที่สาขาในจังหวัดต่าง ๆ น่ะ ก็เลยทำให้ต้องย้ายโรงเรียนบ่อย"


"แต่ว่าพ่อเราบอกว่าครั้งนี้ฝากเราไว้กับลูกของเพื่อนเขาแล้ว แล้วก็ส่งที่อยู่บ้านมาให้แล้วด้วย" ลมเหนือพูดเสียงเรียบ ตอนนี้เขาเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงเตรียมรับกับคำถามที่เพื่อนกลุ่มใหม่จะถาม


"นายชอบเล่นซุโดคุหรอ เห็นนายเล่นตั้งแต่พวกเราเข้ามาล่ะ" ข้าวหอมถามบ้าง


"ใช่ แล้วก็ชอบเล่นเกม 24 ด้วยหรือพวกเกมใช้ตัวเลขเราก็ชอบทั้งนั้น"


"เอาแล้วต้นน้ำ~ไม่ใช่ว่าปีนี้จะมีคนมาล้มที่หนึ่งของห้องเราแล้วล่ะ" ข้าวหอมหันมาแซวต้นน้ำ ต้นน้ำเองก็ยิ้มอ่อน ๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร


"แสดงว่านายก็เก่งฟิสิกส์กับคณิตสิ" ต้นน้ำถามแต่สายตาเขาไม่ได้มองคู่สนทนา กลับมองไปยังเพื่อนอีกกลุ่มที่เล่นเกมใบ้คำอยู่


"อืม" ลมเหนือตอบสั้น ๆ พร้อมมองตามต้นน้ำไปยังเพื่อนกลุ่มนั้น


"เดาว่านายคงชอบทายคำใช่มั้ยหัวหน้า" ลมเหนือถามออกมา


"เรียกต้นน้ำก็ได้ เรียกหัวหน้าแล้วไม่ค่อยชิน"


"แล้วนายรู้ได้ไงว่าเราชอบเกมทายคำ" ต้นน้ำหันกลับมามองคู่สนทนาอย่างไม่รู้ตัว


"ก็เราเห็นนายดูพวกนั้นเล่นเกมทายคำดูจดจ่อมาก" 


"ช่างสังเกตนะเนี่ย" ข้าวหอมแซวพร้อมหยิบหวีขึ้นมาแปรงผม


"อืม" ลมเหนือตอบสั้น ๆ อีกครั้ง


"ว่าแต่นายบอกว่าพ่อแม่นายฝากนายไว้กับลูกเพื่อน แสดงว่านายไม่ได้อยู่กับพ่อแม่นายสิ" ต้นน้ำถามออกไปด้วยความสงสัย


ทว่าอีกฝ่ายกลับเงียบลงพร้อมกับสีหน้าที่ดูไม่ค่อยดี จึงทำให้ต้นน้ำรีบขอโทษ


"เอ่อ.. ขอโทษนะนายลืมมันไปเถอะเอาเป็นว่าถ้ามีอะไรก็ลองบอกพวกเราดูนะเผื่อพวกเราช่วยได้"


"ยกเว้นเรื่องเงิน" ใบเตยพูดแทรกขึ้นเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศ


ทั้งห้าเปลี่ยนจากการถามคำถามเป็นการเล่นเกมคำต้องห้าม จนเวลาล่วงเลยไปตอนเลิกเรียน ทั้งห้าเดินออกจากโรงเรียนพร้อมกัน สายไหมกับข้าวหอมพักอยู่ที่เดียวกันคืออพาร์ทเมนท์สุขใจ ใบเตยอยู่ที่ซอยสุขสันต์ซึ่งเป็นซอยตรงกันข้ามกับโรงเรียนจึงแยกตัวไปก่อน ส่วนต้นน้ำอยู่ที่ซอยสุขใจเลยยังเกาะกลุ่มกับข้าวหอมอยู่


"ลมเหนือพ่อนายส่งโลเคชั่นมาทางนี้หรอ?" ข้าวหอมถามลมเหนือ ตอนนี้ทั้งสองกำลังเดินคู่กันส่วนต้นน้ำกับสายไหมเดินนำไปซื้อไส้กรอกกับลูกชิ้น ลมเหนือกดเข้าไปดูแผนที่อีกครั้งก่อนจะตอบกลับ


"อืม ซอยสุขใจบ้านหลังที่สองซ้ายมือ" ข้าวหอมครุ่นคิดสักครู่ก่อนนะเลิกคิ้วขึ้นแล้วหันไปหาลมเหนือด้วยสีหน้าสงสัยบวกตกใจ


"คุ้น ๆ เหมือนเคยไป...บ้านหลังที่สองซ้ายมือ...บ้านต้นน้ำนี่!" ข้าวหอมที่ปกติเป็นคนพูดเสียงเบาแต่ด้วยความตกใจจึงเผลอหลุดปากเสียงดังไป


"หือเรียกเราหรอข้าวหอม?" ต้นน้ำหันมาถามด้วยสีหน้างุนงง ตอนนี้ทั้งหมดเดินมาถึงอพาร์ทเมนท์สุขใจข้าวหอมจึงรีบเดินไปดึงแขนสายไหมเข้าตัวตึก ส่วนต้นน้ำก็เดินมาอยู่ระดับเดียวกับลมเหนือ


"มีอะไรรึเปล่า ดูข้าวหอมตกใจมากเลยนะ" ลมเหนือส่ายหัวเขาเองก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกันว่าต้องมาอยู่กับเพื่อนที่รู้จักกันได้วันเดียว


ทั้ง ๆ ที่ลมเหนือเคยเจอเพื่อนของทั้งพ่อและแม่มาหมดแล้วแต่เหตุใดจึงไม่คุ้นหน้าของต้นน้ำเลยสักนิดหรือไม่เคยแม้แต่จะได้ยินชื่อ ทำเอาเจ้าตัวเริ่มสงสัยแล้วเหมือนกันว่าเพื่อนพ่อคนนี้เป็นใคร


ทั้งคู่เดินมาจนถึงซอยสุขใจเดินเข้ามาถึงหน้าบ้านของต้นน้ำ แอปในเครื่องลมเหนือก็แสดงข้อความเด้งขึ้นมา


'ถึงจุดหมายของท่านแล้ว'


"ลมเหนือตามเรามาทำไมเนี่ย ไม่ไปบ้านเพื่อนพ่อนายรึไง" ลมเหนือเงยหน้าขึ้นมาด้วยหน้าตางง ๆ 


"ก็แผนที่มันโชว์ว่าตรงนี้คือตรงที่พ่อเราปักมุดไว้"


"ห๊าา!!" ต้นน้ำอุทานเสียงดัง ทันใดนั้นประตูบ้านก็ถูกเปิดออกคนที่เปิดคือพี่ต้นกล้าพี่ชายของต้นน้ำ


"กลับมาแล้วหรอต้นน้ำพี่ทำผัดไทยเอาไว้เข้ามากินเร็ว อ้าวเราคือลมเหนือใช่มั้ยเข้ามาก่อน ๆ "


ย้อนกลับไปตอนบ่ายสองโมงที่บ้านต้นน้ำ


"สวัสดีครับคุณลุงมาได้ไงครับเนี่ยไม่บอกล่วงหน้าเลย" หนุ่มวัย 27 ปีตัวสูงโปร่งว่าที่นักออกแบบภายในมือโปรเปิดประตูให้กับชายวัยกลางคนที่มาพร้อมกับหญิงชายคู่หนึ่ง


"แหมโทษที ๆ ลุงมีเรื่องด่วนน่ะเลยไม่ได้บอกไว้ก่อน" ชายวัยกลางคนหน้าตาใจดีโบกมือเบา ๆ ก่อนจะถูกเชิญเข้ามานั่งด้านใน


"แล้วคุณลุงมีเรื่องด่วนอะไรหรอครับ" พี่ต้นกล้าพูดพลางเสิร์ฟน้ำให้กับแขกทั้งสาม


"นี่คือคุณฉัตรกับคุณนกสองคนนี้เป็นเพื่อนลุงตอนเรียนมหาลัย" คุณลุงเริ่มเกริ่นแล้วเข้าเรื่อง


"ตอนนี้เขาทำงานในแผนกตรวจสอบสาขาต่าง ๆ ทำให้ต้องย้ายที่อยู่บ่อย ๆ ลูกชายของเขาก็ต้องย้ายโรงเรียนตามจึงมาขอให้ลุงช่วยรับลูกชายเขาไว้หน่อย แต่ว่าลุงเองก็ไม่ค่อยได้อยู่บ้านจึงอยากฝากเด็กคนนั้นไว้กับต้นกล้าแล้วก็ต้นน้ำ"


"เห็นว่าเด็กคนนั้นชื่ออะไรนะ..อ๋อลมเหนือ ลมเหนือเขาอายุเท่าต้นน้ำแถมเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกันน่าจะไปกลับด้วยกันได้" คุณลุงเล่าอย่างเมามันแต่ถูกพี่ต้นกล้าขัดจังหวะเสียก่อน


"เอ่อคุณลุงครับ ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากช่วยนะครับแต่ว่าบ้านนี้ผมไม่ได้อยู่คนเดียวมีต้นน้ำอยู่ด้วย ซึ่งตามความเห็นผมต้นน้ำควรที่รู้เรื่องนี้ด้วยนะครับ คือว่าไว้ทั้งสองกลับมาค่อยมาคุยกันดีกว่ามั้ยครับ"


"ลุงเข้าใจว่าเราอยากปรึกษาน้อง แต่ถ้าเรื่องมันไม่เร่งด่วนลุงก็คงมาตอนเย็น หรือไม่ก็มาวันเสาร์อาทิตย์ดีมั้ยจะได้คุยกันแบบพร้อมหน้าพร้อมตา" พี่ต้นกล้าเมื่อได้ฟังคำตอบก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ คุณฉัตรเลยพูดขึ้น


"เอ่อคือผมรู้นะครับว่าเรื่องนี้มันเร่งด่วนแล้วก็กระทันหันมากแต่ว่าพวกเราไม่อยากให้ลมเหนือต้องย้ายที่อยู่บ่อย ๆ น่ะครับตอนนี้เขาอยู่ม.5 แล้วต้องเตรียมตัวขึ้นมหาลัยเลยไม่อยากให้เขาเปลี่ยนสถานที่บ่อย ๆ น่ะครับ"


"แล้วบอกน้องลมเหนือรึยังครับ?" พี่ต้นกล้าถามขึ้น


"ตั้งแต่มากรุงเทพเขาก็ไม่คุยกับพวกเราเลยค่ะ พูดแต่ว่าจะให้อยู่ไหนก็ได้" คราวนี้คุณนกเป็นคนตอบแทน


"เอาอย่างนี้นะครับสองวันนี้ผมจะให้ลมเหนืออยู่ที่นี่ตามที่พวกคุณขอ แต่วันเสาร์ตอนเช้าเราต้องมาคุยกันทั้งหมดส่วนต้นน้ำผมจะลองพูดให้นะครับ" เมื่อได้ยินดังนั้นทั้งสามถึงกับฉีกยิ้มออกมา


"ขอบคุณนะคะ ๆ " คุณนกผู้เป็นแม่แทบจะยกมือไหว้ขอบคุณพี่ต้นกล้า เมื่อตกลงกันได้แล้วคุณฉัตรก็ทักไปบอกลูกชายตัวเองพร้อมแชร์โลเคชั่นไปให้ คำตอบที่ได้รับจากลูกชายมีแค่คำว่า 'อืม' ซึ่งเป็นคำตอบที่พวกเขาคิดไว้แต่แรกอยู่แล้ว


ตัดภาพมาปัจจุบันพี่ต้นกล้าเล่าทุกอย่างให้เด็กทั้งสองฟังต้นน้ำได้แต่ถอนหายใจ ส่วนลมเหนือยังคงนั่งหน้านิ่งรับฟังจนจบ


"ลมเหนือเดี๋ยวกินข้าวเสร็จก็เอาของไปไว้ในห้องนอนแขกนะ ห้องอยู่ทางโน้น" พี่ต้นกล้าชี้ไปทางห้องหนึ่งห้องข้างบันไดขึ้นชั้นสอง แต่คำตอบที่ลมเหนือตอบทำเอาทั้งต้นกล้าและต้นน้ำอึ้งไปตาม ๆ กัน


"ขอโทษนะครับที่ทำให้วุ่นวาย เดี๋ยวสองวันนี้ผมไปนอนโรงแรมเอาก็ได้ครับจะได้ไม่รบกวนทั้งสองคน" ลมเหนือพูดเสียงเรียบแล้วทำท่าลุกออกจากโต๊ะ ต้นน้ำเห็นดังนั้นจึงรีบคว้ามือลมเหนือไว้อย่างว่องไว


"รบกวนอะไรอยู่ที่นี่แหละ อีกอย่างนายรู้แล้วหรอว่าจะไปโรงแรมไหน ค่าห้องต่อคืนเท่าไหร่ อยู่ที่นี่แหละไว้วันเสาร์พวกเราค่อยมาคุยกันอีกที" ต้นน้ำยิ้มอ่อน ๆ ก่อนจะดึงมือให้ลมเหนือนั่ง


"ผมซื้อไส้กรอกกับลูกชิ้นมาด้วยเดี๋ยวไม่เอามาให้นะครับ" สิ้นเสียงต้นน้ำก็ลุกอย่างไวไปหยิบไส้กรอกกับลูกชิ้นใส่จานพร้อมกับแกะถุงน้ำจิ้มใส่ถ้วย


"ไม่ต้องเกรงใจหรอกพี่กับต้นน้ำไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว" ไม่นานต้นน้ำก็ถือจานไส้กรอกมาวางไว้กลางโต๊ะ หลังจากที่ทานข้าวกันเสร็จลมเหนือก็เข้ามาช่วยพี่ต้นกล้าล้างจานในห้องครัว ส่วนต้นน้ำก็ไปอาบน้ำแล้วเตรียมเข้านอน


"สงสัยวันนี้ที่โรงเรียนมีกิจกรรมเยอะสิท่า ต้นน้ำถึงได้เพลียขนาดนี้" พี่ต้นกล้าพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลพลางล้างฟองบนจานออกแล้ววางไว้ที่ตะกร้าคว่ำจาน


"เยอะมากครับ ต้นน้ำเป็นพิธีกรด้วยว่าแต่ต้นน้ำเขานอนเร็วเป็นเรื่องปกติหรอครับ?"


"ก็ใช่ปกติสามทุ่มครึ่งก็นอนแล้ว เขาต้องตื่นมาทำกับข้าวตอนเช้าน่ะ" หลังจากล้างจานเสร็จทั้งคู่ก็แยะย้ายกันเข้าห้องนอน


และแล้วเวลาล่วงเลยมาถึงวันเสาร์ เวลาประมาณบ่ายสองก็มีเสียงเคาะประตูทางหน้าบ้าน


"น่าจะมากันแล้วนะ" พี่ต้นกล้าลุกไปเปิดประตู และเชิญคุณลุง คุณฉัตร และคุณนกเข้ามาด้านใน


"ลมเหนือเป็นยังไงบ้างลูกสบายดีมั้ย?" คุณนกกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม


"ดีครับ" ทว่าฝ่ายลมเหนือกลับตอบด้วยน้ำเสียงที่ไร้อารมณ์


"เอาล่ะ ๆ นี่ก็อยู่ด้วยกันมาแล้วสองวันสรุปว่า.." คุณลุงลากเสียงยาวต้นน้ำเลยพูดตอบด้วยน้ำเสียงนอบน้อม


"ก็ไม่มีปัญหาอะไรครับ พวกเราเข้ากันได้ดี" พอได้ยินคำตอบทั้งสามก็มีสีหน้ายิ้มแย้มไร้กังวล


"คือว่าถ้าจะมารบกวนพวกหนูเฉย ๆ ก็ไม่ดีถูกมั้ยลุงจะส่งเงินให้พวกหนูทุกเดือน เอ่อถือว่าเป็นค่าขอบคุณที่เลี้ยงดูลมเหนือแล้วกันนะครับ" คุณฉัตรกล่าวแต่ไม่ทันที่จะได้กล่าวอะไรต่อลมเหนือก็พูดแทรกขึ้น


"ขออนุญาตครับ ผมอยากคุยกับพ่อแม่ข้างนอกซักหน่อย" เสียงลมเหนือจากที่ฟังดูไร้อารมณ์บัดนี้เปลี่ยนเป็นน้ำเสียงที่ไม่พอใจหน่อย ๆ 


"เอาสิ" พี่ต้นกล้าตอบ จากนั้นลมเหนือพร้อมกับพ่อแม่ก็ไปคุยกันข้างบ้าน


"นี่จะทิ้งผมแล้วใช่มั้ย ถึงได้ให้ผมมาอยู่บ้านใครก็ไม่รู้แบบเนี่ย" น้ำเสียงกระโชกตอนนี้ลบภาพลมเหนือที่ดูไร้อารมณ์ในบ้านอย่างสิ้นเชิง


"ไม่ใช่อย่างนั้นนะแกอยู่ม.5 แล้วเดี๋ยวต้องขึ้นมหาลัยถ้าขืนยังพาแกไปโน่นไปนี่ ย้ายไปย้ายมาแกจะเรียนจบมั้ย?" คุณฉัตรพยายามอธิบาย


"แล้วทำไมไม่ย้ายตำแหน่ง ที่บริษัทเขายื่นเรื่องบอกว่าย้ายให้ย้ายตำแหน่งมาหลายรอบแล้ว ทั้งที่รู้ว่าต้องย้ายไปมาทำไม่ถึงไม่ย้ายตำแหน่งล่ะ" คราวนี้ทั้งสองคนต่างเงียบกริบ


"เพราะอยากเที่ยวกันไง อยากใช้ชีวิตกันถึงได้เลือกที่จะต้องเดินทางไปต่างจังหวัด"


"มันไม่ใช่อย่างนั้น ตอนนี้แกยังไม่ต้องรู้เดี๋ยวแกก็รู้เองแหละ เอาเป็นว่าอยู่กับพวกเขาที่นี่นะ" คุณนกพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน


"กับคนแปลกหน้าเนี่ยนะ ทำไมผมจะไม่รู้ว่าเขาอึดอัด ทำไมถึงโกหกว่าเป็นเพื่อน"


"ขืนให้แกไปอยู่กับเพื่อนของพ่อกับแม่ เขาไม่ดีกับแกอย่างนี้หรอกนะพวกนั้นนะเห็นแก่เงินเป็นที่หนึ่ง ไม่อย่างนั้นพ่อกับแม่จะเลี่ยงการเจอพวกมันทำไม" คุณฉัตรกล่าว


"ลมเหนือคนนี้คือหลานของประธานบริษัทนี่เป็นทางเดียวที่จะทำให้ลูกไม่ลำบาก อย่าสร้างปัญหาก็พอ พ่อกับแม่ก็สามารถมาเยี่ยมบ่อย ๆ ได้" คุณนกกล่าวเสริม ลมเหนือที่รู้ว่าไม่สามารถปฏิเสธทั้งสองได้ก็ทำได้เพียงพยักหน้าตอบรับอย่างไม่เต็มใจ


ขณะที่ภายนอกบ้านกำลังคุยกัน บรรยากาศภายในบ้านก็ไม่สู้ดีสักเท่าไหร่


"พี่เอกเขาก็มีบ้านนี่ครับ ทำไมไม่ไปหาพี่เอกล่ะครับ" ต้นน้ำเปิดคำถามอย่างตรงไปตรงมา


"บ้านเขาอยู่ไกลจากโรงเรียน โรงเรียนที่ใกล้ที่สุดต้องขับรถกว่าสิบนาทีแน่ะ" คุณลุงตอบพร้อมกับจิบน้ำ


"ไม่ใช่ว่าหาขออ้างไม่ให้พ่อกับแม่มาเยี่ยมพวกเราที่นี่หรอครับ?" ต้นน้ำยังซักคุณลุงอย่างต่อเนี่อง


"ก็ส่วนนึงเห็นสองคนนั่นมาทีไรก็มาทะเลาะกันที่นี่ทุกที ไม่อย่างนั้นก็มาขอยืมเงินเห็นแล้วรำคาญแทน" น้ำเสียงของคุณลุงเปลี่ยนเป็นไม่สบอารมณ์


"ครับ ขอบคุณครับ" ต้นน้ำพูดพลางยิ้มอ่อน ๆ หลังจากที่ทั้งข้างนอกและข้างในคุยกับจบ ฝั่งลมเหนือก็เข้ามาข้างใน


"เรื่องค่าเลี้ยงดูเอาที่พวกนายสะดวกนะฉันกับหลาน ๆ ไม่มีปัญหาอะไร" คุณลุงพูดทันทีที่คุณฉัตรกับคุณนกนั่งลง


"ขอบคุณมากครับ ผมจะส่งให้เดือนละสองหมื่นนะครับจะได้ช่วยเรื่องค่าน้ำค่าไฟด้วย" พี่ต้นกล้าพยักหน้ารับจากนั้นทั้งหมดก็แยกย้ายกัน