“ขอแค่ดอกสองดอก คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง”
รัก,เพื่อนสนิท,เพื่อนกูรักมึง,เพื่อนเก่า,เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ,เพื่อนรัก,เพื่อน,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Fri-end จีบเพื่อนเลื่อนเป็นแฟนละอองน้ำเป็นสายฟุ้งกระจายอยู่ในอากาศ สะท้อนแสงแดดเห็นเป็นสีรุ้งรับช่วงบ่ายของวัน แสงจ้าและปุยเมฆกระจัดกระจายบนท้องฟ้า ทำให้ช่วงเวลานี้มีชีวิตชีวา จนแม้แต่คนที่ยืนล้างรถยังอดจะผิวปากอย่างอารมณ์ดีไม่ได้ ปราณนต์ลากสายยางมาฉีดตรงส่วนหน้าของรถ แต่ก็ไม่ได้ตั้งใจมองนัก เพราะย่าเรียกมาจากในบ้าน เขาหันไปมองพร้อมกับร้องตอบ จนน้ำจากสายยางสาดเลยจากรถไปโดนรั้ว แล้วก็กระเด็นเข้าหาเป้าหมายใหม่ที่เดินมาหยุดหน้าบ้านพอดิบพอดี จนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นจังหวะนรกของจริง
“ไอ้บ้าเอ๊ย” หญิงสาวสบถเสียงสูง สองเท้าก้าวถอยหลังโดยอัตโนมัติ ก่อนจะก้มมองเสื้อเปียกโชก กว่าเจ้าของสายยางจะรู้ตัว เธอก็โดนราดไปครึ่งตัวแล้วเรียบร้อย
เขาหันมาตามเสียงด้วยความตกใจ ก่อนจะเห็นใบหน้าบึ้งตึงยืนกอดอกมองอยู่ วินาทีแรก เขาคิดว่าเธอช่างสวยน่ารัก แม้จะทำคิ้วขมวดและปากยู่อย่างไม่สบอารมณ์ หากมันเป็นละครสักเรื่อง นี่ก็คือฉากที่ทั้งสองจะได้มองตากันผ่านทางสายน้ำทอประกายรุ้ง
มันก็น่าจะโรแมนติกดีอยู่หรอก ถ้าไม่ติดว่านี่คือช่วงบ่ายที่แดดจัดจ้าจนเหงื่อซึม และหญิงสาวผู้โชคร้ายก็เปียกโชก
วินาทีต่อมา เมื่อพินิจพิเคราะห์อีกฝ่ายอย่างถ้วนถี่ จากที่จะเอ่ยขอโทษ กลับกลายเป็นการร้องเรียกด้วยความตกใจระคนแปลกใจแทน
“รัน!!”
“ก็ใช่น่ะสิ” เจ้าของชื่อกระแทกเสียง ก้มมองเสื้อตัวเองอีกที เหมือนจะตอกย้ำให้เขารู้สึกผิด ก่อนจะเอื้อมมือข้างที่ไม่ได้ถือของมาเปิดประตูรั้ว แบบคนที่เคยเข้านอกออกในบ้านนี้นับครั้งไม่ถ้วน แม้นั่นจะผ่านมาหลายปีแล้ว
“มาได้ไง”
“นั่งเครื่องมาลงที่สนามบินประจำจังหวัด ส่วนที่มาหาคุณย่าตอนนี้ก็ปั่นจักรยานมา แต่จอดไว้ข้างรั้วตรงนู้น”
ปราณนต์ถอนหายใจ รู้ว่าหญิงสาวตั้งใจจะกวนประสาท “หมายถึงทำไมเธอมาอยู่นี่ ก็ย้ายไปเรียนที่อื่นตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ก็ครอบครัวฉันย้ายกลับมานี่เป็นปี ๆ แล้ว ฉันอยากกลับมาอยู่ใกล้พ่อกับแม่ นี่จะให้เข้าไปได้หรือยัง หนาวจะตายชัก”
“อย่าบอกย่านะว่าฉันทำเธอเปียก” เขาเอ่ยโดยควบคุมน้ำเสียงไม่ให้เหมือนการขอร้อง แต่รอยยิ้มบนริมฝีปากอิ่มของเธอก็ทำให้เขาเสียวสันหลังวาบ
“ทำไม จนถึงตอนนี้ยังกลัวคุณย่าดุอยู่เหรอ”
เขาไม่อยากจะยอมรับหรอกว่ายังกลัวอยู่ และดูท่าจะกลัวไปตลอดชีวิตที่เหลือด้วย
“ถ้าฉันบอก และใส่สีตีไข่อีกนิด นายน่าจะโดนบ่นยาว”
“นี่เหรอการเจอกันครั้งแรกในรอบหลายปีของเรา มาถึงก็สร้างเรื่องให้ฉันเลยนะ เธอนี่เหมือนเดิมไม่มีผิด” ภาพเด็กสาวจอมแก่น ชอบยืนเท้าเอวด่าเขายังแจ่มชัดในความทรงจำ แต่เห็นจะมีอยู่เรื่องหนึ่งที่ชัดแจ้งแบบลืมไม่ลง และทำให้ทั้งสองกลายมาเป็นคู่กัดกัน นึกถึงทีไรก็อดโมโหไม่ได้ทุกที
“นายก็เหมือนเดิมเหมือนกันนั่นแหละ ไอ้ปราณ” คราวนี้หญิงสาวใช้คำพูดก้าวร้าวกว่าเดิม “ถ้านายไม่พูดดีกับฉัน ฉันจะใส่ร้ายนายกับคุณย่า ไม่เชื่อก็คอยดู”
“แล้วเธอจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไรฮะ ตอนเด็ก ๆ แย่งความรักย่าไปจากฉัน แล้วตอนนี้ยังจะมาทำให้โดนด่าอีก”
“ไม่รู้แหละ พูดดี ๆ มาก่อน”
“ก็ได้ ๆ ฉันขอโทษที่ทำให้เธอเปียกโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่สายยางมันดันชี้ไปทางนั้นพอดี ถ้าเธอจะมีน้ำใจสักนิด ยกโทษให้ฉันหน่อยได้มั้ย”
“สาบานว่าไม่ได้ประชดประชันและพูดออกมาจากใจ”
ปราณนต์กล้ำกลืนความอยากปะทะฝีปากเอาไว้ สูดหายใจเข้าแล้วโปรยยิ้มเจ้าเสน่ห์ที่เพื่อนแม่บอกว่าเขาทำให้สาวทั้งโลกละลายได้ โดยใช้แค่ยิ้มนี้ยิ้มเดียว
“ขอโทษนะครับคุณณรันชน์ ผมไม่ได้ตั้งใจกับสิ่งที่ทำลงไป ถ้าคุณจะให้โอกาสผมในการไถ่โทษ ผมจะเลี้ยงอาหารคุณสักมื้อ แต่ถ้าคุณเหม็นขี้หน้าผม ผมก็จะซื้อแพกเกจให้คุณไปทานจนอิ่มหนำสำราญคนเดียวไปเลย”
รันรู้ว่าเขาประชด เพราะทั้งสองเรียกได้ว่าไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ รู้เท่าทันกันทุกอย่าง เพราะปะทะคารมกันมาตั้งแต่เด็ก แต่ก็อดยอมรับไม่ได้ว่าเมื่อเห็นรอยยิ้มกึ่งขี้เล่นของเขาแล้ว เธอก็ไม่อยากจะเอาเรื่องต่อ แม้เธอจะเหม็นขี้หน้าเขาแค่ไหน แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธว่ารอยยิ้มมีมันอิทธิพลต่อใจ ต่อให้เธอไม่ได้พิศวาสเขาเลยก็ตาม เจ้าตัวมักจะใช้รอยยิ้มนี้อ้อนขอโทษผู้เป็นย่า และมัดใจสาวทุกคนที่อยู่ใกล้
“อ่ะ ๆ ไม่ฟ้องคุณย่าแล้วก็ได้ แต่อย่าให้มีคราวหน้าอีกนะ”
“ไม่กล้าหรอกคร้าบ” เขาลากเสียงประชด
ทั้งสองเดินเข้าไปในบ้านด้วยกันโดยไม่พูดอะไรอีก ความเงียบที่คั่นกลางทำให้เกิดคำถามมากมาย ว่าสบายดีหรือเปล่า ที่ผ่านมาไปทำอะไรอยู่ที่ไหน แล้วตอนนี้มีความสุขดีหรือไม่
แต่ระยะห่างและช่วงเวลาหลายปี กลายเป็นกำแพงกั้นขวางคำพูดเหล่านั้นเอาไว้
หญิงชราผู้เป็นที่เคารพรักของทั้งสองไม่ได้อยู่ตรงส่วนไหนในบ้านอย่างที่คาด ปราณนต์แวะไปหยิบผ้าเช็ดตัวสะอาดกลิ่นหอมกรุ่นสำหรับรับแขกที่ย่าตระเตรียมเอาไว้มาให้ณรันชน์ได้เช็ดตัว เขากระอักกระอ่วนในการจะหาเสื้อผู้หญิงมาให้เธอด้วย แต่หญิงชราต้องดึงหูเขาแน่ ถ้าปล่อยให้เธอไปเจอด้วยเสื้อที่ยังเปียกอยู่แบบนี้
“เธอใส่ตัวนี้ได้มั้ย” เขาหยิบเสื้อของน้าสาวที่ไม่ได้ใส่และซักรีดแขวนเก็บไว้อย่างดีออกมาจากตู้ เพื่อหลีกเลี่ยงความไม่เหมาะสม ก็เปิดประตูห้องค้างเอาไว้ด้วย
“อ่า ไม่เป็นไร มันไม่ได้เปียกถึงขนาดที่จะต้องเปลี่ยนหรอก” มาถึงตอนนี้ เธอเริ่มไม่อยากทำอะไรให้ยุ่งยากแล้ว
“ไม่ได้สิ มันเปียกเยอะอยู่นะ”
“นายไม่ได้เป็นห่วงฉัน แต่นายกลัวคุณย่าด่าใช่มั้ย” เธอจับทางเขาได้ทันที “ฉันก็บอกแล้วไงว่าจะอธิบายเอง ไม่ต้องกลัวหรอกน่า”
“มันไม่ใช่แค่เรื่องคุณย่า ถึงยังไงท่านก็ทำอะไรฉันมากไปกว่าหยิกหลังไม่ได้หรอก แต่มันคงไม่ดีถ้าจะให้เธออยู่แบบเปียก ๆ อย่างนี้ เธออาจจะไม่สบายก็ได้”
“ฉันแข็งแรงมากนะ”
“เหรอ ตอนนั้นที่เดินตากฝนกลับบ้านด้วยกัน เธอไข้ขึ้น วันต่อมาไปโรงเรียนไม่ได้ เดือดร้อนฉันต้องเอาการบ้านกลับมาให้อยู่เลย”
สมัยเด็ก ทั้งสองเรียนโรงเรียนเดียวกัน แต่อยู่คนละห้อง ณรันชน์ย้ายมาทีหลัง แต่ด้วยความที่บ้านใกล้กัน ครูจึงฝากการบ้านมากับเขา และแม่ของเธอก็ขอให้เขาดูแลเธอตอนไปและกลับจากโรงเรียนด้วย
ซึ่งถ้าจะว่ากันตามตรงแล้ว ยัยนี่ไม่เคยยอมให้เขาดูแลอะไรหรอก แถมยังบ่นและตีกับเขาไปตลอดทาง
“ช่วยแค่ไม่กี่ครั้งทำเป็นมาบ่น”
“เหอะ ไม่กี่ครั้ง” เขาเน้นคำ “ถ้าหมื่นครั้งหมายถึงไม่กี่ครั้งล่ะก็ ฉันคงช่วยเธอแค่นั้นจริง ๆ”
“นายก็มีเรื่องให้ฉันต้องช่วยเยอะแยะนะ เพราะฉะนั้นอย่ามาพูดเหมือนเป็นบุญคุณ”
เขายักไหล่ เขย่าเสื้อตรงหน้า “ไม่ต้องพูดแล้ว เปลี่ยนเสื้อซะ”
“นายก็ออกไปจากห้องก่อนสิ”
“แหงล่ะ ฉันจะอยู่ได้ยังไง” ปราณนต์เดินออกมาพร้อมปิดประตูตามหลัง
เขายืนสงบนิ่ง พยายามจะคิดเรื่องอื่น แต่หัวสมองมันลบภาพการเปรียบเทียบยัยรันตัวแสบในอดีตกับปัจจุบันไม่ได้เลย ท่าทางแก่นเซี้ยวไม่ยอมใครยังมีให้เห็นเหมือนเคย แต่เครื่องหน้าที่ชัดเจนขึ้น ผิวพรรณเนียนละเอียด บวกกับการแต่งตัวอย่างดี ก็ทำให้หญิงสาวดูผิดหูผิดตา
สวยหรือ
ก็คงต้องยอมรับไปตามความเป็นจริง
“เสร็จแล้ว”
เธอเดินออกมา ก้มมองตัวเองกับเสื้อที่ค่อนข้างจะหลงยุคแล้วยิ้มเล็ก ๆ เขาจึงยิ้มตาม
“เหมาะกับเธอดีนะ”
“เดี๋ยวก็โดนดีหรอก”
รันเงื้อมือ แต่ไม่ได้ลงแรงตีเขาอย่างที่พูด เธอมองหาที่ตากเสื้อเปียก ๆ ของตัวเอง เจ้าของบ้านจึงหยิบไปจากมือ แล้วเดินหายลับไปจากห้อง เธอร้องเรียกเขาไว้ไม่ทัน เมื่อเขากลับมาอีก เสื้อตัวนั้นก็ไม่อยู่แล้ว เธอจึงพึมพำเสียงเบา
“ขอบคุณสำหรับเสื้อ และที่เอาไปตากให้ด้วย”
“ก็ฉันเป็นต้นเหตุเรื่องวุ่นนี่”
อย่างน้อยในตอนนั้น ทั้งคู่ก็เลิกเถียงกันได้เกินห้านาที เมื่อเดินตัดสวนเล็ก ๆ ที่ปลูกต้นไม้หลากหลายมาทางด้านหลังบ้านติดริมน้ำ มีศาลารับลมขนาดเล็กพอให้นั่งมองความเป็นไปของโลกรอบตัว เขาก็เห็นหญิงชราผมขาวแซมเทานั่งหันหน้าเข้าหาแม่น้ำเพียงลำพัง
“ทำไมปล่อยคุณย่าไว้คนเดียว คุณน้าไม่อยู่เหรอ”
“ไปธุระตั้งแต่เมื่อเย็นวาน” เขาตอบ และเป็นฝ่ายเดินเข้าไปแจ้งกับย่าก่อนว่ามีแขกมาหา
“อ้าว ตาปราณ ล้างรถเสร็จแล้วเหรอลูก”
“เสร็จแล้วครับ พอดีเจอใครบางคนด้วย”
“หืม”
หญิงชราหันมามองด้วยความสนใจ สายตาฝ้าฟางมองผ่านเปลวแดดมาหาคนที่ยืนอย่างสงบเสงี่ยมอยู่ด้านหลัง เมื่อรู้แน่ชัดว่าเป็นใคร ย่าก็ยิ้มอย่างยินดี พยายามลุกขึ้นยืนตามที่สังขารจะเอื้ออำนวย แต่ก็ยากเย็นเสียจนณรันชน์ต้องปราดเข้าไปช่วยพยุงแขนข้างหนึ่ง
“หนูรัน”
“สวัสดีค่ะคุณย่า สบายดีนะคะ”
“สวัสดีจ้ะ” หญิงชราตอบพลางตบหลังมือคนที่เธอเอ็นดูราวกับหลานในไส้ “ก็มีเจ็บป่วยตามประสาคนแก่นั่นแหละ”
“ปราณดูแลคุณย่าดีมั้ยคะ”
“ถึงตาปราณจะเป็นคู่ปรับหนู แต่ก็เป็นหลานชายที่ดีคนนึงเลยนะ”
คนถูกกล่าวชมยักคิ้ว แต่ณรันชน์ทำเมิน
“แล้วนี่หนูมาเยี่ยมที่บ้านเหรอ”
“หนูได้งานที่นี่ เลยย้ายกลับมาค่ะ แต่ไม่ได้อยู่บ้านเดียวกับพ่อแม่ เช่าคอนโดแถวในเมืองเพราะมันสะดวกกว่า” เธอตอบพลางนั่งลงข้างกัน
“ดีจังเลยลูก ต่อจากนี้ก็คงมาเยี่ยมย่าได้บ่อย ๆ แล้วสิ” เมื่อได้ฟังคำตอบ ย่าที่เล็งให้หญิงสาวที่เห็นมาตั้งแต่เด็กเป็นหลานสะใภ้ก็แทบจะกลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่ หลังจากเด็กหญิงย้ายตามพ่อไปคราวนั้น เธอก็แทบหมดหวังที่จะให้หลานชายหัวแก้วหัวแหวนได้ลงเอยกับณรันชน์ แต่มาวันนี้ โชคกลับเข้าข้างดีแท้
“แน่นอนค่ะ หนูจะมาจนคุณย่ารำคาญเลย”
“ถ้าอย่างนั้นคงต้องมาเยี่ยมตลอดชีวิต เพราะย่าคงไม่เบื่อคนน่ารักแบบหนูหรอก”
ปราณนต์ทำเสียงในลำคอเป็นเชิงหมั่นไส้ แต่ไหนแต่ไรมา รันก็เอาแต่ประจบคุณย่าของเขาเสียจนเขาต้องถูกแบ่งความรักไปให้เด็กข้างบ้านที่มีดีแค่ชอบพูดเจื้อยแจ้วประจบประแจง กับยิ้มตาปิดเท่านั้น
เขาไม่ได้อยากจะอิจฉาหรอก แต่มันก็เป็นความรู้สึกของเด็กเวลาเห็นย่าของตัวเองชอบเข้าข้างคนอื่นมากกว่า
“อะไรติดคอหรือไง”
“ความขี้ประจบมั้ง”
“ปราณล่ะก็ ทำไมถึงชอบหาเรื่องหนูรันจังเลย คุยกับเค้าดี ๆ หน่อยสิลูก เค้าน่ารักขนาดนี้” ย่าปราม ตบท้ายด้วยการชื่นชมหลานชาวบ้านอีกหน
“น่ารักแค่กับคุณย่าคนเดียวนั่นแหละครับ”
“ส่วนนายก็นิสัยแย่กับฉันแค่คนเดียว ฉันเลยไม่อยากญาติดีด้วยไง”
“ปราณก็ยอมลงให้หนูรันบ้างเถอะลูก ย่าจะได้สบายหูบ้าง เจอกันทีไรเถียงกันทุกทีเลย”
“ทำไมผมต้องเป็นฝ่ายยอมตลอดเลย เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้วนะครับ” ปราณโวย
“แต่ปราณก็ยอมมาตลอดนี่ บางทีน่าจะถามตัวเองนะ ว่าเพราะอะไร” ด้วยสายตาที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก ไม่ใช่เธอมองไม่ออกว่าเจ้าหลานชายแม้จะปากดี แต่ก็ใจอ่อนให้อีกฝ่ายอยู่ลึก ๆ
ปราณเม้มปากคล้ายจะยอมจำนน เพราะมันจริงอย่างที่ย่าพูด เขายังจำได้ดี ถึงตอนที่ตัวเองยอมยกขนมห่อสุดท้ายในร้านค้าให้ณรันชน์ ยอมโดนครูดุแทน ยอมรับกับแม่ของเด็กหญิงว่าเป็นคนทำของพังหรือชวนกันไปเล่นมอมแมม ทั้งที่เด็กแสบทำตัวเองทั้งนั้น ยิ่งตอนเรียนชั้นมัธยมปลาย แม้ทั้งคู่จะเริ่มมีระยะห่างของวัยหนุ่มสาว แต่เขาก็ยังตามใจและยอมลงให้เธอก่อนตลอด เมื่อเห็นดวงตากลมทอประกาย และท่าทางดีอกดีใจ กระโดดเข้ามาเกาะแขนเขาอย่างเผลอตัว เขาก็บอกกับตัวเองว่ายอมอีกครั้งก็ไม่เสียหาย
แล้วคำว่าอีกครั้งที่ซ้ำกันเป็นร้อยรอบ ก็ส่งผลอย่างที่เห็น
“ปราณเป็นคนน่ารักค่ะคุณย่า ถึงจะปากไม่ดีไปบ้าง แต่เขาก็ใจดีกับรัน” เธอพูดให้หญิงชราเอ็นดูตัวเองยิ่งกว่าเดิม ปราณรู้ดี แต่ในเมื่อถูกชม เขาจะไปขัดคอคงไม่ถูก
“ถ้ารันคิดแบบนั้นย่าก็ดีใจ ตาปราณเนื้อแท้ก็เป็นคนใจดีจริง ๆ นั่นแหละ แล้วนี่แฟนหนูรันไม่มาด้วยเหรอ”
“หนูยังไม่มีแฟนค่ะคุณย่า”
“นี่มันไม่มีใครตาถึงเลยหรือยังไงนะ” ย่าแกล้งพูด แต่ในใจกระหยิ่มยิ้มย่องไปแล้ว แบบนี้ความหวังจะได้สะใภ้ยิ่งสว่างไสวมากขึ้น
“เขาอาจจะตาถึง แต่หลานรักคุณย่าเรื่องเยอะก็ได้นะครับ”
“ก็แหงสิ ถ้ามีแฟนไม่ดี ทำให้ปวดหัวบ่อย ๆ ไม่มีจะดีกว่า”
“ย่าเห็นด้วยนะ เลือกแฟนต้องเลือกให้ดี แต่ถ้ามั่นใจแล้ว ก็ไม่ควรรีรอให้เสียเวลา” เธอปรายตาไปทางหลานชาย ก่อนจะลุกขึ้นยืนช้า ๆ ขณะที่สองหนุ่มสาวก็ปราดเข้ามาช่วยพยุงคนละข้าง “วันนี้น้าเพ็ญไม่อยู่ ปราณต้องทำกับข้าวให้ย่าเอง ถึงอย่างนั้น ย่าก็อยากให้หนูรันอยู่กินด้วยกัน”
“หนูทำมื้อเย็นให้ก็ได้นะคะ ถ้ากินฝีมือปราณ คุณย่าคงผอมภายในวันเดียว”
หญิงชราหัวเราะถูกใจ แต่คนโดนกระทบกระเทียบขึงตาใส่อย่างไม่พอใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ จะแอบหยิกกันเหมือนตอนเด็กยิ่งไม่ได้เข้าไปใหญ่ ยิ่งเมื่อย่าเผลอหันไปทางอื่น ณรันชน์ยิ่งกวนอารมณ์โดยการแลบลิ้นใส่
มาถึงก็กวนเลยนะ เหมือนวันแรกที่เจอกันไม่ผิดเพี้ยน
เฮลโล!!!!!! ทุกโคนนนนนนนนน.........
ซี่เองไม่ใช่ใครที่ไหน จบไปแล้วกับบทนำบทแรก
เป็นยังไงกันบ้าง ตะโกนกลับมาบอกซี่บ้างน้าาาาาา
หวังว่าทุกคนจะชอบ (ชอบเถอะ พลีสสสสส)
ฝากติดตามเรื่องราวความกัดกันบ้างรักกันบ้างของเพื่อนซี้ที่แทบจะแด_หักกันทุกวันด้วยนะค้าาาา😉
ทุกโคนนนนนน เราเปลี่ยนใจ
เนื่องจากว่ามีคนบอกว่ามันนานเกินไป เพราะฉนั้น ซี่จึงเปลี่ยนใจมาอัพ 3 วัน ต่อสัปดาห์ไปเล้ย
ดังนั้นซี่จะอัพทุกวันจันทร์ - พุธ - ศุกร์ เวลา 2 ทุ่มตรงเหมือนเดิมนะค้าาา