ผู้กองวายุได้รับภารกิจสำคัญในการจับกุมแก๊งสายฟ้าที่เป็นกลุ่มเด็กช่างที่ก่อความวุ่นวาย นนท์ในฐานะหัวหน้าแก๊งถูกวายุตามล่าอย่างใกล้ชิด จนวันหนึ่ง นนท์ได้พัวพันกับคดีที่ใหญ่กว่าและอันตรายกว่ามาก ซึ่งทำให้วายุเข้าใจว่านนท์ไม่ใช่แค่เด็กเกเรธรรมดา การตามจับกลายเป็นการช่วยเหลือและปกป้อง นนท์และวายุต้องร่วมมือกันเพื่อไขคดีและเอาชีวิตรอดจากอันตรายที่เข้ามา ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่พัฒนาจากคู่ปรับกลายเป็นคู่รัก
รัก,ดราม่า,แอคชั่น,สืบสวนสอบสวน,ชาย-ชาย,ดราม่า,ผจญภัย,สืบสวนสอบสวน,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
บทที่ 2: ความบังเอิญที่ร้านกาแฟ
สองวันต่อมา วายุได้รับแจ้งให้ไปสอบปากคำพยานในคดีปล้นทรัพย์ที่ร้านกาแฟเล็กๆ แห่งหนึ่ง เขาไปถึงที่นั่นในชุดลำลอง เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีเทาที่ซ่อนปืนประจำกายไว้ข้างใน นั่งลงรอพยานที่โต๊ะมุมร้าน
เสียงประตูเปิดพร้อมกับกระดิ่งดังกรุ๊งกริ๊ง นนท์ในชุดเสื้อยืดตัวใหญ่กับกางเกงยีนส์ขาดๆ เดินเข้ามาในร้าน เขาไม่ได้มาคนเดียว แต่มาพร้อมกับเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ถือตุ๊กตาหมีเน่าๆ ตัวหนึ่งมาด้วย เด็กหญิงคนนั้นดูซีดเซียวและมีผ้าพันแผลที่แขน นนท์พาเด็กหญิงมานั่งที่โต๊ะก่อนจะเดินไปสั่งกาแฟให้เธอ
วายุนิ่งอึ้งเมื่อเห็นภาพตรงหน้า เด็กคนนั้นคือพยานคนสำคัญของคดีที่เขากำลังตามอยู่ และนนท์ก็คือคนที่เขากำลังตามล่า ช่างเป็นความบังเอิญที่น่าประหลาดใจ นนท์นั่งลงที่โต๊ะตรงข้ามเด็กหญิง พร้อมกับรอยยิ้มที่ดูอ่อนโยนจนไม่เหลือเค้าเด็กช่างหัวหน้าแก๊งเลยแม้แต่น้อย เขายื่นแก้วกาแฟให้เด็กหญิงพลางพูดว่า
"หายไวๆ นะ พี่นนท์จะพาไปกินไอติม"
วายุตัดสินใจลุกขึ้นเดินเข้าไปหานนท์ทันที นนท์เงยหน้าขึ้นมา สายตาของทั้งคู่สบกัน และความตึงเครียดก็เข้าปกคลุมทันที นนท์ทำหน้าตื่นตระหนกและเตรียมพร้อมที่จะลุกหนี แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ทำอะไร วายุก็พูดขึ้นด้วยเสียงที่เบาที่สุด
"ไม่ต้องหนี...ฉันไม่ได้มาจับนาย"
นนท์ทำหน้างุนงง "แล้วผู้กองต้องการอะไร?"
"ฉันแค่ต้องการจะคุยกับพยาน" วายุตอบพลางเหลือบมองไปที่เด็กหญิงที่ยังคงนั่งก้มหน้า
นนท์หันไปมองเด็กหญิงแล้วกลับมามองวายุ เขามองด้วยสายตาที่ไม่ไว้ใจ
"เด็กคนนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรด้วย"
"ฉันรู้ แต่พยานบอกว่าเห็นนายอยู่กับเธอตอนที่เกิดเรื่อง" วายุพูดเสียงนิ่ง
"บอกมาสิว่าเกิดอะไรขึ้น"
นนท์มองวายุด้วยสายตาครุ่นคิด เขาไม่รู้ว่าควรจะเชื่อผู้ชายตรงหน้าได้ไหม แต่ในสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความบังเอิญนี้ นนท์ตัดสินใจที่จะลองเสี่ยงดู เขาพยักหน้าเล็กน้อยและเริ่มเล่าเรื่องราวที่ทำให้เขาต้องเข้ามาพัวพันกับคดีนี้
ย้อนกลับไปในคืนที่เกิดเหตุ นนท์กำลังขับมอเตอร์ไซค์กลับบ้านหลังจากไปช่วยเพื่อนที่อู่ เขากำลังจะเลี้ยวเข้าซอยลัดประจำ แต่ก็ต้องเบรกกะทันหันเมื่อเห็นภาพตรงหน้าในแสงไฟสลัวของรถ เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ กำลังวิ่งหนีกลุ่มชายฉกรรจ์สามคนอย่างเอาเป็นเอาตาย
นนท์ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพุ่งเข้าไปช่วย เขาทิ้งมอเตอร์ไซค์แล้ววิ่งเข้าไปขวางทางชายกลุ่มนั้น
"เฮ้ย! พวกมึงจะทำอะไรเด็กวะ"
"เรื่องของผู้ใหญ่ เด็กอย่างมึงอย่าเสือก!" หนึ่งในนั้นตะโกนกลับพร้อมกับชักมีดออกมา
การต่อสู้เกิดขึ้นอย่างดุเดือด นนท์ใช้ทักษะการต่อสู้ที่ติดตัวมาตั้งแต่เป็นเด็กช่างจัดการกับคนเหล่านั้นได้อย่างไม่ยากเย็น แต่เขาพลาดท่าถูกมีดบาดที่แขนเล็กน้อย ส่วนเด็กผู้หญิงก็บาดเจ็บจากการล้มลงขณะวิ่งหนี เมื่อพวกชายฉกรรจ์หนีไปแล้ว นนท์ก็เข้าไปหาเด็กหญิงที่ตัวสั่นด้วยความกลัว
"ไม่เป็นไรนะ...ปลอดภัยแล้ว"
นนท์พูดด้วยเสียงที่อ่อนโยนที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขาดึงเสื้อช็อปของตัวเองมาพันแผลให้เธอ ก่อนจะพยุงเธอขึ้นมา
"พี่จะพาไปที่ปลอดภัย"
เด็กหญิงไม่พูดอะไร เธอเพียงแค่พยักหน้าและเกาะแขนเขาไว้แน่นเหมือนเป็นที่พึ่งสุดท้าย นนท์พาเธอซ้อนมอเตอร์ไซค์และขับออกไปจากที่เกิดเหตุโดยที่ไม่รู้เลยว่าการกระทำของเขาในครั้งนี้จะทำให้เขาตกเป็นผู้ต้องสงสัยในสายตาของตำรวจ และจะทำให้เขาได้มาเจอกับผู้กองวายุอีกครั้งในสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด
หลังจากนนท์เล่าเรื่องทั้งหมดให้วายุฟังในร้านกาแฟแล้ว วายุก็เริ่มมองเห็นภาพรวมของคดีที่ซับซ้อนกว่าที่เขาคิดไว้มาก นนท์ไม่ใช่ผู้ต้องหา แต่เป็นพยานปากสำคัญที่กำลังตกอยู่ในอันตรายเช่นกัน เพราะกลุ่มชายฉกรรจ์เหล่านั้นกำลังตามหาเด็กหญิงและนนท์เพื่อปิดปาก
จากจุดนี้ วายุจึงตัดสินใจที่จะปกป้องนนท์และเด็กหญิง และใช้ประโยชน์จากความรู้ของนนท์เกี่ยวกับซอยเล็กซอยน้อยและโลกใต้ดินเพื่อไขคดีนี้ให้สำเร็จนนท์เล่าเรื่องทั้งหมดในร้านกาแฟจนจบ วายุก็เริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวในหัวได้ทันที เขาเก็บปืนลงใต้เสื้อเชิ้ตอีกครั้งก่อนจะหันไปมองหน้าเด็กสาวที่ยังคงนั่งนิ่งๆ
"เด็กคนนี้ชื่ออะไร" วายุถาม
"น้องเมษา" นนท์ตอบเสียงเบา
"พ่อแม่น้องโดนฆ่าตาย...เขาตามล่าแก๊งค้ามนุษย์"
วายุตกใจกับข้อมูลที่ได้ยิน เขาไม่คิดว่าคดีนี้จะซับซ้อนและโหดร้ายถึงขนาดนี้
"นาย...รู้เรื่องเยอะขนาดนี้ทำไมไม่บอกตำรวจ"
นนท์ยิ้มเย็นๆ
"ผู้กอง...ถ้าเป็นตำรวจกองปราบแบบผู้กองจะรู้ดีว่าบางทีตำรวจก็ไว้ใจไม่ได้"
วายุนิ่งเงียบ เขาไม่สามารถเถียงคำพูดของนนท์ได้ เพราะในโลกของตำรวจก็มีทั้งคนดีและคนไม่ดีจริง ๆ
"แล้วจะเอายังไงต่อ" วายุถามเสียงนิ่ง
"ปล่อยน้องให้เป็นอันตราย หรือจะร่วมมือกับฉัน"
"ร่วมมือ?" นนท์ทวนคำ
"ผมเป็นแค่เด็กช่างนะผู้กอง"
"แต่ก็เป็นเด็กช่างที่รู้เรื่องในซอยมืดๆ มากกว่าตำรวจอย่างฉัน" วายุจ้องตานนท์อย่างจริงจัง
"ฉันต้องการนาย"
"ต้องการให้ผมทำอะไร" นนท์ถามเสียงแผ่ว แต่สายตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
วายุมองนนท์ครู่หนึ่งก่อนจะบอกแผนการที่เขาคิดได้ในหัว "ฉันจะให้เบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวกับนาย ถ้าเจอเบาะแสอะไรที่เกี่ยวข้องกับแก๊งนี้ ให้โทรหาฉันทันที"
"แล้วถ้าผมโดนจับล่ะ" นนท์ถามยิ้มๆ "ผู้กองจะช่วยได้ไหม"
วายุไม่ได้ยิ้มตอบ แต่ตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง "ฉันจะทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยนาย เพราะตอนนี้ชีวิตนายกับชีวิตฉันมันผูกติดกันแล้ว"
นนท์พยักหน้าอย่างเข้าใจ เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วรับเบอร์โทรศัพท์จากวายุไปอย่างว่าง่าย เด็กสาวเมษามองดูทั้งคู่อย่างไม่เข้าใจ แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไร วายุลุกขึ้นยืนแล้วเดินกลับไปที่โต๊ะของตัวเองก่อนจะหยิบแก้วกาแฟขึ้นมาจิบ เขาเหลือบมองนนท์และเมษาอีกครั้งหนึ่งอย่างครุ่นคิด แล้วตัดสินใจออกจากร้านไปปล่อยให้ทั้งคู่อยู่กันตามลำพัง
นนท์มองตามหลังวายุจนร่างของเขาหายไปจากสายตา เขาหันกลับมามองเมษา "เราปลอดภัยแล้วนะน้องเมษา" เมษาเงยหน้าขึ้นมามองนนท์ รอยยิ้มจางๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเธอ
หลังจากนั้นไม่นาน วายุก็ได้รับเบาะแสแรกจากนนท์เกี่ยวกับสถานที่ที่กลุ่มชายฉกรรจ์มักจะไปรวมตัวกัน ความร่วมมือระหว่างตำรวจและเด็กช่างจึงได้เริ่มต้นขึ้น...